ไล่ระบอบแม้วอย่าเร่งแตกหัก ต้องลากยาว-ยืดหยุ่น-เป็นธรรมชาติ!!

ผ่าประเด็นร้อน

อาจเป็นเพราะกลุ่มที่ออกมาขับไล่ “ระบอบทักษิณ” ต่อเนื่องกันหลายสัปดาห์ และมีปริมาณคนเข้าร่วมเพิ่มมากขึ้นทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด เริ่มสร้างแรงสั่นสะเทือนครั้งใหม่ให้กับรัฐบาล “หุ่นเชิด” ที่นำโดย ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยสังเกตได้จากการตอบโต้ด้วยการใช้กำลังเจ้าหน้าที่รัฐข่มขู่ รวมทั้งมาในรูปแบบของพวกมวลชนจัดตั้งของคนเสื้อแดง ที่ลงมือหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ แต่แม้ว่าจะถูกคุกคามอย่างไรการเคลื่อนไหวต่อต้านทั้งในนามของกลุ่ม “หน้ากากขาว” หรือที่ไม่ใส่หน้ากาก “เปิดหน้า” ชนก็มีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ พร้อมๆ กับความล้มเหลว-ห่วยแตกจากผลงานและคำพูด “เรียกแขก”ของบรรดารัฐมนตรีบางคน

อย่างไรก็ดี จู่ๆ ก็มีประกาศของกลุ่มหน้ากากขาวที่ใช้เป็นสัญลักษณ์ในการเคลื่อนไหวต่อต้านครั้งนี้ขอ “หยุดพัก” การชุมนุมชั่วคราว เพื่อทบทวน ตั้งสติและรอจังหวะในการชุมนุมครั้งต่อไป ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อมีประกาศดังกล่าวออกมาก็ย่อมมีเสียงวิจารณ์ออกมาบ้าง ทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย หลายคนอยากชุมนุมเคลื่อนไหวแบบนี้ไปทุกสัปดาห์ ก็ยังยืนยันเดินหน้าต่อ หลากหลายความเห็นที่แสดงออกมาในโลกออนไลน์ ซึ่งเป็นที่มาของการเกิดปรากฏการณ์หน้ากากขาวก่อนหน้านี้

หลายคนบอกว่า กระแส “จุดติด”แล้ว ต้องเดินต่อ จะปล่อยให้ฝ่อแล้วเสียของไม่ได้ แต่อีกฝ่ายเห็นว่าจะเดินไปแบบนี้เรื่อยๆ แล้วยังไงต่อ มีความคิดหลากหลายตามมา

แต่ถ้าให้ประเมินสถานการณ์ตามความเป็นจริงก็ต้องบอกว่าการประกาศ “พัก” การชุมนุมเอาไว้ชั่วคราวนั้น หากพิจารณาในบางแง่มุมก็ต้องบอกว่าเหมาะสมอยู่เหมือนกัน เพราะต้องบอกว่าแม้กระต่อต้าน “ระบอบทักษิณ” เริ่มขยายตัวลุกลามออกไปเป็นวงกว้างมากขึ้น โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวนัดหมายกันในโลกโซเชียลมีเดีย ซึ่งเรียกชื่อกลุ่มว่า “หน้ากากขาว” นั่นแหละ ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ใหม่ที่วิวัฒนาการใหม่จนตกผลึกและเดินออกมาสู่ท้องถนนอย่างเป็นธรรมชาติ นั่นคืออาการของคนที่ “เหลืออด” รับไม่ได้กับรัฐบาลที่นำโดยนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่เป็นหุ่นเชิดในระบอบทักษิณ ที่มองไม่เห็นชาวบ้านอยู่ในสายตา บริหารบ้านเมืองล้มเหลวในทุกเรื่องจนสร้างความเดือดร้อนไปทั่ว

นั่นคือสาเหตุของการเกิดหน้ากากขาว ที่สมทบกับกลุ่ม “ไม่เอาทักษิณ” ดั้งเดิม ร่วมกันสมทบกันออกมาเดินบนท้องถนน เริ่มนัดหมายก่อตัวกันสร้างกระแส สร้างสัญลักษณ์ในย่านใจกลางเศรษฐกิจทั้งที่สีลมและราชประสงค์ เป็นการชุมนุมในรูปแบบใหม่ นั่นคือ ไม่มีแกนนำ ไม่มีเวที นัดหมายออกมาร่วมแสดงพลังกันทุกวันอาทิตย์แค่ 2-3 ชั่วโมงจากนั้นก็แยกย้ายกันกลับ บางคนแวะไปชอบปิ้ง กินกาแฟกันตามอัธยาศัย เป็นปรากฏการณ์ใหม่ และในทุกวันอาทิตย์ก็มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ขณะเดียวกันก็มีคนตั้งคำถามเหมือนกันว่า แล้วจะเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ อย่างนั้นหรือ แล้วถ้าเกิดอยู่ในภาวะกดดันหนักหน่วงกว่านี้จะทำอย่างไร

ขณะเดียวกัน คำถามที่ตามมาอีกก็คือ สถานการณ์ในขณะนี้ “สุกงอม” พอหรือยัง และพร้อมที่จะ “เผด็จศึก” ระบอบทักษิณ รวมไปถึงมีเงื่อนไขพอที่จะขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ออกไปได่้แล้วยัง คำตอบแบบตรงไปตรงมาก็คือ “ยัง” ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในเวลานี้ก็คือกระแสการ “ตื่นรู้” ของชาวบ้านอันเกิดจากความล้มเหลว-ห่วยแตกของรัฐบาล เพราะเป็นสิ่งที่พวกเขาสัมผัสได้โดยตรงทั้งเรื่องข้าวของแพง ชักหน้าไม่ถึงหลัง ทุกนโยบายล้วนสร้างปัญหาไม่สมราคาคุย ซึ่งรับรู้กันอยู่แล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นมันก็เหมือนกับการ ประจานระบอบทักษิณ-ประจานทักษิณ ชินวัตร ให้เห็นว่า “ไม่ใช่เทวดา” ยิ่งนานหางยิ่งโผล่ ก็ต้องปล่อยให้กาลเวลาพิสูจน์ไปอีกสักพักสำหรับคนที่ยังลังเลมองไม่เห็นภาพ หรือพวกที่ยังเชื่อในคำชวนเชื่อทางการตลาด

เมื่อสถานการณ์ยังไม่สุกงอมพอ ยังไม่ถึงขั้นแตกหัก หากยังเดินขบวนกันไปแบบนี้ทุกสัปดาห์ไปเรื่อยๆ แล้วแยกย้ายกันกลับ แน่นอนว่าในที่สุดก็ต้องฝ่อลงตามธรรมชาติเหมือนกัน และบางครั้งก็อยู่ในความเสี่ยงเพิ่มขึ้น เพราะมีโอกาสถูกแทรกแซงจากกลไกรัฐ หรือพวกมวลชนของรัฐบาลเข้ามาปั่นป่วนภายใต้หน้ากากขาว ซึ่งก็เริ่มส่งสัญญาณให้เห็นบ้างแล้ว ดังนั้นเมื่อยังไม่มีเงื่อนไขล้มแบบม้วนเดียวจบไม่ได้ สู้ใช้โอกาสนี้หลบเข้ามาในที่ร่มในโลกโซเชียลมีเดียให้ข้อมูล รบกันด้วยหลักฐานความจริงและด้วยปัญญากันต่อไป ซึ่งทำได้ไม่ยากเมื่ความล้มเหลวของรัฐบาลและเครือข่ายมีให้เห็นทุกวัน ที่สำคัญมีหลายคนวิเคราะห์ว่าหากจะสู้กับระบอบทักษิณ ต้องใช้เวลาและอดทน “รอจังหวะเข้าทำ” เมื่อได้โอกาสหรือสถานการณ์ที่เหมาะสมในวันหน้า

ที่ผ่านมาถือว่าสามารถขยายมวลชนเพิ่มขึ้นมาจำนวนมาก สร้างกระแสตื่นรู้ขึ้นมาอย่างมากมาย แค่นี้ถือว่าคุ้มค่า ที่สำคัญยังไม่เสียเลือดเนื้อก็ยิ่งประเสริฐ ดังนั้น การ “หยุดพัก” หลบเข้ามาข้างในเพื่อ “ออมกำลัง” ไว้รอจังหวะออกไปพร้อมกันอีกรอบในวันหน้า ซึ่งเชื่อว่าคงอีกไม่นานนัก และที่สำคัญการต่อสู้กับระบอบทักษิณต้องมีความยืดหยุ่น เป็นธรรมชาติ หลากหลายรูปแบบเพราะต่อไปอาจรณรงค์บอยคอตด้วยการติดริบบิ้นในรถยนต์บนท้องถนน ซึ่งทำได้สารพัด!!