xs
xsm
sm
md
lg

“คุยทุกเรื่องกับสนธิ” ศุกร์ที่ 31 พ.ค. 2556 (ต่อ)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ช่วงที่ 2

จินดารัตน์ - กลับมาช่วงที่ 2 คุยทุกเรื่องกับสนธิ คุณเติมศักดิ์ จารุปราณ อยู่กับเราแล้วค่ะ สวัสดีค่ะ

เติมศักดิ์ - สวัสดีครับ

จินดารัตน์ - เขามีข้อสงสัยหลายประการจะมาถาม เรื่องคาใจหลายเรื่อง แต่ก่อนที่จะไปถึงเรื่องนั้น ขออนุญาตนิดหนึ่งค่ะคุณสนธิ เฮียบุ๊งฝากมาบอกว่า พระนวโลหะ พระพุทธพิทักษ์ไทยทศทิศ ที่เราหล่อท่านขึ้นมาเพื่อที่จะหาทุนในการเปลี่ยนเครื่องมือของเอเอสทีวี ยังเหลืออยู่อีกไม่กี่องค์ ถ้าใครสนใจให้รีบโทรหาเฮียบุ๊งด่วนที่สุดนะคะ

สนธิ - ผมไปที่ฮูสตัน ไปบ้านของลุงมนัส ที่แกเป็นนักวิศวะ โยธา แกอายุมากแล้ว จะ 80 แล้ว แกพาไปดูห้องพระ พอเปิดห้องพระมาปั๊บ เจอพระพุทธพิทักษ์ไทยทศทิศ สีขาว วางอยู่ แกชี้ให้ดู แกเป็นคนน่าสนใจมาก เมื่อกี้นี้พูดขาดไปเรื่องหนึ่งอยากจะเพิ่มเติม เติมศักดิ์จะได้นั่งฟังด้วย การล้างพิษตับแพร่กระจายไปที่หมู่พันธมิตรฯ ที่อเมริกามากพอสมควร มีคนหนึ่งชื่อคุณยุ แกมาล้างพิษตับที่กรุงเทพฯ แล้วแกกลับไป แกไปล้างเองแล้ว แกล้างครั้งเดียวที่กรุงเทพฯ แล้วทีหลังแกไปล้างของแกเองที่อเมริการ่วม 10 ครั้งแล้ว แล้วแกกำลังจะเปิดคอร์สให้กับคนไทย พันธมิตรฯ ไทยในอเมริกาล้าง

ก่อนที่ผมจะไป น้องชายผม หมอบุญเลิศ ลิ้มทองกุล ซึ่งเกษียณอายุแล้ว จากกระทรวงสาธารณสุข เขาบอก เฮ้ยตั๊บ (ชื่อเล่นผม) ไปนิวยอร์ก ไปอเมริกา ดี.ซี. อย่าไปพูดเรื่องกินฉี่นะ หมอที่นั่นมันรับไม่ได้ หมอที่นั่นมันบอกนะ สนธินี่อะไรก็รับได้หมด ยกเว้นเรื่องเดียว คือกินฉี่ ผมก็ไอ้ความที่ ก็ไม่ได้ตั้งใจพูดหรอกนะ พอไปที่ ดี.ซี. ซึ่งเป็นแดนหมอเลยนะ ที่ดัลลัสก็แดนหมอ ดี.ซี.น่ะไม่กล้าพูด ดัลลัสก็ไม่กล้าพูด แต่เผอิญมีคนถามเรื่องกินฉี่ แล้วข้างหน้าก็มีคุณหมอภุชงค์ หมอธรรมศักดิ์ หมอหลายหมอนั่งกันเต็มเลย ผมก็บอกว่า เอาอย่างนี้ดีกว่า ผมขออนุญาตไม่พูดหลักวิทยาศาสตร์ก็แล้วกันนะ เพราะผมไม่ใช่ผม แต่ผมจะพูดว่า ผลของการกินฉี่ หรือใช้ฉี่รักษาโรคของผมมันมีผลอะไรบ้าง ถูกต้องหรือไม่ถูกต้อง ผมไม่รู้ แต่มันเกิดขึ้นกับผม และเกิดขึ้นกับคนที่ใกล้ตัวผมรู้ว่ามันมีการเปลี่ยนแปลงจริง

เติมศักดิ์ - ประสบการณ์ตรง

สนธิ - ผมก็เลยบอกว่าเป็นหวัด ใช้ฉี่ลูบศีรษะทุกวัน ผมก็เลยดำ หันหัวให้เขาดูด้วยนะ เอาล้างหน้า ตีนกา ส้นตีนกา ไม่มีเหลือ ส่วนผมก็ไม่กล้าจะพูดอะไรมาก ปรากฏว่ามีคนยกมือ คุณหมอธรรมศักดิ์ ผมใจหายวาบเลย ตายละ บอกคุณหมอครับ ... - เอาน่ะ ผมขอพูดอะไรหน่อย - ผมบอกเอาเลย แต่ถ้าทางวิทยาศาสตร์ผมตอบไม่ได้ - ไม่เป็นไร ผมต้องการจะบอกให้รู้ว่า ผมกินฉี่มานานแล้ว แล้วเมียแกก็น่ารัก ดิฉันก็ล้างพิษตับมา ทานฉี่ด้วย เสร็จเรียบร้อยแล้ว แกก็บอกว่า หมอธรรมศักดิ์ เด็ดกว่านั้น ผมเป็นหมอเด็กมา 40 ปี รักษาคนมา ทุกวันนี้เป็นหวัด ขี้มูกไหล ผมกินขี้มูกเข้าไปด้วย ผมรักษาทางธรรมชาติ หมอภุชงค์ยกมือบ้าง สงสัยหมอภุชงค์จะค้าน หมอภุชงค์ลุกขึ้นบอก ผมจะแอมพลิฟาย และเคอริฟาย แกอธิบายทำไมฉี่ถึงรักษาโรคได้ แกอธิบายทางหลักวิทยาศาสตร์ เราก็โล่งใจ แต่เราเริ่มรู้ว่า สิ่งที่ ASTV ทำในเรื่องสุขภาพแบบธรรมชาติบำบัด มันเริ่มแพร่กระจายไม่ใช่เฉพาะที่เมืองไทย แพร่กระจายไปที่สหรัฐอเมริกา มีคนสนใจเรื่องน้ำด่างเยอะมาก

ผมไปบ้านคุณดิเรก คุณเรไร เขาเอาน้ำด่างให้กิน ผมถึงบอกว่า เดี๋ยวนี้สุขภาพกำลังมาแรง ทุกคนอยากเจอ อ.ปานเทพ ตอนนี้ต้องเรียก อาจารย์หมอ

จินดารัตน์ - มีโปรแกรมจะไปบ้างไหมคะ อ.ปานเทพ

สนธิ - ผมคิดว่าต้องประสานงานทางอเมริกาว่าอยากให้ อ.ปานเทพ ไปหรือเปล่า ถ้าไปผมจะพา อ.ปานเทพ ไป

จินดารัตน์ - สงสัยแย่งตัวกันอุตลุด

สนธิ - มันก็ลำบาก เพราะว่าทำไมรู้ไหมเติม เติมไป อเมริกามาแล้วที คือเวลาถ้าไป ถ้าไปทางฝั่งตะวันตก ก็ต้องไปที่ลอสแองเจลิส เพราะจำนวนคนจะมาเยอะมาก รอบๆ แอลเอ แคลิฟอร์เนีย คนไทยเยอะมาก ไปตรงนั้นแล้วกลับบ้าน สมมุติผมไปวันเสาร์ ผมบินวันเสาร์ถึงวันเสาร์ ไปถึงก่อนเที่ยงก็พูดตอนบ่ายวันเสาร์ได้เลย ทนหน่อย พอพูดจบ วันรุ่งขึ้นก็ขึ้นเครื่องบินกลับมาถึงวันจันทร์ ยังพอที่จะมาออกรายการวันศุกร์ได้ แต่งงวดนี้ที่ไป ขอนอกเรื่องนิดหนึ่ง ก่อนจะเข้าเรื่องที่เติมศักดิ์สงสัย เนื่องจากว่าฮิวส์ตันเป็นเมืองที่พันธมิตรฯอาร์ดคอร์ เขาอยากให้พวกผมไปตั้งนานแล้วแต่ไม่มีโอกาส ครั้งแรกสุดไปดัลลัส เราไม่ไปฮิวส์ตัน เขาขับรถจากอิวส์ตันมาดัลลัส คุณรู้ไหมเท็กซัสใหญ่ขนาดไหน เมืองจากฮิวส์ตันถึงดัลลัสขับรถต้องมี 6 ชั่วโมง 7 ชั่วโมง ขับเพื่อมาฟังผมพูดแล้วขับกลับ บางทีก็ค้างคืนแล้วขับกลับ สัญญากับเขามาตั้งนานแล้วนะ ตั้งแต่ปี 49 50 51 52 53 ถึง 56 แปดปี ก็เลยตัดสินใจงวดนี้ต้องบอกวินเนอร์ งวดนี้ยังไงต้องรับปากไปฮิวส์ตันให้ได้ ทีนี้พวกเราไปฮิวส์ตันมันติดดัลลัสไง เราไม่ไปดัลลัสได้ไหมก็ไม่ได้ เสียอีก ถ้าเราไปดัลลัส นิวยอร์กไม่ไปไม่ได้แล้ว ไปนิวยอร์กไม่ไปดีซีได้ไหม ไม่ได้ เพราะนั่งเครื่องบินชั่วโมง คือจะต้องโดนต่อว่าแน่นอน พอไปทางโน้นปังเลยต้องไป 4 เมือง นิวยอร์ก ดีซี ดัลลัส ฮิวส์ตัน ทีนี้ 4 เมือง เติมต้องมี 2 อาทิตย์ เพราะวันธรรมดาลำบาก ยกเว้นดีซีได้ นิวยอร์กวันธรรมดานี่ก็ยังลำบาก แต่อย่างน้อยที่สุดก็ยังมีคนเยอะพอสมควร

ทีนี้ ถ้าไปทางโน้นมันต้อง 4 เมือง นี่ยังไม่รวมฟลอริดานะ ถ้ารวมฟลอริดาก็ต้อง 5 เมือง คือมันอยู่ในวงเดียวกันหมดเลย มันก็เลยเสียเวลา แต่สัญญาแล้วก็ต้องไป เราก็ไปให้เขาได้ เขาก็ดีใจนะเราไปกัน

จินดารัตน์ - เที่ยวหน้า อ.ปานเทพ ไปด้วยนะคะ

สนธิ - แอลเอเขาอยากได้ตั้วไป เดี๋ยวผมต้องคุยกับตั้วว่าเขาว่างช่วงไหน อาจจะประสานกัน ก็อาจจะเป็นตั้ว อ.ปานเทพ ไปที่แอลเอ เอาเฉพาะแอลเออย่างเดียวก่อนดีกว่า

จินดารัตน์ - เป็นเรื่องสุขภาพล้วนๆ

เติมศักดิ์ - ก่อนไปเรื่องคุณถวิล ผมขอสัก 2 เรื่องนะ สั้นๆ คือวันอาทิตย์ที่ 19 พฤษภาฯ ที่เสื้อแดงเขาจัดชุมนุมครบรอบ 3 ปี ทักษิณก็สไกป์ รู้สึกตอนนั้นคุณสนธิ ...

จินดารัตน์ - ไม่อยู่แล้ว ไปที่อเมริกา

สนธิ - ผมไปตั้งแต่ 17

เติมศักดิ์ - จริงๆ แล้วพูดยาวนะ มีตอนหนึ่งเขาบอกว่า เรื่องฆ่าตัดตอนน่ะเขาไม่ทำหรอก เขาไม่เคยฆ่าใคร ขนาดตอนนั้นผมเป็นนายกฯ สนธิมาเย้วๆ มีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่คนหนึ่งมาอาสาว่าจะเก็บสนธิให้เอามั้ย ผมยังบอกเลย ไม่ต้อง คือเขาพยายามจะบอกว่าเขาไม่เคยคิดจะฆ่าใคร ขนาดสนธิซึ่งเย้วๆ อย่างนั้น เขายังไม่คิดจะฆ่าเลย แต่มีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่มาอาสาจะฆ่าให้ ตรงนี้โดนพาดพิงครับ

สนธิ - คุณเติม ถ้าคุณเติมเป็นนายกรัฐมนตรี แล้วมีคนมาพูดกับคุณเติมอย่างนี้ สถานภาพในฐานะสวมหมวกที่เป็นนายกรัฐมนตรี คุณเติมจะคิดยังไง ถูกมั้ย คือเรื่องนี้ถ้าโผล่ออกไปในต่างประเทศนะ ถึงแม้จะเป็นเรื่องเก่าแล้วก็ตาม ไอ้คนที่พูดนี่ ... สมมุติว่าอดีตประธานาธิบดีจอร์จ บุช พูดอย่างนี้ จอร์จ บุช ตายแล้วนะงานนี้ หนังสือพิมพ์ สื่อมวลชนเอาจอร์จ บุช ตายเลย ประชาชนคนอเมริกันก็เอาจอร์จ บุช ตาย เพราะเขาถือว่าคนซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรี ดันทะลึ่งบอกว่ามีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่มาพูดอย่างนี้ แสดงว่าไอ้ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ... ถ้าสมมุติสิ่งที่ทักษิณพูดจริง คือเขาไม่คิดจะฆ่าผม ซึ่งผมเชื่อว่าเขาโกหก เขาคิดฆ่าผมทุกลมหายใจเดี๋ยวผมจะเล่าต่อ คุณถามสั้น คุณบอกเรื่องสั้นๆ ความจริงไม่สั้น เดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง

ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่พูดอย่างนี้ เหมือนกับจอร์จ บุช ผู้อำนวยการซีไอเอ หรือเอฟบีไอ พูดกับจอร์จ บุช ว่าจะเก็บคนนี้ให้ เป็นเรื่องนะ คือ จอร์จ บุช ถ้าเป็นประธานาธิบดีที่ดีและยึดหลักกฎหมาย ต้องปลดข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ หรือดำเนินคดี เพราะมีเจตนาก่ออาชญากรรม
ทีนี้เรามาดู จริงผมไม่อยากพูดเรื่องนี้เพราะเวรกรรมมีจริง 17 เมษายน 2552 คนที่ยิงผม จากทางการสืบสวนของตำรวจตอนนั้น โดย พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ สืบสวนสอบสวนมา ปรากฎว่าคนที่อยู่บนหลังรถบรรทุก 4 คนที่ยิงผมทหารทั้งนั้น ออกหมายจับแล้ว 1 คน ตายแล้วด้วย ที่น่าสนใจ คนไม่ค่อยถามว่า อยู่ได้อย่างไร นี่มันกี่ปีแล้ว 3-4 ปี มันอยู่สุพรรณ แสดงว่าไม่ว่าจะเป็นยุคไหนก็ตาม ออกหมายจับ ตำรวจไม่เคยคิดจะจับ เพราะไปตายที่บ้าน แสดงว่ากลับไปอยู่บ้านอย่างสบายใจ แสดงว่าต้องมีผู้มีอิทธิพลที่มีอำนาจในรัฐบาลปกป้องตลอดเวลา บอกเฮ้ยมึงยิงสนธิแล้วไม่เป็นไรถึงจะออกหมายจับมึงก็ไปได้

ทีนี้การขอหมายจับตอนนั้น เบื้องหลังเขาขอไว้ 4 คน คนหนึ่งคือ จ.ส.อ.ปัญญา ที่ตายไปแล้ว อีกคนคือ ส.ต.ท.วรวุฒิ อีก 2 คน เป็นนายทหารระดับ พ.อ.คนหนึ่ง พ.ท.คนหนึ่ง จะบอกให้รู้ ผมมีหลักฐานรายงานหมดเลย แฟ้มต่างๆ ผมมีอยู่ชุดนึง คดีนี้อีกอย่างน้อย 15 ปีถึงจะหมดอายุความ จะต้องไม่ปล่อยคนผิดลอยนวล ปรากฎว่าไปขอศาล ศาลบอกว่า เนื่องจากอีก 2 คนเป็นนายทหารระดับชั้นผู้ใหญ่ ไม่ให้ออกหมายจับ ให้ทำหมายเรียก ข่าวไปอีกท่าไหนไม่รู้ เขาถอดคุณธานีออกจากงานนี้ เพราะว่าผมเข้าใจว่า ถ้าเอา 2 คนนี้เข้ามา ในทางการสืบสวนสอบสวนพร้อมหลักฐานมันโยงต่อไปถึง พล.อ.คนหนึ่ง เข้าใจหรือยัง

เติมศักดิ์ - โยงได้เลยนะ

สนธิ - ทีนี้ ส.ต.ท.น่าสนใจมาก ส.ต.ท.วรวุฒิ เป็นตำรวจที่ถูกยืมตัวมาสังกัดดีเอสไอ ในยุค พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เป็นอธิบดี เริ่มเห็นหรือยัง ในทางสืบสวน ตำรวจจะเช็กโทรศัพท์ ผมโดนยิงเวลา 05.47 น. แอน 06.07 น.มีโทรศัพท์จากกรุงเทพฯ จากคนในดีเอสไอคนหนึ่งชั้นผู้ใหญ่ โทรศัพท์ไปดูไบ ท่านครับมันตายแล้วครับ ผมไม่รู้ใครโกหกใคร ผมไม่รู้ว่าใครพูดจาต้องการเอาภาพตัวเองดีหรือเปล่า แต่ผมไม่เชื่อ เพราะฉะนั้นแล้วสิ่งที่ทักษิณพูดผมไม่เชื่อ เพียงแต่โอกาสมันไม่ให้ในการฆ่าผม

เติมศักดิ์ - คิดจะฆ่า

สนธิ - ตลอดเวลา ผมเชื่อมีการพยายามจะฆ่าผมตลอดเวลา แต่โอกาสไม่ให้เท่านั้นเอง ช่วงที่ประท้วงที่สนามหลวง แล้วไปสะพานมัฆวาน ช่วงนั้นพยายามฆ่าผมตลอดเวลาแต่จังหวะไม่ให้ แล้ววันที่ผมกับแอ้ม สโรชา ออกรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ ที่สวนลุมฯ แล้วต้องหนีไปอยู่ที่วัดป่าบ้านตาด แล้วไปจัดที่วัดป่าบ้านตาด วันรุ่งขึ้น พอผมออกจากวัดป่าบ้านตาด ก็มีรถ 2 คัน ชายฉกรรจ์ใส่ชุดซาฟารี พกปืนเห็นชัดเจน ขับรถมาที่วัดป่าบ้านตาด ถามหาผมว่ารถผมยังอยู่หรือเปล่า ออกไปนานหรือยัง ไปทางไหน ผมไปเยี่ยมหลวงพ่อญา ที่วัดป่ากุดโพนทัน จ.หนองบัวลำภู ผมเข้าไปยังไม่ทันไร มีความรู้สึกว่าอยู่ได้ไม่นานต้องออก พอออกปั๊บ 2 คันที่ตามมาจากวัดป่าบ้านตาด ขับตามไปที่หนองบัวลำภู หาตัวผมแต่หาไม่เจอ แสดงว่าความพยายามที่จะฆ่าผมยังมีอยู่แม้กระทั่งทุกวันนี้ ตอบคำถามเติมหรือยังตอนนี้

เติมศักดิ์ - ครับ คุณทักษิณพูดต่ออีกนิด บอกว่า ผมขนาดมีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่มาอาสาจะฆ่าสนธิให้ ผมบอกไม่ต้อง ถ้าผมฆ่าสนธิก็จบไปนานแล้ว

สนธิ - ผมก็คิดว่า ถ้าทักษิณตายทุกอย่างก็จบเหมือนกัน แต่วันนี้ผมตายไม่จบ แต่ถ้าทักษิณตายจบ จบหมดเลย เพราะชาติบ้านเมืองทุกวันนี้เป็นอย่างนี้เพราะทักษิณคนเดียว

จินดารัตน์ - สไกป์ธิปไตย

สนธิ - สไกป์ธิปไตยของมันเนี่ย ผมยกตัวอย่าง เวลาผมพูดที่อเมริกานะ ผมจะไปถามพี่น้องพันธมิตรฯ ทุกคนเลย ที่อยู่อเมริกาบอกลองไปถามฝรั่งสิว่า ถ้าบารัก โอบามา มันเป็นประธานาธิบดี และพ่อมันสไกป์มาจากอินโดนีเซีย แล้วสั่งให้มันทำโน้นทำนี่ สั่งให้มันออกโครงการนี้ สั่งให้มันเซ็นอย่างโน้นอย่างนี่คนอเมริกันรับได้ไหม ทุกคนหัวเราะบอกรับไม่ได้ และผมก็ถามว่า งั้นคุณไปถามอเมริกันสิว่า ทำไมถึงรับรัฐบาลยิ่งลักษณ์ได้ละ เห็นหรือยัง สิ่งที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ทำเอาไปสวมกับที่อเมริกาพวกคุณก็รับไม่ได้ เมื่อคุณรับอันนี้ไม่ได้ และทำไมคุณรับอันนี้ได้ แสดงว่ามีผลประโยชน์ปิดบังใส่ตาคุณใช่ไหม และมันไม่ใช่ของใหม่เติม โธมัส มุลเลอร์ นักข่าวนิวยอร์กไทมส์เขาเขียนมาแล้ว ชัดเจนลงในนิวยอร์กไทมส์ด้วย ว่าเป็นรัฐบาลที่ประหลาด เพราะว่ามีสัมภเวสีคนอยู่นอกประเทศ คอยโทรศัพท์มาสั่งงาน เป็น Wireless Goverment

จินดารัตน์ - มีคนถามเรื่องนี้แหละค่ะ เขาถามว่า การเมืองอเมริกากับไทยใครเลวกว่ากัน หรือพอๆ กันเพราะอะไร

สนธิ - ผมว่าในเรื่องของความโปร่งใส อเมริกาโปร่งใสกว่าเราเยอะ เพราะอะไรรู้ไหม เพราะสื่อมวลชน ซึ่งเราน่าจะพูดเรื่องนี้กันสักทีนึง สักวันนึง ซึ่งมันจะโยงเกี่ยวกับว่า แล้วมันจะจบอย่างไรบ้านเรา อยากให้เห็น ซึ่งผมเดี๋ยวถ้าพูดต่อไป เติมศักดิ์ถาม ผมจะอธิบายให้ฟัง อีกเรื่องเติมศักดิ์ไม่ได้ถาม มันมีอีกข้อคืออะไร

เติมศักดิ์ - จริงๆ คุณสนธิพูดไปแล้วคือ เรื่องการเสียชีวิตของ ปัญญา ศรีเหรา

สนธิ - แล้วคุณอ่านประวัติปัญญาหรือเปล่า ทหารศูนย์สงครามพิเศษ เชี่ยวชาญเรื่องอาวุธปืน วัตถุระเบิด ถูกฝึกมาอย่างดี จ.ส.ต.ปัญญา อยู่ที่ ฉก.90 เหมือนหน่วยซีลของอเมริกัน ทหารเรืออเมริกัน หน่วยซีลคือหน่วยไหน หน่วยที่บุกไปฆ่าอุซามะห์ บิน ลาดินไง ฉก.90 ตั้งมาเฉพาะเพื่อล่าสังหารอย่างเดียว และ ฉก.90 คนที่อยู่ใน ฉก.90 เป็นสัตว์สงคราม คำว่าสัตว์สงครามคือว่า เมื่อนายสั่งให้ไปฆ่าใคร จะไม่รู้สึกอะไรเลย มีหน้าที่อย่างเดียวคือ ต้องฆ่าให้ได้ นี่คือ ฉก.90

เพราะฉะนั้นแล้ว มันพิสูจน์ชัดเจนทหารไม่เกี่ยวข้องไม่ได้หรอก และยิ่งจำได้ไหมที่ปลอกลูกปืนมาจากสรรพาวุธของโน้นนี่ปลอกนึง และผมยังจำได้เลย ที่อนุพงษ์เขาพูดไง ปืนเอ็ม 16 ใครๆ ก็หาได้ แกพูดอีกว่า เดินเข้าไป เซเว่น-อีเลฟเว่นก็ซื้อได้ ใครจะหาได้ละ เผอิญมีปลอกลูกไปตกที่สรรพาวุธ คือพิรุธเยอะมาก ถ้าเป็นอเมริกาไม่รอดแล้ว ตายหมด

เติมศักดิ์ - ขออีกเรื่องหนึ่ง ยิ่งลักษณ์ขอกินข้าวกับผู้นำเหล่าทัพ ไปกินที่พลาซ่า แอทธินี เมื่อต้นสัปดาห์ ท่ามกลางกระแสข่าวว่า ประยุทธ์จะโดนปลด จะมีรัฐประหาร จากนั้นนักข่าวก็ถามทุกวันเลยนะ จะมีรัฐประหารหรือเปล่า ประยุทธ์ก็บอก เลิกถามได้แล้ว จะย้ายหรือเปล่า ก็เลิกถามได้แล้ว ผมไม่ผิด ใครจะมาย้ายผม มองปรากฏการณ์นี้อย่างไร ระหว่างกองทัพกับรัฐบาล

สนธิ - ผมว่าจริงๆแล้วให้ผมอ่าน รัฐบาลมันไม่ได้คิดย้ายหรอก ถ้ามันย้ายประยุทธ์ มันโง่ เพราะว่ามันเข้าขา เข้าเอวกันดี ย้ายไปเป็นเรื่องทำไม แต่ผมคิดว่าเป็นการพูดเพื่อให้ลูกน้องในกองทัพเห็น ว่าตัวเองนี้อาจจะถูกย้ายเพื่อลบข่าวลือว่าตัวเองนั้นสนิทสนมกับรัฐบาลชุดนี้

จินดารัตน์ - เกี่ยวกับระเบิดหน้ารามด้วยหรือเปล่าคะ

สนธิ - เกี่ยวกันด้วย ที่ผมรู้แน่ๆ เพราะว่าทหารระดับล่างๆมีความรู้สึกไม่ไว้ใจ ผบ.ทบ.คนนี้มาก นี่เรื่องจริง เอางี้ดีกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพิ่งจะหลุดปากมาวันนี้เอง ข่าวสั้นๆ ว่ารัฐบาลไม่ควรจะไปกดดันศาล เรื่องศาลรัฐธรรมนูญ เหตุการณ์กับศาลรัฐธรรมนูญกี่อาทิตย์แล้ว ทำไมคุณประยุทธ์ เพิ่งมาพูดวันนี้

จินดารัตน์ - จะรอบสองรอบสามแล้วค่ะ

สนธิ - แสดงว่าถูกบีบมาก เพราะคุณประยุทธ์ใช้หลักการของการที่ว่า ทหารมีหน้าที่ฟังรัฐบาล แต่ในขณะเดียวกันคนเสื้อแดงก็เป็นหน่วยงานหนึ่ง เป็นมวลชนของรัฐบาล แล้วรัฐบาลจงใจปล่อยให้ไปรังแกศาล ในฐานะเป็น ผบ.ทบ. ถ้านั่งเฉยแสดงว่าถ้ารัฐบาลชุดไหนชั่ว ผบ.ทบ.ก็จะทำตามนโยบายรัฐบาล ก็คือชั่วไปด้วย ตรงนี้ต่างหากที่ทำให้ข้างล่างในวงการและผู้ใหญ่หลายคน แล้วก็ถามบอก ผบ.ทบ.ทำหน้าที่อะไร ถูกไม่ถูก ตรงนี้ก็เลยทำให้หลังจากเหตุการณ์ 2 อาทิตย์แล้ว คงจะมีคนพูด คือประยุทธ์เป็นอย่างนี้ ถ้าใครกดดันเขาในเรื่องบางเรื่องที่เขาควรจะทำแล้วเขาไม่แสดงออก เหตุผลเพราะว่าเขาเข้าข้างรัฐบาล เขายืนข้างรัฐบาล เขาเป็นพวกรัฐบาล เขาจะรอจนกระทั่งความกดดันมาก จนเขาหลุดปากมาคำหนึ่ง

จินดารัตน์ - รวมทั้งอาการหงุดหงิดเป็นพิเศษด้วยใช่ไหมคะ

สนธิ - ไม่รู้อันนี้ ถ้าหงุดหงิดเป็นพิเศษเป็นเรื่องอะไรผมไม่รู้เรื่องอะไรแล้วงานนี้ แต่คงไม่ใช่เรื่องจะถูกปลด รัฐบาลชุดนี้ไม่ปลดหรอก เพราะว่าเฉลิมกับประยุทธ์ซี้กัน สนิทสนมแนบแน่น เอื้ออาทรซึ่งกันและกันอย่างมหาศาล

จินดารัตน์ - ที่ว่าหงุดหงิดมีคนตั้งข้อสังเกตว่าหลังระเบิดที่รามหงุดหงิดมากเป็นพิเศษ

สนธิ - ใช่

จินดารัตน์ - ออกอาการอย่างเห็นได้ชัด ทุกครั้งจะขู่ฟ่อๆ นักข่าว ฟาดงวงฟาดงา เหมือนร้อนตัว ระเบิดที่รามมันแปลกๆแปร่งๆ มันคงไม่ใช่มาเฟียธรรมดา

เติมศักดิ์ - เหมือนใครส่งสัญญาณงี้เหรอ

จินดารัตน์ - มันก็เป็นของมันอย่างนี้แหล่ะ

เติมศักดิ์ - มาเรื่องคุณถวิลไหม

จินดารัตน์ - ก็เกี่ยวเนื่องกับคุณสุภา ข้าราชการในกระทรวงวิทย์ สวทช. ข้าราชการในกระทรวงสาธารณสุข ตอนนี้มันไปเกือบทุกกระทรวงแล้วนะคะ

เติมศักดิ์ - องค์การเภสัช

สนธิ - คุณถวิล ผมคิดว่าคงไม่ได้กลับแล้ว ศาลปกครองพิพากษาแล้วไงล่ะ มันก็อุทธรณ์สิ คุณถวิลอุตส่าห์ตีกัน บอกว่า หวังว่าคงไม่ 2 มาตรฐาน เพราะกรณีจาดุรก็ไม่อุทธรณ์ ก็กูจะอุทธรณ์ใครจะทำไม

เติมศักดิ์ - ตุลาฯนี้จะเกษียณ

สนธิ - เขาก็ลากไป ถ้าไม่อุทธรณ์ก็ปล่อยเฉยๆอย่างนี้ อีกไม่กี่เดือนก็จะตุลาแล้วก็จะจบ มีประโยชน์อะไร จริงๆศาลปกครองน่าจะออกมาเร็วกว่านี้ นี่คือข้อบกพร่อง แต่อย่างน้อยที่สุดศาลปกครองก็ยังเป็นศาลที่พึ่งได้

จินดารัตน์ - คำพูดหนึ่งของคุณถวิลนะคะ พูดอย่างนี้ค่ะบอกว่า เพื่อนข้าราชการอีกมากที่ยังไม่ได้รับความยุติธรรม ผู้มีอำนาจอย่างนายกรัฐมนตรี หัวหน้าส่วนราชการ ไม่ตั้งอยู่บนพื้นฐานคุณธรรม จริยธรรม ทำร้ายข้าราชการที่ดี ผลกรรมตกอยู่กับประเทศชาติและประชาชน ตัวเองรับราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่ทรงปฏิบัติเป็นแบบอย่างที่ดี ข้าราชการที่ถูกรังแกขอให้ภูมิใจเกียรติภูมิของตัวเอง ยึดผลประโยชน์ของประชาชน ต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมกลับคืนมา และขอร้องข้าราชการที่นอกลู่นอกทาง เลิกประจบสอพลอ เล่นพรรคเล่นพวก และคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม หรือ ก.พ.ค. ที่ยกคำร้องของตนเองนั้นด้วย ถ้ายังเป็นอยู่แบบนี้ คุ้มครอง ให้ความเป็นธรรมไม่ได้

สนธิ - คือจากกรณีคุณถวิล จากกรณีคุณสุภา รองปลัดกระทรวงการคลัง จะกรณีของผู้อำนวยการองค์การเภสัชฯ จะกรณีของ สวทช. 4 กรณีนี้ ถ้าคุณดูรากเหง้าของปัญหา มันอยู่ที่สื่อมวลชน จะมีสื่อมวลชนไม่กี่ฉบับ ทีวีก็จะมีอยู่ 1-2 เจ้า จะมีเรา กับบลูสกาย บลูสกายเป็นที่เข้าใจได้ เพราะเขาเป็นฝ่ายค้าน ผมคิดว่าจากนี้ไปถ้าพูดถึงทีวี ต้องไม่พูดบลูสกาย เพราะบลูสกายเป็นทีวีพรรคประชาธิปัตย์ เอาเฉพาะของเราเจ้าเดียว จะเห็นได้ชัดว่า สื่อมวลชนไม่ได้ทำหน้าที่ตัวเองเลย ไทยรัฐไม่สู้เรื่องพวกนี้ เดลินิวส์ ทุกฉบับไม่สู้ ช่อง 3 ช่อง 5 ช่อง 7 ช่อง 9 ช่อง 11 ไม่รายงาน คือธรรมดาเรื่องพวกนี้เกิดขึ้นมา นอกจากเป็นข่าวแล้ว รายการสนทนาเรื่องการเมือง ทอล์กโชว์ รายการที่มีการเมืองจะต้องพูดกันเรื่องนี้ตลอดเวลา เพื่อให้เกิดกระแส ให้เกิดการกดดัน แต่พวกนี้ไม่พูดเลย เมื่อไม่พูดเลยก็เท่ากับว่ายอมรับความชั่วของรัฐบาล เพื่อแลกกับผลประโยชน์อะไรบางประการซึ่งเขาจะมีกันอยู่ หนังสือพิมพ์ก็มีไม่กี่ฉบับ อาจจมีไทยโพสต์ แนวหน้า และผู้จัดการ เท่านั้นเองที่ทำเรื่องนี้ ที่มีการเขียนคอลัมน์เรื่องนี้ นอกนั้นแล้วก็เฉยๆ เพราะฉะนั้นแล้ว สังคมใดก็ตาม ถ้าสื่อมวลชนเฉย ความกดดันไม่มี เมื่อความกดดันไม่มี มันเท่ากับว่าเป็นการส่งเสริมให้รัฐบาลที่ชั่ว ชั่วมากขึ้น ให้รัฐบาลที่กำลังจะคิดชั่ว แต่ไม่กล้า ก็เริ่มกล้าชั่วมากขึ้น เพราะฉะนั้นแล้วทุกวันที่เรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นนี่นะ ผมไม่ได้ตำหนินักการเมือง หรือตำหนิพรรคการเมือง เพราะว่าโดยพื้นฐานนักการเมืองและพรรคการเมืองมันชั่วอยู่แล้ว ไม่เว้นพรรค ไม่ว่าพรรคไหนก็ตาม แต่ผมตำหนิบทบาทของสื่อมวลชนจริงๆ ที่ไม่สามารถจะเอาเรื่อง ซึ่งเรื่องใหญ่มากแต่ละเรื่อง ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ

อย่างคุณสุภา ผมคิดว่าหลักๆ ไม่ใช่เรื่อง กสทช. หลักๆ คือเรื่องปิดบัญชีเรื่องข้าว

เติมศักดิ์ - เจ๊ง 2 แสนกว่าล้าน

สนธิ - เพราะคุณสุภาระบุชัดเจนว่าเจ๊งเท่านี้ เพราะฉะนั้นเมื่อคุณสุภาไม่ได้อยู่ในโอวาท การที่คุณสุภา ซึ่งเป็นรองปลัดกระทรวงการคลัง และเป็นประธานปิดบัญชีเรื่องข้าวและมาบอกเจ๊ง 2 แสนล้าน เท่ากับว่าเป็นการตีตราสังข์เรียบร้อยแล้ว เพราะเขาเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ เขาดูแลเรื่องการเงินโดยเฉพาะ และเขาระบุมาอย่างนี้ คนที่เสียคือ รัฐบาล คุณสุภาโดนย้ายเรื่องนี้ ไม่ใช่เรื่อง กสทช.เพราะว่า รัฐบาลลึกๆ ก็ไม่ชอบ กสทช.เพราะรัฐบาลสั่ง กสทช.ไม่ได้ แต่คุณสุภาเจ๊งเพราะเรื่องนี่ แต่คุณสุภาโดยพื้นฐานเป็นคนตรง ไม่เกรงใจใคร ไม่กลัวใคร ผมยังไม่รู้แกจะเกษียณเมื่อไร แต่ถ้าแกยังเหลืออีกสัก 2-3 ปี เป็นคนซึ่งน่าจะมีประโยชน์กับชาติบ้านเมือง และแกคุมและดูแลกรมบัญชีกลาง กรมบัญชีกลางนี่คือ หน่วยการจ่ายเงิน ควบคุม รู้ใครใช้เท่าไรเป็นอย่างไรรู้หมดเลย ทีนี้เรื่องอย่างนี้ต้องถือว่าเป็นเรื่องใหญ่มากนะ และเรื่องที่เขาปิดบัญชีขาดทุนข้าวกว่า 2 แสนล้าน เป็นเรื่องใหญ่ เรื่องนี้ใหญ่มหาศาล เพราะมันขาดทุนได้อย่างไร มันขาดทุนมีที่มา การขาดทุนถ้าเป็นต่างประเทศมันรุมกัดจิกข่าวนี้กัน แทบจะต้องเรียกกัน กูต้องชิงมึง มึงต้องกู กูต้องชิงมึง ผมจำได้สมัยนึงสมัยวอเตอร์เกท เติมจำได้เปล่าวอเตอร์เกท

เติมศักดิ์ - นิกสัน

สนธิ - คือวอเตอร์เกท พอวอชิงตันโพสต์ โดยที่ริชาร์ด เบิร์นสตรีล

เติมศักดิ์ - Bob Woodward

สนธิ - มันไปทำข่าววอเตอร์เกทมา และมันได้อยู่คนเดียว เกิดอะไรขึ้นรู้ไหม นิวยอร์กไทมส์ ไทม์แมกกาซีน หนังสือพิมพ์ทุกฉบับมันวิ่งแข่งกัน เพื่อที่จะแซงกัน คือคล้ายๆ ว่า ไอ้นี่คือธงชัยตั้งอยู่ มันเห็นแล้ว Bob Woodward นำหน้าแล้ว โอ้โหมันเร่งสปีดกันเลย มันเจาะหาข่าวโน้นข่าวนี้ เพื่อเอาชนะวอชิงตันโพสต์ คือถ้าจิตสื่อมวลชนเป็นจิตสาธารณะ และทำเพื่อส่วนรวมจริง สมมุติว่าผู้จัดการ หรือ เอเอสทีวี ทำข่าวเรื่องการทุจริตข่าวปั๊บ ช่อง 3 ช่อง 7 ทีพีบีเอส หนังสือพิมพ์ทุกฉบับมันต้องแข่งกันแล้ว เฮ้ยทำไมผู้จัดการมันได้ และคุณทำอะไรอยู่ บก.มันต้องลุยเลยงานนี้ เหมือนสมัยนึงผมเคยเล่าให้ฟัง ผมเป็นบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ประชาธิปไตย มันตื่นขึ้นมาตอนเช้า ผมเปิดหนังสือพิมพ์อ่าน เคยเล่าให้แอนฟังแล้ว อ้าวตายห่า มีหนังสือพิมพ์เสียงปวงชนฉบับเดียวพาดหัวข่าว เขมรบุกไทย ยิงกันนองเลือด จำได้ไหมเรื่องนี้ผมเล่าให้ฟัง ผมทุบโต๊ะปังและผมเรียก สุวัฒน์ ทองธนากุล เฮ้ยวัฒน์ บก.ข่าวตอนนั้น ข่าวนี้ทำไมเสียงมวลชนได้อยู่ฉบับเดียว แล้วเราไปไหนวะ พวกมึงทำอะไรกันอยู่ ทุกคนวุ่นวายกันหมดเลย จนกระทั่งต้องขับรถไปที่ตราดไปดูกันถึงรู้ว่าไม่ใช่ ว่าเป็นแค่ทหารเขมรเดินข้ามมาซื้อบุหรี่ แล้วตำรวจที่คลองเล็ก โทรศัพท์มาบอก ผบ.ตร.ว่าเขมรบุกเข้ามา ทหารเขมรล้ำ ตอนนั้นเพิ่งรบกันระหว่างเขมรแดงกับเขมรเสรี บุกเข้ามาทางตราด นายเวรวิ่งเข้ามารายงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตอนนั้นเป็นอธิบดีตำรวจ คือ พล.ต.อ.พจน์ เภกะนันท์ ข้างๆ พจน์ เภกะนันท์ เดินด้วยหนังสือพิมพ์คนหนึ่งชื่อ กำพล เต็ง เป็นนายทุนทำเสียงมวลชน แต่ก่อนอยู่ไทยรัฐ พอเต็งได้ข่าวว่า เขมรบุกเข้ามาไม่ฟังอีร้าค่าอีรม กลับไปโรงพิมพ์ก็จินตนาการว่า เมื่อเขมรบุกเข้ามาทหารไทยต้องไม่ยอม ต้องยิงกันเลือดนอง นี่คือที่มาการพาดหัวข่าว แต่ในฐานะ บก.ของผมผมรับไม่ได้ ทุกฉบับตกข่าว เหลือฉบับนี้ฉบับเดียวที่มา นี่คือจิตวิญญาณที่แท้จริง ซึ่งวันนี้ไม่มี เพราะถ้ามีทุกคนจะแย่งกัน ไอ้นี่จะไปเช็กโกดังข้าว เราบอกว่าข้าวตรงนี้เสียเท่านี้ มันเลยกลายเป็นข่าว ไม่ว่าไทยรัฐเล่น เดลินิวส์ คือมันเป็นจิตวิญญาณของข่าวจริงๆ ซึ่งวันนี้จิตวิญญาณนี้ตายหมดแล้ว มีแต่ผีดิบทางข่าว

จินดารัตน์ - จริงๆ บรรยากาศการเจาะลึกข่าวแบบนี้ก่อนทักษิณจะเป็นใหญ่ยังพอมีอยู่บ้าง

สนธิ - สมัยก่อนสู้กันถึงพริกถึงขิง สู้กันจริงๆ

จินดารัตน์ - คือยอมกันไม่ได้

สนธิ - ยอมไม่ได้เลย มึงนำกูได้อย่างไร มึงนำกูวันนี้พรุ่งนี้กูต้องนำมึง นี่เรื่องจริง เดี๋ยวนี้ไม่มีแล้ว ทุกคนเห็นแก่เงินหมด นักข่าวตีกอล์ฟ มติชนก็พวกทักษิณ ไทยรัฐก็เอาตัวกูรอด เดลินิวส์เอาตัวกูรอด ช่อง 3 ลืมมันไปเลย ช่อง 7 ก็ไม่สนใจ TPBS บ้าบอคอแตก เป็นโทรทัศน์เอ็นจีโอ 11 กับ 9 ก็เป็นของรัฐบาล ช่อง 5 ของทหาร จบ เหลือ ASTV เจ้าเดียวที่บ้าบอคอแตกเพี้ยนอยู่คนเดียว

เติมศักดิ์ - คนด่ารัฐบาลเราจะแก้ข่าวให้ยังไงดี รับจ้างแก้ข่าว

สนธิ - เพราะฉะนั้นเราต้องรวมหมด เรื่องผู้อำนวยการองค์การเภสัช ต้นเหตุมาจากตรงนี้ แต่ถ้าจะเอารายละเอียดก็พูดได้ เช่น เรื่องเกี่ยวกับบริษัทยาเสียเปรียบก็ต้องบีบ

จินดารัตน์ - ก็ไม่พ้นเรื่องทุน

สนธิ - ทุนแน่นอน

เติมศักดิ์ - คุณสนธิพูดถึงสื่อมวลชน ตอนนี้คนคาดหวังกับความเคลื่อนไหวในโลกไซเบอร์ ล่าสุดหน้ากากกายฟอว์กส์ ที่เรามีสติ๊กเกอร์

จินดารัตน์ - สติ๊กเกอร์หน้ากากขาว เดี๋ยวจะได้รับกับคนที่ซื้อหนังสือ ASTV สุดสัปดาห์ จะแนบให้ 1 แผ่น หรือจะมาดูที่ ASTV ชอป ก็ได้

สนธิ - กายฟอว์กส์ ตลกอย่าง ในยุคหนึ่งกายฟอว์กส์กลายเป็นคนที่กบฎต่อแผ่นดิน สมัยพระเจ้าเจมส์ที่ 1 ที่อังกฤษ แต่พอมาถึงยุคนี้เขามองว่า กายฟอว์กส์ เป็นคนที่ต่อสู้ทรราชย์ เพราะกษัตริย์เจมส์ที่ 1 เป็นทรราชย์ เพียงแต่ตอนนั้นอังกฤษเป็นโปรแตสแตนท์ กายฟอว์กส์จะเอาศาสนาคาทอลิกกลับมา เขาเรียกว่า กบฎดินระเบิด เพราะฉะนั้นแล้วในยุคหนึ่งสมัยหนึ่ง คนๆ หนึ่งอาจจะเป็นกบฎ ในยุคหนึ่งสมัยหนึ่งคนๆ หนึ่งอาจจะเป็นฮีโร่ เหมือนกับ อุซามะห์ บิน ลาดิน ในสายตาของอเมริกันคือผู้ก่อการร้ายอำมหิต แต่ในสายตาของมุสลิมหัวรุนแรง เขาบอกว่า คนๆ นี้คือวีรบุรุษของชาวมุสลิม ขึ้นอยู่กับมุมมองจะมองกันอย่างไร

ทีนี้ กายฟอว์กส์ ช่วงหลังเป็นหน้ากาก V for Vendetta คือ การล้างแค้น เป็นทางออกทางหนึ่งของคนซึ่งต้องการสู้แบบอหิงสา ก็ต้องใช้สัญลักษณ์สู้ ถ้าการใช้สัญลักษณ์สู้เหมือนข้าราชการ สวทช.ที่ไม่เห็นด้วยกับนโยบายของรัฐมนตรีวรวัจน์ ก็แต่งชุดดำกัน หรือการแต่งชุดดำของคนที่แบงก์ชาติ การแต่งชุดดำขององค์กรนั้นองค์กรนี้ ในสังคมที่ผู้นำองค์กร หรือรัฐมนตรี หรือนายกรัฐมนตรี ที่มีจริยธรรมและมีคุณธรรม จะไม่ยอมหน้าด้านแบบนี้ จะอาย ทำไมต้องอาย กลับไปสู่จุดเดิม ที่อาจเพราะว่า ถ้ากรณีแบบนี้ขึ้นมา เหมือน สวทช.แต่งชุดดำ สื่อมวลชนต้องแข่งกันรายงาน ตื่นมาแต่เช้าเปิดหนังสือพิมพ์ก็เจอแต่เรื่องนี้วิพากษ์วิจารณ์แต่เรื่องนี้ เปิดทีวีรายการข่าวตอนเช้า วิทยุ สัมภาษณ์คนนู้นคนนี้ ตัวการที่สร้างเรื่องนี้ขึ้นมาจะอาย ไม่รู้จะตอบคำถามใครได้อย่างไร ย้อนกลับไปที่เก่าอีกแล้ว

เพราะฉะนั้นแล้วถ้าจะเปลี่ยนประเทศนี้ต้องเปลี่ยนสื่อมวลชน เพราะเราต้องพูดในสมมุติฐานที่ว่า นักการเมืองและพรรคการเมืองชั่วอยู่แล้ว ทำทุกอย่างเพื่อพวกมันเองแล้วผมไม่เว้นด้วยนะ เพื่อไทยนี่ชั่วสุดๆ แต่ถ้าเป็นพรรคอื่นมันก็ชั่วเช่นกัน มันก็ทำเช่นนี้เช่นกัน มีครั้งไหน เพียงแต่ว่าในบางครั้ง ในบางพรรค บางเวลา มันไม่ทำแบบโจ่งแจ้งแบบนี้ แต่มันก็ทำ

คุณจำผู้กำกับเพียรได้มั้ย จ่าเพียรน่ะ จำได้มั้ย เหมือนกัน จ่าเพียรตายเพราะว่าไม่สามารถจะไปในที่ใหม่ได้ ต้องกลับไปที่เก่า เหตุผลเพราะว่านักการเมืองทางใต้คนหนึ่ง จะเอาคนของตัวเองไปลงในตำแหน่งที่จ่าเพียรจะต้องกลับไป ยกตัวอย่างนะ นี่ก็เป็นการทำอีกแบบหนึ่งเหมือนกัน
ฉันใดฉันนั้น แต่ว่าเมื่อย้อนกลับมาแล้ว เหตุของมันจริงๆ อยู่ที่สื่อมวลชน เพราะเราตั้งข้อสมมติฐานเรียบร้อยแล้วไง ว่านักการเมืองและพรรคการเมืองมันต้องทำความชั่วแน่นอน คำถามคือทำไมสื่อมวลชนถึงไม่ออกมาสู้ ต่อต้านความชั่ว

จินดารัตน์ - คุณสนธิคิดว่า เครือข่ายพลังในโซเชียลมีเดียทั้งหลายจะมีพลังมากพอที่จะทำให้เกิดสะกิดผิวอะไรได้บ้างมั้ยคะ

สนธิ - มันสะกิดอะไรไม่ได้ เพราะว่ามันหน้าด้าน พลังโซเชียลมีเดียมีอยู่แค่นั้น แต่โซเชียลมีเดียต้องการพลังจากสื่อมวลชนหลักๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโทรทัศน์ และหนังสือพิมพ์รายใหญ่ๆ ที่ต้องเข้าไปในรูปแบบของการกัดไม่ปล่อย นี่ไง ถ้าไม่งั้นปล่อยโซเชียลมีเดียไป เขาก็ปล่อยไป

เติมศักดิ์ - มันไม่มีการรับไม้ต่อ

สนธิ - ไม่มีการรับไม้ต่อ หรือว่าจริงๆ แล้วโซเชียลมีเดีย คล้ายๆ นักสู้หน้าจออีกแบบหนึ่ง ไปสู้กันในเฟซบุ๊ก ไลค์กันแหลกราญเลย แชร์กันแหลกราญเลย แล้วต่อไปด้วยคำถามที่ต้องจบลงว่า "แล้วยังไง?" แต่ที่พูดอย่างนี้ไม่ใช่ว่าไม่เห็นด้วยกับเขานะ เป็นการแสดงออกที่ผมคิดว่าใช้ได้ ควรจะทำ แต่ว่าขาดแรงหนุน สื่อมวลชนทั้งหลาย เอเอสทีวี พวกเรา ทำหน้าที่หมดแล้ว เพราะอย่างพรุ่งนี้ เอเอสทีวี ผู้จัดการสุดสัปดาห์ ก็แจกสติกเกอร์ นี่เราทำหน้าที่แล้วนะ แต่ฉบับอื่นเงียบ อย่างมาก พรุ่งนี้จะเห็นรูปข่าวลง แค่นั้น ไม่มีคอลัมน์ออกมาต่อ ไม่มีการกัดต่อ ไม่มีการวิพากษ์วิจารณ์กัน ไม่มี หรือว่าถ้ารายการ News Hour และคนในข่าว เกิดมีขึ้นมา เราก็จะเอาเรื่องพวกนี้มาคุยกัน ซึ่งเราคุยไปแล้วใช่มั้ย ถามว่าช่องอื่นมีคุยมั้ย เห็นหรือยัง

จินดารัตน์ - ช่องอื่นไปสนใจเรื่องฟ้าผ่ามากกว่าปกติ

เติมศักดิ์ - หน้าฝนด้วยนะ

จินดารัตน์ - เราเหมือนไม่มีความหวังเลยนะคะว่าการจะลุกขึ้นมาต่อสู้ ถ้าเราไม่มีแรงหนุน

สนธิ - แต่เราก็ทำหน้าที่ของเราดีที่สุดแล้วนะ เราทำหน้าที่ที่เรามีคำตอบให้กับคนรุ่นหลังเราได้ คนที่จะยึดอาชีพสื่อมวลชนอย่างซื่อสัตย์สุจริต อย่างน้อยที่สุด เรามีคำตอบให้เขา เราได้ทำหน้าที่ตามทฤษฎีที่บรรดาครูบาอาจารย์สอนเด็ก ที่คณะสื่อสารมวลชน คณะนิเทศศาสตร์ ว่าสื่อมวลชนที่แท้จริงต้องซื่อสัตย์ สื่อมวลชนที่แท้จริงต้องปกป้องผลประโยชน์ของสังคม เราทำตามที่เขาบอกหมด แต่ในโลกความเป็นจริงมันไม่ใช่อย่างนั้น เติมว่าถูกมั้ยล่ะ

เติมศักดิ์ - ต้องเป็นหมาเฝ้าบ้าน แต่ที่กลายเป็นว่ามีคนมาโยนเศษกระดูกให้หมาแล้ว

สนธิ - หมาก็ไปกินเศษกระดูก เรื่องนี้มันเถียงกันมานานแล้ว ระหว่างหมาเฝ้าบ้าน กับเป็นกระจกดูตัวเอง เหมือนที่ผมเคยพูดกับเติมตั้งนานแล้ว ว่าคุณมีกระจกในห้องมืดแล้วมีประโยชน์อะไร คุณจะยืนต่อหน้ากระจกห้องต้องสว่างคุณถึงจะเห็น แล้วห้องจะสว่างได้ยังไงถ้าคุณไม่เปิดไฟ

เติมศักดิ์ - ต้องจุดเทียน

จินดารัตน์ - ที่มันน่ากลัว คือมันผ่านมาเป็นช่วงระยะเวลา 10 กว่าปี เด็กๆ ที่เขาเข้ามาทำงานสื่อมวลชน เขาไม่มีความรู้สึกหรือจิตวิญญาณในการเป็นสื่อมวลชนอย่างที่ควรจะเป็น

สนธิ - คุณว่าเขาไม่ได้ เพราะว่าสื่อมวลชนที่จะมีจิตใจสู้ เจ้าของสื่อมันต้องสู้ ถ้าเจ้าของสื่อมันไม่สู้ เด็กมันสู้ มันสู้กับใคร ถูกมั้ย นี่เราพูดอย่างตรงไปตรงมา เพราะฉะนั้นแล้ววันนี้เจ้าของสื่อมันมีคนบ้าอยู่คนเดียว คือผม หรือว่ามันมีคนปกติอยู่คนเดียว คือผม เพราะผมได้ทำหน้าที่ที่สมบูรณ์แบบที่สุด แต่คนอื่นมาใช้สื่อเป็นเครื่องบังหน้าเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ทางด้านอื่น หรือใช้สื่อเป็นเครื่องมือในการขอประโยชน์จากรัฐบาล อย่างเช่น มติชน แต่ของเราไม่ใช่ เรานี่ภาษาอังกฤษเขาเรียกว่า Play by the book .. book ก็คือหนังสือ หรือสื่อมวลชน ที่เขาสอนมา เราเป๊ะๆๆ ไม่ผิดเลย

ทีนี้ที่มันน่าเจ็บใจคือ ไอ้คนที่อยู่วงการนี้มันด่าพวกเราโง่ นี่ไงทีน่าเจ็บใจ มาบอก ไปหัวชนฝาทำไม

จินดารัตน์ - สังคมมันก็เลยกลับตาลปัตร

สนธิ - สังคมมันก็เลยกลับตาลปัตรหมดเลย และที่สำคัญก็คือ พวกอาจารย์ที่สอนหนังสือเด็ก นักศึกษามหาวิทยาลัย ไม่ว่าจะเป็นมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จุฬาฯ ธรรมศาสตร์ ทุกแห่งที่สอนสื่อสารมวลชน ไม่มีใครออกมาพูดสักคน เฉยหมด ถ้าจำไม่ผิดจะมีคนเดียวที่เคยเขียนเรื่องพวกนี้ชัดเจน คือ อ.บุญรักษ์ บุญญะเขตมาลา แค่นั้นเอง ที่แกอธิบายชัดเจนเลย เทียบสื่อและพูดชัดเจนว่า เอเอสทีวีทำหน้าที่ของสื่อได้เต็ม สมบูรณ์แบบ ในขณะซึ่งที่อื่นไม่ทำ อ.บุญรักษ์ ก็คนเดียวอีกแล้ว แล้วก็พูดมานานแล้ว

เติมศักดิ์ - กระจกกับตะเกียง บทความแก

สนธิ - ใช่ ที่ผมยกตัวอย่าง จากประสบการณ์ในชีวิตผม แล้วที่สำคัญคืออาจารย์ที่สอนคณะนิเทศศาสตร์ คณะวารสารศาสตร์ คณะสื่อสารมวลชน 90 กว่าเปอร์เซนต์ เป็นคนซึ่งไม่เคยมาลงพื้นที่ ตำรา เด็กรุ่นใหม่มันถึงใช้ไม่ได้เลยสักคนเลยนี่ไง เด็กรุ่นใหม่พอมันมาอยู่ที่นี่ ผมถึงบอกไงเติม ใครที่ตั้งใจทำงาน มันมีอุดมการณ์สูงส่งมันอยู่ที่นี่แล้ว มันอยู่ที่อื่นมันอยู่ไม่ได้ ถ้ามันจะอยู่ได้มันต้องเป็นผีดิบ มันต้องถูกดูดเลือด ถูกกัดที่คอ แล้วดีเอ็นเอก็เปลี่ยนเป็นผีดิบไปเลย อย่างนั้นมันถึงจะอยู่ได้

จินดารัตน์ - ดูหน้าเว็บไซต์ผู้จัดการพอดีเลยค่ะ มีข่าวนี้ พงษ์ศักดิ์ยัน ปตท.จัดสรรงบโฆษณาให้วอยซ์ทีวี จิ๊บๆ 36 ล้าน

สนธิ - จิ๊บๆ 36 ล้าน ตีซะเดือนละ 3 ล้าน สมมติสักปีหนึ่ง 3 ล้านถ้าวันหนึ่งก็ประมาณแสนหนึ่ง เท่ากับมีทุกวัน วันละประมาณ 1 สปอต ทุกวันเลยนะ ไม่จิ๊บๆนะงานนี้ แล้ววอยซ์ทีวีของใครล่ะ ของโอ๊ค พานทองแท้ แล้วพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล คือใคร เสี่ยเพ้ง คนของทักษิณ ชินวัตร คนของคุณหญิงอ้อ แล้วคุมที่ไหนอยู่กระทรวงพลังงาน ปตท. หน้าด้านมาก

จินดารัตน์ - แล้วยังบอกอีกด้วยว่า งบส่วนใหญ่เทให้ช่อง 5 ช่อง 9 ซึ่งเป็นสื่อของรัฐ

เติมศักดิ์ - สุดท้ายอยากให้คุณสนธิ พูดถึงจุดยืนของพันธมิตรฯช่วงนี้ เพราะว่าวันจันทร์ก็มีแถลงการณ์ และมีความเคลื่อนไหว ไปยื่นศาลรัฐธรรมนูญยับยั้งมาตรา 68

สนธิ - จุดยืนพันธมิตรฯก็เหมือนเดิม ไม่ได้เปลี่ยนแปลง ประการแรก เราขอให้กำลังใจทุกคนที่ลุกขึ้นมาสู้ อันนี้ชัดเจน ประการที่ 2 เราพูดชัดเจนเลยว่า เราไม่เห็นด้วย เราจะคัดค้านจนถึงที่สุด นี่คือเรื่องกระบวนการคัดค้าน ต่อไปจะเป็นไงต้องค่อยดูกันต่อไป ประการที่ 3 เราเห็นว่าช่องโหว่ในการยื่น 4 เจ้าแรกที่ยื่นเข้าไป เมื่อยื่นไปแล้วจนกระทั่งถึงวันที่เรายื่นมันมีเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมอีกเยอะ เราก็เลยยื่นเพิ่มใช่ไหมครับ แต่เรื่องนี้ต้องพูดกันสักนิดนึง ประเทศจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงได้ ถึงจะมีคนออกมาสัก 5 แสนคน ก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลง เพราะคนที่จะเปลี่ยนแปลงได้ คือต้องมีการยึดอำนาจโดยทหาร แต่การยึดอำนาจมันเป็นดาบสองคม คมแรกคือว่า ยึดแล้วอย่างไร จะมีสุรยุทธ์ จุลานนท์ คนที่ 2 หรอ ถ้างั้นอย่างยึด ปล่อยให้เขาทำให้ชั่วสุดๆ ไปเลยดีกว่า และเมื่อชั่วสุดๆ แล้ว มันตกไปสุดแล้วมันต้องขึ้นมาเอง มันต้องแก้ปัญหาเอง แต่ถ้ามันยึดแล้วๆ มันปฏิวัติประเทศจริง ไม่เห็นแก่หน้าใคร ถ้าอย่างนั้นยึดเลยเห็นด้วย แต่คำถามว่า มีคนที่พอจะเข้ามา และเป็นคนซึ่งไม่มีเครือข่าย ไม่มีเส้นสายที่สามารถจะตัดสินใจได้ โดยที่ไม่ต้องเกรงใจใคร ไม่ต้องหวั่นเกรงการขอกันมีไหม ไม่รู้

2.โดยพื้นฐานโดยอย่างนั้นแล้ว ถามว่าภาคประชาชน เติมศักดิ์เราสู้มาตั้งไม่รู้กี่ครั้ง มันหมดยุคมันสมัยแล้วที่ออกไปปักหลักสัก 3 วัน 7 วันแล้วกลับบ้าน เราเรียนรู้ตรงนี้มาด้วยบทเรียนที่เจ็บปวดมาเยอะมาก พอจบลงทีไรแล้ว พวกเราโดนคดีกันทุกคน เพราะว่ารัฐบาลชุดนี้มันไม่มียางอาย และรัฐบาลชุดที่แล้วก็ไม่มียางอาย ชุดต่อไปที่เป็นนักการเมืองก็ไม่มียางอาย สื่อมวลชนไม่สนใจอะไรที่จะทำ ถ้าสื่อมวลชนทุกฉบับ โทรทัศน์ทุกช่องต่อสู้ด้วยหลักการด้วยอุดมการณ์ของชาติบ้านเมือง ด้วยความซื่อสัตย์ ขบวนการมวลชนจะมีพลานุภาพมาก แต่เมื่อสื่อมวลชนมันทำตัวเป็นคนตายไปแล้ว ขบวนการมวลชนไม่มีอะไรจะเกิดขึ้นเลย แม้แต่นิดเดียว เพราะรัฐบาลมันหน้าด้าน

เติมศักดิ์มองย้อนหลังไปช่วงที่เราสู้ 193 วัน เป็นการสู้ที่ยาวนาน หรือ 158 วัน มีสื่อมวลชนคนไหนสนใจเรื่องพวกนี้บ้าง โดยเนื้อหาของการสู้มันน่าจะสนใจอยู่แล้ว โดยระยะเวลาการสู้มันยิ่งน่าสนใจมากขึ้น ไม่มี มีแต่เอเอสทีวีเจ้าเดียว กับหนังสือเครือผู้จัดการ ยังดีหน่อยมีเว็บไซต์ผู้จัดการที่มีคนดูเป็นล้าน ยังมีคนเข้าใจ แต่มันต้องการพลังพลานุภาพรอบด้านทั้งหมดเลย ที่จะเข้ามาร่วมมือร่วมใจกันจับมือกัน เพราะฉะนั้นแล้วการที่แย่งชิงกันบอกว่า คุณสนธิคุณนั่งเฉยๆ ได้อย่างไร บ้านเมืองเป็นอย่างนี้ และจะให้ผมทำอย่างไรบอกผมสิ ออกมาสิ ออกมาสิ งั้นผมถามต่อออกแล้วอย่างไร ใช่ไหม การที่จะยุยงส่งเสริมให้ออก ล้วนแล้วแต่มีวาระซ่อนเร้น ส่วนใหญ่บอกว่า ผมคุยกับทหารแล้ว ทฤษฎีนี้มาตลอดเวลา ผมคุยกับทหารแล้ว ถ้าเราออกทหารจะออก คุณจำได้รึเปล่า เสธ.อ้าย คุณต้องจำที่ พล.อ.ปฐมพงษ์ ผมสงสารท่านมาก เย็นแล้วขึ้นบนเวที น้องที่เป็นทหารฟังอยู่รึเปล่า อยู่เฉยๆ ได้ยังไง ต้องออกมา ต้องออกมา ก่อนหน้านั้น คุยกันเรียบร้อยแล้วว่า ถ้าตำรวจรังแกปั๊บทหารจะออก นี่คือกระบวนทัศน์ของความเชื่อ พี่ผมเป็นทหารผมออกไม่ได้ แต่ถ้ามีเรื่องแล้วผมจะออก เพราะฉะนั้นแล้วพวกนี้จะออกแบบ มีเรื่องแค่ไหนถึงจะออก ถ้าเราบอกประชาชนว่า พี่น้องออกไปครั้งนี้ต้องมีเรื่องนะทหารถึงจะออก ผมทำไม่ได้ มันจะเกิด ออกมาเถอะ ออกมาเถอะ(ต้องให้มีเรื่อง)หัวแตก ตายไปกูไม่เกี่ยว แต่อย่างน้อยที่สุดเป็นฉนวนให้ทหารออก ผมทำไม่ได้ ผมขออยู่ของผมอย่างนี้ดีกว่า ผมกลับมองว่า การให้ปัญญาคนเป็นเรื่องสำคัญที่สุด

เพราะเดี๋ยวนี้มีจดหมายมาไม่ลงชื่อ แต่ก่อนผมไม่เคยเชื่อคุณสนธิรับเงินเดี๋ยวนี้ผมเชื่อแล้วเพราะว่าไม่เห็นด่าทักษิณ มาแล้วสไตล์แบบนี้ ไม่เห็นด่าทักษิณ วันนี้บ้านเมืองเป็นอย่างนี้ยังนั่งเฉยๆ มุกนี้เก่ามาก ผมอ่านจดหมายพวกนั้นแล้วผมสมเพช แล้วก็บอกว่า บ้านเมืองเป็นอย่างนี้ทำไมไม่ละอคติส่วนตัวมาจับมือกัน แสดงว่าคนที่พูดอย่างนี้ไม่ให้ความเคารพในความเป็นศักดิ์ศรีของผมเอง ผมไม่ต้องการไปมั่วสุมกับคนที่ต้องการจะใช้ผมหรือใช้ประชาชนเป็นเครื่องมือ และผมไม่ต้องการจะรับผิดชอบ ถ้าผมพาประชาชนแล้วเกิดตาย เพราะมีการวางแผนให้ประชาชนตายเพื่อให้ทหารออก ผมไม่เอา

คำว่า พันธมิตรฯ เป็นนามธรรม ไม่มีใครสั่งใครได้ เพราะฉะนั้นแล้วที่คนบอกว่า คุณสนธิ บ้านเมืองเป็นอย่างนี้ทำไมนั่งเฉยๆ เฮ้ย คุณผิดแล้ว เพราะวันนี้ถ้าผมไม่ออก แต่ถ้าคนอื่นซึ่งเป็นพันธมิตรฯ ในนามธรรม เขาอยากออก ออกได้ผมไม่เคยห้ามเขา ถูกไม่ถูก ในขณะเดียวกันในมุมกลับ ถ้าผมจะออก และพันธมิตรฯ เขาไม่ออกละ เข้าใจยัง ถ้าผมไม่ออกแล้วพันธมิตรฯ จะออกก็ออกได้ เพราะว่าพันธมิตรฯ ไม่ได้เป็นองค์กร ที่ทุกคนต้องเป็นสมาชิก ต้องมีข้อผูกพัน การที่แกนนำประกาศบอกจะสนับสนุน และเราพร้อมจะออกไม่ได้แปลว่า ทุกคนจะต้องออก นอกจากทุกคนเห็นด้วยกับแกนนำ และถ้าเขาเห็นด้วยกับพวกผม 4 คน และเขาคิดว่า ถ้าพวกผม 4 คนไม่ออกเขาก็ไม่ออก อันนั้นเป็นสิทธิของเขาใช่ไหม ทำไมเขาถึงคิดอย่างนั้น เพราะว่าเขามีความเชื่อมั่น อะไรที่ทำให้เขาเชื่อมั่น อันนั้นต้องว่ากันเป็นข้อๆ ถูกไม่ถูกเติม จะมาเหมาแบบนี้ไม่ได้ เห็นไหมเข้าใจยังเติม อย่างน้อยให้เกียรติในศักดิ์ศรีของความเป็นผมบ้าง เพราะถ้าผมคิดของผมอย่างนี้ เคารพในความคิดผมบ้างสิ

เติมศักดิ์ - ชัดเจนครับ และหวังว่าคงจะเป็นคำตอบในส่วนนึงของคุณอาเธอร์ ลี ที่ถามเข้ามาบอกว่า ขอเป็นกำลังใจให้คุณสนธิ เคารพรักมาก ถามว่าเมื่อไรเราจะผ่านพ้นวิกฤตทางการเมือง หนักใจเรื่องสงครามประชาชน ขอภาวนาไม่ให้เกิดในยุคนี้ คนไทยทุกวันนี้เฉยมากๆ กับความผิดถูกในสังคม คุณอาเธอร์ ลี

สนธิ - คนไทยไม่ได้เฉยอย่างเดียว สื่อมวลชนก็เฉยด้วย ผมบอกแล้ว มันเป็นของมันอย่างนี้แหละ ถ้าย้อนกลับไปแล้ว เหตุมาจาก คือเหตุมาจากนักการเมืองที่ชั่ว และพรรคการเมืองที่ชั่ว เมื่อเรารู้ว่า อย่างไรมันก็ชั่วอยู่แล้ว เรามามองตัดตรงนี้ออกไปเลย มามองว่า ปัญหาอยู่ที่สื่อมวลชน เท่านั้นเอง อ้าววันนี้ผมพูดชัดเจนไหม

เติมศักดิ์ - ชัดเจนครับ อยากให้คุณสนธิแนะนำเรื่องทำจิตให้สงบทำอย่างไร

สนธิ - ก็มองว่ามันก็เป็นของมันอย่างนี้แหละ เบรกก่อนก็ได้นะ แล้วเดี๋ยวต่อเรื่องคำถาม

จินดารัตน์ - ยังไหวใช่ไหมคะ

สนธิ - ไหวๆ

จินดารัตน์ - งั้นเดี๋ยวพักกันก่อนนะคะ ช่วงหน้ากลับมาคำถามทั้งหมดเลยค่ะ สักครู่ค่ะ

ช่วงที่ 3

จินดารัตน์ - กลับมาช่วงสุดท้ายแล้วนะคะ ช่วงคำถาม ขอ ผบ.ทบ.นิดหนึ่งนะคะ มี 2 คนที่ถามเข้ามา คนแรกบอกว่า ไม่เข้าใจท่าทาง ผบ.ทบ.ที่เป็นบทพระเอก แต่กลับแสดงเป็นผู้ช่วยนางร้าย เพราะอะไรครับ อีกคนก็บอกว่าอยากให้เล่าอาการ ผบ.ทบ.หน่อยค่ะ วัยทองหรือไง เขาด่าท่าน ผบ.ทบ.ไม่ได้ด่ากองทัพสักนิดหนึ่ง กินข้าวกับนายกฯปูเสร็จออกมาพูดแนวคิดเดียวกันเลย นายกฯคงสอนให้พูดแน่ๆเลย ตอบไปแล้วนะคะ ว่าเป็นอะไร

เติมศักดิ์ - อันนี้ก็เป็นคำถามที่คุณสนธิพูดตั้งแต่แรกแล้วว่า ทำไมนักโทษถึงมีสิทธิ์โฟนอินไปที่นั่นที่นี่ ตั้งแต่เหตุการณ์เผาบ้านเผาเมือง ตอนนั้นรัฐบาลไม่สามารถทำอะไรได้เลยหรือ ทั้งๆที่รู้ว่าการโฟนอินมันเป็นการปลุกระดม ซึ่งเป็นผลต่อความมั่นคงของประเทศ แต่ผมสงสัยว่าเราอะไรกับการสไกป์กับการโฟนอินของนักโทษชายคนนี้ไม่ได้เลยหรือ

สนธิ - ทำได้ แต่เขาไม่ทำกันไง ตั้งแต่สมัยพรรคประชาธิปัตย์แล้ว คือถ้าเราจะสู้กับศัตรู เราต้องเด็ดขาด ทีนี้พอเราไม่เด็ดขาดเพราะว่าเรายังคิดจะประนีประนอมกับเขาอยู่ เพียงเพราะว่าเราจะเล่นการเมืองกับเขา นี่คือข้อเสียของการเมือง คนที่เล่นการเมืองอยู่ก็บอกว่า การเมืองคือการประนีประนอม แต่ขณะซึ่งฝ่ายตรงกันข้าม เราคุยกับทักษิณประนีประนอมตอนไหน ตอนที่ทักษิณเริ่มพ่ายแพ้ ทักษิณจะขอประนีประนอม แต่ทักษิณเขาถือไพ่เหนือกว่า เขาบี้แหลกนะ เหมือนอย่างที่เขาใช้ธาริต เพ็งดิษฐ์ จัดการกับพรรคประชาธิปัตย์ จัดการกับทุกฝ่ายแสดงว่าเขาถือไพ่ เหนือกว่าแล้ว แต่เมื่อใดก็ตามเขาเริ่มมีความรู้สึกว่าเขามีโอากาสแพ้ เพราะได่เขาอาจจะสู้ไพ่ข้างหน้าไม่ได้ เขาจะชักธงขาวแล้วบอกว่าขอคุยหน่อยได้ไหม ทักษิณเป็นคนอย่างนี้แต่ไหนแต่ไรแล้ว เพราะฉะนั้นแล้วในศึกสงคราม เมื่อใดก็ตาม ทักษิณเขาฉลาดเขาใช้ยุทธศาสตร์ของสงคราม เมื่อสงครามเขาได้เปรียบ เขารบให้ชนะเลย พรรคประชาธิปัตย์คราวที่แล้ว การเป็นรัฐบาลเขาได้เปรียบ แต่เขาไม่รบให้ชนะ เหตุผลที่เขาไม่รบให้ชนะเพราะเขามองการเมืองคือการประนีประนอม ซึ่งต่อไปเขาอาจจะต้องจับมือกับพรรคเพื่อไทย แต่เขามองในภาพลักษณ์ที่ผิด ว่าเขาจะเป็นคนเดียวที่สามารถที่จะประนีประนอมกับพรรคเพื่อไทยได้ และจะทำให้ภาพเขาดี คล้ายๆว่าทุกคนจะเป็นศัตรูจะเป็นมิตรเมื่อมาจับมือกันทำเพื่อชาติ ส่วนรวมแล้ว

ทีนี้ชาติในสายตาทักษิณกับชาติในสายตาผมไม่เหมือนกัน มันคนละกระบวนทัศน์ ชาติของผมหมายความว่า ต้องเอาชาติเป็นตัวตั้ง แต่ชาติของพรรคประชาธิปัตย์และพรรคเพื่อไทย คือต้องเอาพรรคประชาธิปัตย์เป็นตัวตั้ง ต้องเอาพรรคเพื่อไทยเป็นตัวตั้ง พรรคเพื่อไทยก็ต้องเอาทักษิณเป็นตัวตั้ง ฉะนั้นแล้วไม่เหมือนกัน พอวัตถุประสงค์เป้าไม่เหมือนกัน วิธีการย่อมไม่เหมือนกัน เพราะว่าพันธมิตรฯ เอาส่วนรวมเป็นตัวตั้งเราจะไม่ยอมให้อะไรมาขวางส่วนรวมนี่คือข้อแตกต่าง

จินดารัตน์ - อีกคำถามนึงจากคุณน้องบอกว่า ข่าวเหตุระเบิดที่รามคำแหง คุณสนธิคิดว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับโจรใต้ไหมคะ หรือเป็นการส่งสัญญาณอะไรที่พวกเราควรจะรู้ไหม

สนธิ - พยายามส่งสัญญาณว่า ในกองทัพมีความไม่สงบ ผบ.ทบ.คุมไม่ได้

เติมศักดิ์ - มีคลื่นใต้น้ำ

สนธิ - เป็นการส่งสัญญาณให้รู้ว่า มีคนอยู่แล้วที่ไม่พอใจ ผบ.ทบ.คนนี้

จินดารัตน์ - มิน่าออกอาการหงุดหงิด และกรุณาแนะนำด้วยค่ะ ว่าเราจะอยู่ให้รอดปลอดภัยได้อย่างไร ในยุคที่ข้าวยากหมากแพง และอันตรายมีอยู่รอบด้านอย่างทุกวันนี้

สนธิ - ใช้เงินอย่างประหยัด อยู่อย่างพอเพียง อะไรที่ไม่จำเป็นต้องซื้ออย่าไปซื้อ อะไรที่ไม่จำเป็นต้องเป็นหนี้ อย่าเป็นหนี้ รถใช้มาแล้ว 5 ปีผ่อนหมดแล้ว ไม่ต้องเอารถไปเทิร์นและดาวน์คันใหม่มาใช้ต่อไปอีก ดูแลตัวเองให้ดีอย่าไปเสี่ยงภัย ค่ำคืนอย่าออกนอกบ้าน จบ ง่ายๆ จริงๆ แล้วในช่วงนี้เป็นช่วงของการสร้างสายสัมพันธ์ในครอบครัวให้มากกว่าเก่า พ่อแม่ลูกควรจะอยู่ด้วยกัน การที่พ่อจะออกไปกินข้าวนอกบ้าน ควรจะเลิกได้แล้ว กลับมากินข้าวที่บ้าน หรือว่านัดแม่ว่า บอกลูกว่าเดี๋ยวที่บ้านไม่ทำกับข้าว เดี๋ยวจะซื้อกับข้าวเข้าไปนั่งกินพร้อมกัน ความรู้สึกของการที่มีพ่อและแม่ และลูกกินข้าวบนโต๊ะด้วยกัน มันเป็นความรู้สึกที่อบอุ่นมาก ถ้าไม่เคยลองพยายามลองมากขึ้น เพราะว่าอย่างน้อยที่สุดเป็นเวลาเดียวที่เราจะคุยกับครอบครัวเราอย่างมาสาระ อย่างสนุกสนาน และรับฟังว่าเขาคิดอย่างไรกับเรา เขาคิดอย่างไรเรื่องราวต่างๆ ถ้าเราฟังเป็น เราเปิดตัวเราเองเป็น

ฉะนั้นในยามวิกฤต คำว่าเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาสนี่คือโอกาส โอกาสที่จะให้คนไทยกลับมาเป็นครอบครัวกันอีกเหมือนเดิม

จินดารัตน์ - แต่มีคนบอกว่า คนยุคนี้ถามสารทุกข์สุขดิบ คนในบ้านน้อยกว่าถามคนนอกบ้าน

สนธิ - เพราะว่าคนยุคนี้ นอกจากภารกิจข้างนอกยังมีความผูกพันส่วนตัวที่มีกับไอแพด ที่มีกับโทรศัพท์มือถือ ผมจะยกตัวอย่างให้ฟัง ไปเมืองนอกครั้งนี้ ผมเป็นคนช่างสังเกตทุกเรื่อง แต่งวดนี้สังเกตมากเป็นพิเศษ และผมเห็นคนมีไพรเวทไลฟ์มากขึ้น ครอบครัวไปกัน 3-4 คน พ่อแม่ลูก ไอโฟนคนละอันแล้วก็จิ๊กๆ ตลอดเวลา ไม่มีใครคุยกันเลย ผมเดินดูแล้วผมก็ขำ ผมไม่มีนะ ไม่มีเลย เวลาผมนั่งรอเครื่องบินไม่เชื่อถามวินเนอร์สิ นายวินเนอร์ยังตั๊กๆ อยู่ ผมไม่มีอะไร ผมนั่งเฉยแล้วผมก็มอง แล้วผมศึกษาและก็ขำด้วยตัวผมเอง โซเชียลไซเบอร์มันกระจายมาก แต่โซเชียลคอนแทคไม่มี

เติมศักดิ์ - หายไปเลย

สนธิ - ไม่มี เราจะเก่งในเรื่องเฟซบุ๊ก เก่งในเรื่องอินสตาแกรม เก่งไลน์ เก่งวอตซ์แอพ แต่เราสอบตกเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลต่อบุคคล

เมื่อคืนนั่งเครื่องบินกลับมา ผมมาต่อเครื่องที่ฮ่องกง ระหว่างรอเรียกขึ้นเครื่อง มีผู้หญิงจีน 1 2 3 ผมนั่งอย่างนี้แถวข้างหน้านั่งหันหน้ามาทางนี้ ผู้หญิงจีน 7 คน รู้สึกจะบินมาเที่ยวเมืองไทย ยังสาวอยู่เลย ไม่คุยกันเลย ถือเครื่องคนละเครื่อง มีคนหนึ่งพูดออกมา พูดจีนกลางผมฟังรู้เรื่อง บอกได้รับหรือยังส่งรูปไปแล้ว

จินดารัตน์ - คุณสนธิอาจจะไม่มีโอกาสออกไปทานข้าวข้างนอก แต่พวกเราเห็นสังคมไทยเป็นอย่างนั้นไปแล้ว

สนธิ - ผมไม่ต้องออกผมก็รู้ว่าเป็นอย่างไร เพราะผมดูคนรอบตัวผม

เติมศักดิ์ - โลกแคบลงแต่คนห่างกันมากขึ้น

สนธิ - ห้องทำงานผมตอนเช้าจะเป็นที่นั่งกินกาแฟกับน้องๆ มีสุรวิชช์ เพชร ดีน หลักๆ 3 คน และมีพี่สามารถ มังสังข์ บางทีคุณชัชวาลย์ก็มา ถ้ามาอยู่พร้อมกัน ถ้าชัชวาลย์คุยกับผม พี่สามารถคุยกับผม ผมมองไปปั๊บทั้งเพชร ดีน สุรวิชช์ สุรวิชช์จะไอแพดเฟซบุ๊ก เพชรจะเล่นไอโฟน ดีนจะเล่น 3 ใน 5 คน 3 คนเป็นโลกส่วนตัว อีก 2 คนคุยกับผม ผมจะอ่านหนังสือ แล้วก็คุย กินกาแฟ เห็นชัดเจนไม่ต้องออกไป อยู่ในบ้านเราเราเห็นหมด

จินดารัตน์ - บางบ้านมีกฎว่า เมื่อนั่งโต๊ะอาหารให้เก็บเครื่องมือสื่อสารทุกชนิด ให้ทุกบ้านเริ่มแบบนี้ก่อน ยาก

ขอบคุณสำหรับการติดตามชม เราพบกันสัปดาห์หน้าเวลาเดิม วันนี้ลาไปก่อน สวัสดีค่ะ/ครับ







 คลิกที่นี่ ฟังเสียง สนธิ ลิ้มทองกุล 



กำลังโหลดความคิดเห็น