xs
xsm
sm
md
lg

คำต่อคำ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” ศุกร์ที่ 4 ม.ค. 2556 (ต่อ)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เพราะฉะนั้นหลังจากนั้น พออเมริกาบุชเข้าไปโจมตีอัฟกานิสถาน เนื่องจากกรณี 11 กันยายนของอุซามะห์ บิน ลาดิน เกิดการตั้งรัฐบาลขึ้นมาคือ นายฮามิด คาร์ไซ คือใคร ฮามิด คาร์ไซ คือลูกจ้างบริษัทน้ำมัน อเมริกากับบริษัทน้ำมัน รัฐบาลเป็นพาร์ตเนอร์มาตลอด เขาบอกว่าพรรครีพับลิกันของอเมริกา ซึ่งบุชเคยเป็นประธานาธิบดี กับพรรคเดโมแครต ซึ่งคลินตันเคยเป็นประธานาธิบดีเขาบอกว่า สองพรรคนี้พรรคหนึ่งคือ เดโมแครต ล็อบบี้ยิสต์ใหญ่ที่สุดของเดโมแครต และเป็นคนซึ่งซัพพอร์ตเดโมเครต คือ วอลล์สตรีท แบงก์ต่างๆ ธนาคารต่างๆ วาณิชธนกิจต่างๆ ส่วนธุรกิจที่ซัพพอร์ตรีพับลิกันคือ น้ำมัน ฟังดูเหมือนกับไอ้สองตัวนี้ไม่ถูกกัน จริงๆ มันคือพวกเดียวกัน เพราะไอ้บริษัทน้ำมันมันอยู่ที่ไหน มันต้องใช้เงินกู้แบงก์ใช่ไหม ถูกไม่ถูก ในขณะเดียวกันบริษัทน้ำมันทุกบริษัทมันเข้าอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ เทรดในตลาดหลักทรัพย์คือ วอลล์สตรีทนั้นเอง เพราะฉะนั้นไอ้พวกนี้เกี่ยวกันอยู่ตลอดเวลา เพราะฉะนั้นจะเป็นบุชขึ้น หรือรีพับลิกันขึ้น หรือเดโมแครตขึ้น นโยบายน้ำมันจะเหมือนกันหมด นั้นคือแหล่งใดก็ตามที่มีน้ำมัน จะต้องใช้นโยบายต่างประเทศ อเมริกาเป็นตัวนำ และบริษัทน้ำมันจะเดินตาม และบริษัทน้ำมันจะเป็นคนกำกับนโยบายต่างประเทศเสียด้วยซ้ำ

จำได้ไหมสมัยบุช ใครเป็นเนชันแนลซีเคไลเซอร์ คอนโดลีซซา ไรซ์ คือใคร คอนโดลีซซา ไรซ์ ผู้หญิงไอ้มืด นิโกรคนนั้นคืออดีตกรรมการของเชฟรอน เข้าใจหรือยัง เชฟรอนเห็นความสำคัญของคอนโดลีซซา ไรซ์ ถึงขนาดสร้างเรือบรรทุกน้ำมันลำหนึ่ง และใช้ชื่อว่าคอนโดลีซซา ไรซ์ สร้างเรือให้เลย ใส่ชื่อให้เลย เรือบรรทุกน้ำมัน เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ชัดว่า นโยบายไม่ว่าจะเป็นคลินตัน ไม่ว่าจะเป็นโอบามา ไม่ว่าจะเป็นจอร์จ บุช เมื่อมาถึงเรื่องพลังงานจะเหมือนกันหมดทุกคน เพราะฉะนั้นเมื่อบริษัทพลังงานมันมีข้อมูลอยู่แล้ว ว่าที่ใดบ้างมีน้ำมัน และมันจะวางแผนให้น้ำมันที่มันจะขุดนั้น ไม่ขุดขึ้นมาทันที มันจะปล่อยให้แหล่งน้ำมันที่มีอยู่แล้ว เริ่มหมดไปเพื่อปั่นราคาให้สูงขึ้น เข้าใจยัง ค่อยๆ ปล่อยของออกทีละชิ้น ไม่ใช่ขุดมาทีเดียวทั้งหมด ขุดมาทีเดียวทั้งหมดแล้วราคาน้ำมันมันตก มันต้องค่อยๆ ขุดทีละลิตร ทีละลิตร ตอนนี้มันบอกว่า ปล่อยให้น้ำมันทางตะวันออกกลางให้มันพีกก่อน คือพีกออยล์ หมายความว่าถึงสุดจุดแล้ว มันต้องเริ่มตก เรื่องจริงตอนนี้รัสเซียเริ่มพีกใช่ไหม ทีนี้พอเริ่มพีก พอตกลงมาแล้ว น้ำมันขาด น้ำมันผลิตน้อยลงตายห่าขึ้นแล้ว 5 ปีที่แล้วใครเคยคิดบ้าง น้ำมันจะตกถังละ 100 กว่าเหรียญไม่มีใครเคยคิด แค่ 60 เหรียญยังไม่เคยมีใครเคยคิดเลย

สมัยผมทำรายการเมืองไทยรายสัปดาห์กับแอ้มอยู่ ผมเป็นคนทำนายไว้ก่อนเลยว่า น้ำมันจะขึ้นอย่างน้อยที่สุด 50-60 เหรียญตอนนั้น ตอนนั้นแค่ 30 เหรียญเลย ผมยังจำได้เลยนายวิเศษ จูภิบาล เยาะเย้ยผมบอกว่า น้ำมันแพงเหตุผลเพราะว่าการใช้น้ำมันช่วงหน้าหนาวมันเยอะ น้ำมันเลยแพง แต่พอหน้าร้อนมา น้ำมันจะตก วันนี้ผมอยากรู้ว่านายวิเศษ จูภิบาล เอาหน้าไว้ที่ไหน คงไม่ได้เอาหน้าไว้ไหน เพราะว่ารวยเหลือเกิน เพราะเป็นรัฐมนตรีพลังงานให้กับทักษิณ ชินวัตร เป็นคนแปรรูป ปตท.เข้าตลาดหลักทรัพย์ คือฝีมือนายวิเศษ จูภิบาล นายคนนี้ต้องจำใส่กะโหลกพวกเราไว้เลยว่ามีส่วนที่ทำให้ประเทศไทยต้องเป็นอย่างนี้ ต่อมาพอน้ำมันเป็นอย่างนี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว คำถามมีอยู่ว่า มันจะวางนโยบายอย่างไร มันรู้แล้วสิว่า จากนี้ไปประเทศนี้อีกหน่อยมันจะเริ่มขุดน้ำมันในประเทศนี้ได้ หลังจากน้ำมันตกมันจะขุดตรงนี้ เพราะว่าพีคออยล์ทำให้ราคาน้ำมันสูง พอน้ำมันสูงและถ้ามันไม่รีบผลิตขึ้นมามันก็จะไม่กำไรใช่มั้ย วิธีการก็คือซึมเข้ามาในประเทศๆหนึ่ง จะซึมผ่านไหนก็ได้ ซึมผ่านทหาร ผ่านนักการเมือง ที่สำคัญผ่านข้าราชการประจำตัวแสบที่ซึมมีอยู่ 2 กระทรวง กระทรวงแรก คือ กระทรวงการต่างประเทศ เพราะว่าการที่จะได้น้ำมัน หรือไม่ได้น้ำมัน ขึ้นอยู่กับการที่จะให้กระทรวงการต่างประเทศของประเทศหนึ่งกับกระทรวงการต่างประเทศของประเทศหนึ่ง ซึ่งในกรณีนี้คือไทย-เขมร ซึ่งมีพื้นที่ทับซ้อนกัน แล้วมันก็จะเลือกว่ามันจะยึดเอาหลักประเทศไหนเป็นหลัก มันยึดเขมรเพราะว่ามันคิดว่าเขมรง่ายกว่า คุยกับไทยยาก แต่คุยกับไทยยากวิธีการคือต้องใก้กระทรวงการต่างประเทศรับใช้พวกมัน ทำทุกอย่างเพื่อให้เขมรได้สิทธิ์ ไม่สังเกตเหรอว่ากระทรวงการต่างประเทศไทยมันไม่เคยตอบเลยแม้แต่นิดเดียวในอดีต มันยังเสือกมีหน้ามาพูดในวันนี้มันบอกว่า อย่าไปทะเลาะกันเลยเพราะเป็นของเขมร เดี๋ยวเราค่อยคุยกันว่าคุณใช้ตรรกะหัวแม่ตีนอะไรมาคิดว่าเป็นของเขมร เดี๋ยวผมจะอธิบายให้ฟัง ทีนี้ว่ามันซึมเข้ามาแล้ว วิธีการซึมมันซึมได้หลายอย่าง ประการแรก มันซึมด้วยการให้ทุนไปดูงาน ประการสอง มันซึมด้วยการให้เงินมาวิจัย ประการที่ 3 มันซึมด้วยการจ่ายเงินใต้โต๊ะเลย เป็นที่ปรึกษา ฉะนั้นคนในประเทศไทย ข้าราชการไม่ว่าจะเป็นเจ้าพนักงานข้าราชการกระทรวงทรัพยากรธรณี ซึ่งสมัยก่อนดูแลเรื่องน้ำมัน มาจนกระทั่งกระทรวงพลังงานทุกวันนี้ คนที่มีโอกาส คือฝรั่งมันไม่ได้ซื้อรัฐมนตรี มันจะไปซื้อใจหรือตัวคนซึ่งมีข้อมูล แล้วพร้อมเอาข้อมูลที่มันป้อนให้มาดัดแปลง พลิกแพลง เพื่อเป็นประโยชน์แก่มัน เหมือนกับมันขุดค้นพบ มันได้สัมปทานของบ่อนี้ที่อยู่ในเขตประเทศไทย มันก็จะให้เจ้าหน้าที่ซึ่งทำวิจัยนี้รับเงินทองไป แล้วก็บอกว่าน้ำมันอันนี้จริงๆ แล้ว อาจจะมีถึงล้านบาร์เรล แต่มันอาจจะบอกว่ามีแค่ 2 แสนบาร์เรล เพื่อให้ราคาสัมปทานมันถูกลง นั่นคือวิธีการของมัน ทีนี้พอมันซึมมาแล้วทั้งกระทรวงพลังงาน การต่างประเทศ นั่นคือที่มาว่าแล้วมันก็ซึม ผู้บริหารชาติ นายกรัฐมนตรี และนายกรัฐมนตรีของเราแต่ละคน ฝรั่งทั้งนั้น อานันท์ ปันยารชุน ก็ฝรั่งจ๋า อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็ฝรั่งจ๋า ทักษิณ ชินวัตร ก็กิเลศหนาจ๋า เพาะมันรู้ว่ามันควรจะดีลกับใครในประเด็นไหน ถ้าดีลกับอานันท์ก็ฝรั่งจ๋า เอาอานันท์ไปเป็นกรรมการของบริษัทเชฟร่อน หรือเอาไปเป็นกรรมการของบริษัทโน้นนี้ของบริษัทที่ฟังดูเหมือนจะเท่อยู่ในระดับโลก อภิสิทธิ์ นี่ออกซฟอร์ด มาเจอไอ้พวกนี้แหมพูดภาษาอังกฤษกันก็โชว์ฟอร์มเต็มที่ ไอ้พวกนี้ก็หัวเราะเยาะหลับหลังอภิสิทธิ์ว่ามึงเสร็จกูแน่นอน แล้วก็เสร็จจริงๆ พอมาเจอสมัคร สุนทรเวช มันก็ยิ่งหมูใหญ่ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ สุรยุทธ์ จุลานนท์ คุณไม่สังเกตเหรอ ตั้งแต่ชวน หลีกภัย เซ็น MOU 2543 จนกระทั่งชวน หลีกภัย ทักษิณ ชินวัตร สุรยุทธ์ จุลานนท์ สมัคร สุนทรเวช สมชาย วงศ์สวัสดิ์ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มาจนถึงยิ่งลักษณ์ ชินวัตร 7 นายกรัฐมนตรีไม่มีอ้ายหรืออีคนไหนเลยที่มาบอกว่าต้องยกเลิก MOU 2543 เพราะจะทำให้เสียดินแดน ไม่ยกเลิกเพราะมันถูกฝรั่งแดกไปหมดแล้ว

ไอ้เขมร เมื่อมันไปคุยเสร็จเรียบร้อยทุกอย่างปั้บ ไอ้ฮุน เซน มันฉลาด รู้ว่าอย่างไรก็ตามฝรั่งมันต้องเอาสัมปทานไปเพราะมันต้องการให้สัมปทานฝรั่งเพราะมันจะได้เงินด้วย มันเอาเขาพระวิหารเป็นตัวต่อรอง วิธีต่อรองมันวางเป็นสเตป ตั้งแต่หลัง 2505 มา ตั้งแต่ไทยแพ้คดีศาลโลกมาจนถึงกระทั่งก่อน 2540 อีเขมรมันเคยโวยวายมั้ยเรื่องเขาพระวิหาร ไม่เคย ทำไมมันมากระสันโวยวายทำเป็นร่าง MOU 2543 ว่าหลัง 2540 แล้วฝรั่งมันตัดสินใจที่จะมูฟ ที่จะจัดการเพราะมันดูว่าเหตุการณ์ทั้งหมดนี้อีกไม่เกิน 20 ปี มันจะต้องขุดน้ำมันให้ได้ตรงอ่าวไทย นั่นคือที่มาของ MOU 2543 เข้าใจหรือยังตอนนี้ ถ้ามันยังใช้แผนที่มาตรา 1 ต่อ 50,000 เก่า ปราสาทเขาพระวิหารก็เป็นของเรา แต่เนื่องจากศาลโลกพิพากษาไปแล้ว ศาลโลกเลยบอกว่าเฉพาะตัวปราสาทนะ นอกปราสาทเป็นของไทย เพราะอีศาลโลกที่มันตัดสินไปเช่นนั้น เพราะว่ามันโดนอิทธิพลของฝรั่งเศสไปบีบ และทำไมแผนที่ถึงเป็นอย่างนั้น 1 ต่อ 2 แสน ทำไมไม่ใช่ 1 ต่อ 5 หมื่น ประเมินกันได้ว่าสมัยนั้นที่อีฝรั่งเศสมันทำแผนที่ ฝรั่งเศสมันเคยเป็นเจ้าอาณานิคมของเขมรอยู่ มันก็มองว่าถ้ามันให้ 1 ต่อ 2 แสน มันจะกินเขาพระวิหารไปด้วย เพราะมันชอบวัตถุโบราณ มันผิดปกติ คุณมาเป็นเจ้าของปราสาทเขาพระวิหารได้ไง ในเมื่อคุณเป็นเขมร ปราสาทมันสร้างบนเขาที่ดินแดนไทย มึงเป็นเจ้าของได้อย่างไร ด้วยตรรกะนี้ก็ฟังไม่ขึ้น เอาล่ะ ช่างมัน เพราะฉะนั้นแล้ว 1 ต่อ 2แสน มันก็เลยเริ่มจากสมัยโน้น ที่เพราะฝรั่งเศสมันมองว่า 1 ต่อ 2 แสน มันสามารถจะกินเข้าไปในเขตของ

คุณไม่สังเกตเหรอ 1 ต่อ 2 แสนใช้เมื่อไหร่ ปราสาทตาเมือนธมพวกนี้โดนหมดเลย เพราะฝรั่งเศสมันจงใจไง เพื่อกินพวกวัตถุโบราณต่างๆ เพื่อยกให้เป็นของเขมร เหตุผลเพราะว่ามันเป็นเจ้าอาณานิคมเก่า ทีนี้ไทยก็ยึด 1 ต่อ 5 หมื่น ไทยก็สู้ พ.อ.ถนัด คอมันตร์ รัฐมนตรีต่างประเทศไทยก็สู้ จอมพลสฤษดิ์ก็สู้ ทุกคนสู้หมด แต่ไปแพ้ในศาลโลก แพ้เพราะ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช แพ้เพราะว่าดันทะลึ่งไปยอมรับอำนาจของศาลโลกไง แต่แพ้ตอนนั้น คุณถนัด คอมันตร์ก็ประกาศบอกว่าไม่ยอมรับมติของศาลโลก และจะขอสงวนสิทธิ์การต่อสู้ต่อไป ชัดเจนมั้ย โดยที่เรายังไม่ยอม 1 ต่อ 2 แสน เราบอกเรายังใช้ 1 ต่อ 5 หมื่น ต่อเหมือนเดิม ฟังให้ดีๆ จอมพลสฤษดิ์ จำไม่ได้เหรอ เอาธงลงจากเสา เอาลงอย่างไร ขุดเลย ขุดทั้งอันไม่ยอมเอาธงลง แล้วยกออกมาแล้วก็ล้อมรั้วทันที ทุกอย่างก็เป็นอย่างนั้นตลอดมา ไม่เคยเปลี่ยนแปลง เพียงแต่หลัง 2540-41 เป็นช่วงที่ไอเอ็มเอฟเข้ามาในประเทศไทย ไอเอ็มเอฟมันไม่ใช่เพียงแต่มายุ่งในเรื่องการเมืองการปกครอง ไอเอ็มเอฟมันบังคับให้ไทยเปิดประเทศ บังคับให้ไทยขายรัฐวิสาหกิจ บังคับให้ไทยลอยตัวค่าน้ำมัน คือทำทุกอย่างเพื่อให้พวกมันรวย สูบเงินจากคนไทยกลับไป ปรส.ที่อมเรศ ศิลาอ่อน โดนพิพากษาติดคุก ก็มายุคไอเอ็มเอฟ เพราะฉะนั้นแล้วไอเอ็มเอฟก็จะบีบรัฐบาลไทยทุกอย่าง เข้าทางของบริษัทน้ำมันพอดี เพราะว่ามันเป็นเนื้อเดียวกัน เข้าใจหรือยัง ทางการเงิน ทางการน้ำมัน มันเป็นพวกเดียวกันหมด พอมันรู้ว่าไอเอ็มเอฟมีบทบาท ไอ้บริษัทน้ำมันรอตรงนี้อยู่แล้ว ก็เลยมาจึ๊กจั๊กๆ กับไอ้พวกข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศ ไอ้พวกสัตว์นรกขายชาติที่นั่งอยู่ที่กระทรวงบัวแก้ว ไอ้พวกห่านั่น จึ๊กจั๊กๆ เฮ้ยมึงเอาเอ็มโอยู 2543 เกิดขึ้นดีกว่า เพราะว่าไทยกับเขมรทะเลาะกันเรื่องผืนแผ่นดิน อย่างโน้นอย่างนี้ เอามาเลยดีกว่า เพื่อที่จะจบเสียที โดยสร้างภาพให้สวยหรูว่านี่คือการร่างสนธิสัญญาเพื่อนำไปต่อยอดในเรื่องของการทำปักหลักเขตแดน แต่ว่า เฮ้ย ให้ใช้ 1 ต่อ 2 แสนนะ เข้าใจหรือยัง เพราะฉะนั้นแล้วกระทรวงการต่างประเทศมันขายชาติ พอมาถึงคนอย่างสุขุมพันธุ์ บริพัตร คุณชายหมู ที่กินไวน์ทั้งวัน ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น สุรินทร์ พิศสุวรรณ

สุรินทร์ พิศสุวรรณ ตอนนั้นก็ฝรั่ง คุณชายสุขุมพันธุ์ ก็ฝรั่ง พอฝรั่งเจอพวกฝรั่งมาพูดกัน ก็มีความรู้สึกว่าเอ็มโอยู 2543 โอเค ส่งไปให้คุณชวน หลีกภัย เซ็น คุณชวนก็เซ็น แต่ตลก พระราชกฤษฎีกาป่าสงวนเกิดขึ้นในยุคนั้นพอดี แล้วพื้นที่พระราชกฤษฎีกาป่าสงวนมันคลุมพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรด้วย รวมไปจนถึงปราสาทเขาพระวิหาร คำถามคือ แล้วรัฐบาลเซ็นไปทำไม พระราชกฤษฎีกาป่าสงวน แสดงว่ารัฐบาลก็ยอมรับแผนที่ 1 ต่อ 5 หมื่น ถ้าคุณไม่ยอมรับแล้วจะเกิดพระราชกฤษฎีกาป่าสงวนได้ยังไง ถูกมั้ย เพราะว่าป่าสงวนมันคลุมพื้นที่นั้น ในการจะคลุมพื้นที่นั้นได้คุณต้องใช้ 1 ต่อ 5 หมื่น แต่คุณเสือกไปเซ็น 1 ต่อ 2 แสน ตรงนี้ไม่มีใครให้คำตอบได้เลย มันเงียบ หลังจากนั้นทักษิณขึ้น พอทักษิณขึ้น ฝรั่งมันรู้ว่าทักษิณกิเลสหนา มันก็มาคุยกัน ไม่เห็นเหรอทักษิณบินไปคุยกับฮุน เซน ไปกอดกับฮุน เซน ทักษิณนี่เป็นคนไว ฉลาด จะรู้ว่าอนาคตไม่ใช่โทรศัพท์มือถือแล้ว จะเป็นเรื่องพลังงาน น้ำมันจะสูงขึ้น เพราะฉะนั้นแล้วทักษิณก็ไปล็อก ล็อกซ้าย ล็อกขวา เสร็จเรียบร้อย ต่อด้วยเอ็มโอยู 2544 ในทะเล เพราะคิดว่า 43 จบ เมื่อมันใช้ 1 ต่อ 2 แสนแล้ว พอลงไปถึง 44 ก็จะได้จบอีกทีหนึ่ง

สังเกตอย่างว่า บริษัทน้ำมันที่ได้สัมปทานจากกระทรวงพลังงาน ที่อยู่ในทะเล มีอยู่หลายบริษัท ไม่รู้ว่าหมาตัวไหนเป็นเจ้าของ แต่มันอยู่ในพื้นที่พิพาทเลย มันอยู่ในพื้นที่พิพาท ถ้าผมเดาไม่ผิด จะต้องเป็นของคนที่อยู่นอกประเทศ ใส่ชื่อนอมินีเอาไว้ก่อน แล้วเซ็นสัญญาเอาสัมปทานทิ้งไว้ เพราะว่าเมื่อวันใดก็ตามที่ 2544 ลากไป แล้วปรากฏว่ากลายเป็นของไทย 1 ส่วน 4 ของเขมรเศษ 3 ส่วน 4 ไอ้บริษัทบ้านั้นก็จะเริ่มมาเข้าหุ้น เพราะมันได้สัมปทานด้วย เข้าหุ้นกับต่างชาติ มันได้สัมปทาน แต่ให้ต่างชาติลงทุน แล้วมันถือ 25 เปอร์เซ็นต์ เห็นหรือยัง นั่นคือที่มาของมัน

ทีนี้พอมาถึงในยุคพรรคสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี เรื่องเกี่ยวกับมรดกโลก เราก็อ่านเกมออก พันธมิตรฯ อ่านเกมออก แต่พันธมิตรฯ ไม่ได้อ่านเกมทะลุไปถึงขนาดนั้น นี่ผมไม่ได้พูดว่าผมอ่านเป็น ทะลุคนเดียวนะ เพราะผมพูดเรื่องพลังงานก่อนเพื่อนเลย ตั้งแต่สมัยจัดรายการอยู่ที่เมืองไทยรายสัปดาห์ที่สวนลุมฯ ขนาดพูดตอนนั้น ม.ล.วัลย์วิภายังบอกว่าผมเพ้อ ยังบอกว่าสนธินี่เพ้อเจ้อ วันนี้ไม่มีใครว่าสนธิเพ้อเจ้อสักคน เพราะผมอ่านเกมทะลุหมดเลยว่ามันจะต้องเป็นอย่างนี้เลย ถ้าเราเอาผลประโยชน์เป็นตัวตั้ง พอสมัครขึ้นมาปั๊บ เราเห็นแล้วว่ามันเริ่มรุกด้วยการทำมรดกโลก แล้วมรดกโลกอะไรของมึง ตลกมาก มึงยื่นอยู่คนเดียว แล้วไทยไม่คัดค้าน แล้วไทยไม่ขอยื่นแข่งด้วย แสดงว่ามันสมรู้ร่วมคิด นี่เกิดขึ้นในยุคสมัยนพดล ปัทมะ เห็นหรือยัง ชัดเจนมั้ย เพราะฉะนั้นแล้วพอมาถึงยุคประชาธิปัตย์ มันก็สู้กันไปสู้กันมา เราก็ไปค้าน ในที่สุดสุวิทย์ คุณกิตติ ก็มีเรื่อง อย่างที่เรารู้กัน เราไม่ต้องอธิบายความแล้ว รายละเอียด นี่พูดให้เฉพาะพันธมิตรฯ ที่ติดตามเรื่องนี้เขาจะเข้าใจดี เพราะงั้นคนที่ไม่เข้าใจ ช่วยไม่ได้ ผมไม่มีเวลา เสียเวลากับคุณ อย่างที่บอก ไม่มีเวลาไร้สาระกับคุณ

พอมาถึงวันนี้ ใกล้จะถึงวันนี้ ในที่สุด ทุกฝ่ายก็ตกลงกันว่า เฮ้ย เพื่อไม่ให้มีการคัดค้าน ทะเลาะกัน ประชาชนไม่ออกมา ก็คือให้ศาลโลกพิพากษาแล้วกัน ถ้าให้ศาลโลกพิพากษา อย่างน้อยที่สุดเป็นมติศาลโลกก็ต้องยอมรับกติกาสากล ใครล่ะค้าน บอกไม่ให้ยื่นเข้าศาลโลก ไม่ให้ยอมรับอำนาจศาลโลก ถ้าไม่ใช่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เพราะเราอ่านเกมออกหมด เรารู้ว่านี่คือเกมที่จะเอาเข้าศาลโลก เพื่อจะผ่องเรื่องนี้ให้กับเขมร ให้กับฝรั่ง โดยที่พรรคประชาธิปัตย์บอกว่า แบะๆๆ ผมจะทำอะไรได้ ผมยื่นเข้าศาลโลก ปัดโธ่ ไอ้มุกกระจอกๆ ไอ้มุกหัวแม่ตีนแบบนี้ผมทำไมจะอ่านไม่ออก เราถึงค้าน แล้วมีเหตุผลอะไรจะต้องไปยอมรับกติกาของศาลโลก เราไม่ได้เป็นสมาชิกภาคีศาลโลก เราออกมาตั้งนานแล้ว แล้วมติของศาลโลก ถ้าวันนั้นมันยื่นศาลโลก แล้วเราเพียงแต่พูดคำเดียวว่า เราไม่ยอมรับการตัดสินของศาลโลก เพราะเราไม่ได้เป็นสมาชิกภาคีศาลโลก จบมั้ย

จินดารัตน์ / กมลพร- จบ

สนธิ- แต่ว่านายกฯ อภิสิทธิ์ ออกซฟอร์ด หล่อ พูดภาษาอังกฤษเก่ง ต้องการพิสูจน์ว่าตัวเองนั้นคือคนซึ่งอยู่ใน International อริราช ทุกคนจะต้องชมว่าการปราบเสื้อแดงนั้นจะต้องปราบด้วยความสงบ เจรจา Reconcillation ปรองดอง เหมือนอย่างยัยสมจิตต์ชมไง ฉิบหายหมด อิ๊บอ๋ายหมดเลยงานนี้ ทุกเรื่อง ไม่ว่าเรื่องการเมือง เรื่องที่ดิน เรื่องดินแดน ทุกอย่าง สรุปก็คือว่ามันเป็นแผน สายพานส่งของให้กับเขมรและฝรั่ง โดยใช้ศาลโลกเป็นเครื่องมือ เข้าใจหรือยังตอนนี้

จินดารัตน์- มันเกี้ยเซี้ยกันหมดเลย

สนธิ- ตอนนี้เห็นภาพรวมหรือยัง

กมลพร- เห็นภาพรวมแล้ว

สนธิ- เก๋ฟังแล้วเก๋คิดยังไง เห็นมั้ย ถอนหายใจใช่มั้ย มันเชี่ยจริงๆ แล้วนี่ ผมชอบแถลงการณ์วันนี้ของพันธมิตรฯ แถลงการณ์พันธมิตรฯ ก่อนพารากราฟสุดท้ายเขียนไว้ว่าอย่างนี้ ดังนั้น หากรัฐบาลเมื่อทราบทางเลือกแล้ว คือรัฐบาลตอนนี้รู้แล้วว่าทางเลือกมีอะไรคือ 1. จะต้องประกาศเลย คือส่งตัวแทนเข้าไปในเดือนเมษายนบอกว่า เราไม่ยอมรับมติศาลโลก เพราะเราไม่ได้เป็นสมาชิกภาคีศาลโลก เราถอนออกมาเลย ยังไม่ปฏิบัติตาม อีกทั้งยังประชาสัมพันธ์ ตอนนี้ทำนะ กระทรวงการต่างประเทศเลิกทั้งที่ตัวมันเองคือพวกขายชาติ ไอ้พวกเหี้ยนี่พวกขายชาติต้องพูดจาหยาบๆ หน่อย ไม่รู้จะให้สัญลักษณ์มันอย่างไรดี ด่าว่าไอ้เหี้ย พวกมันยังถือว่าให้เกียรติมัน มันเลวกว่าเหี้ยอีก มันเอาชาติไปขายแบบนี้ และมันจงใจทำกัน มันไม่ออกมาปกป้องชาติบ้านเมืองเลยแม้แต่นิดเดียว พยายามทำประชาสัมพันธ์เพื่อให้คนไทยยอมจำนนกับความพ่ายแพ้อย่างอยุติธรรม

สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล พูดได้อย่างไรว่ามีแต่เจ๋ากับเจ๊งผมกล้ว คุณต้องพูดงานนี้ผมจะต้องไปคัดค้านศาลโลก และไม่ยอมรับมติศาลโลก เพราะว่าประเทศไทยจะเสียอธิปไตย ซึ่งเป็นดินแดนของคนไทย ถ้าคุณไม่คัดค้านแสดงว่า คุณแอบจับมือและร่วมมือกันขายชาติ ใช่ไหม ย่อมถือว่ารัฐบาลมีเจตนาขายชาติขายแผ่นดิน จึงต้องเป็นผู้ร่วมรับผิดชอบด้วย หากราชอาณาจักรไทยต้องสูญเสียดินแดนในครั้งนี้ จะถือว่าเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชาติไทยที่ราชอาณาจักรไทยต้องเสียดินแดนในรัชกาลปัจจุบันคือ รัชกาลที่ 9 แต่ที่เสียดินแดนในรัชกาลที่ 9 เพราะการสมรู้ร่วมคิดรู้เห็นเป็นใจของนักการเมืองทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าจะเป็นประชาธิปัตย์ และข้าราชการที่เกี่ยวข้องคือ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพลังงาน และผู้นำกองทัพ ในวันนี้ผมต้องพูดถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะว่าไม่พูดถึงประยุทธ์ จันทร์โอชาไม่ได้ เพราะว่าไทยจะเสียดินแดนในยุคที่คุณเป็น ผบ.ทบ. คุณนี่ยิ่งกว่าแขกยาม และคุณมาพูดได้อย่างไรว่า คุณอยู่เขมรคุณต้องใจดีกับเขมร ใช่เปล่า ถ้าอย่างนั้นผมถามคุณ คุณซื้ออาวุธไปทำห่าอะไร คุณจะไปรบกับใคร ผมถามนิดหนึ่ง คุณซื้ออาวุธไปรบกับใคร

กมลพร- เอาไว้โชว์เด็กไง

สนธิ- หรือเอาไปโชว์เด็ก หรือว่าเอาไว้โชว์ให้เรือเหาะมันพัง คุณเนี่ยไม่ใช่ทหารเลยแม้แต่นิดเดียว ผมเกิดมาผมยังไม่เคยเห็นทหารคนไหนที่แย่ยิ่งกว่าคุณประยุทธ์ จันทร์โอชา ผมเห็นใจทหารชั้นผู้น้อยหลายคน ระดับเด็ก ระดับผู้บังคับกองพัน กองพล หลายๆคน เขาไม่ยอมเรื่องเสียดินแดน แต่เขามีนายที่ห่วยแตกแบบนี้ ข้าราชการที่เกี่ยวข้อง ผู้นำกองทัพ ที่ไม่ทำหน้าที่ในการปกป้องอธิปไตยของชาติตามรัฐธรรมนูญอย่างที่ได้ปรากฏ จะต้องร่วมรับผิดชอบในความอัปยศทั้งหมดที่เกิดขึ้นจริง ไอ้พวกนี้ต้องร่วมกันรับผิดชอบหมดเลย ไอ้ ครม.ทุกชุด ที่อนุมัติ 2543 ไม่ว่าจะเป็นชุดของประชาธิปัตย์ ชุดของเพื่อไทย มันต้องรับผิดชอบ ถ้าเสียดินแดน รวมไปจนถึงผู้นำเหล่าทัพ แอน วีระ ราตรี รวมทั้งนายพินิจ คนของพรรคประชาธิปัตย์ ไปยืนอยู่บนพื้นที่ของดินแดนไทย แทนที่คุณอภิสิทธิ์ ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประวิตร วงศ์สุวรรณ จะลุกขึ้นมาแล้วบอกว่านี่คือดินแดนไทยขอให้คุณส่งคนไทยกลับเข้ามา ไม่ จิตใจมันเป็นเขมรไปหมด มันบอกว่าไปยืนอยู่ในพื้นที่เขมร ทั้งที่เราพิสูจน์กันมาหลายครั้งแล้วว่าที่นั้นเป็นที่คนไทย ไม่ว่เรื่องอะไรก็ตาม ขี้เกียจจะพูดซ้ำ เราพิสูจน์ใน 158 วันแล้ว ว่าประชาชนที่อยู่ที่นั่นเอามาออกทีวี เขาบอกว่าบ้านเขาอยู่ที่นั่น แล้วมันจะเป็นของเขมรได้อย่างไร แล้วในที่สุด 2 คนก็โดนจับไป 3 คนก็โดนจับ แต่เสือกปล่อยนายพินิจ มาคนเดียวเพราะเป็นพวกพรรคประชาธิปัตย ์แปลว่าอะไร วันนี้อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ สุเทพ เทือกสุบรรณ กษิต ภิรมย์ ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประวิตร วงศ์สุวรรณ คนพวกนี้ต้องให้พี่น้องพันธมิตรฯ และพี่น้องที่รักชาติจารึกเอาไว้ ว่าวันไหนที่ดินแดนเสีย ไอ้ 5 คนนี้ต้องรับผิดชอบเพราะมันมีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะถ้าวันนั้นมันบอกว่า วีระ กับราตรี ยังยืนอยู่บนแผ่นดินไทย ยังเป็นพื้นฐานในการต่อสู้ต่อไปได้ แต่ยังเสือกไปยอมรับเสียอีก

จินดารัตน์- หนังสือพิมพ์ไปถามคุณประยุทธ์ในตอนนั้นนะคะ คุณประยุทธ์บอกว่าจะให้ทหารไปรบกับเขา นั่นหมายถึงกัมพูชา ผมถามว่าทหารไม่มีเลือดเนื้อหรืออย่างไร ฝ่ายตรงข้ามเขามีรถเกราะรถถังและมีอาวุธที่ทันสมัยกว่าเราเยอะ วันนี้เราล้าหลังกว่าเขาในเรื่องความทันสมัยหากเทียบจำนวนกำลังทหารไทยก็แข็งแรง แต่ถามว่ายุทโธปกรณ์ล้าหลังกว่าเขาจะทำอย่างไรได้

สนธิ- นายประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ควรเป็นทหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่ควรเป็นผู้บัญชาการทหารบก ผมบอกว่าเป็นแขกยามยังเป็นไม่ได้เลย คนคนนี้เป็นได้อย่างเดียวคือเดินตามรอกคลองยายปู เขาอยู่มา 2 ปีแล้ว พี่วีระ ราตรี ติดคุกมาทั้งที่เขายืนบนแผ่นดินไทย คุณอภิสิทธิ์คุณว่าอย่างไร คุณสุเทพคุณว่าอย่างไร ที่คุณเดินออกมาจากที่ประชุมแล้วคุณแอบเดินไปพบคุณฮอร์ นัมฮง ที่โรงแรมเพนนินซูล่า ที่ล็อบบี้มุมหนึ่งแล้วมีคนรายงานมา คุณไปตกลงอะไรกันแล้วคุณกลับมาออกบอกว่า แหม ที่ดินเท่าแมวดิ้นตายมาสู้กันทำไม สู้ไปเอาเรื่องน้ำมันในทะเลไม่ดีกว่าเหรอ แสดงว่าแลกกันเรียบร้อยแล้วใช่มั้ย ไอ้คนที่ขายชาติขายแผ่นดินมันจบไม่ดีนะ ชีวิตมันฉิบหายนะทั้งตระกูลนะ ถูกสาปแช่งนะ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในดินแดนนี้คุณเชื่อหรือไม่ก็ตาม ผมเชื่อ คุณไม่มีวันเจริญตายก็ตายอย่างทรมาณ แล้วลุกหลานแต่ละคนนะ คอยดูซิไทยเสียดินแดนเมื่อไหร่ ไม่ใช่ว่าไทยไปแย่งเขามานะ เราดดนมันปล้นไปด้วยการให้ความร่วมมือของคนของเราเอง แล้วเรามีทหารซึ่งต้องคอยปกป้องอธิปไตยไอ้ผู้บัญชาการทหารบกมันยืนเฉยๆ มันไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นมันรอแต่จะลอกคลองยายปูอย่างเดียว มันไม่สนใจอะไรเลย สนใจแต่ซื้ออาวุธเท่านั้น คนพวกนี้ต้องจารึกจำเอาไว้ ไม่รู้โปรดิวเซอร์เตรียมวีทีอาร์เก่าไว้หรือเปล่า เรื่องที่พันธมิตรฯไปที่ อ.กันทรลักษ์ มีมั้ย เปิดให้ดู นั่นล่ะ เขาไปเรียกร้องดินแดนปกป้อง แล้วเขาโดนพวกคนไทยที่อยู่ตรงนั้นรุมตี แล้วคนที่อยู่เบื้องหลังคือไอ้นักการเมืองที่อยู่บุรีรัมย์ ไอ้ห้อยๆ คุณนึกดูแล้วกัน วันนี้พวกคุณจะว่าอย่างไร พวกคนที่อยู่แถวนั้นไปรุมตีเขา วันนี้พวกมึงยังไม่มีที่พักที่อาศัย แล้วพวกเขมรจะเอาไปละ เขาไปช่วยปกป้องดินแดนไทย แต่มึงไปเล่นการเมือง ไปอยู่ภายใต้การบงการไอ้นักการเมืองชั่วๆ แถวบุรีรัมย์บางคน รวมทั้งนักการเมืองบางคนในพรรคประชาธิปัตย์เพื่อไปไล่ตีพวกเขาเห็นหรือยัง นี่แอน ไม่ต้องใช้เวลานานหรอก จะเห็นนรกกันแล้ว นี่ปีอะไร

จินดารัตน์- ปี 52

สนธิ- 3 ปีเองนะ ความจริงเริ่มปรากฏแล้วเห็นมั้ย อีกต่อไปในอนาคตความจริงเริ่มปรากฏทีละนิด ไอ้คนที่ผมเอ่ยเชื่อแต่ละคนมันจะมีหน้าลอยหน้าลอยตาในสังคมได้อย่างไร ถึงบอกไงว่า พวกเราเลิกคบคนระยำได้แล้ว ใช้เวลาคุยกับคนที่รู้เรื่องดีกว่า วันนี้ผมถามสื่อมวลชนว่าวันนี้เริ่มด้วยการไม่มีฝักไม่มีฝ่าย ถามว่าพวกคุณรักชาติกันบ้างหรือเปล่า คุณต้องการปกป้องอธิปไตยชาติมั้ย ถ้าต้องการปกป้องฟังผมพูด เถียงกันไม่ออก อธิบายความกันหมดเต็มที่ ธรรมดาแล้วเวลาแกนนำพันธมิตรฯแถลงข่าว คนจะถามคำถามเยอะ จะอธิบายได้ชัดเจนจนเกินไปว่าประเทศไทยโดนปล้น ไม่มีคำถามครับ ไม่รู้จะถามอะไร มันชัดยิ่งกว่าชัด

กมลพร- ได้แต่ถอนหายใจ

จินดารัตน์- ที่มันน่าเจ็บใจคือ วันที่ 29 พี่วีระโดนจับไปกับพี่ราตรี พร้อมนายพนิช วิกิตเศรษฐ์ วันที่ 31 ธันวาฯ คุณอภิสิทธิ์พร้อมครอบครัวยังตัดสินใจไปฉลองปีใหม่ที่ จ.ตาก น้ำตกทีลอซู

สนธิ- คือการปล่อยนายพนิช นี่ชัดเจน สรุปแล้ววีระเขาไม่ได้เป็นคนไทยเหมือนนายพนิชใช่ไหม คุณอภิสิทธิ์ เขาไม่มีพ่อไม่มีแม่หรอ อ้าวก็มันไปเหยียบย้ำบนดินแดนที่คุณไปอ้างว่า ของเขมรด้วยกันไง ถ้าคุณจะแฟร์ต้องให้พนิชติดไปด้วย ทำไมพนิชไม่ติด นี่ไงการเมืองไทย ผมถึงบอกว่าพวกสาวกแมลงสาบ ผมเบื่อพวกคุณ โง่ โง่ฉิบหาย ผมไม่รู้จะพูดกับพวกคุณอย่างไร พวกคุณไม่มีความ ไม่มีประโยชน์สำหรับผมเลยแม้แต่นิดเดียว แค่นี้คุณยังดูไม่ออกเลย และผมจะบอกให้คุณรู้ว่า ถ้าเมืองไทยเสียดินแดนไปเมื่อไหร่ พรรคที่คุณเทิดทูนเชิดชูนักหนา คือพรรคเพื่อไทยมันเลวอยู่แล้ว ผมนี่ไม่เอาเพื่อไทย และไม่เอาพรรคประชาธิปัตย์ เพราะผมรับไม่ได้กับไอ้ผู้ดีจอมปลอม ถ้าคุณรับได้กับผู้ดีจอมปลอม เชิญคุณรับไป และขอให้รู้ว่าไอ้พรรคที่คุณรักนักรักหนา คือพรรคที่ทำให้ชาติบ้านเมืองฉิบหาย ทำให้ชาติบ้านเมืองต้องเสียดินแดน เพราะพวกคุณนี่เอง

จินดารัตน์- คือหลายคนพยายามนึกถึงว่า ช่วงที่คุณอภิสิทธิ์เป็นรัฐบาล กรณีเขาพระวิหารคือ มันมีต่อหลายตอนที่เขาพูดออกมา และวันนี้สาวกเหล่านี้เขาจำไม่ได้แล้วหรอ

กมลพร- ลืมหมด

สนธิ- จำได้ไหมพูดที่ดินแดง ผมจะไม่ยอมเสียดินแดนเลยแม้แต่ตารางนิ้วเดียว อย่างโน้นอย่างนี้ ถุ้ย ของขึ้น ของขึ้น

จินดารัตน์- ของขึ้น จนเวลาล่วงเลยไป สงสัยจะนอนดึกกันอีกแล้ว สงสัยจะนอนดึกกันอีกแล้ว

สนธิ- ไม่เป็นไรดึกสักหน่อยวันนี้ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว

จินดารัตน์- ช่วงหน้าคุณสนธิจะพูดเรื่องอินเดียหน่อยไหมคะ

สนธิ- ได้นิดหน่อย น่าพูด

จินดารัตน์- งั้นเดี๋ยวพักกันก่อนช่วงหน้า เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ

สนธิ- วันนี้เอาให้จบ 5 ทุ่ม เดี๋ยวผมจะพูดกับผู้อำนวยการสถานีก่อน

จินดารัตน์- งั้นเดี๋ยวพักกันก่อนสักครู่คะ


ช่วงที่ 3


จินดารัตน์- กลับมาช่วงสุดท้ายกับรายการคุยทุกเรื่องกับสนธินะคะ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คุณสนธิอยากจะแสดงความเห็นอะไรบางอย่าง เพื่อที่จะบอกกับสังคมไทยว่า มันเกิดอะไรขึ้นที่อินเดีย หลังจากที่มีข่าวออกมาตั้งแต่วันที่ 16 ธันวาคม คดีข่มขืนผู้หญิงบนรถเมล์ บนรถประจำทางนะคะคุณผู้ชม เมื่อวันอาทิตย์ที่ 16 ธันวาคม มีผู้ชาย 6 คน เมาสุรา และลงมือทำร้ายนักศึกษาแพทย์สาววัย 23 ปี พร้อมกับเพื่อนชายของเธอ ซึ่งเรียนวิศวกรรมอยู่ โดยบนรถนั้นมีคนขับรถโดยสารเป็นหนึ่งในคนร้ายด้วย ผลัดกันรุมโทรมผู้หญิงคนนี้ และจับทั้งสองคนโยนลงจากรถที่กำลังแล่นด้วยความเร็ว ผู้หญิงคนนี้ถูกตีด้วยท่อนเหล็กตามลำตัวและบอบช้ำจากภายในอย่างรุนแรง ต่อมาถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลสิงคโปร์ เพราะว่าอย่างนี้มีคนอินเดียหลายพันคน เดินทางไปชุมนุมประท้วงกัน รัฐบาลจึงต้องตัดสินใจส่งตัวเธอไปรักษาที่สิงคโปร์ ปรากฏว่าเธอเสียชีวิตแล้วเมื่อวันที่ 29 ธันวาคมที่ผ่านมานี้เอง

และคดีที่ 2 เกิดขึ้นไล่เลี่ยกันผู้หญิงอายุ 17 ปี เด็กผู้หญิงคนนี้ถูกข่มขืนระหว่างเทศกาลดิวาลี ที่เมืองปาเตียลาในรัฐปัญจาบ ผู้หญิงคนนี้วิ่งมาแจ้งความกับตำรวจ ตำรวจพยายามโน้มน้าวบอกว่า เอาน่าไม่ต้องเอาโทษกับเด็กผู้ชายเหล่านี้ เอาอย่างยอมรับเงินสินไหมทดแทนไปค่าเสียหาย หรือไม่ก็แต่งงานกับหนึ่งในผู้ชายที่ข่มขืนไป เด็กผู้หญิงคนนี้กลับบ้านกินยาตาย พี่สาวทนไม่ไหวเลยออกมาเปิดเผย และตำรวจยังไม่มีการจับกุมคนร้ายแต่อย่างใด ปรากฏว่าพอหลังจากวันที่เด็กคนนี้ตายไป 1 วัน ไปจับคนร้ายมาได้ 3 คน ผู้ต้องสงสัย 3 คน เขาบอกว่าจากตัวเลขคดีอาชญากรรมอุกฉกรรจ์ทั้งหมดมีทั้งหมด 256,329 คดี เกิดขึ้นในอินเดียเมื่อปีที่แล้วมีถึง 228,650 คดี เป็นคดีอาชญากรรมอุกฉกรรจ์ต่อเพศหญิง

สนธิ- สังคมอินเดียเป็นสังคมที่ ที่ผมอยากพูดเรื่องนี้เพราะว่า ผมติดตามข่าวนี้มาตั้งแต่ต้น ผมเป็นคนที่ชอบดูเหตุการณ์ เหมือนกับผมดูการเมืองเมืองไทย ผมถึงสงสัยว่าทำไมการเมืองเมืองไทยถึงเป็นอย่างนี้ พอเช็กไปเช็กมา มันอยู่ที่ไอ้สื่อมวลชนเน่าๆ นี้ พอมันเป็นสื่อมวลชนเน่าๆ ที่มันไม่ยอมที่จะมาดำเนินการในเรื่องที่ถูกต้องของสังคม เพื่อสร้างพลังของมวลชน สร้างพลังของประชาชนขึ้นมา เพื่อต่อรองกับพวกนักการเมืองชั่วๆ มันเลยทำให้ทุกอย่างมันชั่วไปหมดเลย เหมือนกับที่อินเดียเช่นกัน ผมดูว่าทำไมเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ทำไมมันมีแค่โซเนีย คานธี โซเนีย คานธีคือหัวหน้าพรรคคองเกรส ซึ่งเป็นหัวหน้าพรรครัฐบาล และในที่สุดหลังจากนั้นอีกหลายวัน นายซิงห์ นายกรัฐมนตรี ถึงออกมาพูด ช่วย ว่าจะทำทุกอย่างเพื่อที่จะให้ผู้หญิงคนนี้ได้รับความเป็นธรรม แต่ว่าคนอื่นไม่ออกความเห็นเลย ไม่มี ไม่ว่าจะเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของอินเดีย พรรคคองเกรส หรือว่าเป็นผู้ว่ามณฑล หรือว่าเป็นรัฐมนตรีคนโน้นคนนี้ มันคล้ายๆ กับกรณีเขาพระวิหาร มีแต่คนที่ต้องการปกป้อง พวกเรา หรือประชาชนที่รักชาติ รักบ้านรักเมือง แต่ไอ้คนที่ต้องการจะเสนอตัวมาปรองดองแทน พล.ต.สนั่น บรรหาร ศิลปอาชา ไม่มีความเห็นเรื่องเขาพระวิหารบ้างเลยหรือ สุวัจน์ ลิปตพัลลภ ไม่มีความเห็นเรื่องเขาพระวิหารเลยเหรอ แม้แต่นิดเดียว ผืนแผ่นดินไทยที่กำลังจะถูกปล้นออกไป ไม่มีความเห็นเรื่องเขาพระวิหารเลยเหรือ หรือแม้กระทั่งคนอย่างจตุพร พรหมพันธุ์ ไม่มีเหรอ แล้ว ส.ส.อีสาน ที่เป็น ส.ส.พรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ส.ส.ศรีสะเกษ ไม่มีความเห็นเลยเหรอ ดินแดนคุณ พี่น้องคุณ กำลังจะถูกปล้นแผ่นดินไป นี่ก็เลยทำให้ผมชอบศึกษาเรื่องพวกนี้ แล้วผมก็มามอง ปรากฏว่า ผู้หญิงในบริบทของอินเดีย เป็นชนชั้นที่ต่ำมาก คุณรู้มั้ยคำว่าสามี-ภรรยา มันเป็นภาษาบาลี สามีก็คือผู้ที่เป็นเจ้าของทุกอย่าง ภรรยาคือภาระของสามี นี่คือคำแปลของภาษาบาลี เพราะฉะนั้นแล้วสามีจะต้องยิ่งใหญ่มาก นั่นคือสะท้อนภาพความยิ่งใหญ่ของผู้ชาย

ผู้หญิงนี่ ที่อินเดียใครมีลูกสาว จนไปสิบชาติเลย อ.สามารถ มังสัง แกเคยไปเรียนอินเดีย แกเล่าให้ฟัง แกบอกแกมีเพื่อนคนหนึ่งเป็นดอกเตอร์สอนทางด้านวิศวะ มีลูกสาว 3 คน ฆ่าตัวตายเลย เพราะว่าการมีลูกสาวจะให้ลูกสาวมีสามีต้องเอาสินสอดทองหมั้นไปซื้อผู้ชายมา

จินดารัตน์- เขาว่าบางคนหมดตัวเลย

สนธิ- ใช่ บางคนหมดตัวเลย แต่แกก็บอกดีเหมือนกันนะ แกบอก พอมาเข้ามาอยู่ในบ้านแล้ว กลายเป็นอีตาผัวต้องทำงานให้เมียทุกอย่าง ทั้งรีดผ้าให้ด้วย ซักผ้าให้ด้วย แต่มันก็เป็นการล้อ compensation แต่ว่าประเด็นคืออย่างนี้ โดยพื้นฐาน โดยประวัติศาสตร์ โดยวัฒนธรรมแล้ว บทบาทผู้หญิงในอินเดียไม่มี ไม่เหมือนประเทศอื่น ทำไมเรื่องนี้ไม่เกิดขึ้นในประเทศจีน หรือประเทศไทย เพราะว่าในแต่ละประเทศเขามีบทบาทตามประวัติศาสตร์ของวีรสตรี อย่างจีนก็มีมู่หลาน นักรบหญิง พระนางเจ้าบูเชกเทียน มีสาวสวยที่มีชื่อที่สามารถจะเปลี่ยนแปลงประเทศได้ อย่างเช่น ไซซี หยางกุ้ยเฟย แม้กระทั่งชอปาอ๋อง หรือภาษาจีนกลางเขาเรียก เซี่ยงหวี่ เซี่ยงหวี่นี่ก็ลุ่มหลง หลงใหลสนมของตัวเองมาก จนกระทั่งฆ่าตัวตาย เพราะสนมเองกินยาตาย วันที่เซี่ยงหวี่กำลังจะแพ้สงครามกับหลิวปั๋ง ฆ่าตัวเองที่ริมแม่น้ำไหวสุ่ย ฆ่าตัวตาย เซี่ยงหวี่ก็ฆ่าตัวตายตาม ยกตัวอย่าง ประเทศไทยก็มีท้าวเทพสตรี ท้าวศรีสุนทร ท้าวสุรนารี สมเด็จพระศรีสุริโยทัย เพราะฉะนั้นบทบาทของสังคมไทยยังโชคดี จีนก็ยังโชคดี ไม่เหมือนอินเดีย ของอินเดียไม่เคยมี ไม่เคยมีคนที่เป็นสตรีที่เคยมากู้ชาติกู้แผ่นดิน เขาบอกอินทิรา คานธี อินทิรา คานธี นั่นเป็นร่วมสมัย ช่วงหลัง มันจะต้องมาจากรากเหง้า ดั้งเดิมก่อน ผมเลยอยากจะพูดเรื่องนี้นิดหนึ่งว่า อย่างน้อยที่สุด สังคมไทยถ้าเกิดกรณีแบบนี้ แผ่นดินลุกเป็นไฟเลยนะ ทุกคนนั่งอยู่ไม่ติดเลยนะ แล้วพนันกับผม ไอ้พวก ส.ส.ทุกคนในสภาฯ จะต้องแข่งกันออกมากระทืบตำรวจ กระทืบไอ้พวกฆาตกร เพราะทำไมรู้มั้ย ต้องการได้หน้า แต่ทำไม ส.ส.อินเดียไม่ต้องการได้หน้าเรื่องพวกนี้ ก็เพราะว่าโดยธรรมชาติแล้ว โดยพฤติกรรมแล้ว โดยสันดานแล้ว โดยดีเอ็นเอแล้ว มันเห็นผู้หญิงไม่ต่างจากหมูตัวหนึ่ง

จินดารัตน์- เครื่องระบายอารมณ์

สนธิ- ระบายอารมณ์ นี่ล่ะสิ่งที่ผมอยากจะพูด

จินดารัตน์- เห็นบอกผู้เชี่ยวชาญที่อินเดียเขาอธิบายว่าสาเหตุมันเกิดมาจากรสนิยมชอบความรุนแรงทางเพศ ความไม่เกรงกลัวกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมที่หย่อนยาน

สนธิ- อันนั้นก็อาจจะเป็นไปได้นะ แต่ว่าจริงๆ แล้วผมคิดว่าน่าจะมีรากเหง้าทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมมากกว่า

จินดารัตน์- เรื่องความคิดคน

สนธิ- ความคิดของคน

จินดารัตน์- คิดว่าผู้หญิงเป็นที่รองรับอารมณ์

สนธิ- แอนกับเก๋โชคดีแล้วที่เกิดมาเป็นคนไทย แล้วโชคดีแล้วแอนที่มีดม เพราะว่าการมีดม ก็ไม่ได้ต่างจากสามีชาวอินเดียนะ ทำทุกอย่างในบ้าน

กมลพร- เขาผลัดกันทำ พี่ดมทำก่อนชาตินี้ พี่แอนทำชาติหน้า

สนธิ- เก๋ก็เหมือนกัน เก๋ก็รู้สึก แฟนก็อยู่ภายใต้อุ้งเท้าเก๋เหมือนกันไม่ใช่เหรอ

กมลพร- โสด

จินดารัตน์- โดนกันไปนะคะ

สนธิ- โดนกันไปคนละดอกนะ

จินดารัตน์- เราเห็นตัวเลขแล้วว่าน่ากลัวขนาดไหน ถ้าเมืองไทยถ้าเกิดขึ้น...

สนธิ- นี่แอน สองแสนกว่าราย เรื่องอุกฉกรรจ์ทางเพศ ก็คือการข่มขืนนี่นะ แอนลองเอา 365 หารหน่อยได้มั้ย วันนึงเกือบพันรายนะ ผู้หญิงอินเดียโดนข่มขืนวันละเกือบพันราย เรื่องใหญ่นะเนี่ย แสดงว่าระบบยุติธรรมของอินเดีย แสดงว่าตำรวจเห็นว่าผู้หญิงถูกข่มขืนเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อย

จินดารัตน์- เหมือนโดนลวนลามธรรมดา สะกิดตัวนิดนึงอะไรอย่างนี้มั้ง แล้วจริงๆ ตัวเลขมันมากกว่านี้เยอะนะคะ เพียงแต่ผู้หญิงไม่ไปแจ้งความ เพราะรู้ว่า แจ้งความแล้ว...

สนธิ- ไม่มีประโยชน์

จินดารัตน์- ใช่ค่ะ

กมลพร- ผู้หญิงลุกขึ้นสู้มาเป็นเรื่องเลยนะ มันมีหนังสือเล่มเล็กๆ เล่มหนึ่ง บางเท่านี้ พิมพ์ในอเมริกา เขาบอกว่าเรื่องของนูจูด เป็นสาวอินเดียเหมือนกัน ก็ถูกอย่างนี้ ถูกพ่อบังคับให้แต่งงาน ถูกกดขี่ เขาแค่ลุกขึ้นมาฟ้องหย่าเองนะพี่ เป็นเรื่องราวที่นักสิทธิมนุษยชนต้องมาช่วยกันเป็นเรื่องเป็นราวขนาดนั้น

จินดารัตน์- เผลอๆ จะเดินออกนอกบ้าน..

สนธิ- บางคนถึงกับไล่ฆ่าเลยนะ บางคนถึงกับไล่ฆ่าผู้หญิงเลย คล้ายๆ ว่าคุณเป็นผู้หญิง คุณอย่าหือ

จินดารัตน์- แต่ทำไมญี่ปุ่น เกาหลี คือผู้หญิงในอดีตเขาก็ลักษณะคล้ายๆ กัน แต่ทำไมเขาไม่มีคดีอะไรแบบนี้

สนธิ- ผู้หญิงญี่ปุ่นนี่ผมคิดว่าเป็นวัฒนธรรมขงจื๊อมากกว่า เป็นวัฒนธรรมดั้งเดิมทางเอเชีย ซึ่งค่อนข้างจะ... โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางเอเชีย คนเชื้อสายจีน ญี่ปุ่น เกาหลี จะเป็นคนซึ่งไม่รุนแรงกับเพศสตรี แต่ในยุคหนึ่ง ในยุคหนึ่งในยุคสมัยเลียบก๊ก คือยุคก่อนที่จะเกิดสามก๊กขึ้นมา ยุคนั้นผู้หญิงก็เหมือนกับสินค้าชิ้นหนึ่ง ผู้หญิงก็เป็นอะไรบางอย่างที่แลกกันไปแลกกันมา เจ้าผู้ครองแคว้น หรือขุนนางคนหนึ่งจู่ๆ ได้รับความโปรดปรานจากจักรพรรดิ์ หรือว่าเจ้าครองแคว้น หรืออ๋อง อ๋องก็ได้นางระบำมาจากอีกแคว้นหนึ่ง 40 คน ก็แจกคนนั้นเอาไปคน คนนี้เอาไปคน พอพระยาคนนี้ตาย ลูกพระยาก็รับต่อ อะไรทำนองนี้ คือผมคิดว่าในลักษณะของเอเชีย ในจีน หรือญี่ปุ่น หรือเกาหลี ไม่ใช่เป็นลักษณะของการทำร้ายผู้หญิง แต่เป็นลักษณะของการเห็นผู้หญิงเหมือนกับเครื่องระบายทางเพศ ส่งต่อกันได้ บางทีภรรยาของพ่อ พอพ่อเสียลูกเอาแม่เลี้ยงไปเป็นเมีย ไม่ได้หมายถึงแม่ตัวเองที่แท้จริงนะ คือเอาแม่เลี้ยงมาเป็นเมีย เขาถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา แต่คงจะไม่ถึงขั้นขนาดตัดคอผู้หญิง หรือว่า...

จินดารัตน์- ไปข่มขืนใครต่อใคร

สนธิ- ข่มขืนผู้หญิง แล้วก็เอาเชือกฟาด อะไรทำนองนี้ ไม่ใช่

กมลพร- จะไปคำถามหรือจะไปต่อเรื่อง...

จินดารัตน์- เกริ่นเรื่องนั้นก่อน เพราะว่าวันนี้เวลาคงไม่ทันแล้วค่ะ

สนธิ- เวลาที่จะพูดเรื่องโรงเรียนอัสสัมชัญคงไม่ทัน ขอผลัดไปสัก 2 อาทิตย์ โรงเรียนอัสสัมชัญนี่มีอะไรบางอย่างที่น่าสนใจมาก คือผมก็เป็นศิษย์เก่าอัสสัมชัญคนหนึ่ง ถึงผมจะอัสสัมชัญศรีราชาก็ตาม แต่ความผูกพันมันมี สิ่งที่เกิดขึ้นกับโรงเรียนอัสสัมชัญ กรุงเทพ เป็นสิ่งที่เลวร้ายมาก ซึ่งผมนึกไม่ถึง แล้วก็โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คืออธิการบดี พวกเราสมัยก่อนเราจะเรียกพวกใส่กระโปรงขาวเรียกมาเธอร์ ตอนนี้อธิการบดีของอัสสัมชัญ กรุงเทพ ผันตัวเองมาเป็นผู้อำนวยการโรงเรียน กลายเป็นว่าเดี๋ยวนี้มีพวกสายพรรคเพื่อไทย หรือพวกเสื้อแดง กำลังแทรกซึมเข้าไปในโรงเรียนอัสสัมชัญ ถึงขั้นที่เรียกว่าอาจจะมีการเทคโอเวอร์โรงเรียนอัสสัมชัญในเรื่องพื้นที่ อัสสัมชัญ อาจจะ โดยผ่านตัวใครก็ตามที่มีอำนาจอยู่ตอนนี้ อาจจะเอาพื้นที่อัสสัมชัญที่บางรัก หรือเซนต์หลุยส์ ขายทิ้ง

จินดารัตน์- เพราะทำเลทอง

สนธิ- เพราะเป็นทำเลทอง แล้วไอ้คนที่จะซื้อต่อก็ไม่ใช่อะไร ถ้าหากไม่ใช่เป็นพวก ..มันก็คงเป็นเครือข่ายของพวกเพื่อไทย

จินดารัตน์- นี่เขาทำกับโรงเรียนเก่าแก่

สนธิ- เขาทำโรงเรียนเลวมาก เดี๋ยวผมจะมีเรื่องอธิบาย แล้วโรงเรียนใหม่ที่เขาไปสร้างที่พระราม 2 แถวสมุทรสาคร สร้างมาแล้วเหมือนกับเป็นมหาวิทยาลัยหนึ่งนะ สำหรับเด็กประถม กับเด็กมัธยม แล้วเด็กอัสสัมชัญพ่อแม่อยู่ในกรุงเทพฯ ทั้งนั้น ลูกหลายก็เรียนในกรุงเทพฯ แล้วจะหาทางบังคับให้คนพวกนี้ไปเรียนอยู่ที่โน่น สมุทรสาคร 30 กิโลเมตร แล้วทำยังไง คือเดี๋ยวนี้คือความเมตตากรุณามันไม่มีแล้ว เป็นครูบาอาจารย์ สมัยก่อนบราเธอร์กลอมเบต์ เป็นคนสร้างโรงเรียนอัสสัมชัญขึ้นเป็นคนแรก แล้วก็รัชกาลที่ 5 พระองค์ท่านก็ได้ช่วยให้ แล้วบราเธอร์ ฟ.ฮีแลร์ เป็นคนซึ่งแต่งตำราภาษาไทย จนกระทั่งอาจารย์ภาษาไทยยอมรับ ว่า บราเธอร์ ฟ. ฮีแลร์ เก่งภาษาไทยมากกว่าคนไทยอีก กระผมนี้ก็เป็นลูกศิษย์หลาย บราเธอร์โอโรล่า บราเธอร์ไมเกิ้ล บราเธอร์วิกตอเรีย ไรพวกนี้ แต่ของผมมันอีกสายหนึ่ง คือ โรงเรียนอัสสัมชัญ ศรีราชา ซึ่งโรงเรียนอัสสัมชัญ ศรีราชา เกิดขึ้นช่วงสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่พวกฝรั่งบราเธอร์ต้องหนีญี่ปุ่น ก็เลยไปอยู่ที่ศรีราชากันไปปลูกไร่สับปะรด ก็เลยเกิดโรงเรียนประจำที่นั้นขึ้นมา ก็เอาไว้มีเวลาค่อยคุยกันดีกว่านะ ศิษย์อัญสัมชัญมีเยอะ ที่ไปได้ดีก็เยอะที่ไม่ไปได้ดีก็แย่ ถ้าผมจำไม่ผิดคุณสมัคร สุนทรเวช น่าจะเป็นอัสสัมชัญนะหรือไม่ก็เซนต์คาเบรียล ผมจำไม่ได้ แต่ว่าเครือโรงเรียนฝรั่งเนี่ย แต่ที่น่าสนใจ คือ เครือโรงเรียนจตุรมิตร พวกเทพศิรินทร์ กรุงเทพคริสเตียน เห็นใจ ผมคิดว่า เรื่องนี้คงไม่จบง่าย ๆ และก็มีการพูดคุยในสมาคมผู้ปกครองใช้ภาษานักเลงพูดด้วย ผู้บริหารโรง

เรียนพูดในทำนองว่า ผมก็แน่นะ ผมก็รู้จักนักการเมืองเยอะนะ อะไรทำนองนี้ นึกออกไหม

จินดารัตน์- ข่มขู่

สนธิ-ข่มขู่ ไอ้พวกนี้มันไม่เจอผม ผมอยากให้เจอผมจริง ๆ

กมลพร- และไม่ค่อยเป็นข่าวด้วยนะ

สนธิ-ไอ้พวกนี้คุณรู้ไหม เอานอกเรื่องนิดหนึ่ง ผมเนี่ยอะไรที่ไม่แฟร์ผมยอมไม่ได้ ครั้งหนึ่งถ้าผมจำไม่ผิดเนี่ย คือ อาจารย์ปุ๊ก เขาเป็นอาจารย์อยู่ที่ประสานมิตร ศรีนครินทรวิโรฒประสานมิตร โดยศิษย์สมัยนั้นเนี่ย นายปั๊บ ลูกชายผม ก็มีสิทธิ์ที่จะเรียนประสานมิตรได้นายปั๊บ ก็เรียนโรงเรียนประถมสาธิตประสานมิตร เด็กเล็กเลย ตั้งแต่เด็กเล็กเข้าประถมและพอถึงจบ ป. 7 แล้ว เขาก็ไปเข้าต่อที่สาธิตปทุมวัน ที่นี้ช่วงที่เรียนสาธิตประสานมิตรในช่วงประถมเนี่ย แต่ก่อนก็มีไง ปักชื่อจิตตนาถ ลิ้มทองกุล กาญจนา จินดารัตน์ อย่างเนี่ย ใช่ไหมตอนเด็กๆ ทุกคนมี เอ้าตายห่า มีพวกตระกูลโสภณพนิชเข้ามาเรียนหนังสือ ก็ปักปั๊ปโสภณพนิช ปรากฏว่าไอ้พ่อแม่ตระกูลโสภณพนิชก็มาร้องเรียนกับโรงเรียนครูใหญ่ บอกกรุณาเอานามสกุลออกได้ไหม

กมลพร-เอาแต่ชื่ออย่างเดียวเหรอคะ

สนธิ-เอาแต่ชื่ออย่างเดียว เพราะว่า กลัวว่า จะโดนลักตัวเรียกค่าไถ่ในที่ประชุมผู้ปกครอง ผมยกมือลุกขึ้นมาเลย บอกว่า ผมไม่ทราบว่า นโยบายเอานามสกุลออกมาจากใคร และนามสกุลผมเนี่ยปู่ผมตั้ง มันหนักกบาลใคร ใช่ไหม กลัวลูกตัวเองจะโดนลักพาตัวเรียกค่าไถ่ ก็ส่งไปเรียนเมืองนอกมาเรียนนี้ทำไม นี้มันลูกชาวบ้านเขาเรียนกัน ลูกอาจารย์มหาลัย ลูกนักการเมือง อาจารย์ปุ๊กนี้ เธอเงียบ ๆ หน่อยได้ไหม จริง ๆ ผมอาละวาดมาแล้ว

จินดารัตน์ -แล้วสุดท้าย

สนธิ-มันก็ลบนามสกุลออก ไอ้คนมีเงินมันทำอะไรมันก็ทำได้ มันทำอะไรมันน่ารักไปหมด

กมลพร- แย่ๆ

จินดารัตน์ -แต่ได้โวยแล้วสบายใจ

สนธิ-แต่ได้โวยสบายใจแล้ว และเพื่อนนายปั๊ป ก็โสภณพนิชเหมือนกัน เรียนสาธิตประสานมิตร คุณชดช้อย โสภณพนิช ไง สงสัยคนนี้มั้ง

กมลพร-น่าจะ มาดูที่คำถามกันบ้างนะคะ เดี๋ยวลองดูคำถามนี้ดีกว่า พอดีว่า คุณวอราน ลิ้ม บอกว่า คุณสนธิคะ เขาลองกินฉี่ดูปรากฏว่าไม่สบายในวันถัดมา จริงๆเราคิดว่าไม่ใช่เพราะฉี่ แต่ว่าทุกคนในบ้านบอกว่าเพราะเรากินฉี่ คุณสนธิ ช่วยคอนเฟิร์มหน่อยได้มั้ยคะ

สนธิ- ผมเห็นคนทานฉี่รวมทั้งผมด้วยไม่เห็นเป็นไรเลย ผมว่าอาการไม่สบายมันมีสาเหตุมาจากหลายเรื่อง อาจจะ 1 ร่างกายยังปรับไม่ได้ ผมคิดว่าวิธีการอาจจะผสมน้ำทาน คอ่ยๆทานไป ถ้าเชื่อต้องเชื่อไปเลย เอาหนังสือ อ.นิดา ไปอ่านซิ เป็นของธรรมดา วันนี้ขนาดมีบางคนเป็นโรคไต โรคอะไรไม่ทราบผมบอกให้ทานแแล้วหาย ตกใจ ทานได้ด้วยเหรอ ผมก็นึกในใจ โอ้ย อีโง่ วันนี้กูซวยอีกแล้วมาคุยกับคนที่แม่งโง่ฉิบหาย ไม่น่าไปแนะนำอะไรเลย เกิดมาเพิ่งเคยได้ยิน

จินดารัตน์- มาเรื่องเศรษฐกิจกันบ้างนะคะ ปัญหาค่าแรง 300 จะทำให้เกิดปัญหาอนาคตแรงงานไทยอย่างไร คุณสนธิมองอย่างไร

สนธิ- ผมมองอย่างนี้ ว่าค่าแรงเมืองไทยมันต้องเป็นค่าแรงที่ลอยตัวไปจำกัดไม่ได้ รัฐมีหน้าที่พัฒนาแรงงาน ทุกวิถีทางเพื่อให้แรงงานนั้นมีฝีมือเขาจะได้รับค่าแรงที่มีมูลค่าเพิ่ม เพราะฉะนั้นค่าแรงขั้นต่ำไม่จำเป็น เราไปเลียนแบบค่าแรงขั้นต่ำจากตะวันตก เนื่องจากสมัยก่อนอเมริกาและอังกฤษ มันมีแม่บ้านที่ว่างงาน มันมีนักศึกษาที่มีเวลาว่างต้องทำงานตอนซัมเมอร์ หรือว่ามันมีร้านอาหารบางร้านมีธุรกิจ SME เยอะเลย ที่มันไม่มีโอกาสที่จะไปจ้างคนทำงานเต็มที่ 8 ชั่วโมงได้ แต่มันจะจ้างตั้งแต่วันละ 2 ชั่วโมงมาช่วยมัน หรือว่าบางคนเขาต้องจ้างแม่บ้านเข้ามาให้อาทิตย์ละ 2 วัน วันละ 2 ชั่วโมงแค่นั้นเอง ทีนี้พอมีงานพิเศษที่เรียกว่า พาร์ทไทม์จ็อบ งานชั่วคราวมากขึ้น เขาก็เลยต้องกำหนดค่าแรงขั้นต่ำเอาไว้เพื่อไม่ให้คนที่ทำพาร์ทไทม์ถูกรังแก ทีนี้เมืองไทยมันไม่ใช่อย่างนี้ เมืองไทยไปยึดว่าค่าแรงขั้นต่ำต้องอย่างนี้ เท่านี้ ถามว่าค่าแรงขั้นต่ำมันขึ้นอยู่กับแวดล้อมภูมิศาสตร์ และค่าครองชีพของแต่ละที่ แต่มีหลายคนบอกว่า เอ้ะ คุณจะอยู่ที่ยโสธร ค่าครองชีพต่ำ ค่าน้ำมันก็ราคาเท่ากัน ปัญหานี่คือหน้าที่ของรัฐ บริการในส่วนกลางที่จะให้คนซึ่งอยู่ในภูมิภาคเขาจ่ายต่ำกว่าคนที่อยู่ในภาคกลาง นี่คือหน้าที่รัฐ นอกจากมีหน้าที่พัฒนาฝีมือแรงงานแล้ว ยังต้องมีหน้าที่ทำให้สิ่งแวดล้อมและองค์ประกอบในชีวิตเขาถูกลง

จินดารัตน์- มีคนเขาเขียนมา ดีแต่ทำเรื่องโง่ๆ

สนธิ- ตอนนี้ประเทศไทศเป็นประเทศโง่ๆไปแล้วตอนนี้

จินดารัตน์- คุณกิตติศักดิ์ ถามมาว่าหน้าผาการคลังของสหรัฐฯ จะแก้อย่างไรได้มั้ย จะส่งผลต่อราคาทองคำอย่างไรในอนาคตอันใกล้นี้

สนธิ- มันก็แก้ไปแล้วไง รัฐสภามันก็ผ่านโหวตไปแล้ว อเมริกามันคือยืดเวลาปัญหาของมันออกไปเท่านั้นเอง จบ

จินดารัตน์- เรื่องรถคันแรก โอ้โหท่าทางจะยาว

สนธิ- ให้พูดอะไรยาว พูดกันยาวรถคันแรก

จินดารัตน์- ปัญหาวัยรุ่น เขาบอกทุกวันนี้ เอาไงดีครับ รู้สึกมันจะแรงขึ้นทุกวัน ปัญหาวัยรุ่น

สนธิ- แอนว่ามันแรงอย่างไร

จินดารัตน์- มันแรงว่า เด็กมันเริ่มออกนอกลู่นอกทางจนพ่อแม่เอาไม่อยู่ อะไรก็เอาไม่อยู่คุณสนธิ มันเหมือนไปแล้วไม่มี

สนธิ- เอาอย่างนี้ผมจะพูดอะไรอย่าง ผมจะยกตัวอย่าง 2 อำเภอเมือง อ.เมืองขอนแก่น อ.เมืองอุดรธานี พี่น้องทางอุดรฯ ดูเยอะ พี่น้องขอนแก่นดูเยอะ ผมมีความรู้สึกว่า ถ้าจะดูความเละเทะของสังคมไทยที่ถูกทุนนิยมคืบคลานเข้ามา ตัวอย่างต่างจังหวัดดีที่สุดน่าจะเป็นขอนแก่น อุดรฯ ขอนแก่นวันนี้ อุดรฯ เป็นเมืองคนบาปไปเลย

จินดารัตน์- อย่างไรคะ คุณสนธิ

สนธิ- สถานบริการที่มันทางเพศเต็มไปหมด และคนไปให้การบริการคือ เด็กนักเรียนทั้งนั้น นักศึกษา ขอนแก่นพวกนักศึกษาผู้หญิงไปเป็นผู้หญิงในบาร์ ไปเป็นคนทำงานข้างในคือ ใจกล้า (หน้าด้าน) และเขาพร้อมทุกอย่าง และเมืองขอนแก่น เมืองอุดรฯ น่าเสียดายมาก โดยเฉพาะอุดรฯ เป็นเมืองของพ่อแม่ครูอาจารย์หลวงตามหาบัว นึกไม่ถึง เดี๋ยวนี้มันกลายไปเป็นแดนโลกีย์ไปเลย สถานบันเทิง สถานบริการ คือผมไม่รู้นี่เป็นความเจริญที่พรรคเพื่อไทยเขาต้องการอย่างนั้นหรือเปล่า แน่นอนที่สุดถ้าหากเจ้าหน้าที่รัฐไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ หรือไม่ได้รู้เห็นเป็นใจด้วย ไอ้ความที่เป็นแดนโลกีย์นี้เกิดไม่ได้หรอก ใช่ไหม แต่มันเกิดได้เพราะ 1.เจ้าหน้าที่รัฐให้ความร่วมมือ และ 2.วัตถุนิยมมันบุกเข้าไปภายในต่างจังหวัดอย่างรุนแรงมากเลย ไม่เชื่อคอยดู ใครไม่เคยไปขอนแก่น อุดรฯ ตอนกลางคืนบ้าง ลองไปดูไปเงียบๆ ไปท่องถนนแดนโลกีย์ดู นึกไม่ถึงจริงๆ เก๋นี่ไม่ได้พูดเล่นเลย เข้าไปแล้วจะช็อก โอ้โหมันเป็นรูปแบบที่นึกไม่ถึง นี่ขอนแก่นหรอ นี่อุดรฯ หรือวะ นี่แดนอีสาน แดนของพระอริยสงฆ์หรือวะ เป็นไปได้อย่างไร เด็กทุกคนเหมือนกับเด็กใจแตก มันเสียตัวหมด ไม่ได้รักเนื้อสงวนตัวเลยแม้แต่นิดเดียว ไม่มีภาพที่เหลือให้เหลือเลย หรือว่าเป็นคนต่างจังหวัดที่มีคุณธรรม ที่เป็นผู้หญิงที่อย่างน้อยที่สุดดูมีมารยาท ดูมีความเรียบร้อยมากกว่าเด็กกรุงเทพฯ เละเทะหมดเลย ผมนี่กลัวมากเรื่องนี้ นี่แหละคือสิ่งที่ผมลองยกตัวอย่างให้ฟัง ผมแค่ยกตัวอย่าง 2 จังหวัดนี้ก็พอ เพราะฉะนั้นคุณจะรู้ว่า วัยรุ่นทุกวันนี้ โดนวัตถุนิยมครอบงำไปหมดจนไม่เหลือเลยแม้แต่นิดเดียว

จินดารัตน์- เสียจิตวิญญาณไปหมดแล้ว

สนธิ- ไม่มีเหลือตอนนี้ส่วนใหญ่

จินดารัตน์- แอนถึงบอกว่า กู่ไม่กลับ

สนธิ- กู่ไม่กลับจริงๆ เอาไม่อยู่จริงๆ

กมลพร- เพราะมีคนบาปอยู่เยอะมั้งคะ อีกสัก 2 คำถามแล้วกัน โปรดิวเซอร์บอก ว่าถ้าจะอ่านสามก๊กครั้งแรกควรจะอ่านของใครดีครับ ระหว่างเจ้าพระยาคลังหน ยาขอบ ส.เจริญ หรือว่า สามก๊กฉบับคนขายชาติดีครับ

สนธิ- ฉบับคนขายชาติดีที่สุด คนแต่งคือคุณไพศาล พืชมงคล แกเขียนหนังสือดีมาก แกเป็นมนุษย์ที่เขียนหนังสือดีมากๆ และแกอธิบาย รวมพิชัยสงครามเข้าไป รวมปรัชญา รวมหลักโหราศาสตร์ทุกอย่าง ผสมผสาน รวมหลักการปกครองด้วย น่าอ่านมาก

จินดารัตน์- ของเจ้าพระยาพระคลังหนนี่อ่านยากหน่อย

กมลพร- อีกสักคำถามหนึ่งแล้วกันนะคะ จากคุณดาวบอกว่า ยุทธการล่าบัลลังก์สนุกมากค่ะ เนื้อเรื่องไม่เกินจริงเข้าใจง่าย สนุก ได้ข้อคิดมากมายเลย ส่วนตัวไม่เคยอ่านวรรณกรรมจีนมาก่อน แต่ตอนนี้เริ่มจะหลงรักแล้วอยากให้คุณสนธิแนะนำเรื่องอื่นในแนวนี้หน่อยได้มั้ยคะ ขอบคุณมากค่ะ

สนธิ- มีหนังสือ ผมคิดว่ารออีกสักนิด คนที่แต่งยุทธการล่าบัลลังก์เขาแต่งชุดที่ 2 แล้ว อีก 2-3 เดือนก็จะออกแล้ว คือคนเขียนชื่อจิ่ว ถู แต่งชุดที่ 2 ออกมา อ่านชุดที่ 2 ให้จบก่อน แล้วผมค่อยแนะนำบางเรื่องย้อนหลังให้ เพราะอ่านยุทธการล่าบัลลังก์เนี้ยกลับไปอ่านนิยายที่เขียนโดยหวงอี้ อาจจะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นัก เพราะว่าหวงอี้มีลักษณะเป็นฤทธิ์มากพอสมควรมีลมปราณ เคล็ดอมตะ ให้ชินสักหน่อย อีกชุดหนึ่งแล้วผมค่อยแนะนำดีกว่า เดี๋ยวจะฮาร์ดคอร์เกินไป

จินดารัตน์- ขอเป็นคำถามสุดท้ายแล้วกันนะคะ คุณลุงสนธิมีความคิดเห็นเชิงสังคมอย่างไรเรื่องที่วัยรุ่นเข้าสวดมนต์ข้ามปีเป็นจำนวนมาก

สนธิ- ผมมองว่าถ้าเป็นการตั้งใจที่จะเข้าไปสวดมนต์ข้ามปีอย่างน้อยที่สุดก็ยังดีกว่าไปนั่งเค้าท์ดาวน์ อันนี้มองในรูปแบบของคุณค่าเวลาที่ใช้ แต่ถ้ามองในรูปแบบของเหตุผลแล้ว มันเหมือนกับทำไมเราต้องรักใครสักคนหนึ่ง เป็นพิเศษในวันวาเลนไทน์ หมายความว่าถ้าไม่ใช่วันวาเลนไทน์เราไม่รักใช่ไหม เราต้องคิดให้เป็น การสวดมนต์ต้องถามว่า มันมีอานิสงส์อย่างไร มันดีต่อตัวเราไหม ถ้ามันดีกับตัวเราทำไมเราไม่ทำให้เป็นนิสัยสวดทุกวัน ใช่ไหม เพราะฉะนั้นเมื่อเวลาเราสวดทุกวันไม่จำเป็นต้องข้ามปี ไม่ข้ามปีก็ไม่สำคัญ ใช่ไหม เหมือนกับเรารักแม่ เราก็รักทุกวัน เราอยู่กับแม่ทุกวัน ไม่ใช่เราจะมารักแม่เป็นพิเศษเฉพาะวันแม่ เอาดอกไม้ไปให้ วันพ่อเอาของขวัญไปให้ คือทำอะไรสรุปคือ สิ่งที่ทำถ้ามีประโยชน์กับตัวเราแล้ว เราคิดว่ามีประโยชน์จริงๆ ก็ทำให้มันคงเส้นคงวา ผมคิดว่าคำว่าคงเส้นคงวา เป็นคนที่ทุกคนชอบ โดยเฉพาะผู้หญิงชอบคงเส้นคงวา ถูกไม่ถูก

จินดารัตน์- ถูกคะ

สนธิ- จะพูดกับผัวตลอดเวลาว่า เธอคงเส้นคงวากับฉันหน่อยได้ไหม เหมือนกับผมมีลูกน้องคนหนึ่ง แต่ก่อนอยู่กับผม เขาเป็นทีมงานอยู่กับแอ้ม สโรชา ชื่อเจนนี เพิ่งแต่งงาน วันนั้นเขามาอวยพรวันปีใหม่ผม 2-3 วันที่ผ่านมา ผมบอกเจนนีให้จำไว้อย่าง ความรักที่แฟนคุณมีต่อคุณ รักให้ตายก็ไม่เกินบาทหนึ่ง

จินดารัตน์- คืออะไรคะ

สนธิ- สมมุติว่าคุณรักสุดๆ แล้ว ก็ไม่เกินบาทหนึ่ง คุณจะรักใครก็ตามจะไม่เกินนี้แล้ว เข้าใจยัง ผมตีสักบาทหนึ่ง ผมบอกว่า อย่าไปหวัง วิธีดีที่สุดคุณต้องพูดกับแฟนคุณ ไม่จำเป็นต้องให้บาทหนึ่งทุกวัน หัดให้สัก 10 สตางค์ หรือ 20 สตางค์ แต่ให้ประจำ

จินดารัตน์- มากบ้างน้อยบ้างหรือคะ

สนธิ- บางครั้งบางวันอารมณ์ดีหน่อย เทศกาลดีหน่อยให้สัก 30 สตางค์ จะได้ดีใจ เข้าใจเปล่า วันเกิด วันครบรอบให้สัก 50 สตางค์ อย่าให้ครบบาท วันที่ให้ครบบาทคือวันที่เราตาย วันที่เราตายเขาจะรู้ว่า ที่เขารักเรามาตลอดชีวิตนั้นคือบาทหนึ่ง ทั้งชีวิตคือ 1 บาท แต่ว่ามาให้บาทหนึ่งทุกวัน วันไหนเหลือ 90 สตางค์เป็นเรื่อง ใช่ไหม ผมก็อุปมาอุปมัยเหมือนกัน รักกันใหม่ๆ มิสยู จุ๊บๆ คิดถึงเลิฟยู อย่างโน้นอย่างนี้ ห่วงยางมีรูแต่ไอห่วงยู อะไรอย่างนี้

กมลพร- อุ๊ยตายแล้วรู้จักด้วย

สนธิ- อะไรทำนองนี้ตลอดเวลา แต่พอได้เสียกันแล้วบอกว่า คิดถึงวันนี้กำลังยุ่งนะแล้วค่อยว่ากัน จากทุกชั่วโมงกลายเป็นวันละครั้ง ไปเรื่อยๆ ค่อยๆ ลดน้อยลง นี่คือความไม่คงเส้นคงวา ใช่ไหม เหมือนกับเราจะทำอะไรก็ตาม ถ้าเราทำเราทำให้มันมั่นคงถาวรเป็นเรื่อยๆ เหมือนคุณงามความดี เราทำความดีทำตลอดไป ไม่ใช่ทำความดี เพื่อที่จะให้ออกทีวี และพอไม่มีทีวีก็ไม่สนใจ ใช่ไหม คืออะไรที่มันปรี้ด แล้วลงมาคือการสร้างภาพพจน์ แต่ถ้าอะไรคงเส้นคงวาอีกสิบปีถึงแอนจะแก่อย่างไรก็ตาม อ้วนอย่างไรก็ตาม ผมก็ยังคิดแอนเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง จริงๆ ควรจะเหมือนลูกสาว เพราะว่าพ่อเขาอายุอ่อนกว่าผมเดือนหนึ่ง คืออะไรก็ตามจะเป็นความรัก ความห่วงใยทำให้มันคงเส้นคงวา แต่ความเกลียดความชังลืมมันไปซะ ชีวิตถึงจะมีความสุข แล้วผมก็บอกต่อ ผมก็ส่ง SMS ไปสอนเจนี ผมเขียนเป็นภาษาอังกฤษบอกว่า Love กับ Passion อย่าคิดว่าเป็นอันเดียวกันนะ มันดูเหมือนว่าอันเดียวกัน แต่คุณดูดีๆ แล้วมันไม่เหมือนกันเลยนะ ถ้าคุณมีปัญญาแยก Love กับ Passion ได้ ความลุ่มหลง ความสเน่หาแยกได้ ชีวิตคุณจะมีความสุข เป็นไงใช้ได้มั้ย สำหรับคนอายุ 66 ห่วงยางมีรูนะ แต่ไอห่วงยูนะ

กมลพร- วัยรุ่นมั้ย ไม่ธรรมดา วันนี้หมดเวลาแล้ว

จินดารัตน์- ขอบคุณมากสำหรับการติดตามชม วันศุกร์หน้าคงจะได้มาเรียนรู้เรื่องการสวดมนต์เป็นกิจวัตรของคุณสนธิกัน ลึกๆชัดๆกันอีกสักครั้ง วันนี้ต้องลาไปก่อน ขอบคุณคุณสนธิด้วยนะคะ สวัสดีค่ะ


กำลังโหลดความคิดเห็น