xs
xsm
sm
md
lg

พท.แย้ม “แม้ว” ฟ้องพวกต้าน ลั่นเลขาฯ สมช.ต้องเด็กรัฐ สวน ปชป.ก็เคยเด้ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย (แฟ้มภาพ)
เพื่อไทย โวนายกฯ แจงงบชัด ทำฝ่ายค้านแหกคอกโหวตหนุน โบ้ยไม่เกี่ยวจ่อซบพรรค นัดตั้งเวทีกล่อมชาวบ้านเดือนนี้ ปัด “ทักษิณ” บีบ “สมศักดิ์” ยันป่วยจริง ป้องนายกฯ อุทธรณ์ไม่คืนตำแหน่ง “ถวิล” เหมาะสม สวน ปชป.ก็เคยเด้ง ยันเลขาฯ สมช.ต้องใกล้ชิดรัฐ ไล่ไปสู้คดีเผาเมือง แย้ม “แม้ว” จ่อฟ้องพวกต้าน



วันนี้ (2 มิ.ย.) ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการอภิปรายร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2557 ถือว่ารัฐบาลรวมทั้งพรรคร่วมรัฐบาล พร้อมใจกันโหวตผ่านงบประมานปี 57 ในวาระ 1 ที่สำคัญการมีเสียงสนับสนุนจากฝ่ายค้านมาร่วมสนับสนุนด้วย ฝ่ายค้านบางพรรคงดออกเสียงด้วยเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าการชี้แจงของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ชี้แจงอย่างชัดเจน รวมถึงการทำงบประมาณปี 57 เป็นการดำเนินการอย่างสุจริตโปร่งใสและตรวจสอบได้ แม้ฝ่ายค้านใช้เวทีการอภิปรายงบประมาณปี57 แต่กลับใช้รูปแบบเหมือนการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ในประเด็นเรื่องจำนำข้าวและเรื่องการซื้อรถของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เป็นการพิมพ์เอกสารผิด ซึ่งรัฐบาลได้ชี้แจงอย่างความชัดเจนจนได้รับคะแนน 292 เสียงอย่างท่วมท้น

นายพร้อมพงศ์ ระบุว่า ตนเชื่อว่าการที่ฝ่ายค้านใช้เวทีการอภิปรายงบประมาณมุ่งโจมตีการทำงานของรัฐบาล รวมถึงการกล่าวหาว่าส่อไปทางทุจริตเป็นลักษณะเกมการเมือง แทนที่เอาข้อมูลที่มีไปใช้ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยทางพรรคเพื่อไทยจะเน้นให้ ส.ส.รวมถึงสมาชิกพรรคปิดสมัยประชุมสภาลงพื้นที่ไปทำความเข้าใจกับประชาชน โดยเฉพาะจะจัด “เวทีเพื่อไทยเพื่ออนาคตประเทศไทย” ประชาชนจะทราบข้อมูล เรื่อง พ.ร.บ.กู้ 2 ล้านล้าน การแก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับนายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ซึ่งจะมีการทำความเข้าใจกัน วันที่ 2 มิ.ย.จะมีการปราศรัยที่ จ.เชียงใหม่ พร้อมแกนนำพรรคและรัฐมนตรีร่วมด้วย รวมถึงวันที่ 8 มิ.ย.จ.พิษณุโลก วันที่ 9 มิ.ย. จ.พระนครศรีอยุธยา และวันที่ 15 มิ.ย.จ.ระยอง รวมถึงบริเวณกรุงเทพฯและปริมณฑลจะมีการพิจารณาอีกครั้ง

เมื่อถามว่า การที่ ส.ส.ฝ่ายค้านหันมาสนับสนุนพรรครัฐบาลในการอภิปรายร่างงบประมาณรายจ่ายปี 57 แสดงว่าเตรียมจะย้ายมาเข้าร่วมกับพรรครัฐบาลหรือไม่ นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่าขณะนี้ยังไม่มี การสนับสนุนเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าย้ายเข้ามาอีกไม่กี่เสียงไม่ได้เกิดประโยชน์ ถ้าเอกสิทธิ์ของ ส.ส.ว่าถ้าเห็นรัฐบาลทำถูก การย้ายยังไม่มีแต่อนาคตยังไม่ทราบ

เมื่อถามต่อว่า กรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กดดันให้นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ลาออกจากตำแหน่ง นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า ไม่มีใครจะบีบนายสมศักดิ์ ออกได้ ขอยืนยันว่านายสมศักดิ์ ได้ทำหน้าที่อย่างเป็นกลางมาโดยตลอด ตนทราบว่านายสมศักดิ์ ป่วยจริงๆไม่ได้มีการบีบการทำหน้าประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ ไม่มีใครบีบได้ การปล่อยข่าวเพื่อหวังผลทางการเมืองไม่ได้เป็นการป่วยทางการเมืองแต่อย่างใด

ด้านนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงการจัดทำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณดังกล่าวเป็นการจัดทำงบประมาณที่ไม่น่าไว้วางใจ ส่อทุจริตเชิงนโยบาย ว่า ในภาพรวมไม่ทำให้รัฐบาลกังวลแต่อย่างใด ฝ่ายค้านแค่ต้องการเพิ่มน้ำหนัก ขยายความเสียหายแต่ไม่ยอมเพิ่มข้อมูล ตัวเลขที่หยิบยกมาไม่ได้มีการตรวจสอบ ไม่ตรงกับความเป็นจริง เลือกพูดเฉพาะประเด็นที่จับจินตนาการมาสงสัย ไม่อธิบายที่มาที่ไปให้ครบถ้วน เลือกใช้ข้อมูลบางส่วนมาเป็นประโยชน์ทางการเมือง ทั้งที่ข้อมูลแท้จริงทั้งหมดไม่ได้เป็นอย่างที่ฝ่ายค้านกล่าวอ้าง

นายอนุสรณ์ กล่าวว่า อย่างกรณีกล่าวหารัฐบาลล็อกสเปกเจตนาทุจริตโครงการจัดซื้อรถตู้ให้โรงเรียนที่จะถูกควบรวมตามนโยบายของ รมว.ศึกษาธิการ ที่บังเอิญเอกสารมาผิดตรงการจัดซื้อรถตู้กลายเป็นเรื่องใหญ่โตขึ้นมา เรื่องเอกสารผิดพลาดเกิดขึ้นได้และเคยเกิดมาก่อน แต่ไม่ได้เป็นประเด็นสำคัญ ไม่ได้ตั้งใจที่จะพิมพ์ผิดเพื่อให้เกิดการทุจริตในเอกสาร อย่างที่ฝ่ายค้านกล่าวหา สำนักงบประมาณได้แก้เอกสารแก้คำผิดไว้ก่อนอภิปรายแล้ว และถ้าจะทุจริตไม่ใช่ทำกันในชั้นจัดตั้งงบประมาณ เพราะยังต้องดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างมีประมูลแข่งขัน ตนจึงมองว่าฝ่ายค้านมุ่งสร้างความเสียหาย ทำลายความน่าเชื่อถือของรัฐบาลเพื่อหวังผลทางการเมือง เป็นจินตนาการในแง่ร้าย

นายพร้อมพงศ์ ยังกล่าวถึงกรณีนายถวิล เปลี่ยนศรี ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เตรียมยื่นเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ผู้ตรวจการแผ่นดิน และจะมีการฟ้องแพ่งนายกฯ กรณีที่ศาลปกครองกลางให้คืนตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) หากทางรัฐบาลยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดว่า มองว่านายถวิล สามารถดำเนินการได้ คดียังไม่สิ้นสุด แต่ตนดูรายละเอียดเท่าที่ตรวจสอบคำพิพากษาของศาลปกครองกลางไม่ได้มีประเด็นนายกฯไปกลั่นแกล้งย้ายนายถวิล ที่สำคัญไม่มีข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ ทั้งนี้รัฐบาลเตรียมยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดคือกรณีมีการก้าวล่วงการบริหารราชการแผ่นดินหรือไม่ เพราะการแต่งตั้งโยกย้ายในระบบราชการมีประเด็นสำคัญนอกเหนือจากกระบวนการตามกฎหมาย ยังมีเรื่องความเหมาะสมของตัวบุคคลด้วย เนื่องจากการแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการ สมช.ได้ทำหน้าที่อย่างเข้มแข็ง

“ถ้านายถวิลเข้ามาทำหน้าที่ต้องตั้งคำถามว่าจะรับนโยบายได้ดีเหมือน พล.ท.ภราดร หรือไม่ เพราะนายถวิล เคยเป็นบุคคลใน ศอฉ.ซึ่งเคยให้ข่าวว่าเป็นคนวางแผนกระชับพื้นที่ทำให้ประชาชนที่มาชุมนุมเสียชีวิต ผมอยากถามว่าจะเอานายถวิล มารักษาความสงบรวมทั้งดับไฟใต้ได้หรือไม่ ส่วนการที่รัฐบาลจะอุทธรณ์เป็นเรื่องเหมาะสม ไม่มีการกล่าวหารังแกแต่อย่างใด” นายพร้อมพงศ์ กล่าว

นายพร้อมพงศ กล่าวว่า นอกจากนี้ กรณีนายถาวร เสนเนียม รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และ นายองอาจ ออกมานำเรื่องดังกล่าวมาเป็นประเด็นการเมืองว่า การดำเนินของรัฐบาลย้ายนายถวิลเป็นการใช้อำนาจของฝ่ายการเมืองข่มเหงข้าราชการประจำเป็นการลุอำนาจ นายถาวร และนายองอาจ ความจำไม่สั้น กรณีการย้ายเลขา สมช.ไม่ใช่เฉพาะยุค น.ส.ยิ่งลักษณ์ แต่ตำแหน่งเลขาฯ สมช.พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล มีการย้าย พล.ท.สุรพล เผื่อนอัยกา อดีตเลขาธิการ สมช.รัฐบาลนายอภิสิทธิ์อ้างว่าเป็นการย้ายเพื่อความเหมาะสมไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง ตนมองว่าสิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ดำเนินการเป็นเรื่องปกติ เพราะเลขาธิการ สมช.เป็นตำแหน่งที่สำคัญต่อรัฐบาล คุมงานด้านการข่าว ต้องเลือกบุคคลที่สามารถทำงานกับรัฐบาลได้ นายถาวร และนายองอาจ ไม่ควรนำเรื่องดังกล่าวมาเป็นประเด็นทางการเมือง

ขณะที่รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวสำทับว่า ถึงวันนี้คงชัดเจนแล้ว รัฐบาลจะยื่นอุทธรณ์แน่นอน โดยมอบหมายให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี พิจารณารายละเอียดข้อกฎหมายทั้งหมด และคำวินิจฉัยของศาล ว่าจะสามารถอุทธรณ์ในประเด็นใด ดังนั้นถือว่าเรื่องนี้ยังไม่ถึงที่สุด ต้องรอดูว่าศาลจะชี้หลังการอุทธรณ์อย่างไร รัฐบาลไม่มีการดึงเรื่องคืนตำแหน่ง เพราะต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ขณะเดียวกันการทำงานก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับฝ่ายบริหารในการตัดสินใจเลือกคนมาทำงาน หลายฝ่ายออกมาพูดกันเยอะเฉพาะที่ไปของนายถวิล แต่ไม่พูดถึงวิธีมา ความจริงไม่มีเรื่องของความไม่เป็นธรรมอะไร แต่เป็นสปิริต ที่มืออาชีพ ต้องเข้าใจถึงสิทธิ์ของผู้บังคับบัญชา บางครั้งต้องไปดูถึงที่มาด้วยว่ามาอย่างไร ในขณะปฏิบัติหน้าที่ทำอะไร

นายอนุสรณ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมา พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ก็เคยเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีในตำแหน่งข้าราชการประจำเหมือนที่นายถวิล เป็นอยู่ เพราะนายถวิลเป็นคนเสนอย้ายเอง ขณะที่เป็นรองเลขาฯ สมช.คู่กับนายถวิล โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นผู้ลงนาม ก็ไม่เห็นใครมีปัญหา ไม่เห็นใครโวยวาย หรือแม้แต่ พล.ท.สุรพล ที่ถูกเซ็นย้ายไปก่อนที่นายถวิลจะมาทำหน้าที่ เป็นคนที่มีความรู้ ความสามารถด้านความมั่นคงทุกด้าน ก็ไม่เคยมีปัญหา เมื่อถูกมองว่าใกล้ชิดกับอีกฝ่าย ทุกคนต้องปฏิบัติตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา การที่จะเลือกคนมาทำงานด้านความมั่นคง ต้องขึ้นอยู่กับความไว้วางใจ ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเปลี่ยนคนที่ไว้วางใจให้มาทำหน้าที่ยืนยันว่ากรณีแบบนี้รัฐบาลนายอภิสิทธิ์เคยทำมาก่อน แต่พอมารัฐบาลนี้ ทำไมจะไม่มีสิทธิ์เลือก แล้วนายถวิล จะมานั่งประชุมใน ครม.ร่วมกับรัฐบาลของประชาชนผู้รักประชาธิปไตยได้อย่างไร นายถวิล ทำตัวเป็นคอหอย-ลูกกระเดือก แบบแยกกันไม่ได้กับนายอภิสิทธิ์ นายสุเทพ ช่วงสถานการณ์ประกาศเขตกระสุนจริง ใช้อาวุธสงครามยิงใส่ประชาชน แทนที่จะกระเหี้ยนกระหือรือกลับมาเจรจาบีอาร์เอ็น เอาเวลาไปสู้คดีสลายการชุมนุมปี 53 จะดีกว่า

นอกจากนี้ โฆษกพรรคเพื่อไทย ยังกล่าวถึงกรณีการออกมาเคลื่อนไหวของกลุ่มต่อต้าน พ.ต.ท.ทักษิณ รวมถึงการโพสต์ข้อความโจมตีรัฐบาลของกลุ่มคนที่อาจเห็นต่างทางการเมืองว่า ตนเห็นว่าน่าจะสอดคล้องกับกลุ่มนายแก้วสรร อติโพธิ แกนนำกลุ่มไทยสปริงไปสอดคล้องของการเคลื่อนไหวของการเดินหน้าผ่าความจริงของพรรคประชาธิปัตย์ที่จังหวัดสุพรรณบุรี ตนมองว่าการเคลื่อนไหวเห็นต่างทางการเมืองสามารถทำได้แต่ต้องอยู่ภายใต้กรอบกฎหมายขอให้การดำเนินการทางการเมืองต้องยึดประโยชน์ประชาชนและประเทศชาติเป็นหลัก การออกมาแสดงความคิดเห็นไม่ควรบิดเบือนอาจทำให้เกิดความขัดแย้งขึ้นมารอบใหม่ การกล่าวหาที่ไม่เป็นเหตุเป็นผล การกล่าวหาพรรคเพื่อไทย พ.ต.ท.ทักษิณ อาจใช้สิทธิ์ดำเนินการเรียกร้องเอาผิดทางกฎหมายได้

ทางด้านนายอนุสรณ์ กล่าวถึงกรณีกลุ่มหน้ากากขาว ที่ต่อต้านการทำงานของรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้นัดเดินขบวนกันบนถนนสีลม เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2556 ที่ผ่านมา และมีกระแสข่าวได้นัดหมายคนที่มีแนวคิดเดียวกันออกมาชุมนุมกันอีกครั้ง เพื่อดำเนินกิจกรรมต่อต้านรัฐบาล ว่า ตราบเท่าที่การแสดงออกทางความคิดเป็นไปตามกรอบกฎหมาย ย่อมทำได้แต่ต้องระมัดระวัง การกระทบกระทั่ง หรือการล่วงละเมิด ทำให้ผู้อื่นได้รับความเดือดร้อน เสียหาย เพราะขณะนี้ก็มีรายงานด้วยว่า ทางกลุ่มอุลตร้าแดง ซึ่งเป็นกลุ่มที่สนับสนุนการทำงานของรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ก็ได้นัดชุมนุมผู้สนับสนุนรัฐบาล และต่อต้านกลุ่มหน้ากากขาว ดังนั้น ทุกภาคส่วนต้องอดทน ช่วยกันระมัดระวัง ไม่ดำเนินการอะไรที่จะนำไปสู่ความรุนแรง และไม่ตกเป็นเหยื่อของการถูกชักจูงหรือสร้างอุปทานหมู่ง่ายๆ เพราะบางครั้งการแสดงออกแบบนี้อาจจะถูกกลุ่มผู้ไม่หวังดีต่อประเทศชักจูงไปสู่สถานการณ์ที่บานปลายในลักษณะน้ำผึ้งหยดเดียวได้ จึงเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายต้องช่วยกันเฝ้าระวัง


กำลังโหลดความคิดเห็น