xs
xsm
sm
md
lg

คำสาบานของ “ไอ้เต้น” แรงขับ “ยิ่งลักษณ์”สู่จุดเสื่อม

เผยแพร่:   โดย: นกหวีด


ข่าวปนคน คนปนข่าว

“การหาเสียงของฝ่ายพรรคประชาธิปัตย์ ล้วนแต่พูดโจมตี นายจตุพร พรหมพันธุ์ และผมว่าเป็นคนเผาบ้านเผาเมือง ซึ่งผมอยากจะขออำนาจพระสยามเทวาธิราช และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในประเทศนี้เป็นพยานว่า

หากผม และแกนนำเสื้อแดง รู้เห็น สั่งการ วางแผน เตรียมการ หรืออยู่เบื้องหลังการเผาบ้านเผาเมือง จงขอให้พวกผมพินาศล่มจมในวันนี้พรุ่งนี้ แต่หากเรื่องการเผาบ้านเผาเมืองไม่เกี่ยวกับตน แต่เป็นการใส่ร้ายป้ายสีของฝั่งตรงข้าม ก็ขอให้พวกนั้นล่มจมเช่นกัน ให้เริ่มเห็นผลตั้งแต่การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ครั้งนี้ไปเลย”

คำสาบานของณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้ต้องหาคดีก่อการร้ายเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2556 ดูเหมือนว่ากำลังสำแดงผลให้คนไทยได้เห็นประจักษ์ถึงความวินาศที่ทยอยพาเหรดเข้าหาขบวนการทำลายชาติที่มี “นักโทษชายทักษิณ” เป็นหัวโจกอย่างไม่หยุดหย่อน

เริ่มตั้งแต่ “จูดี้”พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ แพ้เลือกตั้งผู้ว่ากทม. จตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำแดง ป่วยหมอนรองกระดูกเคลื่อน ก่อแก้ว พิกุลทอง คอตกเข้าคุกศาลไม่ให้ประกันตัว เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ซาลาเปาไส้หมูแดง ที่หวังจะผงาดในตำแหน่ง ส.ส.แบบเท่ห์ด้วยคะแนนเกินแสน กลับได้คะแนนน้อยกว่า เกษม นิมมลรัตน์ คนขับรถของตัวเองถึงกว่าห้าพันคะแนน

ไม่เพียงเท่านั้นการพูดคุยสันติภาพที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ จัดปาหี่ไว้ที่มาเลเซีย ตีปี๊บประโคมข่าวสร้างภาพเชิดชูให้ คนขายชาติ เป็นดั่งเทพีสันติภาพที่จะเข้ามาหยุดความรุนแรงในพื้นที่ความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้

กระดี๊กระด๊าโอ้อวดกันได้ไม่เท่าไหร่ก็เจอของจริงจัดหนักจากกลุ่มโจรใต้ที่เล่นบทสองหน้า คุยไปฆ่าไป จนคนก่นด่ากันทั้งเมือง และทำท่าว่าการพูดคุยคงจะไปไม่รอด

อีกหนึ่งความวินาศที่มาเยือนรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ถูกหยิบยื่นให้จากมือของนักโทษชายทักษิณ ที่ทนหนาวเหน็บลอยคอกลางทะเลไม่ไหว เพราะใกล้จะเป็นปอดบวมตายห่าวันนี้พรุ่งนี้แล้ว จึงประกาศสงครามรบกับประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ใช้พรรคเพื่อไทยเป็นหัวขบวนออกมติพรรคไม่ยอมรับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งชัดเจนว่าเป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 216 วรรคท้ายที่บัญญัติว่า“คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญให้เป็นเด็ดขาด มีผลผูกพันรัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาล และ องค์กรอื่นของรัฐ”

ดังนั้นพรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นต้นสังกัดของส.ส.ที่เป็นส่วนหนึ่งของรัฐสภาจึงมิอาจปฏิเสธอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ ดังที่กระทำการท้าทายอยู่ในขณะนี้ได้

มติพรรคเพื่อไทยในครั้งนี้จึงถือเป็นอีกหนึ่งหายนะที่จะค่อย ๆ คืบคลานกลับมาทำร้ายตัวเองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

นอกจากนี้ความย่ามใจในอำนาจ หลงลำพองว่ามีคนเสื้อแดงเป็นมือเป็นไม้ คอยทำงานใต้ดิน แสดงความถ่อยเล่นงาน ศาลรัฐธรรมนูญ และคนเห็นต่าง ทำให้สภาพของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ กลายเป็น “รัฐบาลยิ่งเละ”ไปในบัดดล เนื่องจากไม่หลงเหลือความเป็นรัฐบาลที่น่าเชื่อถืออีกต่อไป หลังจาก ยิ่งลักษณ์ ให้ท้ายเสื้อแดงที่ประกาศจับตุลาการศาลรัฐธรรมนูญว่าเป็นการใช้สิทธิตามระบอบประชาธิปไตย

กระทั่งล่าสุดผลสำรวจความเห็นประชาชนของนิด้าโพลล์ พบว่า กว่า 60 % ไม่พอใจการคุกคามศาลของคนเสื้อแดงและพรรคเพื่อไทย ในขณะที่คนส่วนใหญ่ยังให้การยอมรับว่าศาลคือที่พึ่งของประชาชน
การประกาศแตกหักกับศาลรัฐธรรมนูญโดยคุยโวว่าจะระดมมวลชนมาเรือนแสนในวันที่ 8 พ.ค.56 เพื่อขับไล่ตุลาการทั้ง 9 คน ยิ่งทำให้เห็นชัดเจนถึงพฤติกรรม “โจราธิปไตย” ที่กำลังบริหารประเทศชาติอยู่ในขณะนี้

การเปิดหน้าดันกฎหมายปรองดองฉบับเฉลิม สุดซอย ของนักโทษชายเพื่อให้ตัวเองพ้นผิดทุกคดี ก็เป็นฟางอีกหนึ่งเส้นที่ทับถมลงบนความเสื่อมของรัฐบาลน้องสาวที่มาถึงเร็วและแรงจนอาจทำให้รัฐนาวาที่อ้างว่ามาจาก 15 ล้านเสียงล่มได้ไม่ยากนัก

เพราะกว่า 1 ปีที่ผ่านมานอกจากผลงานจะเข้าตาเฉพาะนักโทษชายแต่ไร้ผลงานในสายตาของประชาชนแล้ว ยิ่งลักษณ์ ที่ลอยตัวมาโดยตลอดว่าอยู่เหนือความขัดแย้งทั้งปวง ก็เปลือยตัวเองประจานชาวโลกจากคำปาฐกถาเนรคุณชาติไปแล้วว่า “แก้ไขไม่แก้แค้น” เป็นเพียงแค่วาทกรรม แต่ความจริงคือ “แก้แค้นไม่แก้ไข” มุ่งใช้อำนาจรัฐปิด จ๊อบให้พี่ชายในการยึดแผ่นดินไทยแบบเบ็ดเสร็จด้วยการเปลี่ยนกติกาสูงสุด รวบอำนาจ ล้มกลไกตรวจสอบ นำไปสู่ “รัฐไทยใหม่”ในฝันของนักโทษที่ผู้นำรัฐบาลจะเป็นใหญ่แต่เพียงผู้เดียว

กฎหมายไร้ค่า กติกาไร้ความหมาย และ ตระกูลชินวัตร คือความถูกต้อง

ความเหิมเกริมที่นักโทษชายมั่นใจว่า เลือกตั้งกี่ครั้งก็ชนะร้อยครั้งนั้น อาจได้รับบทเรียนแสนสาหัสจากคนไทย ไม่ว่าจะเป็นชาวนาที่ถูกโกงเงินจำนำข้าวหมื่นห้าพันบาท ชาวสวนยางพารา ที่ถูกรัฐบาลไร้ฝีมือทุบราคาจนต่ำเตี้ยเรี่ยดินเหลือไม่ถึงกิโลกรัมละ 60บาท ผู้ใช้แรงงานที่ถูกพิษค่าแรง 300 จนตกงาน หรืออยู่ในภาวะความไม่มั่นคงในอาชีพ คนไทยทั้งประเทศที่ต้องเผชิญชะตากรรมกับค่าครองชีพที่สูงลิ่ว จนรายได้ไม่พอกับรายจ่าย ส่งผลให้หนี้พุ่งสูงท่วมหัว เศรษฐกิจมหาภาคกำลังพังพาบ ส่งออกทรุดฉุดไม่ขึ้น ฯลฯ

เหล่านี้ ล้วนเป็นแรงขับที่ทำให้รัฐบาลอยู่ในจุดเสื่อมถอยทั้งสิ้น

เมื่อ ยิ่งลักษณ์ ที่เคยลอยตัวอยู่เหนือทุกปัญหา ตัดสินใจลงคลุกกับความเน่าเดินเกมให้พี่ชายนักโทษ ผ่านคำปาฐกถาเนรคุณชาติ ก็ยิ่งมัดให้ นายกฯหญิงหุ่นเชิด มั่วไม่ออก แต่ต้องรับสภาพความรับผิดชอบทั้งมวลที่จะเกิดหลังจากนี้

เชื่อเถอะว่า เมื่อนักโทษชายประกาศสงครามกับสังคมไทย จะมีคนจำนวนมากที่ลุกขึ้นมารบกับทรราชแบบไม่เสียดายชีวิต เพื่อปกป้องประเทศไทยไม่ให้เข้าสู่กลียุค

เตรียมตัวรอรับความพินาศย่อยยับตามคำสาบานของ “ไอ้เต้น”ได้เลย
กำลังโหลดความคิดเห็น