“ประพันธ์” เตือน “ยิ่งลักษณ์” อุทธรณ์คดี “ถวิล” เสี่ยงเจอคุก หากศาลปกครองสูงสุดยืนคำพิพากษา ชี้ขัดมาตรา 157 ชัดเจน ด้าน “ทวี” แนะรีบคืนตำแหน่งเลขาฯ สมช.หากอยากให้รัฐบาลราบรื่น
วันที่ 4 มิ.ย. 56 นายประพันธ์ คูณมี อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และ ผศ.ทวี สุรฤทธิกุล ประธานสาขารัฐศาสตร์ ม.สุโขทัยธรรมาธิราช และอดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ร่วมสนทนาในรายการ “คนเคาะข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV
นายประพันธ์กล่าวถึงกรณีศาลปกครองสั่งคืนตำแหน่งเลขาฯ สมช.ให้นายถวิล เปลี่ยนศรี ว่าจากคำพิพากษาค่อนข้างชัดเจน และระบุเป็นรูปธรรมว่าต้องคืนตำแหน่งด้วย จึงเป็นปัญหาว่านายกฯ จะอุทธรณ์หรือไม่ เพราะกระบวนการที่ดำเนินมาแต่ต้นมีหลักฐานเป็นหนังสือลายลักษณ์อักษรทั้งสิ้น จึงไม่น่ามีข้อเท็จจริงขึ้นมาใหม่เพื่อใช้ในการอุทธรณ์
นายประพันธ์กล่าวต่อว่า จากที่ศาลวินิจฉัยไว้ก็ดูข้อเท็จจริงจากการสืบพยานหมดแล้ว ไม่นับเนื่องว่าวินิจฉัยไปถึงกระบวนการที่ทำเช่นนี้เพียงเพื่อให้ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี พ้นจากตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อเปิดทางให้ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ขึ้นเป็นแทน โดยเอาพล.ต.อ.วิเชียรไปเป็นเลขาฯ สมช.แทนนายถวิล ฉะนั้นมันเป็นขบวนการเพื่อเอา พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ขึ้นเป็น ผบ.ตร.
นายประพันธ์กล่าวอีกว่า นายกฯ คงคิดหนักเพราะถ้าดึงดันอุทธรณ์ เสี่ยงที่ศาลปกครองสูงสุดจะไม่รับอุทธรณ์ เพราะไม่มีข้อกฎหมาย ไม่มีข้อเท็จจริง ที่เป็นสาระที่ศาลจะรับไว้พิจารณา เพราะกรณีอย่างนี้พิจารณาง่าย ไม่ต้องสืบพยานอะไรขึ้นมาใหม่ เพราะทุกเรื่องมันเป็นระเบียบขั้นตอน เป็นเอกสารหลักฐาน เว้นแต่มีหลักฐานใหม่
นอกจากนี้ยังสุ่มเสี่ยงที่ตัวนายกฯ เองจะถูกฟ้องฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และสุ่มเสี่ยงถูกร้องต่อ ป.ป.ช.เนื่องจากเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจงใจปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ซึ่งนายถวิลมีสิทธิร้องไปที่ ป.ป.ช.อีกทางหนึ่ง ประเด็นนี้นายกล้านรงค์ จันทิก ก็ยืนยันแล้วว่าสามารถทำได้
นายประพันธ์ยังกล่าวด้วยว่า กรณีนี้อาจเทียบเคียงได้กับคำพิพากษากรณีนายพชร อิศรเสนา ณ อยุธยา อดีตปลัดกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งตอนนั้นยังไม่มีศาลปกครอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้สั่งพักราชการนายพชร เพียงเพราะว่าถูกเอกชนฟ้องว่าปฏิบัติหน้าที่มิชอบ นายพชรจึงร้องทุกข์ต่อนายกฯ นายกฯ ให้ ก.พ.เสนอความเห็น ก.พ.เห็นว่าคำสั่งพักราชการนั้นมิชอบ เลยให้คืนตำแหน่งปลัดกระทรวงให้ แต่แทนที่รัฐมนตรีจะคืนตำแหน่งให้ กลับเสนอกลับไปยังสำนักนายกฯ ให้ทบทวนคำสั่ง จนล่วงเลยมา 7 เดือน เหลือ 15 วันที่นายพชรจะเกษียณอายุราชการ จึงคืนตำแหน่งให้ ท้ายที่สุดศาลพิพากษาว่าจำเลยมีเจตนาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายต่อโจทก์ จึงมีความผิดต่อประมวลกฎมายอาญามาตรา 157
เทียบเคียงกับกรณีนายถวิล รู้อยู่แล้วผิดระเบียบ ผิดดกฎหมาย ศาลปกครองก็ชี้แล้ว และถ้ายังดึงดันอุทธรณ์ให้คดีล่าช้าจนนายถวิลเกษียณ ทั้งที่รู้ว่าข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย ไม่มีประเด็นต่อสู้ เป็นการจงใจกลั่นแกล้ง
“นายกฯ ต้องคิดดูให้ดีว่าจะเอาตัวเองไปเสี่ยงหรือเปล่า เพราะถ้าท้ายที่สุดศาลปกครองสูงสุดยืนยันเช่นนี้ แน่นอนผิดมาตรา 157 คุกรอยิ่งลักษณ์แน่ และมั่นใจว่ากรณีนี้ศาลปกครองสูงสุดไม่พิจารณาล่าช้า เพราะไม่มีข้อกฎหมายซับซ้อนอะไรเลย ข้อเท็จจริงแทบไม่มีอะไรต้องวินิจฉัย” นายประพันธ์กล่าว
ด้านนายทวี กล่าวว่า กรณีนายถวิลเปรียบได้กับกรณีนายพีรพล ไตรทศาวิทย์ได้เช่นกัน ที่ถูกย้ายจากปลัดกระทรวงมหาดไทย เมื่อศาลตัดสินก็ต้องรีบคืนตำแหน่งให้ เทียบเคียงตรงนี้แล้วมีหนทางเดียวที่รัฐบาลต้องทำ คือ คืนตำแหน่งให้นายถวิล เพราะศาลบอกว่าตำแหน่งนี้ยังไม่ย้ายไปไหนเลย ถ้าไม่รีบปฏิบัติ นายกฯจะเข้าข่ายละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งนายถวิลบอกว่าจะฟ้องแน่ถ้านายกฯอุทธรณ์
อีกอย่างกระบวนการที่เป็นมา ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง และ พล.อ.สุกำพล สุวรรณทัต บอกเป็นเรื่องธรรมดาเป็นการโยกย้ายเพื่อความเหมาะสม การพูดแบบนี้อาจเป็นการมัดตัวเอง เพราะอาจเข้าข่ายสมรู้ร่วมคิด และละเมิดศาลได้ด้วย
ในกระบวนการที่เป็นมาไม่ถูกต้องตั้งแต่ต้น จะอ้างความเหมาะสมแบบโบราณไม่ได้แล้ว เมื่อรัฐบาลย้ายตำแหน่งไปแล้วไม่เห็นมีอะไรดีขึ้น และไม่ได้ใช้งานนายถวิลเลย เจตนาชี้ชัดว่ากลั่นแกล้ง
นายทวีกล่าวอีกว่า งานนี้ถ้านายกฯอยากแสดงความเป็นผู้นำ ก็คืนตำแหน่งให้ ไม่มีอะไรเสีย ถ้าเป็นอย่างที่ ร.ต.อ.เฉลิม และ พล.อ.สุกำพล พูดว่าเป็นตำแหน่งไม่สำคัญ เป็นแค่เสมียน ก็คืนให้สิ แล้วจะปลอดภัยทั้งรัฐบาล ที่สำคัญ พ.ต.ท.ทักษิณคงไม่ให้น้องสาวติดคุก ตอนนี้คงกำลังวุ่นวายกันหลายฝ่าย เพราะจะมีผลต่อรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยด้วย