“สนธิ” ชำแหละขบวนการส่งผลประโยชน์พลังงานให้ต่างชาติ ชี้ชัดตั้งแต่รัฐบาลชวน เซ็น MOU 43 จนถึงสมัยยิ่งลักษณ์ ล้วนแต่เป็นการสมรู้ร่วมคิดกันขายชาติ ลั่นหากไทยเสียดินแดนครั้งนี้ “เพื่อไทย-ประชาธิปัตย์-ผบ.ทบ.” ต้องร่วมรับผิดชอบ พร้อมยกกรณีหั่นละครเหนือเมฆ ซัดช่อง 3 หากินกับทักษิณมาตลอด ทำสื่อเพื่อเปิดทางร่ำรวยจากธุรกิจอื่น เป็นตัวอย่างให้เห็นว่าเพราะสื่อไทยชั่วจึงทำให้นักการเมืองเหิมเกริม
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง รายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ”
วันที่ 4 ม.ค. เมื่อเวลา 20.00 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวในรายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” ถึงกรณีที่ช่อง 3 สั่งตัดละคร “เหนือเมฆ 2” ว่า ตนดีใจที่คุณนก สินจัย-ฉัตรชัย ตัดสินใจทำละครเรื่องนี้ แต่วันนี้ก็เป็นบทพิสูจน์ทั้งสองท่านอีกเหมือนกัน ถ้าจะเดินมาแบบนี้แล้วต้องไม่ถอย แม้อาจจะไม่ง่ายอย่างที่คิด ตนเชื่อว่าจากนี้ไปจะโดนบีบ ต้องทำใจและอดทน ช่วงนี้จะเป็นช่วงที่เรียกว่าบทพิสูจน์
แต่สิ่งหนึ่งซึ่งมันพิสูจน์ชัด เมื่อวานซืนตนได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวของหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ นายโทมัส ฟิลเลอร์ เขาสัมภาษณ์เรื่องทำไมเมืองไทยถึงเป็นอะไรที่พิสดาร ทั่วโลกกำลังสงสัยว่ามีนายกฯ เป็นน้องสาว แต่คนสั่งการเป็นพี่ชาย บินอยู่ข้างนอก เข้าประเทศไม่ได้ ตนบอกเขาว่าถ้าคุณจะคุยเรื่องนี้ สามารถพูดได้ถึง 7 วัน 7 คืนไม่จบ เลยสรุปง่ายๆ ว่าทำไมเมืองไทยถึงเป็นเช่นนี้ ก็เพราะเราเป็นสังคมที่มีประชาชนที่ด้อยปัญญา ภาษาอังกฤษคือ less intelligence
ตนบอกว่าสังคมไทย หรือสังคมใดก็ตาม 1. ถ้าไม่มีกติกาสังคมก็อยู่ไม่ได้ 2.ถ้าไม่มีคนรักษากติกาที่ยุติธรรม กติกาก็ไม่มีความหมาย 3. ถ้ามีสื่อมวลชนที่เข้าใจคำว่าส่วนรวมและชาติ คนรักษากติกาก็รักษาได้ กติกาก็อยู่ได้ พลังแห่งคุณงามความดี พลังแห่งคุณธรรมก็เกิดขึ้น เมื่อพลังคุณธรรมเกิดขึ้น มันก็ก่อให้เกิดภาวะการณ์เป็นเกราะป้องกันคนที่รักษากติกา และขณะเดียวกัน มันก็เป็นเกราะที่ป้องกันสื่อมวลชนที่ทำหน้าที่นี้
ปัญหาเหล่านี้มันมีข้อเชื่อมต่อกันหมดเลย แล้วตนก็บอกว่าสื่อมวลชนสำคัญที่สุด เพราะหากสื่อมวลชนได้ทำหน้าที่เป็นสื่อมวลชนที่ซื่อสัตย์ เพื่อชาติ เพื่อส่วนรวม เพื่อประชาชนจริงๆ แล้ว นักการเมืองหรือคนรักษากติกาซึ่งอยู่ใต้อาณัตินักการเมืองก็จะไม่กล้า แต่เพราะว่าสื่อมวลชนชั่วเป็นคนแรก แล้วบัดซบตลอดเวลา มันก็เลยทำให้นักการเมืองเห็นความชั่ว และความบัดซบ
อย่างเช่นช่อง 3 ที่ไม่เอาละครของฉัตรชัย และสินจัย เหตุผลเพราะว่าช่อง 3 ทำมาหากินกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มาตลอด นายประชา มาลีนนท์ เป็นอดีตรัฐมนตรี พวกนี้ไม่ได้ทำธุรกิจสื่อเพราะตัวเองต้องการทำธุรกิจสื่อ แต่พวกนี้ทำธุรกิจสื่อเพื่อใช้สื่อนั้นไปแตกแขนงเป็นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจโน่นนี่ พวกนี้ทำสื่อเพื่อไปรวยจากทางด้านอื่น ก็เลยอธิบายให้นายโทมัส ฟิลเลอร์ฟัง เมืองไทยมันถึงเป็นอย่างนี้ ในเมื่อคนคุมกติกา คนคุมตำรวจ คุมฝ่ายปกครอง คุมงบประมาณ สามารถคุมสื่อได้ ถ้าอย่างนี้แล้วคำว่าประชาธิปไตย one man one vote มีความหมายอย่างไร ซื้อได้แม้กระทั่ง กกต. เมื่อคนคุมการเลือกตั้งไม่ซื่อสัตย์สุจริต สื่อมวลชนเมื่อไม่ซื่อสัตย์สุจริต คนที่รักษากติกาเมื่อไม่ซื่อสัตย์สุจริต กติกามีไปทำไม one man one vote มีไปทำไม เพราะว่าคุณเป็นเพียงแต่รูปแบบที่ต้องการให้มันมี one man one vote เพียงเพื่อคุณจะได้อ้างความชอบธรรม ว่าเสียงผมมากกว่าเสียงคุณ แค่นั้นเอง เพื่อคุณจะได้ใช้สิทธิอันนี้เอาไปทำอะไรก็ได้ที่มันชั่วช้าสามานย์ และคุณบอกว่า ผมได้รับเลือกมาจากประชาชน
จากนั้นนายสนธิกล่าวถึงกรณีเขาพระวิหารว่า เขาพระวิหารเป็นจุดเริ่มต้นที่จะนำพาไปสู่ผลหลังเรื่องเขาพระวิหารจบแล้ว ถ้าเขมรได้ 4.6 ตารางกิโลเมตรรอบเขาพระวิหาร แสดงว่าศาลบอกว่า 1 ต่อ 2 แสนถูกต้อง แล้วถ้าเราไปยอมรับคำตัดสินของศาลโลกแสดงว่าเราต้องยอมรับ 1 ต่อ 2 แสนเช่นกัน เขมรก็จะอ้างลากเขตแดนใหม่ เท่ากับเราจะเสียพื้นที่เพิ่มอีก 1.8 ล้านไร่ โดยที่เขมรไม่ต้องทำอะไร จู่ๆ ได้พื้นที่เพิ่มนอกเหนือจากเขาพระวิหาร
“พอลากเขตแดนไปสิ้นสุดตรงทะเลตราด นั่นคือจุดเริ่มต้นของการลากเส้นเข้าไปสู่ในทะเล ถ้า 1 ต่อ 2 แสน ลงตรงที่ตราด จะทำให้พื้นที่ที่มีน้ำมันอยู่ในอ่าวไทยนั้น เดิมทีเป็นของไทยเศษ 3 ส่วน 4 ของเขมรเศษ 1 ส่วน 4 จะพลิกกลับ กลายเป็นของเขมรเศษ 3 ส่วน 4 และของไทยแค่เศษ 1 ส่วน 4 เพราะฉะนั้นแล้วนัยของคำพิพากษาของศาลโลกครั้งนี้สำคัญที่สุด”
นายสนธิกล่าวต่อว่า เรื่องนี้ที่เกิดขึ้น ตนเป็นคนแรกที่พูดว่าทุกรัฐบาลคือกระบวนการทำสายพานส่งของให้ฝรั่ง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนักเรียนนอก เรียนเก่ง ไม่ใช่เป็นคนโง่ นายสุขุมพันธุ์ นายสุรินทร์ พิศสุวรรณ ก็เป็นคนฉลาด แล้วทั้ง 3 คนนี้จะไม่เข้าใจนัยของ MOU 2543 หรือว่าเป็นตัวที่ทำให้ไทยต้องยอมรับการใช้แผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 2 แสน ทั้งที่ไทยยืนหยัดอยู่ในมาตราส่วน 1 ต่อ 5 หมื่นมาตั้งนานแล้ว พวกประชาธิปัตย์ไม่โง่ แต่ติดที่อัตตาเพราะตัวเองเป็นคนเซ็นเอ็มโอยู 2543
นายสนธิกล่าวอีกว่า วิธีการแทรกซึมของอเมริกาเข้ามาในประเทศหนึ่ง จะผ่านทางทหารและนักการเมือง ที่สำคัญผ่านข้าราชการประจำกระทรวงการต่างประเทศ เพราะว่าการที่จะได้น้ำมันหรือไม่ได้ ขึ้นอยู่กับการที่จะให้กระทรวงการต่างประเทศของประเทศหนึ่งกับกระทรวงการต่างประเทศของประเทศหนึ่ง ซึ่งในกรณีนี้คือไทย-เขมร ซึ่งมีพื้นที่ทับซ้อนกัน แล้วมันก็จะเลือกว่ามันจะยึดเอาหลักประเทศไหนเป็นหลัก มันยึดเขมรเพราะว่ามันคิดว่าคุยเขมรง่ายกว่า คุยกับไทยยาก ของไทยเลยใช้วิธีให้กระทรวงการต่างประเทศยอมรับใช้พวกมัน วิธีการแทรกซึมมีหลายอย่าง ทั้งการให้ทุนไปดูงาน ให้เงินมาวิจัย จ่ายเงินใต้โต๊ะ และเป็นที่ปรึกษา
ข้าราชการอีกกระทรวงที่โดนแทรกแซงก็คือ กระทรวงพลังงาน ฝรั่งมันไม่ได้ซื้อรัฐมนตรี แต่มันจะไปซื้อใจหรือตัวคนซึ่งมีข้อมูล แล้วพร้อมเอาข้อมูลที่มันป้อนให้มาดัดแปลง พลิกแพลง เพื่อเป็นประโยชน์แก่มัน เช่น ถ้าขุดพบน้ำมันที่อาจมีถึงล้านบาร์เรล มันก็จะให้เจ้าหน้าที่ซึ่งทำวิจัยนี้รับเงินทองไป แล้วบอกว่ามีแค่ 2 แสนบาร์เรล เพื่อให้ราคาสัมปทานถูกลง
นอกจากนั้นก็ยังแทรกซึมผู้บริหารชาติ นายกรัฐมนตรี แล้วนายกรัฐมนตรีของเราแต่ละคนฝรั่งจ๋ากันทั้งนั้น ทั้งนายอานันท์ ปันยารชุน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ส่วน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็กิเลสหนาจ๋า ฝรั่งจะรู้ว่ามันควรจะดีลกับใครในประเด็นไหน ถ้าดีลกับนายอานันท์ซึ่งฝรั่งจ๋า ก็จะเอาไปเป็นกรรมการของบริษัทเชฟรอน หรือเอาไปเป็นกรรมการของบริษัทโน้นนี้ที่ฟังดูเหมือนจะเท่อยู่ในระดับโลก ส่วนนายอภิสิทธิ์นี่จบออกซฟอร์ด มาเจอพวกนี้พูดภาษาอังกฤษกันก็โชว์ฟอร์มเต็มที่ พวกฝรั่งก็หัวเราะเยาะลับหลังนายอภิสิทธิ์ว่ามึงเสร็จกูแน่นอน แล้วก็เสร็จจริงๆ
พอมาเจอนายสมัคร สุนทรเวช ก็ยิ่งหมูใหญ่ สังเกตหรือไม่ ตั้งแต่นายชวน หลีกภัย เซ็น MOU 2543 จนกระทั่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายสมัคร สุนทรเวช นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มาจนถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร 7 นายกรัฐมนตรี ไม่มีใครเลยที่บอกว่าต้องยกเลิก MOU 2543 เพราะจะทำให้เสียดินแดน ที่ไม่ยกเลิกเพราะมันถูกฝรั่งแดกไปหมดแล้ว
ส่วนเขมร เมื่อฝรั่งไปคุยนายฮุน เซน เสร็จเรียบร้อย ฮุน เซน มันฉลาด รู้ว่าให้สัมปทานฝรั่งไปมันจะได้เงินด้วย เลยเอาเขาพระวิหารเป็นตัวต่อรอง โดยวางเป็นสเต็บตั้งแต่หลังปี 2505 มา ไทยแพ้คดีศาลโลกมาจนถึงกระทั่งก่อน 2540 เขมรไม่เคยโวยวายเรื่องเขาพระวิหาร แต่เพิ่งมากระสันโวยวายเรื่อง MOU 2543 เพราะฝรั่งมันวางแผนว่าอีกไม่เกิน 20 ปี จะต้องขุดน้ำมันให้ได้ตรงอ่าวไทย นั่นคือที่มาของ MOU 2543
นายสนธิยังกล่าวด้วยว่า หลังจากคำพิพากษาศาลโลกปี 2505 ไทยยังคงยึดแผนที่ 1 ต่อ 5 หมื่น คุณถนัด คอมันตร์ ประกาศบอกว่าไม่ยอมรับมติของศาลโลก และจะขอสงวนสิทธิ์การต่อสู้ต่อไป โดยที่เรายังไม่ยอมรับแผนที่ 1 ต่อ 2 แสน จอมพลสฤษดิ์ให้เอาธงลงจากเขาโดยขุดทั้งอันไม่ยอมชักธงลง แล้วก็ล้อมรั้วทันที ทุกอย่างก็เป็นอย่างนั้นตลอดมาไม่เคยเปลี่ยนแปลง
เพียงแต่หลัง พ.ศ. 2540-2541 เป็นช่วงที่ไอเอ็มเอฟเข้ามาในประเทศไทย มันมายุ่งในเรื่องการเมืองบังคับให้ไทยเปิดประเทศ ให้ขายรัฐวิสาหกิจ ให้ลอยตัวค่าน้ำมัน ทำทุกอย่างเพื่อให้พวกมันรวย สูบเงินจากคนไทยกลับไป ปรส.ก็เกิดในยุคไอเอ็มเอฟ ไอเอ็มเอฟก็จะบีบรัฐบาลไทยทุกอย่าง เข้าทางของบริษัทน้ำมันพอดี เพราะว่ามันเป็นเนื้อเดียวกัน พวกบริษัทน้ำมันก็เข้าหาข้าราชการกระทรวงต่างประเทศ พวกสัตว์นรกขายชาติที่นั่งอยู่ที่กระทรวงบัวแก้วก็จึ๊กจั๊กๆ เอาเอ็มโอยู 2543 เข้าไป โดยสร้างภาพให้สวยหรูว่านี่คือการร่างสนธิสัญญาเพื่อนำไปต่อยอดในเรื่องของการทำปักหลักเขตแดน เพราะฉะนั้นแล้วกระทรวงการต่างประเทศมันขายชาติ พอมาถึงคนอย่างนายสุขุมพันธุ์ บริพัตร ที่กินไวน์ทั้งวัน ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น นายสุรินทร์ พิศสุวรรณ ตอนนั้นก็ฝรั่ง พอฝรั่งเจอพวกฝรั่งมาพูดกัน ก็มีความรู้สึกว่าเอ็มโอยู 2543 โอเค ส่งไปให้คุณชวน หลีกภัย เซ็น
แต่ที่ตลกคือ มีการเซ็นพระราชกฤษฎีกาป่าสงวน ทั้งๆ ที่พื้นที่พระราชกฤษฎีกาป่าสงวนนั้นมันคลุมพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร รวมไปจนถึงปราสาทเขาพระวิหาร ซึ่งเป็นไปตามแผนที่มาตรา 1 ต่อ 5 หมื่น คำถามคือแล้วรัฐบาลเซ็นไปทำไม แสดงว่าก็ยอมรับแผนที่ 1 ต่อ 5 หมื่น ตรงนี้ไม่มีใครให้คำตอบได้เลย มันเงียบ
หลังจากนั้น พ.ต.ท.ทักษิณขึ้นมา ฝรั่งมันรู้ว่าทักษิณกิเลสหนา ก็มาคุยกัน ทักษิณรู้ว่าอนาคตเรื่องพลังงานจะรุ่ง เลยไปล็อกซ้าย ล็อกขวา เสร็จเรียบร้อยต่อด้วยเอ็มโอยู 2544 ในทะเล
สังเกตอย่างว่า บริษัทน้ำมันที่ได้สัมปทานจากกระทรวงพลังงาน ที่อยู่ในทะเล มีอยู่หลายบริษัท ไม่รู้ว่าหมาตัวไหนเป็นเจ้าของ แต่มันอยู่ในพื้นที่พิพาทเลย มันอยู่ในพื้นที่พิพาท ถ้าเดาไม่ผิดจะต้องเป็นของคนที่อยู่นอกประเทศ ใส่ชื่อนอมินีเอาไว้ก่อน แล้วเซ็นสัญญาเอาสัมปทานทิ้งไว้ เพราะว่าเมื่อวันใดก็ตามที่ 2544 ลากไป แล้วปรากฏว่ากลายเป็นของไทย 1 ส่วน 4 ของเขมรเศษ 3 ส่วน 4 บริษัทบ้านั้นก็จะเริ่มมาเข้าหุ้น เพราะมันได้สัมปทานด้วย เข้าหุ้นกับต่างชาติ มันได้สัมปทาน แต่ให้ต่างชาติลงทุน แล้วมันถือ 25 เปอร์เซ็นต์
แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวอีกว่า ทีนี้พอมาถึงในยุคนายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี ก็เริ่มรุกด้วยการทำมรดกโลก แล้วตลกมาก ให้เขมรยื่นอยู่คนเดียว ไทยไม่คัดค้าน และไม่ขอยื่นแข่งด้วย แสดงว่ามันสมรู้ร่วมคิด พอมาถึงยุคประชาธิปัตย์ เขมรยื่นศาลโลก พันธมิตรฯ ค้านไม่ให้ยอมรับอำนาจศาลโลก เพราะอ่านเกมออกหมดว่านี่คือเกมที่จะผ่องเรื่องนี้ให้กับเขมร ให้ฝรั่ง แล้วมีเหตุผลอะไรจะต้องไปยอมรับกติกาของศาลโลก ไทยไม่ได้เป็นสมาชิกภาคีศาลโลก เราออกมาตั้งนานแล้ว
ถ้าวันนั้นที่เขมรยื่นศาลโลก เราเพียงแต่พูดคำเดียวว่า เราไม่ยอมรับการตัดสินของศาลโลก เรื่องก็จบแล้ว แต่ว่านายอภิสิทธิ์ ต้องการพิสูจน์ว่าตัวเองนั้นคือคนซึ่งอยู่ใน International สรุปก็คือว่ามันเป็นแผน สายพานส่งของให้กับเขมรและฝรั่ง โดยใช้ศาลโลกเป็นเครื่องมือ เห็นภาพรวมแล้วหรือยัง
นายสนธิกล่าวต่อว่า ตนชอบแถลงการณ์วันนี้ของพันธมิตรฯ ก่อนพารากราฟสุดท้ายเขียนไว้ว่า “ต้องส่งตัวแทนเข้าไปในเดือนเมษายนบอกว่าเราไม่ยอมรับมติศาลโลก เพราะเราไม่ได้เป็นสมาชิกภาคีศาลโลก” แต่รัฐบาลยังไม่ปฏิบัติตาม กระทรวงการต่างประเทศเป็นพวกขายชาติ ไม่ออกมาปกป้องชาติบ้านเมืองเลยแม้แต่นิดเดียว แล้วยังพยายามทำประชาสัมพันธ์เพื่อให้คนไทยยอมจำนนกับความพ่ายแพ้อย่างอยุติธรรม
ส่วนนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล พูดได้อย่างไรว่ามีแต่เจ๊ากับเจ๊ง ถ้าไม่คัดค้านแสดงว่าคุณแอบจับมือและร่วมมือกันขายชาติใช่ไหม ต้องถือว่ารัฐบาลมีเจตนาขายชาติขายแผ่นดินต้องเป็นผู้ร่วมรับผิดชอบด้วย หากราชอาณาจักรไทยต้องสูญเสียดินแดนในครั้งนี้ แล้วถือว่าเป็นการสมรู้ร่วมคิดรู้เห็นเป็นใจของนักการเมืองทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นพรรคเพื่อไทย ประชาธิปัตย์ และข้าราชการที่เกี่ยวข้องคือ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพลังงาน และผู้นำกองทัพ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ตั้งแต่ตนเกิดมายังไม่เคยเห็นทหารคนไหนที่แย่ยิ่งกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตนเห็นใจทหารชั้นผู้น้อยหลายคน เขาไม่ยอมเรื่องเสียดินแดน แต่เขามีนายที่ห่วยแตก ผู้นำกองทัพที่ไม่ทำหน้าที่ในการปกป้องอธิปไตยของชาติตามรัฐธรรมนูญจะต้องร่วมรับผิดชอบในความอัปยศทั้งหมดที่เกิดขึ้น
“ไอ้พวกนี้ต้องร่วมกันรับผิดชอบหมดเลย ไอ้ ครม.ทุกชุด ที่อนุมัติ 2543 ไม่ว่าจะเป็นชุดของประชาธิปัตย์ ชุดของเพื่อไทย มันต้องรับผิดชอบ ถ้าเสียดินแดน รวมไปจนถึงผู้นำเหล่าทัพ กรณีวีระ ราตรี นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ คนของพรรคประชาธิปัตย์ ไปยืนอยู่บนพื้นที่ของดินแดนไทย แทนที่คุณอภิสิทธิ์ ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประวิตร วงศ์สุวรรณ จะลุกขึ้นมาแล้วบอกว่านี่คือดินแดนไทยขอให้คุณส่งคนไทยกลับเข้ามา แต่ไม่ทำ จิตใจมันเป็นเขมรไปหมด มันบอกว่าไปยืนอยู่ในพื้นที่เขมร ทั้งที่เราพิสูจน์กันมาหลายครั้งแล้วว่าที่นั้นเป็นที่คนไทย แล้วในที่สุด 2 คนก็โดนจับไป แต่เสือกปล่อยนายพนิช มาคนเดียวเพราะเป็นพวกพรรคประชาธิปัตย ์แปลว่าอะไร วันนี้อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ สุเทพ เทือกสุบรรณ กษิต ภิรมย์ ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประวิตร วงศ์สุวรรณ คนพวกนี้ต้องให้พี่น้องพันธมิตรฯ และพี่น้องที่รักชาติจารึกเอาไว้ ว่าวันไหนที่ดินแดนเสีย ไอ้ 5 คนนี้ต้องรับผิดชอบเพราะมันมีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะถ้าวันนั้นมันบอกว่า วีระ กับราตรี ยังยืนอยู่บนแผ่นดินไทย ยังเป็นพื้นฐานในการต่อสู้ต่อไปได้ แต่ยังเสือกไปยอมรับเสียอีก” นายสนธิระบุ
นายสนธิกล่าวอีกว่า นายวีระ น.ส.ราตรี ติดคุกมา ทั้งที่เขายืนบนแผ่นดินไทย นายอภิสิทธิ์ นายสุเทพว่าอย่างไร ที่คุณเดินออกมาจากที่ประชุมแล้วแอบเดินไปพบนายฮอร์ นัมฮง ที่ล็อบบี้มุมหนึ่งของโรงแรมเพนนินซูล่า คุณไปตกลงอะไรกัน แล้วกลับมาออกบอกว่าที่ดินเท่าแมวดิ้นตายมาสู้กันทำไม สู้ไปเอาเรื่องน้ำมันในทะเลไม่ดีกว่าหรือ แสดงว่าแลกกันเรียบร้อยแล้วใช่ไหม
คำต่อคำ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” ศุกร์ที่ 4 ม.ค. 2556
รายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” ออกอากาศทางเอเอสทีวี วันศุกร์ที่ 4 มกราคม 2556 เวลา 20.00-22.50 น. ดำเนินรายการโดยนายสนธิ ลิ้มทองกุล นางจินดารัตน์ เจริญชัยชนะ และนางสาวกมลพร วรกุล ร่วมดำเนินรายการ
จินดารัตน์/ กมลพร- สวัสดีค่ะ
จินดารัตน์- ขอต้อนรับคุณผู้ชมเข้าสู่รายการคุยทุกเรื่องกับสนธิ นะคะ น้องสาวคนนี้กลับมาแล้ว อย่าตาแดงสิ
กมลพร- ซึ้ง
จินดารัตน์- ดู MV ตัวนี้ทีไรเป็นเรื่องทุกทีเลย
กมลพร- หลายคนก็ปลื้ม ดูแล้วก็ร้องไห้
จินดารัตน์- คนที่ปลื้มมากๆ ก็นั่งอยู่ข้างๆ เรานะคะ คุณสนธิ ลิ้มทองกุล สวัสดีค่ะ ดู MV ตัวเมื่อสักครู่นี้เราก็รู้สึกทุกครั้ง ทุกครั้งที่เปิด
สนธิ- ไม่เบื่อนะ ดูแล้วได้อารมณ์ทุกที
จินดารัตน์- พี่ตั้ว ต้องยกนิ้วให้จริงๆ นะคะ
สนธิ- เก่งมาก สุดยอด ผมเรียกว่าเป็นอภิมหาศิลปิน ความสามารถของตั้วเขามีไม่ใช่แค่เรื่องของการแสดง การแสดงเขาก็หนึ่ง ไม่มีสองอยู่แล้ว การออกแบบ แต่งเพลง ทำนอง ละคร ตั้วเป็นศิลปินที่ผมเรียกว่ารอบตัว ภาพยนตร์นี่พิสูจน์ชัด เรื่องคนโขน เห็นชัดเจน ผมคิดว่าที่สำคัญที่สุด เป็นศิลปินที่ใจบริสุทธิ์ที่มีต่อชาติบ้านเมือง อันนี้หาได้ยาก
จินดารัตน์- ไม่เปลี่ยนแปลง มั่นคง ซื่อตรง
สนธิ- ไม่เปลี่ยนแปลง มั่นคง ซื่อตรง ตลอด แล้วตั้วเป็นคนซึ่งไม่ยอมตกอยู่ในทาสของเงิน และไม่ยอมสยบอยู่ภายใต้อำนาจอิทธิพลใดๆ ทั้งสิ้น เพราะถ้าเขายอมสยบ ป่านนี้เขาคงไปเข้าช่องใหญ่ๆ แต่ตั้วพอใจที่จะทำอะไรกับเราอยู่เล็กๆ น้อยๆ แต่ผมคิดว่าวันหนึ่งผมเชื่อว่า คนมีความสามารถอย่างตั้ว วันหนึ่งเขาคงจะได้มีโอกาสแสดงศักยภาพความรักชาติ ผ่านทางศิลปะที่เขาชำนาญ ผมเชื่อเหมือนกับ วันนี้เราจะคุยเรื่องอะไร บัลลังก์เมฆเปล่า
จินดารัตน์- เหนือเมฆ 2
สนธิ- ถ้าชาติบ้านเมืองเปิดสักครั้งหนึ่ง วันเผด็จการหมดไป ผมคิดว่าโอกาสที่ตั้วจะทำภาพยนตร์ที่ลักษณะเหนือเมฆจะทำได้ดีมาก เพราะว่าตั้วมาต่อสู้กับพวกเราตลอด เพราะฉะนั้นตั้วจะรู้ข้อมูลที่ลึก เขาจะเขียนบทได้ดี และเรื่องราวจะสนุกสนาน
จินดารัตน์- เขาเขียนด้วยใจ
สนธิ- ผมก็ พวกพิธีกรเราก็เป็นนางเอกเป็นแม่นางเอกได้อะไรทำนองนี้
กมลพร- ขอเป็นนางเอก หน้าตาเป็นนางเอกได้
จินดารัตน์- เมื่อสักครู่น้องช่างกล้องเขาถ่ายรูปมาให้ เขาบอกว่าพี่เก๋หน้าเหมือนตั๊กเลย เก๋เลยหันมาถามว่า และพี่แอนเหมือนอะไร เหมือนแม่ตั๊ก ขอบคุณมาก
สนธิ- แต่แอนเหมือนแม่ตั๊ก
กมลพร- ลำบากนะ เลือกไม่ถูกระหว่างตั๊กกับกมลพรนะ
จินดารัตน์- สงสารเค้าจัง พูดถึงพันธมิตรฯ นะคะ น้ำจิตน้ำใจของพี่น้องพันธมิตรฯ พูดถึงพี่ตั้วแล้ว ก็ไล่ออกไปอีกซีกโลกหนึ่งมีพันธมิตรฯ ต้องบอกว่าใจเหลืองยิ่งกว่าเหลือง
สนธิ- คุณนิจพร ใช่มั้ย
จินดารัตน์- คุณนิจพร สุขสมัย เป็นคนไทยที่ไปอยู่ในวอชิงตัน ดี.ซี. คือพี่เขาป่วยด้วยมะเร็งปอด นอนป่วยอยู่ก่อนช่วงปีใหม่ พูดกับสามี คุณสมศักดิ์ บอกว่าอยากไปรับคุณสนธิที่ซานฟรานฯ ช่วงที่คุณสนธิจะไปพูดที่อเมริกาต้นปี บอกว่าถ้าหายไปอยากจะไป สุดท้ายพี่เขาเสียชีวิตแล้ว วันที่พี่เขาเสียชีวิตเขานอนอยู่บนเตียง และก็เปิดทีวี เปิดช่อง ASTV ทั้งวันทั้งคืน คือขอให้ได้ฟังอยู่ตรงไหนก็ขอให้ได้ฟัง บอกสามีบอกว่าวันที่เขาจากโลกไปขอให้ใส่เสื้อสีเหลืองเอาไว้ก่อนจะไป ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวสุขสมัยด้วยและเพื่อนฝูงญาติมิตรที่ ต้องบอกว่าพี่เขาเป็นคนมีน้ำใจ จิตใจดี รักพันธมิตรฯยิ่งกว่าอะไรใดๆในโลกนี้ มีสั่งเสียไว้ทุกอย่าง
สนธิ- พันธมิตรฯ และ ASTV ผมสรุปได้ว่า ASTV คือพันธมิตร และพันธมิตรฯ คือ ASTV ตราบใดที่เอเอสทีวีมั่นคง ไม่เปลี่ยนแปลง และซื่อตรงต่ออุดมการณ์ เอเอสทีวีก็จะมีพันธมิตรฯ เต็มไปหมด ด้วยเหตุที่เอเอสทีวีเป็นอย่างนี้ ก็เลยมีคนเป็นอย่างพันธมิตรฯ และด้วยเหตุที่มีคนเป็นอย่างพันธมิตรฯ เราก็เลยมีเอเอสทีวีอย่างนี้เช่นกัน มันเป็นเรื่องของปฏิจจสมุปบาท อิทัปปัจจยตา หรือที่ภาษาธรรม..นี่คือภาษาธรรมอยู่แล้ว คือ ตถตา มันก็เป็นของมันอย่างนี้แหล่ะ มันมีเหตุ เพราะเอเอสทีวีเป็นอย่างนี้ ถึงมีผล ก็เลยมีพันธมิตรฯ มาตาม ในขณะเดียวกันก็เพราะมีพันธมิตรฯ อย่างนี้ เอเอสทีวี พวกเรา ถึงอยู่กันได้
ผมคิดว่าเรื่องราวต่าๆ ของพันธมิตรฯ และเอเอสทีวี เป็นเรื่องราวที่มหัศจรรย์ ผมยังไม่เคยเจอ ที่พูดนี่ไม่ใช่เพราะเราหลงตัวพวกเราเอง แต่ในชีวิตของคนที่ทำสื่อมา ผมนี่ต้องถือว่าเป็นผู้อาวุโสค่อนข้างจะสูงสุดในวงการสื่อมวลชนตอนนี้ แล้วกล้าพูดได้ว่า ในบรรดาวงการสื่อมวลชนที่ยืนตัวตรง ซื่อสัตย์ แล้วก็มีอุดมการณ์ น่าจะมีอยู่คนเดียว คือผม พูดอย่างไม่อายฟ้าอายดิน เพราะว่ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆ
ผมมองผ่านสื่อทุกสื่อ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ หรือไม่ว่าจะเป็นโทรทัศน์ทุกช่อง ผมยังไม่เคยเห็นปฏิสัมพันธ์ การสันทนาการ ตลอดจนการมีส่วนร่วม เปรียบเสมือนหัวใจดวงเดียวกัน และจิตวิญญาณอันเดียวกัน ระหว่างผู้ที่ชมเอเอสทีวี กับผู้ที่ทำเอเอสทีวี ผมเพิ่งจะเห็นครั้งนี้ครั้งแรก ผมเป็นคนช่างสังเกต คุณนิจพรเป็นตัวอย่าง ความที่เอเอสทีวียืนอยู่กับพันธมิตรฯ หรือว่าพันธมิตรฯ เกิดเพราะเอเอสทีวี เอเอสทีวีเกิดครั้งแรก เมื่ออาทิตย์ที่แล้วที่เราคุยกันเรื่องถ่ายทอดสดการต่อสู้ครั้งแรก 24 ชั่วโมง นั่นก็คือจุดเริ่มต้นของพันธมิตรฯ แล้ว เพราะว่าพอประชาชนมาดูการต่อสู้ของแกนนำ หรือพันธมิตรฯ จำนวนหนึ่งแล้ว ก็เข้ามาร่วมกันมากขึ้นๆๆ ก็เลยก่อให้เกิดคนที่มีความเชื่อมั่นในอุดมการณ์ เห็นว่าความเคยชินที่เคยดูโทรทัศน์ช่องต่างๆ แล้ว พอมาดูเอเอสทีวีแล้ว เขามีความรู้สึกว่าทำไมเขาไม่เคยรู้เรื่องนี้เลย
แล้วกาลเวลาผ่านไปตั้งแต่ปี 2548 จะ 8 ปีแล้วจนถึงวันนี้ มันพิสูจน์ชัดว่าฝนตกแดดออก พายุมา พอฟ้าสว่างแจ้งจางปาง พวกเรายืนอยู่ที่เดิมไม่ได้ไปไหน พันธมิตรฯ เลยมีความรู้สึกว่า เขาเริ่มจะไว้ใจพวกเรา และอีกประการหนึ่งที่สำคัญที่สุดคือว่า พวกเราเป็นพวกผู้ร้ายปากแข็งคือว่า ลำบากแต่ไม่บ่น กลืนเลือด กลืนน้ำลายกลืนหมดทุกอย่าง กลืนจะกระทั่งไม่มีอะไรจะกลืน จนกระทั่งในที่สุดแล้วพันธมิตรฯ ต้องเข้ามาช่วยเหลือ ปฏิสัมพันธ์ตรงนี้ผมจะบอกให้รู้ อย่างเช่นคุณนิจพรที่มีความรู้สึกอย่างนี้ได้ ทั้งๆ ที่เขาอยู่ ดี.ซี. วอชิงตัน ดี.ซี. เพราะอะไร เพราะเอเอสทีวี เอเอสทีวีทำให้เขาเข้าใจของคำว่า สีเหลือง สีวันเกิดขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทำให้เขามีความรู้สึกว่า เขามีช่องห่างที่เขาจะเดินไป และเขามีที่พึ่งพึง เขามีโทรทัศน์ที่เขาเปิดดู เขามีคนที่เขาจะฟังได้รู้เรื่อง ไม่ใช่เขาเปิดไปเขอสรยุทธ์ เขาเปิดไปเจอนายหว่อง ช่อง 7 หรือเขาไปอ่านการ์ตูนนายเซียของไทยรัฐ และเขาไม่มีที่ไป เขาจะมีความรู้สึกว่า ทำไมประเทศไทยมันเป็นอย่างนี้ และเข้าไปเจอเอเอสทีวี เขาเจอพวกเรา เขาบอกว่าใช่นี่แหละคือ คนที่ฉันอยากจะอยู่ด้วย คนที่ฉันอยากจะคุยด้วย คนที่ฉันอยากจะฟังด้วย คนที่ฉันอยากจะมีชีวิตร่วมด้วย และคนที่ฉันอยากจะมีอะไรที่เป็นสังคมที่ฉันจะขอมีส่วนร่วมด้วย นี่แหละคือที่มาของมัน
จินดารัตน์- อย่างกรณีคุณนิจพร เพื่อนๆ ที่เป็นพันธมิตรฯ ด้วยกัน บอกว่าไม่เคยมีครั้งไหนที่คุณนิจพรจะไม่ไปร่วมกิจกรรมด้วยเลย แม้กระทั่งไปสถานทูตกี่ครั้ง คุณนิจพรไปด้วยทุกครั้ง เลยฝากข่าวบอกถึงญาติมิตร มีพิธีฌาปนกิจจะจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 13 มกราคมนี้ จะเริ่มพิธีบ่ายโมงตรง มีพิธีเผาบ่าย 2 โมง เรียนเชิญคนที่รักคุณนิจพรไปร่วมไว้อาลัยครั้งสุดท้าย เพื่อส่งคุณนิจพรไปสู่สุคติ และเราจะส่งใจไปถึงพี่สาวคนนี้ด้วย เมื่อสักครู่คุณสนธิพูดถึงพันธมิตรฯ แอนมีพี่สาวคนหนึ่งอยู่ในเมืองไทย อดีตเคยเป็นศิลปินมีชื่อเสียงพอสมควร และวันนี้มีครอบครัวมีลูก เขียนจดหมายมาเล่าให้แอนฟังเขาบอกว่า วันนี้เขาคุยกับเพื่อนเขาไม่รู้เรื่องคุณสนธิ เพื่อนถามว่าแกพร่ำบ่นอะไร ให้เพื่อนอ่านว่า เขามาเริ่มเป็นพันธมิตรฯ ได้อย่างไร รู้สึกอย่างไรกับพันธมิตรฯ เพื่อนบอกแกบ่นอะไรของแกเนี่ย ไม่เห็นรู้เรื่องเลย เลือกที่จะส่งมาให้แอนอ่านว่า แอนรู้สึกอย่างไร แอนบอกว่าแอนซาบซึ้งมากนะ แอนขอเล่าให้คุณผู้ชมทางบ้านให้ฟังว่า พี่เขาบอกว่าเป็นพันธมิตรฯตั้งแต่เมื่อไหร่ ตั้งแต่ปี 49
สนธิ- ผมก็อ่านละเอียดเลยดีกว่า อ่านช้าๆ
จินดารัตน์- พี่เขาเล่ามาคือตอนหลังๆเล่าว่าเคยเจอประสบการณ์รถมีปัญหาอย่างไร มีพี่น้องพันธมิตรเข้ามาช่วย สงสัยจะเป็นการ์ดเพราะตัวใหญ่หน้าตาน่ากลัว เขาก็ไม่ไว้ใจ เพราะยังไม่รู้สึกว่าจะไว้ใจใครได้หรือเปล่า แต่พอมาช่วยกัน คือโดยที่ไม่รู้จักกันมาก่อนช่วยให้รถสตาร์ทติด กลับบ้านไปรับลูกทันจากโรงเรียน คือตั้งแต่วันนั้นเขารู้เลยว่าคนที่เขาคุยด้วย แล้วรู้เรื่อง เหมือนที่คุณสนธิบอก มันมีน้อยลงทุกวัน ทุกที จนวันหนึ่งเขาเป็นคนแรกที่สั่งเครื่องทำน้ำด่างกับเรา ชุดแรก คือที่แอนเอามาเล่าเพราะวิธีคิดของพี่เขาน่ารักนะคุณสนธิ เขาบอกว่าวันหนึ่งขณะที่ฉันยืนดื่มน้ำจากเครื่องทำน้ำด่างวอเทอร์ไอออไนเซอร์ที่บ้าน ความคิดหนึ่งก็แว้บเข้ามาในสมอง ถ้าจะเปรียบพันธมิตรฯตั้งแต่เริ่มก่อตัวเรื่อยมาจนถึงร่วมชุมนุม 193 วัน กับน้ำประปา คือดูเหมือนจะเป็นน้ำสะอาดได้มาตรฐานทั่วไป ดื่มได้ แต่ก็ยังมีส่วนที่เจือปนด้วยคลอรีนแห่งความโลภ และผลประโยชน์ส่วนตัวและพวกพ้อง ดังนั้นพันธมิตรฯตั้งแต่การริเริ่มตั้งพรรคการเมืองใหม่ โหวตโน เขาพระวิหาร และกำลังจะถึงโนโหวตยุคในปัจจุบัน นั่นคือน้ำประปามากมายมหาศาลที่ค่อยๆกรองด้วยเครือ่ง PAD ไอออไนเซอร์ วงเล็บ เครื่องกรองพันธมิตร เป็นเครื่องกรองอย่างช้าๆโดยที่ไม่รู้ตัวและค่อยๆถูกแยกคลอรีนแห่งกิเลศออกมาทางฝั่งน้ำกรด แล้วทิ้งไปหรืออย่างมาก็ไว้ใช้ถูบ้าน ล้างจาน และต้องทิ้งไปอยู่ดี ส่วนฝั่งน้ำด่างที่ต้องใช้สำหรับดื่มและทำประโยชน์มากมาย แม้แต่การดีท็อกซ์เอาของเสียออกจากร่างกาย คือพันธมิตรฯ ที่จิตใจบริสุทธิ์ไม่ได้เห็นแก่ลาภสักการะใดๆ แม้แต่เงินเดือนหรือรายได้ อย่างเช่นชาว ASTV ที่ได้รับเงินเดือนแบบลุ่มๆ ดอนๆ แกนนำที่เหลืออยู่ด้วยศรัทธา ตลอดจนโรงครัว พ่อยก แม่ยกทั้งหลาย เหล่าศิลปินและพี่น้อง ตัวดิฉันเองแม้ปัจจุบันจะไม่ใช่คนที่มีชื่อเสียงเหมือนในอดีต ไม่มีรายได้ เป็นเพียงแม่บ้านคนหนึ่ง มีแค่เงินเดือนที่คุณพ่อบ้านซึ่งเป็นข้าราชการตรงฉินคนหนึ่ง ให้เอาไว้เป็นค่าใช้จ่ายภายในบ้านเท่านั้น แต่ก็ยินดีที่จะสนับสนุน ASTV ที่จะทำได้จนสุดกำลัง แม้จะไม่มีเงินบริจาคเป็นแสนเป็นล้าน ทำได้เพียงอุดหนุนสินค้าอุปโภคบริโภค รับ SMS ข่าวรายเดือนต่างๆ หรือร่วมบริจาคเป็นระยะๆ ตามกำลัง
ส่วนคุณยายอายุ 73 ปี แล้ว มีเงินคนชราจากรัฐบาลเดือนละ 700 บาท รวมบริจาคเข้า ASTV เดือนละ 1,000 บาท เราก็ภูมิใจตามประสาที่ได้เป็นหนึ่งในกลุ่ม4,000 ที่ลุงจำลองให้ฉายาไว้ แต่ฉันรู้ว่า มันยังน้อยนิดเหลือเกิน เมื่อเทียบกับญาติแห่งพันธมิตรฯ ที่ต้องเสียสละอวัยวะเลือดเนื้อ แม้กระทั่งชีวิต แกนนำทุกท่านที่เสี่ยงคุกเสี่ยงตะรางเสี่ยงชีวิต โดยเฉพาะคุณสนธิที่ยืดหยัด ตายเป็นตาย เจ๊งเป็นเจ๊ง แม้ว่าฉันกับคุณยายจะเป็นได้เพียงอนูเล็กๆ ของออกซิเจนในน้ำด่าง แต่รู้สึกภูมิใจเหลือเกินที่ทุกอนูของหัวใจคือ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ผ่านการกรองด้วยเครื่องพีเอดี ไอออไนเซอร์แล้ว คือแอนอ่าน แอนรู้สึกว่า จิตใจพี่เขาบอกว่า พี่เขาเป็นอนูออกซิเจนเล็กๆ เปรียบเสมือนพี่น้องเหมือนเราทุกคน แต่พอมารวมกันแล้วมันมีความสะอาดบริสุทธิ์ มันสามารถชะล้างสิ่งสกปรกได้
สนธิ- แอนกับเก๋รู้ไหมว่า มีคนถามผม อะไรที่แท้จริงที่อยู่ในหัวใจผม ที่ทำให้ผมสู้ไม่ถอย ทั้งๆ ที่ผมควรจะเป็นคนที่ธุระไม่ใช่มากกว่า จริงๆ คนอย่างคุณนิจพรที่เสียชีวิตไป หรือคนอย่างที่น้องคนนี้ ซึ่งผมรู้ว่าใคร คนประเภทนี้ต่างหากที่ทำให้ผมถอยไม่ได้ เพราะว่าผมทนไม่ได้ถ้าผมถอย และผมจะไปทำลายน้ำใจเขา เพราะเขารักเราด้วยใจที่บริสุทธิ์ เมื่อเรามีใครก็ตามที่รักเราด้วยใจบริสุทธิ์ และทำทุกอย่างเท่าที่เขาจะทำได้ เพื่อให้เราเดินหน้าต่อไป แต่ละอนูที่เขาบอกว่าเหมือนอนูหนึ่ง เหมือนออกซิเจนฟองหนึ่งซึ่งอยู่ในน้ำด่าง ของพวกนี้มันคือพลังที่ยิ่งใหญ่มาก ถึงแม้จะเป็นอนูที่เล็กๆ แต่มันเป็นพลังนิวเคลียร์ ที่ทำให้หลายๆ ครั้งผมตื่นมาตอนเช้าผมเคยถามตัวผมเองว่า สนธิเมื่อไหร่จะหยุด ประเทศชาติไม่ใช่ของเรา ผมเลยตอบได้เพียงคำเดียวว่า ผมหยุดไม่ได้เพราะว่า คุณนิจพร หรือว่าคุณคนนี้ และยังมีอีกหลายคน หลายคนที่พยายามอย่างสุดความสามารถ ที่จะเข้ามามีส่วนร่วมกับพวกเรา และเขามาร่วมด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์ นี่สำคัญมากเลยคือ คำว่าจิตใจที่บริสุทธิ์ไม่ได้วัดกันที่เขาให้เงินเราเท่าไหร่ เขามีน้อยเขาให้น้อย เศรษฐีบางคนเขามีมากเขาให้มาก เหมือนอย่างที่ผมเล่าให้ฟังอาทิตย์ที่แล้ว มีเฮียคนหนึ่งให้มาเดือนละล้าน อาม่าใจดี ให้เดือนละ 3 แสน นั่นเขามีมาก ซึ่งการมีมาก ให้มาถึงเดือนละล้าน อาจจะเป็นเศษ 1 ส่วน 100 หรือส่วน 1,000 ที่เขามี แต่สำหรับเศรษฐีแล้ว การที่จะควักเงินสดให้เดือนละล้านไม่ใช่เรื่องเล็กนะ เพราะโดยพื้นฐานเศรษฐีมันงก มันเค็ม เพราะถ้ามันไม่งก ไม่เค็ม มันไม่เป็นเศรษฐีหรอก ก็ลองดูสิ ไอ้เศรษฐีระยำตำบอนที่นั่งเชิดหน้าชูตาอยู่ในสังคม ที่ได้ประโยชน์จากสังคม ที่กดขี่ขูดรีดจากสังคม และสังคมจะเป็นยังไงช่างมัน กูไม่สน ธุระไม่ใช่ กูขอกอบโกยเงินทองก่อน กูขอไปจับมือกับนักการเมือง กูขอเอาเงินยัดใต้โต๊ะให้นักการเมือง นักการเมืองให้เงินกูมา กูทำเสร็จเรียบร้อย ประเทศจะฉิบหายยังไงกูไม่สนใจ เพราะว่าวันหนึ่งข้างหน้า เมื่อประเทศฉิบหาย กูรวยอยู่คนเดียว
ตรงนี้ แอน ที่มันเป็นคำตอบว่าทำไมผมถึงท้อไม่ได้ บางครั้งคิดเหมือนกันว่าถ้าท้อก็จะซื้อลูกท้อมากิน เป็นการแก้เคล็ด
กมลพร- เหมือนแห้ว ก็ซื้อแห้วมากิน
สนธิ- เหมือนแห้ว ซื้อแห้วมากิน แก้เคล็ดมันสักนิดหนึ่ง
กมลพร- เหมือนตอนที่เราเริ่มชุมนุมกันวันแรกๆ ที่จะไปมัฆวานฯ มีช่วงหนึ่งมันจะมีเสื้อตัวหนึ่ง ถ้านายจำได้ คือเสื้อ "คุกคามสื่อ คือคุกคามประชาชน" วันนั้นเรารวมตัวกันที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย แล้วนายเดินผ่านมา นายพูดว่า ไม่ถูกสิ สื่อแหล่ะต้องปกป้องประชาชน ไม่ใช่เอาประชาชนมาอ้าง นั่นคือประโยคหนึ่งที่หนูจำได้ สมัยเราเริ่มเป็นสื่อ เราเริ่มทำม็อบใหม่ๆ เรารู้สึกเออจริง ทำไมสื่อต้องเอาประชาชนเป็นเกราะกำบังตลอดเวลา คุกคามสื่อๆ คุกคามสื่อคุกคามประชาชน ไม่เคยมีวันไหนที่สื่อจะออกมายืนแถวหน้าแล้วบอกว่า เรานี่ล่ะจะเอาตัวเราเป็นกำแพงป้องกันพี่น้องประชาชน ป้องกันบ้านเมือง ไม่มี มีแต่อ้างประชาชนตลอด จนวันหนึ่งพอทำเอเอสทีวีมาเรื่อยๆๆๆ จนถึงวันนี้ เก๋ถึงเข้าใจสิ่งที่นายบอกว่า ไม่ถูกนะ ไอ้เสื้อตัวนี้ เก๋จำได้ เก๋ใส่กับพี่เก๋ อุษณีย์ 2 คน เรากำลังจะถ่ายทอดสดแล้วนายเดินผ่าน ไม่ถูก ไม่ใช่ จนวันนี้ถึงได้เข้าใจว่าไม่ใช่ เราต้องทำหน้าที่ปกป้องพี่น้องประชาชน เพราะดูเขาสิ เขาคิดถึงเราทุกลมหายใจ แม้กระทั่งชีวิตจะหาไม่เขาก็ยังคิดถึงเรา
จินดารัตน์- ไม่เอาแล้วนะ วันหลังไม่อ่าน
สนธิ- หาเรื่องเอง
กมลพร- หาเรื่องๆ
จินดารัตน์- รู้สึกประทับใจนะคะ ก็เลยเอามาอ่าน แบ่งปันว่า เออ เขาคิดกระทั่งในขณะที่ดื่มน้ำด่าง พี่เขายังคิดถึงเรานะ เราก็เลยมีความรู้สึกว่าเราเป็นเนื้อเดียวกัน เราเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน เราจะยืนอยู่ตรงนี้ เราจะไม่เปลี่ยนแปลง มันยิ่งคัดกรองนะคะ จริงนะคะ มันเหมือนเครื่องกรอง
สนธิ- จำไม่ได้เหรอ คนที่...น้องที่เขียนมานี่ แกเขียนถูกต้องเลย ผมเคยพูดมานานแล้วว่า พันธมิตรฯ มันเริ่มด้วยวัตถุประสงค์อันเดียวกัน คือการไล่ทักษิณ ไม่ให้เป็นนายกฯ ทีนี้คำว่าไล่ทักษิณไม่ให้เป็นนายกฯ นัย เป้าหมายของแต่ละกลุ่ม ไม่เหมือนกัน กลุ่มพวกเราไม่เห็นด้วยแน่กับการให้ทักษิณเป็นนายกฯ ให้เขาลาออกเพราะว่าเขาเป็นนายกฯที่ไม่ซื่อสัตย์ เขาทำทุกอย่างเพื่อครอบครัวเขา พรรคพวกเขา ใช่มั้ ยเราเพียงแต่หวังให้เขาลาออก แล้วเอาคนที่ดีกว่าเขาขึ้นมา อีกกลุ่มหนึ่งก็มีความรู้สึกว่า ต้องเข้าร่วมไล่ทักษิณ เพราะถ้าไล่ทักษิณแล้ว กูจะได้ขึ้นมาแทนทักษิณ
ส่วนอีกกลุ่มคิดแบบกลุ่มที่ต้องการจะมีอำนาจ สรุปแล้วในบรรดาบริบทของทั้งหมดที่เข้าไปไล่ทักษิณมีเฉพาะกลุ่มพวกเราเท่านั้นเอง ที่มีจิตบริสุทธิ์ ไม่ได้หวังลาภยศ จาก พ.ศ.2548 - 2556 ก็ไม่ได้หวังอะไรทั้งสิ้น พอเหตุการณ์ผ่านไปถึง 193 วัน ที่กำลังเข้มงวด ประชาชนมามืดฟ้ามัวดิน ทุกคนมาหมด พอหลังเหตุการณ์ 19 กันยาฯ มา 193 วัน พอเราถอนตัวออกจากสนามบินสุวรรณภูมิแล้ว ศาลรัฐธรรมนูญพิพากษาลงมา ประชาธิปัตย์ขึ้นมาเป็นรัฐบาล ตรงนั้นล่ะ ที่จุดเริ่มของเครื่องไอออไนเซอร์เริ่มทำงาน ก่อนหน้านั้นคือน้ำสะอาดธรรมดา ตอนนั้นกรองหมดเลยนะ กรองสาวกพรรคประชาธปัตย์ กรองพวกแมลงสาป กรองพิธีกรที่เคยอยู่กับเรา กรองนักข่าวที่เคยอยู่กับเรา กรองแม้คนที่ซึ่งเคยเป็นแฟน ASTV ออกไปหมด จนกระทั่งในที่สุดเหลือแต่น้ำด่างที่มีออกซิเจนเต็มไปหมด แอนจำได้มั้ยผมเคยพูดว่า พลังที่เกิดขึ้นไม่จำเป็นต้องมีคนเยอะ คนน้อยก็ได้แต่ขอให้มีคุณภาพ แต่คุณภาพที่เรามีอยู่นับวันจะมีปริมาณเพิ่มมากขึ้นทีละนิดๆ เราต้องมีความอดทนตรงนั้น ดังนั้นเราจะเห็นได้ชัดเลย ว่า ณ วันนี้เวลานี้ และก็จากนี้ไปการต่อสู้ของเราจะทำให้อีกฝ่ายหนึ่งที่อยากเข้ามาร่วมกับเรากำลังหนักใจว่าจะมาร่วมยังไง เพราะว่าหากเขามาร่วมต่อสู้กับเราในเรื่องเขาพระวิหาร หมายความว่าเขาต้องก้าวข้ามนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พระเอกของเขาและพรรคประชาธิปัตย์ เขาจะทำได้หรือเปล่า นี่เป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก
จินดารัตน์- เพราะปัญหาที่ยุ่งเหยิงอยู่ทุกวันนี้ก็เพราะหนุ่มรูปหล่อของเขานี่แหล่ะนะ แล้วลูกสมุนก็ลืมไปหมด ลืมกระทั่งพี่วีระ พี่ราตรีด้วย เดี๋ยววันนี้ขอจัดหนักหน่อยนะคะ
กมลพร- แต่พูดถึงเรื่องน้ำด่างเราไป
จินดารัตน์- ก่อนเครื่องทำน้ำด่าง ขออีกนิดได้มั้ย ไม่พูดไม่ได้ค่ะคุณสนธิ เขาบอกว่าละครยังโดนคุกคามเลย
กมลพร- อ๋อ ใช่ๆ
จินดารัตน์- เหนือเมฆภาค 2 อยู่ๆ มันก็จบด้วนๆ วันนี้
กมลพร- ให้ส่งเอสเอ็มเอสได้มั้ย เพราะเขาบอกว่าถ้าอยากรู้ว่าวันนี้ละครเหนือเมฆได้ออกอากาศหรือเปล่า ให้ลุ้นวันนี้ 2 ทุ่มครึ่ง ซึ่งก็ตรงกันกับ ...
จินดารัตน์- ช่อง 3 เขาขึ้นแล้ว
กมลพร- ขึ้นแล้วใช่มั้ย
จินดารัตน์- เขาขึ้นหน้าจอแล้วว่าขออภัย เนื้อหาบางส่วนไม่เหมาะสม
กมลพร- โถ
จินดารัตน์- ไม่สามารถออกอากาศได้ ก็เลยต้องเอาละครเรื่องใหม่มาออนแอร์แทน
กมลพร- โถ อะไรที่ไม่เหมาะสม ที่นักเขียนบทไปโพสต์ในเฟซบุ๊กหรือเปล่า หรือว่าตัวเนื้อหาละคร
จินดารัตน์- สงสัยชื่อคุณหมอในนั้น ดั๊น..ไปชื่อเหมือนลูกสาวคนเล็กใครบางคน
กมลพร- อ๋อ คล้ายๆ
จินดารัตน์- แล้วก็มีซีเอสไอ เหรอ
กมลพร- ใช่ มีหน่วยงานซีเอสไอ ปรับเปลี่ยนหลักฐาน คือละครเขาทำดี เป็นของผู้จัดคือ 2 นก นกหญิง-นกชาย เปล่งพานิช แล้วก็ทำเรื่องในลักษณะเหมือนกับว่ามีจอมขมังเวทย์ คนหนึ่งชอบใส่หน้ากากเหลี่ยมๆ เอ๊ยไม่ใช่..ชอบใส่หน้ากากธรรมดา มาคอยบงการซีเอสไอ บงการรองนายกรัฐมนตรี เป็นเรื่องเป็นราวในระบบขึ้นมา
จินดารัตน์- คือมันเสียดสีการเมือง เขารับกันไม่ได้
สนธิ- ผมว่านะ ผมดีใจที่คุณนก-สินจัย และคุณนก-ฉัตรชัย ตัดสินใจทำละครเรื่องนี้ แต่ผมคิดว่าวันนี้ก็เป็นบทพิสูจน์ 2 นก อีกเหมือนกัน ถ้าคุณจะเดินมาแบบนี้แล้ว ไม่รู้นะ คุณต้องไม่ถอย ต้องเหมือนพี่ตั้วเรา ถูกมั้ย ผมก็รู้สึกสงสารเขาลึกๆ ว่าอาจจะไม่ง่ายอย่างที่เขาคิด เพราะว่าการต่อสู้ของพี่ตั้ว เราผ่านการต่อสู้มาตั้ง 8 ปี ผมเป็นเพียงแต่หวังว่าเขาจะมีจิตใจที่จะสู้ต่อ ไม่ถอย แม้กระทั่ง...เชื่อผมสิ จากนี้ไปเขาจะโดนบีบ โดนบีบในเรื่องการทำละคร เผลอๆ อาจจะไม่ได้ทำละครช่อง 3 อีกแล้ว เมื่อไม่ได้ทำแล้ว ช่อง 5 ก็ไม่ให้ทำ ช่อง 9 ก็ไม่ให้ทำ ช่อง 7 ก็ไม่ให้ทำ ถูกมั้ย แล้วในเมื่ออาชีพของนก-สินจัย กับนก-ฉัตรชัย เขาเป็นอาชีพที่ต้องเกี่ยวข้องกับแวดวงพวกนี้ เขาต้องทำใจ คำถามคือ ทำใจ ต้องอดทนด้วย น้ำอดน้ำทนจะมีมากน้อยแค่ไหน ช่วงนี้จะเป็นช่วงที่ผมเรียกว่าบทพิสูจน์
แต่สิ่งหนึ่งซึ่งมันพิสูจน์ชัด เมื่อวานซืน ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ นายโทมัส ฟิลเลอร์ มาสัมภาษณ์ผม เขาสัมภาษณ์เรื่อง ทำไมเมืองไทยถึงเป็นอะไรที่พิสดาร ทั่วโลกกำลังสงสัย ว่ามีนายกฯ เป็นน้องสาว แต่คนสั่งการเป็นพี่ชาย บินอยู่ข้างนอก เข้าประเทศไม่ได้ แต่ชี้นกชี้ไม้ตลอดเวลา ทำไมเมืองไทยถึงเป็นเช่นนี้ ผมบอกเขาอย่างนี้ ผมบอกว่าถ้าคุณจะคุยกับผมทีละเรื่องแบบนี้ คุณถามผมทีละประเด็น ผมจะพูดได้ถึง 7 วัน 7 คืน ไม่จบผมไม่มีเวลาเล่าให้คุณฟัง เอาอย่างนี้ดีกว่า ผมสรุปให้คุณง่ายๆ ว่า ทำไมเมืองไทยถึงเป็นเช่นนี้ เมืองไทยที่เป็นเช่นนี้เพราะเราเป็นสังคมที่มีประชาชนที่ด้อยปัญญา ผมใช้ภาษาอังกฤษว่า less intelligence ผมบอก ผมไม่อยากใช้คำว่าโง่ แต่จริงๆ มันก็คือโง่
ผมบอกว่าสังคมไทย สังคมใดก็ตาม หนึ่งถ้าไม่มีกติกา สังคมก็อยู่ไม่ได้ สอง ถ้าไม่มีคนรักษากติกาที่ยุติธรรม กติกาก็ไม่มีความหมาย ถ้ามีคนรักษากติกาอย่างยุติธรรม โดยไม่หวั่นเกรงใดๆ กติกาก็มีความหมาย สาม ถ้ามีสื่อมวลชนที่เข้าใจคำว่าส่วนรวมและชาติ คนรักษากติกาก็รักษาได้ กติกาก็อยู่ได้ พลังแห่งคุณงามความดี พลังแห่งคุณธรรมก็เกิดขึ้น เมื่อพลังคุณธรรมเกิดขึ้น มันก็ก่อให้เกิดภาวะการณ์เป็นเกราะป้องกันคนที่รักษากติกา และขณะเดียวกัน มันก็เป็นเกราะที่ป้องกันสื่อมวลชนที่ทำหน้าที่นี้
ผมบอกว่าปัญหา 4 อย่างนี้มันมีข้อเชื่อมต่อกันหมดเลย แล้วคุณถามว่าอะไรที่สำคัญที่สุด ผมบอกว่าสื่อมวลชนสำคัญที่สุด เพราะหากสื่อมวลชนได้ทำหน้าที่เป็นสื่อมวลชนที่ซื่อสัตย์ เพื่อชาติ เพื่อส่วนรวม เพื่อประชาชนจริงๆ แล้ว นักการเมืองหรือคนรักษากติกาซึ่งอยู่ใต้อาณัตินักการเมืองก็จะไม่กล้า แต่เพราะว่าสื่อมวลชนชั่วเป็นคนแรก แล้วบัดซบตลอดเวลา มันก็เลยทำให้นักการเมืองเห็นความชั่ว และความบัดซบ อย่างเช่นช่อง 3 อย่างนี้ ช่อง 3 ไม่เอารายการของฉัตรชัย และสินจัย ออกได้ยังไง เขาต้องเอาออก เหตุผลเพราะว่าช่อง 3 ทำมาหากินกับทักษิณ ชินวัตร มาตลอด ประชา มาลีนนท์ คือใคร ถ้าไม่ใช่เป็นอดีตรัฐมนตรี แล้วช่อง 3 ได้สัมปทานจากช่อง 9 และช่อง 3 กำลังที่จะทำ ... คือพวกนี้ไม่ได้ทำธุรกิจสื่อเพราะตัวเองต้องการทำธุรกิจสื่อ แต่พวกนี้ทำธุรกิจสื่อเพื่อใช้สื่อนั้นไปแตกแขนงเป็นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจโน่นธุรกิจนี่ ไอ้เรามาขายน้ำด่าง เพื่อเอารายได้จากน้ำด่างเอามาทำสื่อ ไอ้พวกนี้ทำสื่อเพื่อไปรวยจากทางด้านอื่น เราได้รายได้น้ำด่างเอามาเพื่อทำสื่อ เพราะเรามองว่าสื่อของเรานั้น ถ้าอยู่ไม่ได้ นั่นคือความเศร้าหมองของสังคม ผมก็เลยอธิบายให้นายโทมัส ฟิลเลอร์ ฟัง ผมบอกคุณเข้าใจหรือยังตอนนี้ เมืองไทยมันถึงเป็นอย่างนี้ ในเมื่อคนคุม ผู้คุมกติกา ในเมื่อคุณคุมตำรวจ คุณคุมฝ่ายปกครอง คุณคุมงบประมาณคุณคุมสื่อได้ ผมถามบอก และถ้าอย่างนั้นแล้ว คำว่าประชาธิปไตย one man one vote คุณมีความหมายว่าอย่างไร คุณซื้อได้แม้กระทั่ง กกต. ซึ่งถูกซื้อไปเรียบร้อยแล้ว เพราะฉะนั้นผู้ที่คุมการเลือกตั้งเมื่อไม่ซื่อสัตย์สุจริต สื่อมวลชนเมื่อไม่ซื่อสัตย์สุจริต คนที่รักษากติกาเมื่อไม่ซื่อสัตย์สุจริต กติกามีไปทำไม เมื่อกติกามีไปทำไม one man one vote มีไปทำไม เพราะว่าคุณเป็นเพียงแต่รูปแบบที่ต้องการให้มันมี one man one vote เพียงเพื่อคุณจะได้อ้างความชอบธรรม ว่าเสียงผมมากกว่าเสียงคุณ แค่นั้นเอง เพื่อคุณจะได้ใช้สิทธิอันนี้เอาไปทำอะไรก็ได้ที่มันชั่วช้าสามานย์ และคุณบอกว่า ผมได้รับเลือกมาจากประชาชน เห็นหรือยังแอน
จินดารัตน์- มันผิดตั้งแต่ต้น
สนธิ- ผิดมาตั้งแต่ต้นเลย สังคมไทยมันถึงผิดเพี้ยน และมิหนำซ้ำเรายังมีคนที่มีหน้าที่ต้องดูแลชาติบ้านเมือง เอาความสงบเรียบร้อยของชาติบ้านเมืองเป็นหลัก อย่างเช่นผู้บัญชาการทหารบก บอกว่า ผมต้องเชื่อคำสั่งของผู้บังคับบัญชาคือนายกรัฐมนตรี และถ้าอีนายกฯ มันมาแบบนี้ คุณกำลังฟังคำสั่งจากโจร เพราะคุณยอมรับโจรเป็นนายคุณ คุณมาเป็นทำไมผู้บัญชาการทหารบก คุณมาเป็นแขกยามดีกว่า แขกยามคุณยังเป็นไม่ได้เลย เพราะไอ้แขกยามอีนี้ยังซื่อสัตย์เนอะ นาย เจ้านายเขาบอกไม่ให้เข้า อีนี้ฉันไม่ให้เข้า เป็นใครฉันไม่ให้เข้า ยังซื่อสัตย์ เพราะฉะนั้นประเทศไทยมันมีความหวังอะไรในขณะนี้ นี่คือสิ่งที่ผมให้สัมภาษณ์นายโทมัส คูลเลอร์ไปวันนี้ เพราะฉะนั้นแล้วผมถึงบอกว่า ผมไม่ได้ประหลาดใจในเรื่องช่อง 3 ที่เขาทำเช่นนี้ เพราะพูดมาตลอดเวลา เจ้าของโทรทัศน์ไม่ว่า ช่อง 3 ช่อง 7 พวกนี้ล้วนแล้วแต่เอาเงินเป็นตัวตั้งทั้งสิ้น อุดมการณ์ไม่มีเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะฉะนั้นแล้วเขาปิดรายการนี้ช้าไปเสียด้วยซ้ำ
จินดารัตน์- แอนดูอารมณ์ความรู้สึกของผู้จัดละครช่อง 3 ระยะหลังๆ มาคุณสนธิคือ ไม่ค่อยได้ดูละครแต่ฟังเขาเล่ามาว่า เรื่องนั้นเขามีเหน็บแนมการเมือง เรื่องนี้เขามีเหน็บแนมมีพูดคือ เสียดสีบ้างอะไรบ้าง แอนว่าความกล้าของผู้จัดละครเขามีเพิ่มมากขึ้น
สนธิ- มีเพิ่มแต่ว่า มันเป็นช่องทางทำมาหากินของเขา เพราะฉะนั้นแล้วอะไรบ้างถ้าจะให้พูดเดี๋ยวนี้ผมกล้าพูดได้ว่า ช่อง 3 เป็นสื่อที่ทำลายชาติ ชาติบ้านเมืองที่ยังโง่ดักดาน ประชาชนที่ยังโง่บัดซบอยู่ทุกวันนี้ ส่วนหนึ่งเป็นส่วนใหญ่พอสมควรมาจากช่อง 3 ตระกูลมาลีนนท์ต้องรับผิดชอบในความล้าหลังในเรื่องของสติปัญญา และความโง่ของสังคมไทยมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างมากที่สุด คุณคุมสื่อได้ ผมถามบอก และถ้าอย่างนั้นแล้ว คำว่าประชาธิปไตย one man one vote คุณมีความหมายว่าอย่างไร คุณซื้อได้แม้กระทั่ง กกต. ซึ่งถูกซื้อไปเรียบร้อยแล้ว เพราะฉะนั้นผู้ที่คุมการเลือกตั้งเมื่อไม่ซื่อสัตย์สุจริต สื่อมวลชนเมื่อไม่ซื่อสัตย์สุจริต คนที่รักษากติกาเมื่อไม่ซื่อสัตย์สุจริต กติกามีไปทำไม เมื่อกติกามีไปทำไม one man one vote มีไปทำไม เพราะว่าคุณเป็นเพียงแต่รูปแบบที่ต้องการให้มันมี one man one vote เพียงเพื่อคุณจะได้อ้างความชอบธรรม ว่าเสียงผมมากกว่าเสียงคุณ แค่นั้นเอง เพื่อคุณจะได้ใช้สิทธิอันนี้เอาไปทำอะไรก็ได้ที่มันชั่วช้าสามานย์ และคุณบอกว่า ผมได้รับเลือกมาจากประชาชน เห็นหรือยังแอน
จินดารัตน์- มันผิดตั้งแต่ต้น
สนธิ- ผิดมาตั้งแต่ต้นเลย สังคมไทยมันถึงผิดเพี้ยน และมิหนำซ้ำเรายังมีคนที่มีหน้าที่ต้องดูแลชาติบ้านเมือง เอาความสงบเรียบร้อยของชาติบ้านเมืองเป็นหลัก อย่างเช่นผู้บัญชาการทหารบก บอกว่า ผมต้องเชื่อคำสั่งของผู้บังคับบัญชาคือนายกรัฐมนตรี และถ้าอีนายกฯ มันมาแบบนี้ คุณกำลังฟังคำสั่งจากโจร เพราะคุณยอมรับโจรเป็นนายคุณ คุณมาเป็นทำไมผู้บัญชาการทหารบก คุณมาเป็นแขกยามดีกว่า แขกยามคุณยังเป็นไม่ได้เลย เพราะไอ้แขกยามอีนี้ยังซื่อสัตย์เนอะ นาย เจ้านายเขาบอกไม่ให้เข้า อีนี้ฉันไม่ให้เข้า เป็นใครฉันไม่ให้เข้า ยังซื่อสัตย์ เพราะฉะนั้นประเทศไทยมันมีความหวังอะไรในขณะนี้ นี่คือสิ่งที่ผมให้สัมภาษณ์นายโทมัส คูลเลอร์ไปวันนี้ เพราะฉะนั้นแล้วผมถึงบอกว่า ผมไม่ได้ประหลาดใจในเรื่องช่อง 3 ที่เขาทำเช่นนี้ เพราะพูดมาตลอดเวลา เจ้าของโทรทัศน์ไม่ว่า ช่อง 3 ช่อง 7 พวกนี้ล้วนแล้วแต่เอาเงินเป็นตัวตั้งทั้งสิ้น อุดมการณ์ไม่มีเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะฉะนั้นแล้วเขาปิดรายการนี้ช้าไปเสียด้วยซ้ำ
จินดารัตน์- แอนดูอารมณ์ความรู้สึกของผู้จัดละครช่อง 3 ระยะหลังๆ มาคุณสนธิคือ ไม่ค่อยได้ดูละครแต่ฟังเขาเล่ามาว่า เรื่องนั้นเขามีเหน็บแนมการเมือง เรื่องนี้เขามีเหน็บแนมมีพูดคือ เสียดสีบ้างอะไรบ้าง แอนว่าความกล้าของผู้จัดละครเขามีเพิ่มมากขึ้น
สนธิ- มีเพิ่มแต่ว่า มันเป็นช่องทางทำมาหากินของเขา เพราะฉะนั้นแล้วอะไรบ้างถ้าจะให้พูดเดี๋ยวนี้ผมกล้าพูดได้ว่า ช่อง 3 เป็นสื่อที่ทำลายชาติ ชาติบ้านเมืองที่ยังโง่ดักดาน ประชาชนที่ยังโง่บัดซบอยู่ทุกวันนี้ ส่วนหนึ่งเป็นส่วนใหญ่พอสมควรมาจากช่อง 3 ตระกูลมาลีนนท์ต้องรับผิดชอบในความล้าหลังในเรื่องของสติปัญญา และความโง่ของสังคมไทยมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างมากที่สุด พูดได้ ไม่ต้องห่วงแอนไม่ได้พูด แอนเคยอยู่ช่อง 3 ผมพูดแทน และไอ้พวกอีนังทั้งหลายที่มาอีแลดแต้ดเเต๋อยู่รายการเช้ารายการนู้นรายการนี้ คิดว่าตัวเองเท่นักหนา คุณเนี้ยนะไม่ได้ขี้ตีนของพิธีกร ASTV ระดับน้องๆของผมเลยแม้แต่นิดเดียว ความคิดของคุณ อุดมการณ์ก็ไม่มี คุณไม่มีอะไรทั้งสิ้น คุณมีอยู่อย่างเดียวต้องการจะโด่งดัง ต้องการเป็นพรีเซนเตอร์ ไปอีเว้นแล้วเขาจ่ายเงินจ่ายทอง มีความรู้สึกว่าอยากให้คนกรี๊ดคุณ เหมือนอย่างที่แอนเคยเล่าให้ฟังเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ว่าเคยอยู่ช่อง 3 แล้วมีคนมากรี๊ดแล้วก็หายไป แต่พอมาอยู่ ASTV คนไม่กรี๊ด มากอดเลย แล้วห่วง คุณแอนเป็นอย่างไร สุขภาพเป็นอย่างไรบ้างครับ ดูดีจัง โอ้ยตัดผมทรงนี้ดูเด็กจังแต่ยังอ้วนอยู่ อะไรทำนองนี้
กมลพร- แต่จริงๆนะคะ เพื่อนเก๋หลายคนก็ไปอยู่ฟรีทีวี ซึ่งเราก็เคยอยู่ด้วยกัน พอวันที่เขาไปอยู่ช่องฟรีทีวี เรารู้เลยนะว่าชีวิตเขากับเราแตกต่างกัน เขาอาจจะมีชื่อเสียง มีเงินทองออกอีเว้นมากมาย แล้วสิ่งที่เขาขาดอย่างหนึ่งแล้วเก๋รู้ว่าขวนขวายมากคือเป้าหมายในชีวิต มาละ ปั่นจักรยานกันเถอะแก เราจะได้มีเป้าหมายว่า ปีนี้เราจะปั่นจักรยานเพื่อที่เราจะได้ทำไตรกีฬา แเราไปวิ่งกันเถอะ เราจะได้มีเป้าหมายในชีวิต หันไปบอก ไม่ต้อง มีแล้ว ชัดเจนด้วย มีเป้าหมายชัดเจน เหมือนชีวิตเรามันมีเป้าหมายว่าจะต้องมุ่ง รออยู่ข้างหน้า ไม่ใช่ อ๋อ โอเคเปลี่ยนเป้าหมายใหม่ ปีนี้ไปอังกฤษดีกว่า ไม่รู้นะ แต่หนูรู้สึกว่าถ้ามีเป้าหมาย หรือชีวิตแค่นั้น พอเหอะ
สนธิ- เก๋ไม่รู้สึกเหรอ เพื่อนเก๋คนนั้นผมก็รู้จัก เก๋ไม่รู้สึกเหรอว่า เวลายิ่งห่างไปคุยกับเราไม่รู้เรื่องมากขึ้น และเก๋มีความรู้สึกทีละนิดทีละนิดหรือเปล่าล่ะ ว่าทำไมเเดี๋ยวนี้แกไร้สาระกว่าเก่าเยอะ สมัยแกอยู่กับชั้นอยู่ ASTV ยังพูดจารู้เรื่อง ยังเป็นคนมีสาระ แต่ตอนนี้กลายเป็นคนไร้สาระไปแล้ว นี่เรื่องจริง ผมถึงบอกไง บอกมาตลอด ว่าไม่เชื่อ ลองย้อนกลับไปดูว่าเพื่อนฝูงที่เคยคบกันอยู่ ชุมนุมเพื่อนรุ่นเก่ากันสักที แล้วนั่งดูว่าความคิดแต่ละคนเป็นไง จะรู้ว่าคุณคือคนปกติ ในท่ามกลางคนที่ไม่ปกติ คุณจะมีความรู้สึก คุณเบื่อจริงๆ นั่งร่วมเสวนา และคุณไม่มีความรู้สึกอยากจะชุมนุมเพื่อนเก่าอีกต่อไป คุณเกิดความรังเกียจมันโดยปริยาย คุณมีความรู้สึกว่า คุณไปทำไมวะ 1.มันโคตรไร้สาระ 2.มันโง่ 3.มันบัดซบ 4.มึงพูดอะไรของมึงวะ เห็นแต่เรื่องส่วนตัวของมึง
กมลพร- ใช่มีแต่เรื่องส่วนตัว
จินดารัตน์- เปลี่ยนรถ ไปเที่ยงต่างประเทศ
สนธิ- มีแค่นั้นเองอย่างอื่นไม่มี ชาติบ้านเมืองจะพินาศฉิบหายเป็นอย่างไร ข้าวปีหน้าระบบโครงสร้างข้าวจะพังทลายไปอย่างไร น้ำมัน 3 ลิตร 100 โดนเขาโกง โดน ปตท.มันโกง โดยรัฐบาลมันปล้นไป ธุระไม่ใช่กันทุกคน ใช่ไหมแอน
จินดารัตน์- และแอนไปหาเพื่อนน้อยลงมากจริงๆ
สนธิ- ผมว่านะ พันธมิตรฯ เป็นชุมชนใหม่ที่เราต้องสร้างมันขึ้นมา เรามาสร้างเพื่อนใหม่ในหมู่พันธมิตรฯ กันดีกว่า คนที่คุยกันรู้เรื่อง คนที่มองตากันแล้วไม่จำเป็นต้องพูดอะไรต่อไป รู้ว่าคิดอย่างไร เพราะว่าคิดเหมือนกัน
จินดารัตน์- ใช่คะ
สนธิ- นี่คือการใช้ธรรมนำหน้าทุกคน จะธรรมนำหน้าเหมือนอย่างที่ผมเคยพูดไง พระพุทธเจ้าเวลาท่านประชุมสงฆ์ ท่านเคยต้องให้พระสงฆ์ใครเห็นด้วย ยกมือมีไหม ไม่มี เพราะว่าพระสงฆ์ทุกองค์ยึดธรรมเป็นสาระ เพราะฉะนั้นอะไรที่เสนอไปว่า อันนี้ควรจะเป็นเช่นนี้ ถ้ามันเป็นธรรมพระสงฆ์ทุกองค์เอาด้วยหมด เข้าใจยัง พระสงฆ์เอาด้วยหมดเลย เหมือนกับเวลาเราถวายผ้ากฐินจำได้ไหม ที่เขาจะประกาศว่ากฐินผืนนี้จะให้องค์นี้ มีใครคัดค้านบ้างถ้าไม่คัดค้านให้เปล่งคำว่า สาธุ ทุกคนสาธุ สาธุ สาธุจบ ไม่ต้องมาบอกว่า ข้าพเจ้าไม่เห็นด้วยเพราะเมื่ออาทิตย์ที่แล้วยังมีคนมาถวายผ้าป่า องค์นี้เพิ่งได้รับผ้ากฐินผืนใหม่ไป ข้าพเจ้าไม่มีนึกออกไหม ไม่มี ใช่ไหมเพราะฉะนั้นจะเห็นได้ชัดว่า สิ่งที่พันธมิตรฯ เป็นทุกวันนี้ กำลังก้าวเข้ามาสู่จุดซึ่งผมสู้มาตลอดคือ เอาธรรมนำหน้า และเมื่อธรรมในเรื่องของส่วนรวมมันเกิดขึ้น ในที่สุดแล้วมันจะทำให้ธรรมในเรื่องส่วนตัวเกิดขึ้นเช่นกัน ถ้าไม่เชื่อลองคิดดูของเรื่องตัวเองบ้างในบางครั้งว่า เก๋ดูว่า 8 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่เก๋เริ่มเดินเข้ามาในเอเอสทีวี วันแรกนิสัยส่วนตัว ความคิดส่วนตัวเรื่องราวส่วนตัวของตัวเองเปลี่ยนไปเยอะมั้ย มีอะไรที่เป็นธรรมกับตัวเองมากขึ้น
กมลพร- หลายอย่าง อย่างน้อยก็ความซื่อสัตย์ ความหยากน้อยลง
สนธิ- และที่สำคัญคือซื่อสัตย์กับตัวเอง อันนี้สำคัญมากนะ
กมลพร- ไม่รู้สึกว่าจะต้องไปก็ได้ โอเคเพื่อที่จะได้เงิน ถ้ามันขัดความรู้สึกก็จะไม่ไป
สนธิ- ถ้าผมสังเกตเก๋เรื่องหนึ่ง เดี๋ยวนี้นัดปาร์ตี้กับเพื่อนน้อยลง โดยเฉพาะเพื่อนเก่าๆ เพราะเริ่มพูดไม่รู้เรื่องแล้วไง เพราะว่าเก๋มีธรรมอยู่ในใจ ไอ้เพื่อนแต่ละคนที่แต่ก่อนอย่างนู้นอย่างนี้จะเป็นจะตายให้ได้ เพื่อนรักเพื่อนเลิฟ
กมลพร- โดนเหน็บมาทุกวัน ร้องไห้ มาซบอกพี่
จินดารัตน์- มิน่า ช่วงหลังชวนแอนไปด้วยค่ะ พี่ไปด้วยกันดิ ไปนั่งเราจะได้คุยกันรู้เรื่อง 2 คน
สนธิ- แต่ไอ้พวกนั้น กับอีนังพวกนั้นไม่กล้าเจอผมหรอก เพราะผมด่ากระเจิงเลยนะงานนี้ ด่ากระเจิง ด่ากระจายเลยนะงานนี้ โง่ทั้งนั้น
จินดารัตน์- ก็ดีค่ะ อย่าไปอยากมีเพื่อนปริมาณมากเลย เอาคุณภาพดีกว่า
สนธิ- เวลาน้อยลง เอาเรื่องที่มีสาระมากขึ้น อย่าไปเสียเวลากับคนโง่ เหนื่อย เก๋ไปถามนักเทนนิสคนที่เล่นเทนนิส เวลาคนที่เขาตีเทนนิสเขาอยากตีกับคนที่เก่งกว่ามั้ย ฝีมือจะดีขึ้น ถ้าเขาตีกับคนที่สุนัขไม่รับประทานฝีมือเขาตกทันทีเลยนะ เพราะอย่างนั้นพี่น้องพันธมิตรฯ ท่านผู้ชม ถ้าไปนั่งคุยกับคนโง่มากๆ เราจะโง่ลงทันที เป็นโรคติดต่อจริงๆ เชื่อผม เลิกแม่ไงปเลยพวกนั้น อย่าไปสนใจมันถึงจะคบกันมาตั้งนมนาน ผมเนี้ยอัสสัมชันศรีราชารุ่นเดียวกับผมมีคุยกันได้ไม่กี่คน เบ็ดเสร็จผมว่าไม่น่าเกิน 2 คน สูงสุด คนหนึ่งก็ตายไปแล้ว เหลืออีกคนเพื่อนรักผมไอ้ยุทธ เจ้าของโรงพิมพ์ตะวันออก นอกนั้นคุยกับแม่งไม่รู้เรื่องเลย ควาย แก่จะตายห่าอยู่แล้ว ลูกหลานก็เยอะแต่ทำไมมึงยังโง่บัดซบอยู่อย่างนี้ ไม่รู้ว่าเวลามันตาย ผมว่าเทวดา หรือยมบาลจะบอกว่าทำไมมึงโง่นัก ตายแบบโง่ๆ ทำไมไม่ตายตั้งนานแล้วมาตายตอนแก่ อยู่ไปก็หนักโลก
กมลพร- ปฏิบัติการต้นปี คัดกรองเพื่อนก่อน
สนธิ- อันนี้เรื่องจริง ปีนี้ขอให้พวกเราทุกคนเริ่มกรองเพื่อน อย่าไปผูกพันว่า คบกันมาตั้งนานแล้ว ถ้ามีความรู้สึกคุยแล้วไม่รู้เรื่อง จะดึงพาทำให้สติปัญญาเราตกต่ำ หาคนที่มีสติปัญญาคลื่นความถี่เดียวกัน อุดมการณ์เดียวกัน รู้สึกแบบเดียวกัน เห็นว่าถูกคือถูก ผิดคือผิด ถึงจะเพิ่งรู้จัก เริ่มไปคบคนพวกนั้นดีกว่า
จินดารัตน์- และท่านจะหงุดหงิดน้อยลง จะแก่ช้าลงด้วย เพราะว่าจะได้ไม่ต้องอารมณ์เสียบ่อยๆ
สนธิ- ถูกต้อง เริ่มลงน้ำด่าง
กมลพร- เริ่มคัดกรองเพื่อนแล้ว เราต้องมาคัดกรองสิ่งดีๆ ให้กับร่างกายบ้าง
จินดารัตน์- น้ำด่างคือ เขาเป็นเหตุหนึ่งที่เราจะต้องพูดแต่ว่า อย่างที่สัญญากับคุณผู้ชมไว้ทุกอาทิตย์ว่า เราจะมีความรู้เกล็ดเล็กเกล็ดน้อยเรื่องสุขภาพมาเล่าสู่กันฟัง สัปดาห์นี้มันไม่พ้นจากความเป็นกรดด่าง แต่ว่าเราจะพูดถึงเรื่องการดื่มนมถามว่า ดื่มนมทุกวันมีคนเอามาเปรียบเทียบว่า ถามอาจารย์ปานเทพว่า ตกลงดื่มนมดีไหม กับให้ลูกดื่มน้ำด่างกับดื่มนมอันไหนดีกว่ากัน ทำไมเขาเปรียบเทียบอย่างนั้น มันมีที่มาที่ไปเพราะเขามันมีข้อมูลคะ คุณสนธิว่า ดื่มนมมากๆ ได้แคลเซียมแต่กลายเป็นว่า กระดูกพรุนไป ไม่น่าเชื่อ พอแอนอ่านข้อมูลนี้แล้วตกใจเหมือนกัน เพราะบางคนบอกเขาอยากให้ลูกดื่มนมวันเป็นลิตรอย่างนี้ อันนี้มีผลระยะยาว
กมลพร- เวลาเราโตมา เราเห็นโฆษณาที่เด็กต้องกินนมเยอะๆ จะได้สูงจะได้โต แต่ว่าตามข้อมูลที่เราได้มาคือ เป็นข้อมูล
สนธิ- เดี๋ยวก่อนๆ ที่คุณจะไปเรื่องข้อมูล ผมมีความรู้สึกเรื่องนม คือประการแรก เก๋ลองไปถามคุณพ่อคุณแม่เก๋ แอนถามคุณพ่อคุณแม่แอน สมัยพ่อแม่เป็นเด็กทานนมทุกวันเปล่า
กมลพร- หนูโตมาด้วยน้ำข้าว
สนธิ- เลี้ยงลูกอะไรน้ำข้าว กล้วยน้ำว้า โอเค ไอ้ความบ้านม ไม่มีอะไร ผมไม่ได้หมายถึงคุณบุญชัย
จินดารัตน์- ดูสิ
กมลพร- ตอนแรกไม่คิด ตอนนี้คิดแล้ว
สนธิ- คือไอ้บทบาทของนมมันมีอยู่ในชีวิตเรา มันเกิดขึ้นจากภาพยนตร์ฝรั่ง โฆษณาฝรั่ง มันเกิดขึ้นจากผู้หญิงผู้ชายเด็ก ต้องกินนมถึงจะสูง รูปร่างจะดี มีหน้าอกไม่เหมือนแต่ก่อน ใช่ไหม อกหักเรื่องเล็ก อกเล็กเรื่องใหญ่ ตอนนี้คือพูดง่ายๆ ว่า เราไปถูกเช่น ซินดี้ ครอว์ฟอร์ด โชว์ฟอร์ม คนโน้นคนนี้โชว์ฟอร์มมันเลยกลายเป็นภาพยนตร์อีกเหมือนกัน ภาพยนตร์ไม่ว่าจะเป็นทีวี ซีรีย์มาจากอเมริกา ภาพยนตร์ Pretty Woman ภาพยนตร์โน้นนี้ เลยมีความรู้สึกผู้หญิงต้องสูง หน้าอกต้องมี ผู้ชายต้องสูง และทำอย่างไรถึงสูง ต้องกินนมเยอะๆ นี่คือที่มา และพออีกทีพอไปแข่งกีฬา โค้ช หรือคนที่อยู่สมาคมกีฬาบอก นักฟุตบอลเราตัวเล็กเกินไป นักบาสดูฝรั่งมันเซ็นเตอร์สูง 6 ฟุต สูง 7 ฟุต มันสูง 210 เซน 190 เซน ของเราต้องหาเด็กสูงๆ ต้องทำอย่างไร ต้องกินนมให้เร่งการเจริญเติบโต นั้นข้อแรก ข้อที่ 2. ผมคิดอะไรคิดแบบตรรกะแบบชาวบ้าน นมวัว ชื่อมันบอกแล้วแอน นมวัว มันเอาไว้เลี้ยงลูกวัว แล้วคนทำไมเสือกเอามาแดก ขอโทษ คือผมทนไม่ไหว มันไม่ใช่ มันไม่ใช่จริงๆ แล้วช่วงหลังวัวมันเริ่มถูกเลี้ยงด้วยการใช้สารเร่ง ทั้งสารฮอร์โมน สารพวกยาแอนตี้ไบโอติกในอาหารที่ให้วัวทาน อาหารที่ให้วัวให้หมูไก่ทาน เสริมฮอร์โมนให้โตเร็ว ผสมแอนตี้ไบโอติก เพื่อให้เชื้อโรคทำให้สัตว์ไม่ติดโรคง่าย แล้วน้ำนมที่ออกมามันต้องมีส่วนของฮอร์โมนและแอนตี้ไบโอติก นี่คือสิ่งที่ผมอึดอัดใจมานานแล้ว กินอะไรกันนักหนา
จินดารัตน์- คุณหมอที่ทำคลอดให้ลูกสาวคนเล็กแอน คลอดออกมาวันแรกบอกว่า ห้ามซื้อขวดนม ห้ามเลี้ยงลูกด้วยนมวัว เพราะนมวัว พูดเหมือนคุณสนธิเลย นมวัวมีเอาไว้ให้ลูกวัวไม่ได้เลี้ยงลูกคน คุณหมอพูดอย่างนี้เลย
สนธิ- แล้ววัวมากจากไหน ก็มาจากประเทศตะวันตก ก็ทุ่มโฆษณามา แล้วไอ้นักวิชาการโง่ๆอยู่เยอะในประเทศไทยที่เชื่อฝรั่งแต่ไม่เคยเชื่อพ่อแม่ปู่ย่าตายายของมันเอง ไม่เคยมานั่งใช้กบาลมันคิด ว่าเฮ้ยพ่อกูโตมาได้ไง แม่กูโตมาได้ไง จำได้มั้ยไปดูผู้ใหญ่โบราณ เขาฟันเสียกันบ้างมั้ย เขาใส่เหล็กดัดฟันกันบ้างมั้ย อีเหล็กดัดฟันแม่ง ขอโทษ วันนี้ดุ มันเพิ่งเกิดช่วงนี้เอง เพราะประการแรก เด็กรุ่นใหม่ฟันจะเสียเยอะมาก ทำไม เพราะนมวัวเป็นส่วน อาหารการกิน ขนม นมเนยที่กินทุกอย่างทำให้เด็ดฟันเสียจริงๆ ทำไมรุ่นพ่อแม่เราไม่เสีย เดี๋ยวนี้ทุกเช้าเลย ผมขึ้นถึงที่ทำงาน ยัยจอยมันต้องเตรียมพร้อมแล้ว กล้วยน้ำว้า 3 ลูก หั่นเป็นชิ้นๆให้ผม ทุกเช้าเลย กินน้ำด่างทุกวัน แล้วผมกินน้ำย่านาง แต่ผมติดกาแฟผมก็กินกาแฟ ไม่ใส่น้ำตา กาแฟดำแต่ก็ชงด้วยน้ำด่างทานทุกวัน โอเคมั้ย
กมลพร- ในแง่ของหลักการวิชาการ เรามีข้อมูลของ ศ.กิตติคุณ น.พ.เสก อักษรานุเคราะห์ ประธานมูลนิธิโรคกระดูกพรุนให้เหตุผลว่า ในน้ำนมวัวจะประกอบไปด้วย แคลเซียม 3 ส่วน ฟอสฟอรัส 2 ส่วน ดังนั้นหากเราดื่มนมวัวมากไป ร่างกายจะได้รับปริมาณฟอสฟอรัสที่เกินความจำเป็น ซึ่งจะกระตุ้นต่อมพาราไทรอยด์ให้หลั่งฮอร์โมนออกมาสลายกระดูก จนเป็นเหตุให้มวล หรือเนื้อกระดูกมันบางลง
จินดารัตน์- และเขาบอกว่า คนจะมีน้ำหนักเพิ่ม 3 กิโลกรัมโดยเฉลี่ยในเวลา 3 เดือนหลังคลอด เพราะฉะนั้นเด็ก 1-3 เดือน น้ำหนักจะเพิ่มแค่ประมาณ 3 กิโลกรัม ด้วยการดื่มนมจากหน้าอกแม่อย่างเดียว ขณะเดียวกันเขาบอกให้เปรียบเทียบกันลูกวัวน้ำหนักจะเพิ่มขึ้น 30 กิโลกรัม ภายในเวลา 3 เดือน คิดดูเอาแล้วกัน เมื่อวัวโตเต็มที่จะมีน้ำหนักรวม 500 กิโลกรัมขึ้นไป ในขณะที่คนจะมีน้ำหนักประมาณ 50-60 กิโลกรัมเท่านั้น เพราะฉะนั้นลองเปรียบเทียบกันดูว่า เราควรจะดื่มต่อไปไหม และเขาบอกมันมีงานวิจัยของ น.พ.เอสซี ทรูเลิฟ ในวารสาร British Medical Journal เมื่อปี 1961 เขาพิมพ์พูดถึงความสัมพันธ์ของการดื่มนม กับการเกิดลำไส้อักเสบจากภาวะภูมิแพ้ เด็กสมัยนี้เขาบอกว่า เด็กที่คลอดออกมาอย่างน้อย 30 เปอร์เซ็นต์แพ้นมวัว ตอนแม่ท้องถูกอัดนมวัว กินเยอะๆ กินนมเยอะๆ ลูกจะได้แข็งแรงกระดูกแข็งแรง ออกมาปรากฏว่า ลูกแพ้นมวัว คือแอนเปรียบเทียบจากตัวแอนเองนะคะคุณสนธิ แอนท้องน้องอัน แอนแทบไม่ดื่มนมเลย กินไข่ กินถั่วแทน เพราะเป็นคนกินนมไม่ได้ พอแพ้คนที่ 2 เกิดอยากจะกินนมขึ้นมา กินวันหนึ่งเป็นลิตร ไอยาเกิดออกมา อายุได้ 5 เดือนเขาแพ้นมวัว แอนนึกเสียใจจนกระทั่งทุกวันนี้ พอน้องจิ รัตติกรณ์เขาท้อง แอนบอกทฤษฎีที่แอนคิดเอาเองว่า ไม่ต้องดื่มก็ได้นมวัว กินอย่างอื่นแทน กินไข่ กินถั่วกินอะไรแทน และกินแคลเซียมเสริมเท่านั้นก็พอ และโอเคนะเด็กออกมาไม่เป็นภูมิแพ้ ไม่รู้อันนี้คิดเองหรือเปล่า แต่ว่าเกิดกับตัวเองเลยรู้สึกว่า เด็กสมัยนี้ไม่จำเป็นต้องดื่มนมวัวเยอะ บางโรงเรียนคุณสนธิ ให้ดื่มนมวัว 2 กล่องต่อวัน
สนธิ- บ้า
จินดารัตน์- แอนไม่เข้าใจว่า
สนธิ- เลอะเทอะไปหมด ไม่รู้จักใช้สติปัญญาคิด หลงเชื่อคำโฆษณา คุณเอาอะไรมาบอกว่า นมวัวมันดี ว่าต่อว่าต่อ
กมลพร- ซึ่งเขาบอกว่า ในข้อมูลคนไทยและคนเอเชียถึงร้อยละ 80 จริงๆ ไม่มีน้ำย่อย น้ำย่อยที่เรียกว่า แลคโตสในนม ซึ่งส่วนใหญ่จะแสดงอาการท้องเสีย และอีกส่วนหนึ่งคือแพ้เคซีในนม ความจริงแล้วมนุษย์สามารถดูดซึมไอ้เจ้าตัวโปรตีนในนมได้เพียงร้อยละ 82 และดูดซึมไม่ได้ร้อยละ 18 เพราะฉะนั้นต้องเลือก ไม่ใช่เอะอะดื่มๆ โดยไม่มีข้อมูลมาก่อน มันจะมีผลลบกับเรา
จินดารัตน์- และมันมีผลการศึกษาจากมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์เขาเตือนถึงอันตรายของระดับฮอร์โมนชนิดหนึ่งในนมวัว ซึ่งเป็นฮอร์โมนสำคัญที่ทำให้เกิดการเจริญเติบโตชื่อ ไอจีเอฟวัน ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญทำให้เกิดมะเร็งเต้านม และมะเร็งทางเดินอาหารด้วย และเขาบอกว่า คอลเลสเตอรอลดื่มเข้าไปมันจะเป็นตัวทำให้เกิดโรคไขมัน คอลลอสเตอรอลในเลือดสูง และเส้นเลือดหัวใจอุดตัน เราไม่รู้ว่าการดื่มนมวันละ 2 แก้วอย่างที่เขาชอบพูดกัน เทียบเท่าแล้วเขาบอกว่า เทียบแล้วคอเลสเตอรอลจากการรับประทานเบคอนถึง 34 ชิ้น ขนลุก
กมลพร- ทีนี้มันก็จะมีคำถามขึ้นในหัวคุณผู้ชมหลายคนแล้วพี่แอน เพราะว่าเราถูกปลูกฝังมาจากโฆษณาพวกนี้แหล่ะว่า กินนมเราจะได้แคลเซียม เขาก็มีวิธีเติมแคลเซียมให้ร่างกาย อ.ปานเทพ บอกมา เราต้องหาวิธีแก้ไขในเรื่องแคลเซียมเช่น ดื่มปัสสาวะ กลับคืนไปเพื่อให้แคลเซียมที่สูญเสียไปกับน้ำปัสสาวะคืนสู่ร่างกาย ปรับอาหารการกินก็ได้ค่ะ กินพืชผักให้มากขึ้นโดยเฉพาะงาดำที่มีแคลเซียมชั้นดี แต่งาดำทานมากๆก็ไม่ดี ร้อนใน ไม่เหมาะกับอากาศบ้านเรา
จินดารัตน์ - ส่วนการดื่มน้ำด่างที่ทำจากเครื่องทำน้ำด่างจะมีแคลเซียมในน้ำตามธรรมชาติ ให้แยกออกมา ติดมาด้วย การดื่มน้ำด่างก็เป็นการเพิ่มแคลเซียมในร่างกายได้ สรุปว่า ใกล้นมกินด่างดีกว่า อย่ากินเลยนม
ก็เป็นเกร็ดความรู้เล็กๆน้อยๆ อ.ปานเทพ ขยันหานู้นหานี่
สนธิ- แต่เรื่องน้ำด่างขอเติมนิดนึง ไม่ได้จะขายนะ ของเริ่มทยอยมาแล้ว ถ้าหากท่านมีความต้องการรีบจองซะ เพราะคิวเริ่มสั้นแล้ว เราเริ่มจัดคิวได้ลงตัว ไม่รอนานมากแล้ว ตั้งแต่ อ.ปานเทพ ศึกษาน้ำด่างและผมก็ใช้น้ำด่างทานมาตลอด ผมรู้สึกเปลี่ยนแปลงในร่างกายจริงๆไม่โกหก การถ่าย นอน ตื่น ความสดชื่อนในร่างกาย ทำกับข้าวน้ำแกงก็น้ำด่าง มันมีความรู้สึกว่า ลำไส้มันสะอาดขึ้น หลายคนที่มีญาติพี่น้องเป็นมะเร็งก็บอกว่า จะทานน้ำด่างเข้าไปแทนน้ำปกติเวลาเช็กเลือดเขาบอกว่า ออกซิเจนในเลือดสูงขึ้นมากเลย 90 กว่าเปอร์เซ็นต์ เพราะผมของน้ำด่าง อยากจะเรียนคุณผู้ชมให้ทราบว่า อย่าไปประมาทกับสุขภาพ อย่างที่เรียนว่าทุกบ้านควรมีเครื่องกรองน้ำ แต่เครื่องกรองแต่น้ำเฉยๆไม่ได้ ต้องสามารถจะแยกเป็นน้ำด่างและน้ำที่มีฤทธิ์กรดด้วย ต้องซื้อเครื่องทำน้ำด่างไป สำหรับท่านที่สถานภาพการเงินยังไม่มั่นคง อีกไม่นานเราจะมีระบบผ่อนส่งแล้วเร็วๆนี้ แต่ถ้าต้องการอยากสั่งจองเร็ว ก็สั่งจองมาก่อน หรือว่าท่านที่สั่งจองไว้แล้ว ให้รีบจ่ายเงินซะ ถ้าไม่งั้นแล้วเดี๋ยวจะต้องรอช้าอีก เชื่อผมนะ เรื่องสุขภาพ อย่า.. ผมนี่เอาตัวผมไปทดสอบกับเครื่องทำน้ำด่าง ผมทานทุกวัน วันหนึ่งแอนรู้มั้ยผมทานน้ำด่างเหมือนกับทานน้ำธรรมดา วันหนึ่งผมทานประมาณ 6-7 แก้ว ขั้นต่ำ
จินดารัตน์- แอนเห็นแก้วสูงอย่างนี้เลยนะคะ
สนธิ- เห็นใช่มั้ย นั่นล่ะ ตื่นมาตอนเช้า 2 แก้วก่อนเข้าห้องน้ำ พอเข้าห้องน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว ฉี่ใส่แก้ว เอาน้ำฉี่ล้างหน้าก่อน ลูบศีรษะ แล้วก็ปวดท้องพอดี เพราะว่าได้ทานกล้วยทุกวันๆ ละ 3 ใบ กล้วยน้ำว้า ก็ไปถ่าย มันถ่ายคล่อง ลื่น สีสดใส สีเหลืองๆ หน่อย เป็นก้อน มันไม่ได้เละ เสร็จแล้วก็ขึ้นไปดื่มน้ำฉี่ทันที ดื่มน้ำฉี่แล้วตามด้วยน้ำด่างแก้วนึง แล้วก็แปรงฟันด้วยผงถ่าน ผสมน้ำมันเขียว แปรงเสร็จเรียบร้อย ผมเป็นคนสูบบุหรี่ ธรรมดาทุกๆ 3 เดือน 6 เดือน ผมต้องไปขัดฟัน เก๋ดู..
กมลพร- นี่ยังไม่ได้ไปขัดใช่มั้ยคะ
สนธิ- ไม่ขัดเลย ไม่มีคราบบุหรี่ เหตุผลก็เพราะว่าผงถ่าน
จินดารัตน์- ผงถ่านนี่เหรอคะ
สนธิ- ผงถ่านนี่ล่ะ
จินดารัตน์- แล้วน้ำมันเขียวล่ะคะ
สนธิ- ใส่น้ำมันเขียวก็ให้มัน ...
จินดารัตน์- เหมือนยาสีฟัน
สนธิ- เหมือนยาสีฟัน พอแปรงเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ใช้น้ำมันเขียวใส่แปรง แล้วก็ขัดฟันด้วยน้ำมันเขียว แล้วก็ถูลิ้นด้วยน้ำมันเขียว แล้วก็กินน้ำด่างอีกแก้วตาม 4 แก้วแล้ว แล้วพอไปที่ทำงานก็อีกประมาณ 3-4 แก้ว วันหนึ่งประมาณ 8 แก้ว
จินดารัตน์- ก็เบอร์โทร 02-633-5353 นะคะ สั่งจองได้ถึงเที่ยงคืน ก็อย่างที่คุณสนธิบอกว่า เข้าไปเช็กได้ในเว็บไซต์นะคะ ใครสั่งจองไปแล้ว จ่ายตังค์ไปแล้ว เขาจะบอกเลยว่าได้เมื่อไร
สนธิ- ตอนนี้ทางต่างประเทศเขาเริ่มเพิ่มกำลังการผลิตแล้วนะ ตั้งแต่ปีใหม่นี้แล้ว เขาสามารถผลิตให้ได้อาทิตย์ละ 500 เครื่องแล้ว จะเร็วแล้วคราวนี้
จินดารัตน์- เพราะฉะนั้นคนที่คิดว่าจะได้เมษายน อาจจะได้มีนาคม
สนธิ- มีนาฯ หรือกุมภาฯ
จินดารัตน์- ส่วนคนที่อยากผ่อน ใจเย็นนิดนึง กำลังติดต่อ
สนธิ- จริงๆ ก็เป็นล็อต ถ้าล็อตนี้ 500 เครื่อง ถ้าเต็มปั๊บ ถ้าสั่งวันนี้ก็ไม่เกิน 30 วันก็ได้แล้ว
กมลพร- ดีๆ หลายคนบอกว่าอยากได้แต่ว่าต้องรอคิว ก็เป็นข่าวดีนะคะ
จินดารัตน์- งั้นเดี๋ยวเราพักกันก่อนนะคะ ช่วงหน้ามีเรื่องคดีข่มขืนผู้หญิง คดีอุกฉกรรจ์ที่เกิดขึ้นกับผู้หญิงที่อินเดีย หลายคนสนใจมาก ถามว่ามันเกิดอะไรขึ้น วันนี้คุณสนธิจะวิเคราะห์ให้ฟังเรื่องนี้ เรื่องเขาพระวิหาร
กมลพร- อันนี้พลาดไม่ได้
จินดารัตน์- พลาดไม่ได้นะคะ คุณอภิสิทธิ์ก็พลาดไม่ได้ด้วย
กมลพร- ไม่ได้เลยตอนนี้ แมลงส่ง แมลงสาบต้องเปิดให้เพียบไปหมด เพราะเดี๋ยวต้องไปรายงาน
จินดารัตน์- เขาดูอยู่
กมลพร- อ๋อ เขาดูเราเหรอ อ๋อ ยินดีต้อนรับ
สนธิ- ดูอยู่ๆๆ
จินดารัตน์- เดี๋ยวเขากระเด้งหน้าเฟซบุ๊ก เดี๋ยวคอยดู แล้วก็เรื่องพี่วีระ พี่ราตรี สืบเนื่องกันนะคะ ถ้ามีเวลาเหลือเราจะคุยกันถึงเรื่องสถาบันการศึกษาเก่าแก่แห่งหนึ่งที่กำลังถูกคุกคาม
สนธิ- ยังๆ อันนี้ยัง
จินดารัตน์- ยังใช่มั้ยคะ
สนธิ- ยังไม่ทัน แต่ว่าพูดเกริ่นเป็นโหมโรงไว้ก่อนได้
จินดารัตน์- เรื่องโรงเรียนอัสสัมชัญ
สนธิ- (ร้องเพลง) ชื่ออัสสัมชัญนั้นเด่นมาช้านาน มีพยานปรากฏรับรอง ไม่เคยมีใครลบเกียรติอัสสัมชัญ
จินดารัตน์- ศิษย์เก่าอัสสัมชัญต้องดู พักกันก่อนสักครู่ค่ะ
ช่วงที่ 2
จินดารัตน์- กลับมาช่วงนี้ค่ะ รายการทุกเรื่องกับสนธินะคะ ก่อนที่จะไปถึงเรื่องอื่นๆ ที่เราเกริ่นกันเอาไว้ คุณสนธินะคะมีจดหมายด่วนที่สุดจากลุงจำลอง ถึงคุณจินดารัตน์ อันนี้เป็นเรื่องที่ลุงอยากเปิดใจมาก
สนธิ- ลุงอยากพูดเรื่องนม ทนไม่ไหวเห็นสนธิสะอึกเรื่องนมเลยอยากพูดเรื่องนมบ้าง
จินดารัตน์- ผม จำลอง ศรีเมือง เพิ่งหย่านมเมื่ออายุ 60 เพราะไปฟังคุณหมอแพทย์ปัจจุบันพูดในที่ประชุมว่า นมวัวมีเอาไว้ให้วัวกิน เราไปแย่งนมวัวมาดื่ม นมวัวมีพิษ ถ้าอยากจะได้แคลเซียมกินงาขาว กับงาดำ มีคุณค่าทางอาหารใกล้เคียง งาดำมีคุณค่าสูงกว่า เพราะมีแคลเซียมเป็น 14 เท่าของนมวัว ถ้าใครร้องถามว่า คุณดื่มนมหรือยัง ถ้าใครถามว่า วันนี้คุณดื่มนมหรือยัง ผมจะตอบอย่างไม่เกรงใจว่า ดื่มให้โง่ซิ ผมเสียดายที่เพิ่งจะหย่านมตอนอายุ 60 ยังดีกว่าอีกหลายคนที่กอดขวดนมตาย จากลุงจำลอง ศรีเมือง
สนธิ- ก่อนต่อเรื่องไป ผมบอกคุณผู้ชมนิดนึง อย่าเข้าใจผมผิดนะครับว่าผมอยากจะขายเครื่องทำน้ำด่าง ตั้งแต่ผมรับประทานน้ำด่างมา และผมคุยกับอาจารย์ปานเทพ และผมศึกษาด้วย ท่านผู้ชมก็รู้ว่าผมเป็นคนที่ขวนขวายหาความรู้ตลอดเวลา ผมมีความรู้สึกว่าสังคมทุกวันนี้ นอกจากความสับสนในเรื่องของการใช้ชีวิตแล้ว ความมีอันตรายในทุกขณะการใช้ชีวิตมันรวมไปถึงอาหารการกิน น้ำดื่มที่เราทำ การเมืองมีพิษมีภัย อาหารการกินก็มีพิษมีภัยเช่นกัน พิษต่างๆ ที่อยู่ในการเมือง พิษต่างๆ ที่อยู่ในสังคม มันเจริญเติบโตไปกับทุนนิยมที่เข้ามาในประเทศ เหมือนสมัยก่อน เวลาเราจะทานผลไม้อะไรก็ตาม ต้องถึงหน้ามันเราถึงทาน และผลไม้ก็ดี หวาน ไม่ได้ฉีดยาทั้งสิ้น แต่พอมายุคทุนนิยม ผลไม้ที่เคยออกฤดูนี้ออกมาฤดูนี้ก็มีออกต่อ ขายกัน ผมเลยมีความรู้สึกว่า ชีวิตของเราที่ครอบครัวเราอยู่กับเมียเราคนที่เรารักอยู่ในบ้าน อาหารการกินเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะฉะนั้นแล้วในบางครั้ง อาหารการกินเรากำหนดลำบากเหมือนกันในบางเวลา แต่น้ำดื่มเราควรจะกำหนดได้ ผมไม่อยากให้มองว่าผมพยายามขายเครื่องทำน้ำด่าง และอยากให้มองว่า พันธมิตรฯ เป็นคนซึ่งมีสติปัญญาอยู่แล้ว และพันธมิตรฯ จะเป็นคนที่ทำอะไรแล้วต้องทำให้ดี แล้วเป็นห่วงเป็นใยสุขภาพตัวเอง รักครอบครัว อะไรก็ตาม ผมคิดว่าเริ่มด้วยการทานน้ำให้ถูกต้องก่อน นั่นคือการทานน้ำด่างทุกวัน ให้ที่บ้านทานน้ำด่าง มันคือเครื่องกรองน้ำ แต่ว่าผลิตออกมาเป็นน้ำด่างได้ ขอให้ทานน้ำด่างอย่างเดียว อย่างน้อยที่สุดอาหารอะไรก็ตามที่ทานเข้าไปแล้วมีกรดในร่างกายมาก น้ำด่างนี่จะไปช่วยบาลานซ์ให้ ทานน้ำด่างเป็นประจำแล้วเราค่อยมาปรับอาหารของเราให้ทานพวกเนื้อสัตว์น้อยลง ทานปลามากขึ้น ทานผักมากขึ้น ผมคิดว่าสุขภาพนะ เวลาเราไม่เจ็บไข้ได้ป่วย เราจะไม่รู้สึก แต่พอวันที่เราเจ็บไข้ได้ป่วย เราจะรู้เลยว่าเราไม่ได้ดูแลตัวเราเอง และอย่าไปดูแลสุขภาพตามโฆษณาชวนเชื่อ น้ำด่างดีที่สุด เชื่อผมท่านผู้ชม 35,000 บาทต่อเครื่อง ทันกันทั้งบ้าน เอามาทำอาหาร กดปุ่มที่เป็นกรด เอามาล้างหน้า เอามาซักผ้า เอามาทำได้หลายอย่าง เพราะฉะนั้นแล้วคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม คิดเป็นปริมาณแก้วต่อแก้ว ต่อคน บ้านหลังหนึ่งอยู่กัน 5 คน วันหนึ่งคนนึงกินวันละ 5 แก้ว ตีซะ 30 แก้วต่อวัน
30 แก้วต่อวัน เดือนละ 900 แก้ว 12x9 ก็ 10,800 แก้วต่อปี เท่ากับแก้วหนึ่ง 3 บาทเอง ยังถูกกว่าเราไปซื้อน้ำขวด ซึ่งมีความเป็นกรดอยู่ เพราะฉะนั้นแล้ว ท่านผู้ชมครับ เชื่อผมสิครับ ถ้าเชื่อในความจริงใจของผมที่ผมให้ใจท่านผู้ชมแล้ว ผมไม่ได้โกหกท่านผู้ชมเรื่องน้ำด่าง ผมดีขึ้นจริงๆ ถ้าจะซื้ออะไรเป็นของขวัญให้กับบ้านปีนี้ ให้ซื้อเครื่องทำน้ำด่าง 35,000 บาท มีเพลต 8 เพลต ในขณะซึ่งของเกาหลีเขาขายกันเกือบแสนบาท ถ้าไม่มีเงิน รอผ่อน แต่ถ้าอยากได้เร็ว รีบจองเข้ามา ทันทีเลย อย่าช้า เชื่อผม เป็นของขวัญให้กับที่บ้าน หรือถ้ารักใคร รักคุณพ่อคุณแม่ รักน้องสาวซึ่งแยกบ้านไปอยู่แล้ว ซื้อเครื่องทำน้ำด่างเป็นของขวัญให้เขา รีบๆ เถอะครับ รับรอง ไม่เสียหาย
จินดารัตน์- ซื้อให้พ่อแม่นี่โอเค 35,000 ซื้อได้ แต่จะซื้อเป็นของขวัญให้น้อง มาจอง แล้วให้น้องผ่อน
กมลพร- ให้น้องมาผ่อนเองนะคะ โทรได้จนถึงเที่ยงคืนวันนี้นะคะ ที่เบอร์ 02-633-5353
จินดารัตน์- แล้วเรื่องคอนเสิร์ตเปิดกล่องของขวัญ ของเรา วันที่ 19 มกราคม วันเสาร์นะคะ เราจะจัดกันที่ราชตฤณมัย คือสนามม้านางเลิ้ง เราจะขายบัตรเพียงแค่ 5 พันใบ มีหลายคนโวยมานะคะคุณสนธิ จะพออะไร 5 พันใบ คือเราจัดเอาต์ดอร์ มันจะมีข้อจำกัดเรื่องเสียง เรื่องอะไรนิดหน่อย ก็ได้แค่นี้จริงๆ รีบมาซื้อบัตรกัน เราจะเปิดขายวันจันทร์ที่จะถึงนี้
กมลพร- ที่เอเอสทีวี บัตรราคา 1,000 บาท
จินดารัตน์- เที่ยงวันยันเที่ยงคืน อาหาร 3 มื้อเลย เฮียบุ๊งบอกจัดเป็นซุ้มเลย กินได้เท่าไรกินไปเลย มีอาหารหลากหลาย
สนธิ- อาหารอร่อยด้วย
จินดารัตน์- ใช่ค่ะ ไม่ว่าจะเป็นซุ้มก๋วยเตี๋ยว เป็นข้าวผัด เป็นราดหน้า อะไรก็แล้วแต่ เดี๋ยวเฮียบุ๊งจัดให้เรื่องนี้
สนธิ- แล้วจริงหรือเปล่าที่โสภณจะรำฉุยฉาย
จินดารัตน์- สยอง
กมลพร- มีกล่องของขวัญไง พอกระชากออกมาก็เป็นพี่โสรำฉุยฉาย
จินดารัตน์- เดี๋ยวเถอะ ขำกันไปเถอะ เดี๋ยววันพุธดิฉันก็โดนหนักอีกอีก เขายิ่งว่าเป็นนกสองหัวอยู่
กมลพร- ขายเสื้อค่ะ
สนธิ- เสื้อสวยๆ
กมลพร- เสื้อสวย ตีแสกหน้าจะเปิดจำหน่ายเสื้อนะคะ เสื้อยืดตีแสกหน้าราคา 200 บาทค่ะ เริ่มขายพรุ่งนี้ บ่ายโมงตรง ที่บ้านเจ้าพระยา ตึกอนุรักษ์
สนธิ- ก็คือที่เอเอสทีวีนั่นล่ะ คุณเก๋จะไปขายด้วยใช่มั้ย คุณชัชจะไปขายด้วย
กมลพร- รายได้ก็มาทำกิจกรรมในรายการ แบ่งเอเอสทีวี สปอนเซอร์รายใหญ่ชื่อเทิดภูมิ ใจดี
จินดารัตน์- ขายหนังสือได้เทน้ำเทท่าเลยใช่มั้ย
กมลพร- ไม่รู้ได้อะไรรึเปล่า แต่ว่าเอาเงินมาเป็นสปอนเซอร์ให้
จินดารัตน์- งั้นเรามาเริ่มกันที่เรื่องเขาพระวิหาร เป็นเรื่องที่หลายคนเขาบอกว่าอาจจะกลายเป็นประเด็นใหญ่ที่ทำให้รัฐบาลชุดนี้อยู่ยาก นอกจากเรื่องของแพง เรื่องราคาน้ำมัน เรื่องอะไรก็แล้วแต่ แต่เรื่องเขาพระวิหาร เมื่อสักครู่ก็คุยกับอาจารย์ปานเทพ อาจารย์ปานเทพบอกว่า ถ้าลองวัดความรู้สึกคนในสังคม เราอาจจะคิดว่าคนไม่ค่อยสนใจ แต่วันนี้ไม่ใช่แล้ว คุณสนธิรู้สึกอย่างนั้นหรือเปล่าคะ
สนธิ- ผมรู้สึก ผมจะแถลงข่าวไปเมื่อตอนเที่ยงวันนี้ ลองให้โปรดิวเซอร์เอาที่ผมพูดมาถ่ายทอดสักนิดหนึ่ง แล้วเดี๋ยวผมจะพูดต่อให้ฟัง มีมั้ยครับ โปรดิวเซอร์เตรียมหรือยัง อ๋อไม่ได้เตรียม ... คืออย่างนี้ เขาพระวิหารมันสะท้อนอะไรให้เห็นรู้มั้ย อย่าไปมองแค่เขาพระวิหาร ถ้าเรามองแค่เขาพระวิหาร เรามองว่าเป็นการแย่งชิงสถานโบราณวัตถุแห่งหนึ่งระหว่างสองประเทศ เรายังไม่พูดถึงเลยว่าใครถูกใครผิด เพราะว่าพูดไปแล้วเดี๋ยว...มันจะมีหลักตรรกะง่ายๆ วิธีพิจารณาอะไรหลายอย่างเขาพระวิหารมันเป็นจุดเริ่มต้นที่จะนำพาไปสู่ผลต่อไปในภายหลังๆ จากที่เรื่องเขาพระวิหารจบแล้ว นั้นคือว่า เส้นแบ่งเขตแดนของเขาพระวิหาร หรือพื้นที่เขาพระวิหารที่จะเป็นของใครนั้น ถ้าจะตกเป็นของใครบนเงื่อนไขของอัตราส่วนของแผนที่ เขาพระวิหารเป็นจุดที่ถ้าสมมุติว่า เขมรได้ไปในพื้นที่รอบเขาพระวิหาร 4.6 ตารางกิโลเมตร รอบๆ เขาพระวิหาร หมายความว่า ถ้าศาลโลกตัดสินให้เขมรได้แสดงว่า ศาลโลกบอกว่า ที่เขมรใช้แผนที่มาตราส่วน 1: 200,000 นั้นถูกต้อง ถ้าเขาปักหลักว่า 1: 200,000 ถูกต้อง และถ้าเราไปยอมรับคำตัดสินของเขาพระวิหารจากศาลโลกแสดงว่า เราต้องยอมรับ 1:200,000 เช่นกัน ถ้าเรายอมรับ 1:200,000 ปีหน้าเขมรบอกว่า เมื่อไทยยอมรับ 1:200,000 แผนที่ๆ จะต้องลากให้เต็มที่เจซีบีต้องลาก 1:200,000 เท่ากับเราจะเสียพื้นที่เพิ่มอีก 1.8 ล้านไร่ รอบทางเลย โดยที่เขมรไม่ต้องทำอะไร จู่ๆ ได้พื้นที่ไทยเข้าไปนอกเหนือจากเขาพระวิหาร เข้าใจหรือยัง พาลากไปเสร็จถึง จ.ตราด จุดที่สิ้นสุดตรงทะเลตราด นั้นคือจุดที่เริ่มต้นของการลากเส้นเข้าไปสู่ในทะเล ถ้า 1:200,000 ลงตรงที่ตราด จุดที่ลากเข้าไปเลยทำให้พื้นที่ๆ จะต้องมีพลังงานน้ำมันอยู่ในอ่าวไทยนั้น ที่เดิมทีเคยเป็นของไทยเศษ 3 ส่วน 4 ของเขมรเศษ 1 ส่วน 4 จะพลิกกลับ กลายเป็นของเขมรเศษ 3 ส่วน 4 และของไทยแค่เศษ 1 ส่วน 4 เข้าใจหรือยัง
เพราะฉะนั้นแล้วนัยของคำพิพากษาของศาลโลกครั้งนี้ เป็นนัยที่สำคัญที่สุด นี่เราพูดเรื่องภาพกว้างๆ เรื่องที่ 2.ถามว่าทำไมมันถึงเกิดขึ้นเรื่องพวกนี้ ที่มันเกิดขึ้น มันเกิดขึ้นมันมาได้อย่างไรไอ้เรื่องพวกบ้าๆ เรื่องพวกนี้ ไม่มีใครเข้าใจ มันมาอย่างนี้ ถ้าเราดูให้ดีๆ ถ้าแอนจำได้ตอนที่เราประท้วง 158 วัน ผมเป็นคนแรกที่พูดบอกว่า กระบวนการทุกรัฐบาลที่มีมาคือกระบวนการทำสายพานส่งของให้ฝรั่งโดยใช้เขมรเป็นตัวรับแต่สุดท้ายให้ฝรั่งนั่นเอง คือแหล่งขุมพลังงาน ถามว่าทำไมถึงเป็นกระบวนการส่งของ ผมถาม จำได้มั้ยผมบอกว่า อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนักเรียนนอก เรียนเก่ง จบออกซ์ฟอร์ด ไม่ใช่เป็นคนโง่ สุขุมพันธ์ สุรินทร์ พิศสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และผู้ช่วย ก็เป็นคนฉลาด สุรินทร์ จบจบฮาเวิร์ด ทั้3 คน นี้จะไม่เข้าใจนัยยะของ MOU 2543 หรือ เพราะ MOU 2543 เป็น MOU ที่ทำให้ไทยต้องยอมรับการใช้แผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 2 แสน ทั้งที่ไทยยืนหยัดอยู่ในมาตราส่วน 1 ต่อ 50,000 มาตั้งนมนานแล้ว เพราะฉะนั้นแวลาเราอธิบายขึ้นพูดบนเวทีโต้เถียงอภิสิทธิ์ อาทิตย์ต่ออาทิตย์จำได้มั้ย อ.ปานเทพ มีหน้าที่ลุกขึ้นมาบนเวทีแล้วสวนที่อภิสิทธิ์พูดประชาธิปัตย์พูด ผมถามตัวผมเองตลอดเวลา เฮ้ย พวกนี้มันโง่จริงๆ เหรอว่าเรากำลังเสียดินแดนให้เขมร ไม่โง่ จริงๆรู้อยู่แล้ว แต่ติดอยู่ 2 เรื่องอัตราตัวแรก เพราะตัวเองเป็นคนเซ็น 2543 แต่การเซ็น 2543 คำถามก็มีต่อ ว่าแล้วมึงเซ็นทำไม ก็แสดงว่าทั้งหมดเป็นการสมรู้ร่วมคิด มีหน้าที่ผ่าน แต่ละรัฐบาลผ่านไป ผมถามว่าอย่างนี้ เรามาดูตรรกะกันว่าเรื่องพวกนี้มันเกิดขึ้นได้อย่างไร เราต้องเข้าใจอย่างว่า ฝรั่งเป็นผู้ที่เชี่ยวช่ญในเรื่องน้ำมัน เขาขุดน้ำมันมาตั้งแต่สมัยยังไม่มีดาวเทียม เห็นหนังเก่าๆโบราณ เช่น เจมส์ ดีน ร็อบ ฮัดสัน ที่เล่นเรื่อง เดอะ ไจแอ้น เจมส์ ดีน เคยเป็นลุกน้องร็อบ ฮัดสันแล้วออกไปร่ำรวยในการขุดน้ำมัน มันขุดน้ำมันบนบกที่เท็กซัส กระจายไปเรื่อยๆ ใช้ประเภทเสาเจาะลงไปจนถึงน้ำมันก็พุ่งขึ้น ตัวดำไปหมด ทุกคนกระโดดโลดเต้นกินเหล้าเฮฮา ร่ำรวย เราเห็นภาพยนตร์นั้นมา พัฒนาจากจุดนั้นมาจนเริ่มใช้ดาวเทียม และดาวเทียมเป็นดาวเทียมโดยเฉพาะหาทรัพยากรน้ำมัน การขุดน้ำมันทำให้ฝรั่ง ผลงานวิจัยของการขุดน้ำมันเยอะมาก ว่าถ้าลักษณะพื้นผิวแบบนี้ ชั้นบรรยากาศแบบนี้ ป่าแบบนี้ ดินแบบนี้ เอามาวิเคราะห์แล้วน่าจะมีน้ำมันเกิกว่า 70 % เกินกว่า 50 % พอช่วงหลังเทคโนโลยีทางด้านเครื่องมือต่างๆที่อยู่ลงไปในทะเล ไม่ว่าจะเป็นเรือดำน้ำ ไม่ว่าจะเป็นเรือที่ลงไปแล้วไปค้นหาอะไรก็ตามที่อยู่ใต้สมุทร ก็เริ่มทำให้เทคโนโลยีพวกนี้สามารถที่จะค้นหาแหล่งน้ำมันไปด้วย ฉะนั้น ถามว่าบริษัทน้ำมันอย่างเช่น เชฟรอน เอ็กซอน คาลเท็กซ์ ของโททาลของฝรั่งเศส บีพี บริติสปิโตรเลียม ไอ้พวกนี้มันมีข้อมูลน้ำมันทั่วโลกไหม ตอบว่า มันมีหมด ทั่วโลกเลย ประการแรกมันมีจากบนพื้นดิน ด้วยจากการใช้ดาวเทียมสำรวจพื้นที่มีโอกาสที่จะมีน้ำมัน มันรู้หมดที่ไหนมี ใต้น้ำมีไหม มีเพราะว่าพวกมันเป็นพวกแรกที่เป็นคนขุดน้ำมันในอ่าว ในทะเลนอร์ทซี ทะเลเหนือที่อเมริกา หลุมขุดเจาะน้ำมันมีเป็นร้อยๆ หลุมเลย เต็มไปหมด เพราะฉะนั้นการขุดประสบการณ์การขุดจะรู้ว่า ลักษณะแบบนี้ เจอหินแบบนี้จะมีหรือไม่มี มันรู้หมด เพราะฉะนั้นแล้วเป็นสิบๆ ปีที่พวกนี้จะส่งทีมไปค้นคว้าตามประเทศต่างๆ อาจจะมาในรูปแบบการดำน้ำ เพื่อสำรวจทรัพยากรใต้ทะเล การใช้เรือวิ่งใต้น้ำ เพื่อสำรวจสาหร่ายทะเล อะไรทำนองนี้ แต่วัตถุประสงค์หลักจริงๆ คือ ไปสำรวจแหล่งน้ำมัน ข้อมูลมีหมดเลย พอมีหมดแล้วมันเริ่มมาวาง เขาเรียกว่า ยุทธศาสตร์การได้ซึ่งแหล่งพลังงาน ทีนี้แหล่งพลังงานที่อยู่ในแต่ละประเทศ เงื่อนไขทางภูมิรัฐศาสตร์จะไม่เหมือนกัน บางประเทศคุยง่าย บางประเทศคุยยาก ถ้าประเทศใดคุยง่ายก็จบ ถ้าประเทศใดคุยยากต้องใช้นโยบายของรัฐของประเทศเขา เข้ามาผสมผสานกับตัวเขา เพื่อบีบบังคับให้เกิดการยอมจ่ายสัมปทานให้พวกเขา เหมือนอย่างกรณีอัฟกานิสถาน อัฟกานิสถานนานมาแล้วครั้งหนึ่ง สมัยที่รัสเซียเข้ามาบุกยึดอัฟกานิสถาน สมัยนั้นตอลิบานบินไปเยี่ยมบุช ที่เทกซัสเลย ไปดูบริษัทน้ำมัน เพราะว่าตอนนั้นยูโนแคลกำลังจะเจรจากับตอลิบาน เพื่อที่จะทำท่อส่งน้ำมัน ที่อาจมาจากทางเอเชียกลาง เพื่อผ่านทางอัฟกานิสถานแล้วลงไปทางทะเลตอนนั้น แต่เผอิญรัสเซียเข้ามายึดเสียก่อน เห็นไหมอันนี้เห็นชัดเจน
คลิก! อ่านต่อ