ราคาไข่ไก่ “เล่นกล” เพราะมีคนกำลังเล่นไข่

ข่าวปนคน คนปนข่าว

ราคาไข่ไก่ที่กำลังพุ่งไม่หยุด ฉุดไม่อยู่ จนทำเอา “อำมาตย์เต้น” ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ นั่งไม่ติด

ต้องออกโรงโชว์ภูมิถึงสาเหตุของไข่ไก่แพงว่า “มาจากอากาศร้อนไก่ไข่น้อย” ส่วนวิธีการแก้ไขก็ไม่มีอะไรมาก “รอเดือนมิถุนายนอากาศเย็นไข่ไก่จะราคาถูกลง”สังคมจึงวิจารณ์กันแซดว่า ถ้าคนระดับรัฐมนตรีมีมันสมองเพียงเท่านี้ ที่จะแก้ปัญหาราคาสินค้าจำเป็นต่อการบริโภคของประชาชน โดยเฉพาะคนจน ก็ให้ “อากาศ” มาเป็น “รัฐมนตรี” เสียเลยน่าจะดีกว่า

เพราะอย่างน้อย “อากาศ”มันก็ไม่โกง

และไม่มีทางคิดวิธีโง่ ๆ ออกมติ ครม.วันที่ 12 มีนาคม 2556 เอาเงิน 131 ล้านบาทจากภาษีประชาชน ไปอุ้มผู้ผลิตไข่ไก่ โดยใช้เงิน 98 ล้านบาท เพื่อซื้อไข่ไก่ออกจากระบบ 195 ล้านฟองในระยะเวลา 6 เดือน

แต่ผ่านไปแค่สองเดือนในเดือนพฤษภาคมไอ้ไข่ที่ว่าล้นตลาดจนต้องเอาเงิน 131 ล้านไปอุ้ม กลับอันตรธานหายไปจากตลาดง่าย ๆ ด้วยข้ออ้างว่าอากาศร้อน จนผู้ผลิตไข่ไก่ขยับราคาไข่คละหน้าฟาร์มไปอยู่ที่ 3.20 บาท และไต่เพดานไปถึง 3.30 บาท ตามนโยบายของ “อำมาตย์เต้น” ที่เข้าไปให้บรรดาผู้ผลิตไข่ไก่เป่ากระหม่อมจนออกมากำหนดเพดานการจำหน่ายไข่คละไม่เกิน 3.30 บาท ทั้ง ๆ ที่ต้นทุนการผลิตต่อฟองจากปากของผู้ผลิตไข่ไก่คือชัยพร สีถัน ประธานชมรมผู้เลี้ยงไก่รายย่อยภาคกลาง ระบุต้นที่ที่ 2.63 บาท

เท่ากับรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่ประกาศด้วยเสียงสูงปี๊ดว่าจะกระชากค่าครองชีพลงมา กลายเป็นการกระชากขึ้น ปล่อยให้ผู้ผลิตไข่ไก่ได้กำไรถึง 67 สตางค์ต่อฟอง 
หวานคอแร้งบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มียอดขายไข่ไก่ต่อวันหลายล้านฟอง ฟันกำไรกันจนประชาชนหัวแบะ

แต่ว่ากันว่า สำหรับนักการเมืองหัวเถิก นอกจากจะหัวไม่แบะแล้ว ยังเดินยิ้มกริ่มออกมาอย่างสดชื่นจากวงฮั้วราคาข่มขืนใจผู้บริโภคในครั้งนั้น โดยมีคนวงในแอบกระซิบมาว่ามีของอย่างว่าเข้ากระเป๋าไปหลายก้อนใหญ่ แลกกับการใช้อำนาจปล้นเงินเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายให้ประชาชน !

ไม่รู้ว่าใครได้ผลประโยชน์ แต่ที่แน่ ๆ คือผลจากการประชุมที่ คนมีอำนาจอ้างว่าเรียกผู้ผลิตมาหารือเพื่อหาทางแก้ปัญหาไข่ไก่ราคาแพง แต่ไหงผลออกมาเป็นกำหนดราคาไข่คละหน้าฟาร์มให้แพงขึ้นอีก 10 สตางค์ไปได้

ภาวะที่เกิดขึ้นจึงอาจต้องเรียกได้ว่า “ราคาไข่เล่นกล เพราะมีคนกำลังเล่นไข่”

ที่กล่าวเช่นนี้เพราะว่ามีพิรุธมากมายจากการขยับราคาไข่ไก่แบบไม่ปกติ เริ่มตั้งแต่การอ้างว่าไข่ไก่ล้นตลาดจากการเปิดเสรีนำเข้าพ่อแม่พันธุ์ไก่ไข่ ที่มีการอนุมัติเป็นมติครม.เมื่อวันที่ 13 ก.ค.53 ในรัฐบาลอภิสิทธิ์

แต่แค่อากาศร้อนก็ทำให้ไข่ที่บอกว่าล้นตลาดประมาณ 4 ล้านฟองต่อวัน หายไปจนกลายเป็นการขาดตลาดได้ภายในเวลาไม่กี่เดือน ถ้านับจากเดือนมีนาคมที่ ครม.ยิ่งลักษณ์มีมติใช้เงิน 131 ล้านไปแก้ปัญหาไข่ล้นตลาด

ตลกร้ายไปกว่านั้นคือในวันที่ ครม.ยิ่งลักษณ์ในวันที่ 12 มีนาคม 2556 ที่มีมติอนุมัติภาษีประชาชนไปอุ้มผู้ผลิตไข่ไก่ 131 ล้านนั้นให้เหตุผลว่ามีไข่ล้นตลาดถึง 4-5 ล้านฟอง คือมีผลผลิตไข่ไก่ 36.5 ล้านฟองต่อวัน แต่คนไทยบริโภค 32 ล้านฟองต่อวัน จึงต้องไปซับไข่ส่วนเกินออกจากระบบ 195 ล้านฟองภายใน 6 เดือน

เท่ากับว่าจะสิ้นสุดการซื้อไข่ออกจากระบบราวเดือนกันยายน

แต่เวลาผ่านไปแค่สองเดือนเมื่อราคาไข่มันดันแพงขึ้นสวนทางกลับที่รัฐบาลอ้างว่าไข่ล้นจนต้องอุ้ม ยุคล ลิ้มแหลมทอง รองนายกและรมว.เกษตรฯ ออกมาแจ้งมติคณะกรรมการพัฒนาไก่ไข่และผลิตภัณฑ์หรือ “เอ้กบอร์ด” มีการกำหนดราคาไข่คละหน้าฟาร์มที่ 3.30-3.43 บาท โดยระบุต้นทุนการผลิตอยู่ที่ 2.85 บาท มากกว่าที่ ประธานชมรมผู้เลี้ยงไก่รายย่อยภาคกลางบอกว่าต้นทุนอยู่ที่ 2.63 บาทถึง 22 สตางค์

ที่น่าสนใจไปกว่านั้นคือ ตัวเลขการบริโภคของคนไทยที่มติครม. 12 มีนาคม 2556 บอกว่าอยู่ที่ประมาณ 32 ล้านฟองนั้น ดันมาตรงกับข้อมูลของ “เอ้กบอร์ด”ที่บอกว่าไข่หดเพราะอากาศร้อนเหลือแค่ 32 ล้านฟองจนทำให้ราคาแพง

เออ แล้วตกลงว่า 32 ล้านฟองเพียงพอต่อความต้องการ หรือ 32 ล้านฟองคือไข่ขาดตลาด?

ถ้า 32 ล้านฟองคือไข่ขาดตลาดทำให้ราคาแพง ไอ้ที่อ้างว่ามีผลผลิต 36.5 ล้านฟองจนต้องเอางบ แผ่นดิน 131 ล้านบาทไปซื้อไข่ออกจากระบบ มันก็ปาหี่หลอกงาบงบประมาณจากภาษีประชาชนกันจนปากมัน ใช่รึเปล่า?

เพราะในขณะที่อ้างว่าไข่ขาดตลาด “เอ้กบอร์ด”ก็ยังอนุมัติให้มีการส่งออกไข่ไก่ 1 ล้านฟองต่อวัน !
ปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนี้จึงไม่ใช่เรื่องของอากาศ แต่เป็นความผิดปกติของระบบค้าไข่ไก่ และนโยบายแปลกประหลาดของรัฐบาลที่มุ่งสร้างกำไรของผู้ผลิตไข่ไก่มากกว่าดูแลผู้บริโภค

แทนที่จะควบคุมดูแลเพื่อให้เกิดเศรษฐกิจที่เป็นธรรม คนผลิตอยู่ได้ผู้บริโภคไม่ถูกเอาเปรียบ แต่รัฐบาลที่อ้างว่าเป็นของคนจนซึ่งมี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี กลับอุ้มผู้ค้าซ้ำเติมประชาชนที่กำลังประสบภาวะแพงทั้งแผ่นดิน หนี้สินพ้นตัวอย่างอำมหิตยิ่ง