ผ่าประเด็นร้อน
หากเทียบจำนวนปริมาณของม็อบ “หน้ากากขาว” ที่ออกมาต่อต้าน “ระบอบทักษิณ” และตะโกนขับไล่รัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาจะมีน้อยนิดเทียบไม่ได้กับม็อบคนเสื้อแดงที่สนับสนุนรัฐบาล และสรรเสริญเยินยอ ทักษิณ ชินวัตร ก่อนหน้านี้จนเทียบกันไม่ได้ เพราะพิจารณาจากจำนวนแค่หลักไม่กี่ร้อย แต่หากพิจารณาจากองค์ประกอบอื่นๆ ทั้งในเรื่องรูปแบบ องค์ความรู้ข้อมูล ที่มาของคนที่ออกมาเคลื่อนไหวรับรองว่า “ไม่ธรรมดา” แน่นอน
สังเกตได้จากอาการหวั่นไหวของเครือข่ายทักษิณ ต่างรีบออกมาดิสเครดิต พยายามโบ้ยไปว่าเกี่ยวโยงกับพรรคการเมือง พวกกลุ่ม “ขาประจำ” เพื่อหวังล้มล้งรัฐบาลอะไรประมาณนั้น แม้ว่าในความเป็นจริงก็อาจจะมีความคาบเกี่ยวปะปนกันอยู่บ้าง แต่ถ้าพิจารณาสาระและการเคลื่อนไหวก็บอกว่าหากคิดแบบนั้นก็ถือว่า “คิดผิด” และดูเบาพลังของประชาชนที่ตื่นรู้ และ “สุดทน” กับพฤติกรรมที่ย่ำยีความรู้สึกของชาวบ้าน วันๆ ไม่คิดทำอะไรเพื่อปากท้องของชาวบ้าน แต่มุ่งแต่จะเอาเปรียบคนอื่น ทำทุกทางเพื่อ ทักษิณ ชินวัตร และครอบครัวเท่านั้น
น่าสังเกตก็คือ มวลชนกลุ่มดังกล่าวหากสำรวจจากลักษณะท่าทาง อายุอานาม การแต่งเนื้อแต่งตัว รวมไปถึงพิจารณาจากสถานที่นัดหมาย คือ ที่สีลม และราชประสงค์ อันเป็นสัญลักษณ์ของความทันสมัย เป็นย่านเศรษฐกิจสำคัญ และที่ลืมไปไม่ได้ก็คือ ที่สีลมนี่แหละเคยเป็นสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนแปลง จากกรณี “ม็อบสีลม”เมื่อหลายปีก่อน
ตามข่าวบอกว่า การออกมาเดินบนถนนพร้อมตะโกนต่อต้านระบอบทักษิณ และขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ออกไป ของกลุ่มคนกลุ่มดังกล่าวไม่มีผู้นำ แต่พร้อมใจกันใช้สัญลักษณ์หน้ากากขาวในการรณรงค์เคลื่อนไหว ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวโดยสงบ มีศิลปะงดงาม แต่ทรงพลัง มีภูมิความรู้แบบคนรุ่นใหม่
หากสังเกตในรายละเอียดก็จะเห็นอายุของคนที่เข้าร่วมส่วนใหญ่เป็นคนหนุ่มสาวเสียเป็นส่วนใหญ่ ทำให้เกิดความน่าสนใจมมกขึ้นไปอีก อย่างไรก็ดีอย่าได้แปลกใจเพราะนี่คือการเคลือนไหวที่ล้นทะลักออกมาจากโลกไซเบอร์ ออกมาแสดงตัวให้เห็นตัวตนชัดเจน ดังนั้นหากบอกว่าจำนวน “หน้ากากขาว” ออกมาเพียงแค่ “หยิบมือ”ก็ต้องยอมรับว่าเป็นเรืองจริง แต่ถ้าพิจารณาในอีกมุมหนึ่งก็ต้องไม่ลืมว่าในวันเริ่มต้นวันแรกที่ออกมามีจำนวนไม่กี่ร้อย แต่วันรุ่งขึ้นที่มีการนัดหมายกันในโลกออนไลน์ก็มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างคึกคัก มีการตอบรับส่งเสียงให้กำลังใจตลอดสองข้างถนน ซึ่งพลังที่ออกมากันเอง และเคลื่อนไหวกันโดยสงบแบบนี้แหละมันมีพลังน่ากลัวนัก เพราะไม่ใช่การจัดตั้ง ไม่ได้จ้าง ไม่ทำผิดกฎหมาย เป็นการแสดงออกตามสิทธิ์อย่างเปิดเผย
ปรากฏการณ์แบบนี้แหละที่ทำให้ระบอบทักษิณคาดไม่ถึงว่า “ออกมาเร็ว”นัก ทั้งที่มีกลไกต่างๆ ไม่ว่ากลไกรัฐตำรวจ รวมทั้งสื่อหลักที่ซื้อเอาไว้หมดแล้ว แต่ต้องไม่ลืมว่าในโลกไซเบอร์ที่ยังควบคุมไม่ได้ และในโลกยุคใหม่หากสังเกตให้ดีทุกอย่างกำลังพลิกกลับ มีช่องทางในการติดต่อสื่อสารในสื่อออนไลน์ จนแทบจะไม่ต้องไปสนใจสื่อทีวี วิทยุหนังสือพิมพ์อีกต่อไปแล้ว เดี๋ยวนี้แทบจะไม่ต้องฟังความเห็นของพวกนักวิชาการให้รำคาญหัวใจอีกต่อไปแล้ว ชาวบ้านเขาสามารถติดต่อสื่อสารกันเอง แสดงความคิดเห็นกันเอง สร้างกระแสสังคมจนมีการถ่วงดุลอย่างได้ผล เหมือนอย่างที่เกิดคลิปเปิดโปงเจ้าหน้าที่ที่มีพฤติกรรมถ่อยเถื่อน หรือตำรวจรับสินบน รวมไปถึงมีการแชร์ภาพออกมาเป็นหลักฐานทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง หลายครั้งทำให้เกิดการระมัดระวังกันมากขึ้น
ดังนั้น หากจะว่าไปแล้วพลังในโลกโซเชียลมีเดีย ถือว่าน่าจับตามอง เนื่องจากสามารถสร้างเป็นพลังให้เกิดแรงกดดัน ซึ่งไม่แน่ว่าการเคลื่อนไหวสร้างกระแสของกลุ่มที่ใช้สัญลักษณ์หน้ากากขาวในการต่อต้านระบอบทักษิณ และรัฐบาลยิ่งลักษณ์ อาจจะขยายวงกว้างออกไปเรื่อยๆ จนสามารถขับไล่พวกทรราชย์ได้ในที่สุดก็เป็นได้ แม้ว่าในวันนี้อาจจะยังไม่มีพลังพอ แต่เมื่อพิจารณาจากแนวโน้มจากพลังที่ซ่อนตัวอยู่ในโลกไซเบอร์ก็ต้องบอกว่าน่าสนใจ ขณะเดียวกันเมื่อได้เห็นตัวเร่งอันเกิดจากความล้มเหลวของรัฐบาล การทุจริต ทั้งการแก้ปัญหาเรื่องปากท้องของแพง แต่อีกด้านหนึ่งกลับทำให้สังคมได้เห็นว่าคนพวกนี้สนใจแต่ความเป็นอยู่และผลประโยชน์ส่วนตัวของ ทักษิณ ชินวัตร ยิ่งขึ้นทุกวัน โดยไม่ยอมปรับตัว ถึงตอนนั้นจะมีสารพัดหน้ากาก สารพัดม็อบจะออกมา และต่อให้มีคนเสื้อแดง และกำลังตำรวจเป็นเครื่องมืออีกเท่าไหร่ก็เอาไม่อยู่แน่นอน!!