xs
xsm
sm
md
lg

“ชูชาติ ศรีแสง” เตือนสติอันธพาลแดง ป่วนเวที ปชป. ผิดทั้งแพ่ง-อาญา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา
อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา ยกข้อ กม. กระตุ้นต่อมสำนึกเสื้อแดง ชี้ป่วนเวทีผ่าความจริง ปชป. ผิด กม.อาญา ม.295 และ ม.309 มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี พ่วง กม.แพ่ง ม.420 ชดใช้ค่าเสียหายด้วย เหน็บ “ปู” ใช้พวกอันธพาลกองกำลังนอกกฎหมายไปข่มขู่ รังควานผู้อื่น ก็ยังมีหน้าไปพล่ามต่างประเทศ เรียกหา ปชต.ที่ถูกคนอื่นทำลาย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 10 มิ.ย. ท่านชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว Chuchart Srisaeng ถึงกรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดงพากันไปล้อมเวทีผ่าความจริงฯ ของพรรคประชาธิปัตย์ที่จังหวัดลำพูน ว่า การกระทำของพวกอันธพาลเสื้อแดงกองกำลังนอกกฎหมายของพรรคเพื่อไทยที่พากันไปล้อมเวทีผ่าความจริงของพรรคประชาธิปัตย์ที่จังหวัดลำพูนปิดทางไม่ให้ประชาชนเข้าไปในบริเวณที่มีการปราศรัย ใช้หนังสะติกยิง ก้อนหิน ลูกแก้ว หัวน๊อต และสิ่งของอื่นๆ เข้าไปในบริเวณที่ประชาชนฟังการปราศรัยอยู่ จนได้รับบาดเจ็บกันนับสิบคน จนผู้จัดต้องยุติการปราศรัยเพราะไม่อยากเห็นให้ประชาชนได้รับบาดเจ็บเพิ่มขึ้นอีก โดยที่นายชวน หลีกภัย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี ยังไม่ได้ขึ้นเวทีปราศรัย ดังที่ทราบกันแล้วนั้น

การจัดเวทีผ่าความจริงของพรรคประชาธิปัตย์ เป็นสิทธิที่จะกระทำได้ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 63 ที่บัญญัติว่า “บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ”

การกระทำดังกล่าวของพวกอันธพาลดังกล่าวจึงเป็นฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญมาตรา 28 ที่บัญญัติว่า “บุคคลย่อมอ้างศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์หรือใช้สิทธิและเสรีภาพของตนได้เท่าที่ ไม่ละเมิดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น ไม่เป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐธรรมนูญ หรือไม่ขัดต่อศีลธรรมอันดีของประชาชน”

ประเทศที่ปกครองระบอบประชาธิปไตยในโลกใบนี้ ไม่มีรัฐบาลของประเทศไหนที่ใช้พวกอันธพาลกองกำลังนอกกฎหมายไปข่มขู่ รังควาน ขัดขวางการจัดกิจกรรมทางการเมืองของพรรคฝ่ายค้านและทำร้ายประชาชนที่มาร่วมกิจกรรมนั้น เพราะมันเป็นการละเมิดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น ตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติให้ความคุ้มครองไว้ มีเพียงรัฐบาลหุ่นเชิดของคนที่ถูกศาลพิพากษาลงโทษจำคุกที่กระทำเช่นนี้ ซึ่งเป็นการกระทำของพวกเผด็จการทั้งหลาย แต่ทั้งๆ ที่ตนเองมีพฤติกรรมเช่นนี้ ก็ยังมีหน้าไปอ่านในต่างประเทศตามที่คนเขียนให้ว่า ต้องการปกป้องประชาธิปไตยที่ถูกคนอื่นทำลาย

นอกจากเป็นการละเมิดรัฐธรรมนูญแล้ว การกระทำดังกล่าวยังเป็นการกระทำความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญาและเป็นการกระทำผิดฐานละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ด้วย

การใช้หนังสะติกยิงก้อนหิน ลูกแก้ว หัวน๊อต และสิ่งของอื่นๆ เข้าไปในบริเวณที่มีประชาชนฟังการปราศรัยอยู่ทำให้มีคนได้รับบาดเจ็บนับสิบคนนั้น ย่อมเป็นความผิดฐานทำร่างกายผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 ที่บัญญัติว่า “ผู้ใดทําร้ายผู้อื่น จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจของผู้อื่นนั้น ผู้นั้นกระทําความผิดฐานทําร้ายร่างกาย ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่พันบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ”

ส่วนที่กลุ่มอันธพาลร่วมกันปิดล้อมเวทีปราศรัยเพื่อปิดทางไม่ให้ประชาชนเดินทางเข้าไปฟังการปราศรัย และใช้เครื่องขยายเสียงส่งเสียงรบกวนไม่ให้มีการปราศรัยและวิธีการอื่นๆ เพื่อไม่ให้มีการปราศรัยนั้น ย่อมมีความผิดฐานทำให้ผู้อื่นเสื่อมเสียเสรีภาพตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309 วรรคแรกที่บัญญัติว่า “ผู้ใดข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทําการใด ไม่กระทําการใด หรือจํายอมต่อสิ่งใด โดยทําให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูก ข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กําลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทําการนั้น ไม่กระทําการนั้นหรือจํายอมต่อสิ่งนั้น ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ”

แต่เมื่อการกระทำความผิดดังกล่าวพวกอันธพาลเหล่านั้นมีอาวุธและมีผู้ร่วมกระทำความผิดมีมากกว่า 5 คน จึงเข้าองค์ประกอบความผิด ตามมาตรา 309 วรรคสอง ที่บัญญัติว่า “ถ้าความผิดตามวรรคแรกได้กระทําโดยมีอาวุธ หรือโดยร่วมกระทําความผิดด้วยกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป หรือได้กระทําเพื่อให้ผู้ถูกข่มขืนใจทํา ถอน ทําให้เสียหาย หรือทําลาย เอกสารสิทธิอย่างใด ผู้กระทําต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ”

สรุปก็คือการกระทำของกลุ่มอันธพาลมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาตามมาตรา 295 ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี และตามมาตรา 309 วรรคสอง มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี

การกระทำของกลุ่มอันธพาลที่เป็นความผิดทางอาญาซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชนที่ได้ผลจากการกระทำจนได้รับบาดเจ็บ ประชาชนและพรรคประซาธิปัตย์ที่ได้รับความเสียหายจากการกระทำที่ทำให้ต้องเสื่อมเสรีภาพ ย่อมเป็นการทำละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420 ด้วย

มาตรา 420 “ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทําต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหายถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี อนามัยก็ดี เสรีภาพก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่านว่าผู้นั้นทําละเมิดจําต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น”

ตามบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าวก็หมายความการที่พวกอันธพาลกลุ่มนั้นจงใจทำร้ายร่างกายบุคคลอื่น จงใจทำให้บุคคคลอื่นเสื่อมเสียเสรีภาพ เป็นการทำละเมิด ต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนหรือค่าเสียหายแก่ผู้ที่ได้รับความเสียหาย

การกระทำทั้งหมดที่เกิดขึ้นก็อยู่ที่พรรคประชาธิปัตย์และประชาชนที่ได้รับความเสียหายว่า จะฟ้องดำเนินคดีทั้งคดีอาญาและคดีแพ่งเรียกค่าเสียหายจากกลุ่มอันธพาลเหล่านี้ด้วยตนเอง โดยไม่ต้องไปหวังพึ่งเจ้าพนักงานตำรวจให้เสียเวลาเพราะคงไม่มีเจ้าพนักงานตำรวจคนไหนกล้าดำเนินคดีกับคนของผู้ตั้งรัฐบาล ผู้ให้ตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้ตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และตำแหน่งระดับสูงในสำนักงานตำรวจแห่งชาติคนอื่น ๆ หรือจะปล่อยให้อันธพาลกลุ่มนี้กร่างทำตัวอยู่เหนือกฎหมายคอยรังควาน ข่มขู่ ทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์ต่อไปเรื่อยๆ

กล่าวโดยเฉพาะสำหรับอันธพาลใหญ่ประจำจังหวัดปทุมธานีหรือที่คนทั่วไปเรียกว่า โก๊ะตี๋ นั้น พรรคประชาธิปัตย์น่าจะต้องทั้งฟ้องคดีอาญาและคดีแพ่งฐานละเมิดด้วย เมื่อฟ้องคดีแพ่งแล้วก็ต้องใช้วิธีการคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง

มาตรา 254 บัญญัติว่า “ในคดีอื่นๆ นอกจากคดีมโนสาเร่ โจทก์ชอบที่จะยื่นต่อศาลพร้อมกับคําฟ้องหรือในเวลาใดๆ ก่อนพิพากษา ซึ่งคําขอฝ่ายเดียว ร้องขอให้ศาลมีคําสั่งภายในบังคับแห่งเงื่อนไขซึ่งจะกล่าวต่อไป เพื่อจัดให้มีวิธีคุ้มครองใดๆ ดังต่อไปนี้

(1) ฯลฯ

(2) ให้ศาลมีคําสั่งห้ามชั่วคราวมิให้จําเลยกระทําซํ้าหรือกระทําต่อไป ซึ่งการละเมิดหรือการผิดสัญญาหรือการกระทําที่ถูกฟ้องร้อง หรือมีคําสั่งอื่นใดในอันที่จะบรรเทาความความเดือดร้อน เสียหายที่โจทก์อาจได้รับต่อเนื่องไปจากการกระทำของจำเลย ฯลฯ ทั้งนี้ จนกว่าคดีจะถึงที่สุดหรือศาลจะมีคําสั่งเป็นอย่างอื่น
ฯลฯ”

ตามบทบัญญัติของกฎหมายที่กล่าวมา หมายความว่าเมื่อโจทก์ได้ฟ้องคดีแพ่งเรียกค่าเสียหายจากจำเลยผู้กระทำละเมิดแล้ว ก็สามารถยื่นคำร้องต่อศาลขอให้สั่งห้ามมิให้จำเลยกระทำการที่เป็นการกระทำละเมิดซ้ำอีก เช่น จำเลยกล่าวหมิ่นประมาท ทำให้เสื่อมเสียเสรีภาพ ก็ขอให้ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้จำเลยกล่าวหมิ่นประมาท หรือห้ามมิให้จำเลยรบกวน รังควาน การปราศรัยให้ความรู้แก่ประชาชนอีก หากศาลมีคำสั่งอนุญาตตามที่ขอ จำเลยก็ไม่อาจกระการต่างๆ ดังที่กระทำอยู่ในปัจจุบันได้อีก

การฟ้องทั้งคดีอาญาและคดีแพ่งเรียกค่าเสียหายทั้งขอคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษาดังกล่าว นอกจากคนที่ถูกฟ้องเป็นจำเลยจะกระทำการต่างๆ ที่เคยกระทำอยู่ไม่ได้เพราะศาลมีคำสั่งห้ามมิให้กระทำแล้ว ยังจะเป็นข้อเตือนใจให้เสื้อแดงคนอื่นๆ ได้รู้สำนึกว่าการประพฤติตนเป็นอันธพาลนั้นจะต้องถูกดำเนินคดีทั้งคดีอาญาและคดีแพ่งทุกราย และเมื่อคดีถึงศาลยุติธรรมแล้วไม่มีใครสามารถช่วยให้พ้นผิดได้ ตัวอย่างมีให้เห็นกันเยอะแยะ กลุ่มคนที่วางเพลิงเผาอาคารของทางราชการและเอกชนต่างก็ถูกศาลพิพากษาลงโทษจำคุกคนละเป็นสิบปีและยังต้องชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงินหลายสิบล้านบาท และแม้แต่บุคคลที่พวกเขานับถือบูชายิ่งกว่าผู้บังเกิดเกล้าก็ยังถูกศาลพิพากษาลงโทษจำคุก 2 ปี


กำลังโหลดความคิดเห็น