วานนี้ (2 พ.ค.) ศูนย์สำรวจความคิดเห็น“นิด้าโพล" สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง“ความคิดเห็นของคนไทยต่อศาลรัฐธรรมนูญ”ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 30 เม.ย.- 1 พ.ค. 56 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปทั่วประเทศ ทุกภูมิภาค จำนวน 1,254 หน่วยตัวอย่าง กระจายทุกระดับการศึกษา และอาชีพ เกี่ยวกับความเชื่อมั่นในการทำงานของอำนาจอธิปไตย และการออกกฎหมายการห้ามละเมิดอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ
ผลการสำรวจ ถึงความไว้วางใจในการใช้อำนาจของอธิปไตยทั้ง 3 ฝ่าย พบว่า ประชาชนร้อยละ 44.26 ระบุว่า ไว้วางใจฝ่าย ตุลาการ (ศาลยุติธรรม, ศาลปกครอง, ศาลรัฐธรรมนูญ) มากที่สุด เพราะ มีความน่าเชื่อถือมากที่สุด เป็นที่พึ่งของประชาชนได้ รองลงมา ร้อยละ 20.89 ระบุว่า เป็นฝ่ายบริหาร (รัฐบาล) เพราะน่าจะเข้าถึงประชาชนได้มากกว่า และทราบถึงความเดือดร้อนและความต้องการของประชาชน ร้อยละ 10.77 ระบุว่า เป็นฝ่ายนิติบัญญัติ (ส.ส.,ส.ว.) เพราะ มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ร้อยละ 10.61 ระบุว่า ไม่มีฝ่ายใดเลย และร้อยละ 13.48 ไม่แน่ใจ โดยประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 61.80 มีความพึงพอใจต่อการทำงานของศาลรัฐธรรมนูญที่ผ่านมา อยู่ในระดับ ปานกลาง รองลงมา ร้อยละ 15.63 อยู่ในระดับมาก และร้อยละ 14.75 อยู่ในระดับน้อย
ทั้งนี้ ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 61.64 ระบุว่า ความพยายามในการกดดันตุลาการศาลรัฐธรรมนูญให้ลาออกและการประกาศ ไม่ยอมรับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ ของกลุ่มนปช. และสมาชิกพรรคเพื่อไทยนั้น เป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม ถือว่าเป็นการละเมิดตุลาการ ศาลรัฐธรรมนูญ ทำให้เกิดความไม่สงบในบ้านเมือง และเป็นการทำเพื่อผลประโยชน์ส่วนบุคคล รองลงมาร้อยละ 13.40 เห็นว่า เหมาะสม เพราะถือว่าเป็นเสียงของประชาชน ควรรับฟังความคิดเห็นของประชาชนบ้าง และร้อยละ 24.96 ไม่แน่ใจ
ท้ายสุด เมื่อถามว่า ควรออกกฎหมายห้ามมิให้มีการละเมิดอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ เช่นเดียวกับที่มีกฎหมายการห้ามละเมิดอำนาจ ศาลยุติธรรมหรือไม่ พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 61.88 ระบุว่า ควรมีกฎหมายดังกล่าว เพราะเป็นการปกป้องศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้การตัดสินของศาลให้ถือเป็นที่สุด ร้อยละ 18.50 ระบุว่า ไม่ควร เพราะ เห็นว่าเป็นองค์กรคนละส่วนกัน มีหน้าที่พิจารณาตัดสินคดีคนละส่วนกันกับศาลยุติธรรม และ ร้อยละ 19.62 ไม่แน่ใจ
รองศาสตราจารย์ ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต อาจารย์ประจำคณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ได้ให้ทัศนะเกี่ยวกับผลการสำรวจในครั้งนี้เพิ่มเติมว่า “จากผลสำรวจสะท้อนให้เห็นว่า ประชาชนยังไว้วางใจฝ่ายตุลาการมากที่สุด แสดงให้เห็นถึงการทำงานที่ผ่านมานั้น มีความเที่ยงตรง ตรงไปตรงมา ไม่มีอคติ การวินิจฉัยคดีต่างๆ รวดเร็ว ถูกต้อง ยุติธรรม และทำงาน ได้อย่างมีประสิทธิผล จึงสอดคล้องกับความพึงพอใจของการทำงานที่อยู่ในระดับปานกลาง ส่วนฝ่ายนิติบัญญัติ (ส.ส., ส.ว.) ควร พึงสังวรในพฤติกรรมที่ประชาชนยังไม่ไว้วางใจให้มากขึ้น ดังนั้นหากจะทำอะไรต่อไปก็อาจจะทำให้ความเชื่อมั่นของประชาชนลดลง ส่วนฝ่ายบริหารหรือฝ่ายรัฐบาลเองก็มักจะทำอะไรเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองเป็นหลัก
สำหรับประเด็นในเรื่องของการกดดันตุลาการศาลรัฐธรรมนูญนั้น แสดงให้เห็นชัดเจนว่า ในสายตาของประชาชนมองว่าเป็นสิ่ง ที่ไม่เหมาะสม ฝ่ายที่กดดันก็ควรจะระงับพฤติกรรมดังกล่าวเสีย จึงสอดคล้องกันกับความเห็นในเรื่องของการออกกฎหมายการห้ามละเมิดศาลรัฐธรรมนูญ เพราะที่ผ่านมาศาลรัฐธรรมนูญถูกวิพากษ์วิจารณ์ในหลายเรื่อง จึงควรมีกฎหมายคุ้มครองเพื่อมิให้เสียหลักนิติธรรม ดังนั้น ฝ่ายนิติบัญญัติควรฟังเจตนารมณ์ของประชาชนด้วย”
ผลการสำรวจ ถึงความไว้วางใจในการใช้อำนาจของอธิปไตยทั้ง 3 ฝ่าย พบว่า ประชาชนร้อยละ 44.26 ระบุว่า ไว้วางใจฝ่าย ตุลาการ (ศาลยุติธรรม, ศาลปกครอง, ศาลรัฐธรรมนูญ) มากที่สุด เพราะ มีความน่าเชื่อถือมากที่สุด เป็นที่พึ่งของประชาชนได้ รองลงมา ร้อยละ 20.89 ระบุว่า เป็นฝ่ายบริหาร (รัฐบาล) เพราะน่าจะเข้าถึงประชาชนได้มากกว่า และทราบถึงความเดือดร้อนและความต้องการของประชาชน ร้อยละ 10.77 ระบุว่า เป็นฝ่ายนิติบัญญัติ (ส.ส.,ส.ว.) เพราะ มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ร้อยละ 10.61 ระบุว่า ไม่มีฝ่ายใดเลย และร้อยละ 13.48 ไม่แน่ใจ โดยประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 61.80 มีความพึงพอใจต่อการทำงานของศาลรัฐธรรมนูญที่ผ่านมา อยู่ในระดับ ปานกลาง รองลงมา ร้อยละ 15.63 อยู่ในระดับมาก และร้อยละ 14.75 อยู่ในระดับน้อย
ทั้งนี้ ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 61.64 ระบุว่า ความพยายามในการกดดันตุลาการศาลรัฐธรรมนูญให้ลาออกและการประกาศ ไม่ยอมรับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ ของกลุ่มนปช. และสมาชิกพรรคเพื่อไทยนั้น เป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม ถือว่าเป็นการละเมิดตุลาการ ศาลรัฐธรรมนูญ ทำให้เกิดความไม่สงบในบ้านเมือง และเป็นการทำเพื่อผลประโยชน์ส่วนบุคคล รองลงมาร้อยละ 13.40 เห็นว่า เหมาะสม เพราะถือว่าเป็นเสียงของประชาชน ควรรับฟังความคิดเห็นของประชาชนบ้าง และร้อยละ 24.96 ไม่แน่ใจ
ท้ายสุด เมื่อถามว่า ควรออกกฎหมายห้ามมิให้มีการละเมิดอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ เช่นเดียวกับที่มีกฎหมายการห้ามละเมิดอำนาจ ศาลยุติธรรมหรือไม่ พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 61.88 ระบุว่า ควรมีกฎหมายดังกล่าว เพราะเป็นการปกป้องศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้การตัดสินของศาลให้ถือเป็นที่สุด ร้อยละ 18.50 ระบุว่า ไม่ควร เพราะ เห็นว่าเป็นองค์กรคนละส่วนกัน มีหน้าที่พิจารณาตัดสินคดีคนละส่วนกันกับศาลยุติธรรม และ ร้อยละ 19.62 ไม่แน่ใจ
รองศาสตราจารย์ ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต อาจารย์ประจำคณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ได้ให้ทัศนะเกี่ยวกับผลการสำรวจในครั้งนี้เพิ่มเติมว่า “จากผลสำรวจสะท้อนให้เห็นว่า ประชาชนยังไว้วางใจฝ่ายตุลาการมากที่สุด แสดงให้เห็นถึงการทำงานที่ผ่านมานั้น มีความเที่ยงตรง ตรงไปตรงมา ไม่มีอคติ การวินิจฉัยคดีต่างๆ รวดเร็ว ถูกต้อง ยุติธรรม และทำงาน ได้อย่างมีประสิทธิผล จึงสอดคล้องกับความพึงพอใจของการทำงานที่อยู่ในระดับปานกลาง ส่วนฝ่ายนิติบัญญัติ (ส.ส., ส.ว.) ควร พึงสังวรในพฤติกรรมที่ประชาชนยังไม่ไว้วางใจให้มากขึ้น ดังนั้นหากจะทำอะไรต่อไปก็อาจจะทำให้ความเชื่อมั่นของประชาชนลดลง ส่วนฝ่ายบริหารหรือฝ่ายรัฐบาลเองก็มักจะทำอะไรเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองเป็นหลัก
สำหรับประเด็นในเรื่องของการกดดันตุลาการศาลรัฐธรรมนูญนั้น แสดงให้เห็นชัดเจนว่า ในสายตาของประชาชนมองว่าเป็นสิ่ง ที่ไม่เหมาะสม ฝ่ายที่กดดันก็ควรจะระงับพฤติกรรมดังกล่าวเสีย จึงสอดคล้องกันกับความเห็นในเรื่องของการออกกฎหมายการห้ามละเมิดศาลรัฐธรรมนูญ เพราะที่ผ่านมาศาลรัฐธรรมนูญถูกวิพากษ์วิจารณ์ในหลายเรื่อง จึงควรมีกฎหมายคุ้มครองเพื่อมิให้เสียหลักนิติธรรม ดังนั้น ฝ่ายนิติบัญญัติควรฟังเจตนารมณ์ของประชาชนด้วย”