xs
xsm
sm
md
lg

"สนธิ" เผยคดีโดนยิงโยงคนดูไบ ลั่นทำไม่ได้จัดม็อบแล้วพี่น้องต้องเจ็บ-ตายเพื่อล่อทหาร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


"สนธิ" ไม่เชื่อขี้ปาก "ทักษิณ" ระบุโดนตามฆ่าตลอดเพียงแต่โอกาสยังไม่ให้ เผยหลักฐานหลังโดนยิง 200 นัด มีผู้ใหญ่ในดีเอสไอโทรไปดูไบเพื่อรายงานผลงาน ลั่นทำไม่ได้หากจัดม็อบแล้วพี่น้องต้องเจ็บ-ตายเพื่อล่อทหาร ขออยู่เฉยๆดีกว่า พร้อมหนุนปรากฎการณ์หน้ากากกาย ฟอว์กส์ แต่เชื่อคงทำอะไรไม่ได้มากเพราะขาดสื่อหลักหนุน




วันที่ 31 พ.ค. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวในรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV ช่วงหนึ่งถึงกรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณ สไกป์พาดพิงถึงว่ามีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่อาสาเก็บสนธิให้ แต่เขาไม่ให้ทำ ว่า ถ้าเป็นนายกฯที่ดี มีคนมาพูดแบบนี้ ต้องปลดและดำเนินคดีข้าราชการคนดังกล่าว เพราะมีเจตนาก่ออาชญากรรม ถ้าสิ่งที่พ.ต.ท.ทักษิณไม่ต้องการฆ่าตนจริง ซึ่งเชื่อว่าเขาโกหก เขาคิดฆ่าตนทุกลมหายใจ

เหตุเกิดในวันที่ 17 เมษายน 2552 จากการสืบสวนของตำรวจโดย พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ เป็นหัวหน้าชุดคลี่คลายคดีตอนนั้น พบว่าคนที่อยู่บนหลังรถบรรทุก 4 คนที่ยิงตนเป็นทหารทั้งหมด ออกหมายจับแล้ว 1 คน คือ จ.ส.อ.ปัญญา ศรีเหรา ซึ่งตายไปแล้ว ที่น่าสนใจคือ 4 ปีแล้ว ผู้ต้องหากลับไปอยู่บ้านที่สุพรรณอย่างสบายใจ แสดงว่าไม่ว่าจะเป็นยุคไหนก็ตามตำรวจไม่เคยคิดจะจับตามหมายจับเลย แสดงว่าแสดงว่าต้องมีผู้มีอิทธิพลที่มีอำนาจในรัฐบาลปกป้องตลอดเวลา

ทีนี้การขอหมายจับตอนนั้น เบื้องหลังเขาขอไว้ 4 คน คนหนึ่งคือ จ.ส.อ.ปัญญา ที่ตายไปแล้ว อีกคนคือ ส.ต.ท.วรวุฒิ อีก 2 คน เป็นนายทหารระดับ พันเอกคนหนึ่ง พันโทคนหนึ่ง ปรากฎว่าไปขอหมายจับกับศาล ศาลบอกว่าเนื่องจากอีก 2 คนเป็นนายทหารระดับชั้นผู้ใหญ่ ไม่ให้ออกหมายจับแต่ให้ทำหมายเรียก ข่าวไปท่าไหนไม่รู้ พล.ต.อ.ธานี โดนปลดออกจากงานนี้ เพราะว่าถ้าเอา 2 คนนี้เข้ามา ในทางการสืบสวนสอบสวนพร้อมหลักฐานมันโยงต่อไปถึง พลเอกคนหนึ่ง

"ที่น่าสนใจ ส.ต.ท.วรวุฒิ เป็นตำรวจที่ถูกยืมตัวมาสังกัดดีเอสไอ ในยุค พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เป็นอธิบดี ในทางสืบสวน ตำรวจจะเช็กโทรศัพท์ ผมโดนยิงเวลา 05.47 น. 06.07 น.มีโทรศัพท์จากกรุงเทพฯ จากคนในดีเอสไอคนหนึ่งชั้นผู้ใหญ่ โทรศัพท์ไปดูไบ ท่านครับมันตายแล้วครับ ผมไม่รู้ใครโกหกใคร ผมไม่รู้ว่าใครพูดจาต้องการเอาภาพตัวเองดีหรือเปล่า แต่ผมไม่เชื่อ เพราะฉะนั้นแล้วสิ่งที่ทักษิณพูดผมไม่เชื่อ เพียงแต่โอกาสมันไม่ให้ในการฆ่าผม" นายสนธิ กล่าว

นายสนธิ กล่าวต่อว่า เชื่อมีการพยายามจะฆ่าตนตลอดเวลา แต่โอกาสไม่ให้เท่านั้นเอง ทั้งช่วงที่ประท้วงที่สนามหลวง - สะพานมัฆวาน และวันที่ตนออกรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ ที่สวนลุมฯ แล้วต้องหนีไปอยู่ที่วัดป่าบ้านตาด วันรุ่งขึ้นออกจากวัดป่าบ้านตาดไปเยี่ยมหลวงพ่อญา ที่วัดป่ากุดโพนทัน จ.หนองบัวลำภู ก็มีชายฉกรรจ์ 2 คนพกปืน ขับรถตามไป แต่ตนออกไปก่อนเลยหาตัวไม่เจอ แสดงว่าความพยายามที่จะฆ่าตนยังมีอยู่แม้กระทั่งทุกวันนี้

ส่วนกรณีข่าวลือปลด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายสนธิ กล่าวว่า รัฐบาลไม่ปลดหรอก เพราะเข้าขากันดี เป็นเพียงการพูดเพื่อให้ลูกน้องในกองทัพเห็นว่าตัวเองอาจถูกย้ายหวังลบภาพที่สนิทกับรัฐบาล แล้วยังเกี่ยวกับกรณีระบิดหน้ารามด้วย ตอนนี้ระดับล่างไม่ไว้ใจพล.อ.ประยุทธ์มาก วันนี้เพิ่งหลุดปากว่ารัฐบาลไม่ควรกดดันศาลรัฐธรรมนูญ เหตุเกิดมาตั้งกี่อาทิตย์แล้วแต่เพิ่งมาพูด แสดงว่าถูกบีบมาก

แกนนำพันธมิตรฯกล่าวถึงกรณีศาลปกครองกลางมีคำสั่งคืนตำแหน่งเลขาฯ สมช.ให้นายถวิล เปลี่ยนศรี ว่า นายถวิลคงไม่ได้กลับแล้ว เพราะรัฐบาลก็อุทธรณ์ แล้วตุลาคมนี้ก็จะเกษียณแล้ว ไม่มีประโยชน์อะไร ศาลปกครองน่าจะออกมาเร็วกว่านี้ แต่อย่างน้อยที่สุดศาลปกครองก็ยังเป็นศาลที่พึ่งได้

นอกจากนี้ยังมีกรณีการปลด นางสุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง ปลด นพ.วิทิต อรรถเวชกุล ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม ฯลฯ เหล่านี้รากเหง้าปัญหาอยู่ที่สื่อมวลชนที่ไม่ทำหน้าที่ตัวเอง ไม่สู้เรื่องนี้ สังคมใดที่สื่อมวลชนเฉย ความกดดันจะไม่มี ก็เป็นการส่งเสริมให้รัฐบาลทำชั่วมากขึ้น ฉะนั้นเรื่องที่เกิดขึ้นตนไม่ตำหนินักการเมืองเพราะมันชั่วอยู่แล้ว แต่ตำหนิสื่อมวลชน เพราะเรื่องปลดนางสุภาเพราะสาเหตุที่ระบุว่าจำนำข้าวเจ๊ง 2 แสนล้าน เรื่องนี้ใหญ่มาก ถ้าเป็นต่างประเทศหรือประเทศไทยในสมัยก่อน นักข่าวจะรุมจิกข่าวนี้ แข่งกันทำ แต่สมัยนี้ไม่มี นักข่าวเห็นแก่เงินหมด

นายสนธิ กล่าวถึงกรณีการรวมตัวกันของคนในสังคมออนไลน์โดยใช้หน้ากากกาย ฟอว์กส์เป็นสัญลักษณ์ ว่า คงสะกิดอะไรรัฐบาลไม่ได้ เพราะว่ามันหน้าด้าน พลังโซเชียลมีเดียมีอยู่แค่นั้น แต่โซเชียลมีเดียต้องการพลังจากสื่อมวลชนหลักๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโทรทัศน์ และหนังสือพิมพ์รายใหญ่ๆ ที่ต้องเข้าไปในรูปแบบของการกัดไม่ปล่อย แต่นี่ไม่มีการรับไม้ต่อ หรือว่าจริงๆ แล้วโซเชียลมีเดีย คล้ายๆ นักสู้หน้าจออีกแบบหนึ่ง ไปสู้กันในเฟซบุ๊ก กดไลค์ กดแชร์ แล้วยังไง แต่ที่พูดอย่างนี้ไม่ใช่ว่าไม่เห็นด้วย เป็นการแสดงออกที่ใช้ได้ ควรจะทำ แต่ว่าขาดแรงหนุนจากสื่อมวลชนทั้งหลาย

นายสนธิ ยังกล่าวด้วยว่า ข้อกล่าวหาว่าตนรับเงินทักษิณ บ้านเมืองเป็นขนาดนี้ยังนั่งอยู่เฉยๆ ถามว่าออกแล้วยังไง การยุให้ออกล้วนแต่มีวาระซ่อนเร้น ส่วนใหญ่บอกว่าคุยกับทหารแล้ว ประชาชนออกแล้วทหารจะออก จำม็อบเสธ.อ้ายได้หรือไม่ ก่อนหน้านั้นมีการคุยกันเรียบร้อยแล้ว ว่าตำรวจทำร้ายประชาชนทหารจะออก พวกนี้จะออกแบบมีเรื่องแค่ไหนถึงจะออก ฉะนั้นถ้าพี่น้องออกไปต้องเจ็บต้องตายเพื่อให้ทหารออกมา ตนทำไม่ได้ ขออยู่อย่างนี้ดีกว่า และมองว่าการให้ปัญญาคนเป็นเรื่องสำคัญที่สุด

คำว่าพันธมิตรฯ เป็นนามธรรม ไม่มีใครสั่งใครได้ เพราะฉะนั้นแล้วที่บอกว่าบ้านเมืองเป็นอย่างนี้ทำไมนั่งเฉยๆ คุณผิดแล้ว เพราะวันนี้ถ้าตนไม่ออก คนที่อยากออกก็ออกได้ หรือแกนนำพันธมิตรฯออกก็ไม่ได้แปลว่าทุกคนต้องออก ต้องว่ากันเป็นข้อๆ จะมาเหมาแบบนี้ไม่ได้ อย่างน้อยให้เกียรติในศักดิ์ศรีของตนบ้าง







คำต่อคำ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” ศุกร์ที่ 31 พ.ค. 2556

รายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” ออกอากาศทางเอเอสทีวี วันศุกร์ที่ 31 พฤษภาคม 2556 เวลา 20.00-22.40 น.ดำเนินรายการโดย นายสนธิ ลิ้มทองกุล นางจินดารัตน์ เจริญชัยชนะ และ นายเติมศักดิ์ จารุปราณ ร่วมดำเนินรายการ

จินดารัตน์ - สวัสดีค่ะคุณผู้ชม ขอต้อนรับคุณผู้ชมเข้าสู่รายการคุยทุกเรื่องกับสนธิค่ะ วันนี้เจ้าของรายการตัวจริงกลับมาแล้วนะคะ สวัสดีค่ะคุณสนธิ

สนธิ - สวัสดีครับคุณแอน

จินดารัตน์ - หลายคนสงสัยว่าทำไมคุณสนธิใส่แว่น เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า

สนธิ - จริงๆ แล้วผมเป็นต้อหิน ไปหาหมอมาแล้วที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เผอิญงวดนี้ไปที่อเมริกา ไปพูดให้พี่น้องพันธมิตรฯ ฟัง ไปที่เมืองดัลลัส ก็ไปเจอคุณหมอ พี่หมอธรรมศักดิ์ ซึ่งเป็นรุ่นพี่ที่แพทย์จุฬาฯ ของพี่ชายผม พ่อนายอ๊อบ นายแพทย์ศักดิ์ชัย เป็นรุ่นพี่ 1 ปี ผมก็เล่าเรื่องตาให้ฟัง คุณหมอก็เลยบอกว่า หมอมีลูกชาย 2 คน เก่งมาก คนโตเป็นหมอตาอยู่ที่เมืองซานดิเอโกมีชื่อมาก ในรูปนี้เห็นไหมชื่อ เขามีชื่อภาษาฝรั่งชื่อ ทอมมี และคุณหมอยืนยันให้ผมต้องขับรถจากแอลเอไปซานดิเอโก เพื่อไปหาลูกชายเขา และโทรศัพท์ไปสั่ง เขาบอกลูกชายเขาบอกว่า คุณแม่เขาโทรศัพท์บอกลูกชายเขาบอกว่า ให้ดูตาของคุณอาสนธิ เหมือนกับตาพ่อของตนเอง หมอวันนั้นวันหยุดวันนั้นเป็นวันที่ วันอาทิตย์มั้ง โรงพยาบาลเขาหยุด เขาเลยอุตส่าห์ไปเปิดโรงพยาบาล เปิดห้องแล้วไปดูให้ ดูเช็กอย่างละเอียดเก่งมากครับ ผมกำลังจะเล่าเรื่องนี้พอดี พอดีแอนถามเรื่องแว่นตาเลยถือโอกาสคือ ที่ดัลลัสมีหมออยู่เยอะ หมอไทย ส่วนใหญ่ 90% กว่าจะเป็นพันธมิตรฯ เป็นพันธมิตรฯ แบบมีปัญญา คิดเป็น รู้เป็น พอไปถึง คุณหมออยู่เมืองเล็กซัลเฟอร์สปริงส์ มีประชากร 15,000 คน หมอธรรมศักดิ์ เป็นหมอกุมารแพทย์ ทำคลอดคน รักษาเด็ก เลยเป็นที่รู้จักในเมืองเล็กๆ ลูกชายมี 2 คน คนโตคือ ทอมมี่ อีกคนชื่อ บ็อบบี้ คนโตจบปริญญาตรี ที่ยูซี เบิร์กลีย์ เกียรตินิยมอันดับ 1 หรือจะเรียกว่า เกียรตินิยมเหรียญทอง ก็ได้ แล้วไปต่อหมอที่มหาวิทยาลัยเซาท์เวสเทิร์น จบแล้วก็ไปฝึกงานและก็ไปเรียนต่อจนกระทั่งเก่ง ก็ไปทำงานอยู่ที่ซานดิเอโก เก่งมากเลยนะครับ น้องชายของคุณหมอทอมมี่ ชื่อบ็อบบี้ จบเอ็มไอที จบมาแล้วตัดสินใจเรียนหมอดีกว่า ไม่ได้เป็นหมอที่มารักษาโรค เป็นหมอในด้านทฤษฎีในเรื่องของเทคนิคต่างๆ เป็นหมอที่เก่งมากคนหนึ่ง พี่น้องสองคนมาเล็กเชอร์เรื่องตาทั่วเอเชียเลย ประเทศไทยจะสนิทสนมกับโรงพยาบาลศิริราช ก็มาเล็กเชอร์หลายครั้ง คุณหมอทอมมี่ก็ดูตาผม บอกว่าผมเป็นต้อหินทั้ง 2 ข้าง ก็เป็นจริง เพราะว่าผมไปหาหมอที่บำรุงราษฎร์แล้ว ตาซ้ายมันจะไม่ค่อยชัด ตาขวานี่ดีพอสมควร แต่ก็มีสัญญาณของต้อหินที่กำลังจะเกิดขึ้น ก็เลยให้ยามา ซึ่มผมก็มี เพิ่มให้อีกชิ้นหนึ่ง แต่ว่าคุณหมอทอมมี่ก็บอกว่า ขอให้เวลาเจอแสงเยอะๆ ให้ใส่แว่น ตอนนี้ ตอนกลางวัน เวลาออกจากบ้าน ถ้าแดดออกปั๊บต้องใส่แว่นเลย แกบอกไม่เป็นไร แกก็ชมนะ บอกว่าผมใส่แว่นแล้วหล่อดี เผอิญในห้องส่งมันมีไฟแรง

จินดารัตน์ - ประมาณ 6 ดวงด้วยกัน

สนธิ - 6 ดวง ก็เลยต้องใส่ นั่นคือที่มาของการใส่แว่น เข้าใจหรือยัง

จินดารัตน์ - เข้าใจแล้วค่ะ แต่ก็เท่ดีนะคะ แปลกไปอีกแบบหนึ่ง แต่ก็ดูเหนื่อยๆ นะคะคุณสนธิ เพิ่งกลับมาถึงเมื่อคืน

สนธิ - โอ้โห แอนเอ๊ย เอาอย่างนี้ดีกว่า ออกจากกรุงเทพฯ ก็ไปแวะที่นาริตะ อยู่นาริตะคืนหนึ่ง วันรุ่งขึ้นบินเข้าซานฟรานซิสโก ซานฟรานซิสโก 2 คืน บินต่อไปที่นิวยอร์ก พูดที่นิวยอร์ก อยู่นิวยอร์ก 2 คืน บินต่อไป ดี.ซี. อยู่ ดี.ซี. 1 คืน จาก ดี.ซี.บินเข้าไปดัลลัส อยู่ดัลลัส 1 คืน จากดัลลัสบินเข้าไปฮูสตัน พูดที่ฮูสตัน อยู่ฮูสตัน 1 คืน บินเข้าไปที่ออนแทริโอ แคลิฟอร์เนีย แล้วก็ขับรถจากออนแทริโอไปอีก 2 ชั่วโมง ลงไปซานดิเอโก ไปหาหมอ แล้วขับรถกลับมาถึงตอนเย็น ไปงานเลี้ยงบ้านพันธมิตรฯ ที่แอลเอ บ้านคุณดิเรก-คุณเรไร ซึ่งเขาเป็นพันธมิตรฯ ตัวยงเลย เขาจัดเลี้ยงให้ พร้อมกับพันธมิตรฯ ยูเอสเอที่จัดงานให้เรา มีทั้งคุณเปิ้ล มีทั้งตุง รามา คุณบุญชู หลายคนนะ เขาเลี้ยงกัน ในรูป เห็นกรงนกไหมครับ ภรรยาคุณดิเรกเขาบอกว่า เขารู้ว่า ผมบอกจะไปเยี่ยม คือพวกที่เห็นเป็นพวกที่เป็นทีมงานทำงานให้พวกเรา เวลาเราไปอเมริกาจะไปพูด คนพวกนี้เขาจะจัดงาน เขาจะแบ่งหน้าที่คนนี้หาอาหาร คนนี้ขายบัตร คนนี้เก็บเงิน คนนี้ทำโน้นทำนี้ทุกคนมีหน้าที่หมดเลย และการปราศรัยของเราประสบผลสำเร็จทุกครั้ง เพราะคนพวกนี้ทั้งนั้นเลย และคนพวกนี้เป็นพันธมิตรฯ พันธุ์แท้ ภรรยาคุณดิเรกรู้สึกจะเป็นคุณเรไร เขารู้ว่าเราจะมาไง เขาบอกว่าจู่ๆ มีนกตูมบินเขามาในบ้าน เขาเลยจับนกตัวนี้เข้ามา ปรากฏเป็นนกสีเหลือง

จินดารัตน์ - สวยด้วยนะคะ

สนธิ - สวยเป็นนกสีเหลือง ก็รอให้ผมมานี่ไงครับ และเพื่อที่จะเปิดกรงให้นกนี้บินออกไปเลย เขาบอกว่าเป็นสิริมงคลที่ดีนะครับ

จินดารัตน์ - แต่สวยมากเลยค่ะ สีเหลืองจริงๆ

สนธิ - เหลืองจริงๆ เขามีความรู้สึกตื่นเต้นมากที่จู่ๆ มีนกบินเข้ามาในบ้าน

จินดารัตน์ - อยากให้คุณสนธิลองเล่าแต่ละเมืองที่ไปดูสิคะ เริ่มจากนิวยอร์กไปวันพุธที่ 22

สนธิ - ผมไปนิวยอร์ก พันธมิตรฯ นิวยอร์กเขาให้ไปพูดที่ร้านอาหารศรีประไพ ร้านอาหารศรีประไพต้องนับว่า เป็นร้านอาหารระดับ 1 ของมหานครนิวยอร์กเลยมีชื่อมาก เจ้าของร้านคือ คุณพี่ศรีประไพ คุณพี่เป็นคนซึ่ง อาชีพเก่านี่ครับ คุณพี่ศรีประไพเป็นคนซึ่งอยู่นิวยอร์กมานานแล้ว อาชีพเดิมเป็นพยาบาล แล้วทำข้าวกล่องให้คนไทย ฝีมือดีมาก คนติดอกติดใจ ในที่สุดตัดสินใจเปิดร้าน เปิดจาก 1 ห้อง ข่ายดิบขายดี ขยายเป็น 2 ห้อง 3 ห้อง 4 ห้อง เป็น 5 ห้อง รู้สึกว่าทำไปทำมาเลยซื้อทั้งตึก ร้านนี้เป็นร้านที่ฝรั่งนั่งกินกันเต็มไปหมด ทั้งคนที่มีชื่อเสียงในมหานครนิวยอร์กก็ไปกัน พี่ศรีประไพจัดร้านให้ แล้วเชิญพันธมิตรฯ จากนิวยอร์ก นิวเจอร์ซีย์ มา หัวแรงสำคัญที่นิวยอร์ก ก็มีคุณหมอภุชงค์ และคุณเล็ก ซึ่งเป็นภรรยา คุณหมอภุชงค์อยู่ที่มหานครนิวเจอร์ซีย์ วันนั้นไม่ได้ไป มีคนไข้เยอะ เลยตัดสินใจบินกับภรรยาไปที่ดัลลัส ไปเจอผมที่ดัลลัส อีกคนคือ คุณไพลิน แล้วก็มีพันธมิตรฯอีกหลายคน

อันหนึ่งที่ชัดเจน ที่มหานครนิวยอร์ก เนื่องจากเมืองใหญ่ การเดินทางลำบากรถติดมาก หลังจาก 6 โมงแล้วถึงมีหมอมาอีกหลายคน มาดู ไม่น้อย คนไปฟังประมาณ 300-400 คน

จินดารัตน์ - เวลาพันธมิตรฯที่นิวยอร์กจัดงานทีไรจะเป็นที่ร้านนี้เกือบทุกครั้ง ที่ร้านศรีประไพ

สนธิ - รู้สึกจะมีพี่ชายของคุณหมี

จินดารัตน์ - พี่หมู

สนธิ - หมูไปด้วย เขาอยู่เบื้องหลัง น่ารักมาก เขาเปิดร้านอาหารร่วม 10 ร้าน มีชื่อเสียงมาก เป็นอาหารไทยแบบฟิวชั่น หมูได้สูตรอาหารจากพี่ศรีประไพไปเยอะ พี่ศรีประไพเป็นคนดีมาก เป็นคนจริงใจ รักชาติรักบ้านรักเมือง พันธมิตรฯ ที่ผมไป เดี๋ยวผมพูดรวมก่อน พันธมิตรฯที่ไปทุกเมืองตั้งแต่นิวยอร์ก ดีซี ดัลลัส ฮิวส์ตัน และต่อมาที่แอลเอ ในแอลเอจะเป็นทีมงานที่ทำงานให้เรา ผมมีความรู้สึกว่า พันธมิตรฯที่อเมริกาจะเข้าใจเรื่องราวเมืองไทยดีกว่าพันธมิตรฯหลายคนที่อยู่ในเมืองไทย อาจจะเป็นเพราะว่าเขาสนใจ เขาหมั่นศึกษา เขาตั้งใจ พันธมิตรฯที่อเมริกาพูดเหมือนพวกเราพูด บอกว่า การชุมนุมไม่จำเป็นแล้ว ชุมนุมไปทำไม ถ้าชุมนุมแล้วไม่ชนะ ออกไปทำไม ออกไปแล้วยังไง เขาไม่ต้องการเห็นการสูญเสียเลือดเนื้อแล้ว อีกอย่างหนึ่งผมคิดว่า พวกประชาธิปัตย์ไม่มีมีเลย พวกนี้เป็นพวกซึ่งชัดเจนมาก ไม่เอาพรรคการเมืองจริง เล่าแต่ละเรื่องเป็นฉากๆเลยนะ แหม ประชาธิธิปัตย์มันแกล้งอะไรบ้าง มันตีกินอะไรบ้าง เขาเล่าเสร็จ ที่เขาพูดไม่ใช่ว่าเขาชอบเพื่อไทย เขาก็เกลียดเพื่อไทย แต่เขาเป็นคนซึ่งเข้าใจเรื่องราว และเขาจะบอกว่า ไม่เห็นจะต้องไปร่วมเลย ใครอยากจะออกก็ออกไป เขาพูดอย่างนี้ ไม่เหมือนพันธมิตรฯบางคนที่บอกว่า ตอนนี้เราเลิกกินแหนงแคลงใจกันเถอะมาจับมือเพื่อไล่ทักษิณก่อน เขาพูดเลยนะ ไล่แล้วยังไง ไล่เพื่อให้พวกประชาธิปัตย์ขึ้นเป็นใหญ่หรือไง ผมถึงบอกพันธมิตรฯ อเมริกาเป็นพันธมิตรฯ ทีมีปัญญาสูงมาก และจะเป็นคนซึ่งรู้ทันคนมาก อาจจะเป็นเพราะว่าชีวิตพวกเขาเป็นชีวิตซึ่ง ปากกัดตีนถีบ พันธมิตรฯ อเมริกาที่อายุมากแล้ว เป็นคนซึ่งในอดีตในน่าสนใจมาก สังคมไทยไม่เคยให้โอกาสเขา เขาถึงต้องไปอเมริกาเลย ไปหาโอกาส 1.เขาไม่ได้เป็นลูกของศักดินา เขาไม่ได้เป็นผู้รากมากดี เขาคือลูกชาวบ้านธรรมดานี่เอง แต่เขาไม่เคยได้โอกาสจากสังคม เพราะสังคมจะให้โอกาสกับพวกอำมาตย์ พวกศักดินา พวกนายทุน พวกข้าราชการ หรือพวกพ่อค้า แต่เขาเป็นลูกชาวบ้านธรรมดา เขาเลยตัดสินใจไปทำงานที่อเมริกา พอไปทำงานที่อเมริกาแล้ว เขาปากกัดตีนถีบ สร้างครอบครัวอยู่กัน 30 ปี 20 กว่าปี อย่างน้อยต้องมี 25 ปี 30 ปี 40 ปี อย่างคุณหมอธรรมศักดิ์นี่ 40 กว่าปี น่าสนใจอย่างที่ ดี.ซี.ส่วนใหญ่จะเป็นหมอจบจากศิริราช

จินดารัตน์ - อ่อหรอคะ

สนธิ - ที่ดัลลัสจะจบจุฬาฯ น่าสนใจมาก ที่ ดี.ซี.อันนี้ก็เป็นที่ ดี.ซี.คนที่ยืนข้างๆ ผมคือ คุณหมอ

จินดารัตน์ - คุณหมอดวงมาลย์หรือเปล่าคะ

สนธิ - คุณหมอดวงมาลย์ คุณหมอป้อมสามีก็เป็นหมอจากศิริราช และลูกสาวลูกแฝดทั้งคู่ เกิดที่อเมริกาก็จบหมอทั้งคู่เหมือนกัน ส่วนอีกขวามือนั้นคือ คุณทัดพงศ์ พี่ทัด ซึ่งเป็นสามีของพี่ติ๋ว คุณจารุณี พี่ทัดเป็นคนซึ่งประเภทยอมหักไม่ยอมงอ หลักการแน่นอนเลย ไม่มีเปลี่ยนแปลงอะไรทั้งสิ้น

จินดารัตน์ - อดีตทำงานเวิลด์แบงก์

สนธิ - เคยทำงานเวิลด์แบงก์ และอยู่ในเครือมาริออท เพราะงั้นพี่ทัดพงศ์เป็นคนซึ่งไม่ยอมคน ถ้าอะไรถูกก็ต้องถูก ผิดก็ต้องผิด เพราะฉะนั้นพี่ทัดพงศ์จะนิสัยเหมือนพวกเราคือว่า กินข้าวก็ต้องกินข้าว ไม่กินข้าวผสมขี้ เลวน้อยกว่าก็ถือว่าเลว เพราะฉะนั้นพี่ทัดพงศ์เป็นเหมือนกับผู้หลักผู้ใหญ่คนนึงที่คนที่อยู่ใกล้ชิด หรือคนที่เจรจา พี่ทัดพงศ์แกบอก พี่ทัดพงศ์เป็นคนดื้อ แต่จริงๆ แกไม่ได้ดื้อ แกยึดถือหลักการอย่างแน่นอน เปลี่ยนแปลงไม่ได้ และพี่ติ๋ว คุณจารุณี เปิดร้านขายของเล่นเด็ก ขายดิบขายดีมาก เปิดมาตั้งนานแล้ว ในเมืองนั้นทุกคนรู้จักดี พ่อแม่เด็กๆ พาไปกัน และยังมีพี่ติ๋วเล่าให้ฟังว่า เด็กบางคนที่แกขายของเล่นให้กับเด็ก ตอนหลังโตแล้ว เรียนจบแล้วทำงานแล้ว โตมาแล้วถามว่า จำเขาได้ไหม มาซื้อข้าวซื้อของ ร้านแกเดินเข้าไปนี่นะ เดินแถบไม่ได้เลยไม่มีที่เดิน เพราะของเล่นวางเต็มไปหมดเลย แต่ว่าพ่อแม่ แม่เด็กจะมากันเขาบอกว่า ช่วงคริสต์มาสขายกันมือเป็นลิงเลย ทำไม่ทัน

จินดารัตน์ - ค่ะ แทบไม่ได้หลับได้นอน

สนธิ - แทบไม่ได้หลับไม่ได้นอนเลยนะ พอไปพูดที่นิวยอร์กจบ วันรุ่งขึ้นก็นั่งเครื่องบินต่อไปที่ ดี.ซี. ไป ดี.ซี.ก็พูดที่ ดี.ซี. นี่ก็พูดที่ ดี.ซี. ที่ ดี.ซี.ก็มีหมอมาฟังเยอะ มีหมอยรรยง หมอยรรยงนี่เป็นมืออ่านฟิล์มเอ็กซเรย์อันดับ 1 ของที่นั่น ฝรั่งยังต้องยอม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องเกี่ยวกับหลัง เขาดูหลังผม หลังผมไม่ค่อยดี ทำให้ขาไม่ดีด้วย แกก็เอาเป็นเรื่องเป็นราวเลย ขอดูฟิล์มหน่อยได้มั้ย ก็เลยต้องโทรศัพท์กลับมาให้หลานชายผม ซึ่งเป็นหมอกระดูก ซึ่งเพื่อนเขาเป็นคนรักษาผม ก็ส่งมาทางโทรศัพท์มือถือ แกก็มาดู แกก็ให้คำแนะนำหลายๆ อย่าง ซึ่งก็มีเหตุมีผลดี คือแกบอกว่า หมอนรองกระดูกมันเสื่อม เมื่อมันเสื่อมแล้วแกบอกว่าควรจะฉีดสเตียรอยด์ ฉีดสเตียรอยด์แล้วมันจะหายปวด แล้วมันจะหายไป 80 เปอร์เซ็นต์ อีก 20 เปอร์เซ็นต์ ก็คือออกกำลังกาย ทำกายภาพบำบัดด้วยตัวเองแล้วจะดี แต่แกก็บอกยังไม่จำเป็นต้องผ่าตัด ก็เป็นโรคปวดขาขวา แล้วก็ปวดก้น แล้วก็เป็นต้อหิน โรคมันเยอะเหลือเกินแอน

พอจาก ดี.ซี.เสร็จก็บินไปดัลลัส ดัลลัสนี่ก็หมอเยอะ คุณหมอที่ดัลลัสเป็นหมอจากจุฬาฯ หมอดี.ซี. หมอศิริราช หมอยรรยงเล่าให้ฟังว่า รุ่นแกจบแพทย์มารุ่นนี้ 150 คน 100 คนออกจากเมืองไทยไปหมดเลย มี 2 สาเหตุ สาเหตุหนึ่งที่ออกก็เพราะว่า ตอนนั้นคณบดีคณะแพทยศาสตร์ที่ศิริราชเป็นคนใช้ไม่ได้ แล้วพวกนักศึกษาแพทย์ที่จบ ไม่พอใจมากเลย มีนโยบายเผด็จการ ทำอะไรไม่โปร่งใส และประกอบกับช่วงนั้นเป็นช่วงสงคราม ซึ่งช่วงสงครามทหารอเมริกันมารักษาตัวที่เมืองไทยเยอะ แล้วหมอที่อเมริกาเข้าไปเป็นทหารกันเต็มเลย เมืองอเมริกาก็เลยขาด ก็เลยสั่งหมอจากเมืองไทยไปเต็มไปหมด พวกนี้ก็อยู่ ดี.ซี. ไปกันตั้งแต่หนุ่มแน่น อยู่กัน 30-40 ปี หมอยรรยงนี่ก็ 70 แล้วมั้ง เกือบ 70 แล้วยังทำอยู่ คุณหมอดวงมาลย์นี่ก็มีโรงพยาบาลของตัวเอง มีคลินิกของตัวเอง เกษียณแล้ว หมอดวงมาลย์บอกเลิกไม่ได้ เพราะถ้าเลิกแล้ว ฝรั่งหรือคนที่ทำงานที่โรงพยาบาลเล็กๆ ของแก ตกงาน ก็เลยต้องทนทำต่อไป นี่คือความเมตตาของหมอ เพราะฉะนั้นพวกนี้จะเป็นพวกเสื้อเหลืองจริง จะภูมิใจมากเวลาเขาใส่เสื้อเหลืองเข้าไปนะ ไม่เหมือนเมืองไทย เมืองไทยรู้สึกรังเกียจเสื้อเหลืองกัน ไม่ค่อยกล้าใส่กัน

ที่ผมเห็นชัดเจนที่ดัลลัสกับที่ดี.ซี.ถ้าเป็นหมอ น่าสนใจมาก ลูกหลานเรียนเก่งทุกคน เรียนเก่งจริงๆ นะ ไม่เก่งเล่นๆ เรียนเก่งจริงๆ

จินดารัตน์ - เป็นหมอได้เกียรตินิยมเหรียญทอง

สนธิ - เก่งมาก ทำให้เรารู้สึกภูมิใจที่คนพวกนี้เป็นพันธมิตรฯ แล้วคนที่เป็นหมอ เก่งขนาดนั้น มีปัญญาขนาดนั้น เราหลอกเขาไม่ได้หรอก ถ้าเราพูดโกหก หรือถ้าเราเป็นแบบยิ่งลักษณ์ หรือเป็นแบบจตุพร พรหมพันธุ์ หรือเป็นแบบทักษิณ เขารู้ทันเราหมด เราผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านการทดสอบจากพวกเขามา เขาไม่ใช่คนซึ่งเราจะหลอกเขาได้ง่ายๆ เขาดูเหตุดูผล ดูวิธีการ ดูกระบวนการ แล้วเขาเข้าใจหมดทุกอย่าง

มีคุณหมอแดง นักเลงอยู่ดี.ซี.ซักตลอดเวลา มีอีกคน คุณบรรจบ คนนี้สุดยอดเหมือนกัน เห็นคนยอมหักไม่ยอมงอ

จินดารัตน์ - เขียนแถลงการณ์บ่อยๆ

สนธิ - จากดี.ซี. บินไปดัลลัส ดัลลัส ไปเจอหมอธรรมศักดิ์ พี่แต๋ม พี่แต๋มเป็นพยาบาล อยู่เมืองใกล้ๆ คือ เทกซัส เป็นรัฐใหญ่ พวกนี้เวลามากันทีขับรถเป็นชั่วโมง แล้วที่ดี.ซี. มีครอบครัวหนึ่ง สามีภรรยา ชื่อคุณประสิทธิ์กับภรรยา ขับรถมาจากเซาท์แคโรไลนา 8 ชั่วโมง ขับมาเพื่อฟังผมพูด ผมไปที่อเมริกา ถ้าผมไปทางฝั่งตะวันออก แกจะขับรถมาตลอด แกจะไม่ยอมไปไหน แล้วลูกสาวก็เรียนเก่ง เรียนเภสัช ลูกสาวอยากมาแต่ติดสอบ

ดัลลัส พันธมิตรฯจากลาสเวกัส บินมาเลย มีพี่ยุ้ย คุณวิกกี้ หลายคน นายกสมาคมไทยในเวกัส บินมาฟังผมพูดที่ดัลลัส เป็นเรื่องที่น่าภูมิใจมาก แล้วมี คุณฉลาด มาจากชิคาโก ดร.จอย มาจากบอสตัน เป็นคนซึ่งจริงจัง จริงใจกับพันธมิตรฯ จริงจัง จริงใจกับ ASTV อย่างสุดลิ่ม

จินดารัตน์ - พี่น้องเราที่มาฟังเป็นพันธมิตรฯ รุ่นแรกๆ ที่ติดตาม ASTV เหนียวแน่น มั่นคง

สนธิ - คนพวกนี้เปิดASTV 24 ชั่วโมง เขารู้ข่าว เขารู้คน เขาวิพากษ์วิจารณ์พิธีกรได้ เขาพูดถึงเรื่องรายการ เขารู้หมดทุกอย่าง เป็นแฟนพันธุ์แท้ที่ไม่ถอยเลยแม้แต่ก้าวเดียว พวกนี้เขาจะรวบรวมเงินส่งมาช่วยเอเอสทีวีทุกเดือน ไม่หยุดเลย

จินดารัตน์ - แอนจะได้เห็นยอดเงินทุกเดือนที่ส่งมา และไปครั้งนี้พี่น้องเราก็รวบรวมสตางค์มาช่วยเอเอสทีวีด้วย

สนธิ - ที่นิวยอร์กได้ประมาณหมื่นนึง

จินดารัตน์ 12,020 เหรียญ

สนธิ - ที่ดีซี ก็ประมาณหมื่นนึง ที่ดัลลัส 50,000 กว่านิดๆ ที่ดัลลัสก็คุณหมอภุชงค์ และคุณเล็ก คุณหมอภุชงค์เป็นขาใหญ่ของเอเอสทีวี ขาดเงินเท่าไหร่ จะปิดบัญชีบริจาค ขาดอีกพันสองพันเหรียญ คุณหมอภุชงค์เขียนเช็คให้เลย ให้ทันที ที่ดัลลัส 50,000 เหรียญก็ 70,000 แล้วที่ฮิวส์ตันประมาณ 1 หมื่น น่าชมเชย เป็น 80,000 ที่แอลเอประมาณหมื่น ไปทริปนี้ได้ประมาณ 9 หมื่นเหรียญ มีบางส่วนแบ่งให้กับกองทุนสู้คดี บางส่วนแบ่งให้กับการซื้อเครื่องมืออุปกรณ์ ที่ดัลลัส เป็นประธานในการจัดงานคือคุณหมอประมุข เป็นเจ้าเก่า ที่นั่นจะมีคุณลุงคนหนึ่งชื่อคุณลุงมนัส เป็นคนสู้ชีวิตมาก เริ่มเรียนหนังสือทางวิศวะตอนอายุ 38 จบวิศวะโยธา ลูกสาวทำงานอยู่บริษัทเชฟรอน ที่เท็กซัส แต่ก่อนอยู่ซานฟรานซิสโก เป็นคนที่ตำแหน่งใหญ่มากในเชฟรอน ทั้งภรรยาและคุณลุงมนัสเป็นคนซึ่งรักเอเอสทีวี และรักพันธมิตรฯอย่างสุดลิ่มสุดประตูเหมือนกัน ใปที่ฮิวส์ตันก็มีคุณลุงชัชวาลย์ เป็นที่ฮิวส์ตัน คุณชัชวาลย์เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงของแกนนำพันธมิตรฯที่ฮิวส์ตัน เป็นคนจริงจังมาก เป็นคนไล่ทักษิณนะ ทักษิณไปฮิวส์ตันลงเครื่องบินแล้วต้องหนี วางแผนเรื่องสมัครไป เป็นแผนคุณชัชวาลย์เลย เอาคนไปถือป้าย แกไม่ธรรมดาเลยงานนี้ แล้วที่ผมเห็นเขาน่ารักมาก ที่ฮิวส์ตันพองานเลิกปั้บนะ แต่ละคนซึ่งเป็นพันธมิตรฯ เสียเงินเข้ามาฟังนะยังต้องถือ อันนี้ที่ดีซีนะครับ คุณหมอขวาสุดคือคุณหมอดวงเดือน และคุณหมอยรรยงที่ยืนข้างๆผม

จินดารัตน์ - ใส่สูทสีน้ำตาล

สนธิ - ครับคุณหมอยรรยง และพี่ทัดพงศ์ เป็นหมอทั้งนั้นพวกนี้ เป็นหมอระดับ คือถ้าเป็นระดับผู้ใหญ่อาวุโส ฝีไม้ลายมือเป็นอาจงอาจารย์หมอหมดทุกคนเลยพวกนี้ และที่ฮิลตันพอเลิกงานปั๊บ แขกที่เข้ามาฟังแต่ละคนช่วยกันลุกเก็บเก้าอี้ เก็บเก้าอี้พับเก้าอี้วาง เห็นไหมครับ ถือไม้กวาดช่วยงานกันหมดเลยทุกคน เป็นบรรยากาศน่ารักเห็นไหมครับ

จินดารัตน์ - โอ้โหถูพื้น

สนธิ - ถูพื้นกันเห็นไหมครับ ช่วยกันทุกอย่างเลย และนี่เป็นศูนย์ชุมชนของชาวเวียดนาม เก็บข้าวเก็บของเห็นไหมครับ ศูนย์ชุมชนชาวเวียดนาม และช่วยกันทำความสะอาดประเดี๋ยวประด๋าว เสร็จเรียบร้อยแล้วก็หมดและ สะอาด ทุกคนช่วยกันหมดทุกคนเลย

จินดารัตน์ - เหมือนบรรยากาศเราชุมชนที่นี่ และมีการเรียนรู้

สนธิ - เห็นไหมครับกวาดกัน

จินดารัตน์ - น่ารักมากเลยนะคะ ขอบคุณพี่น้องพันธมิตรฯ ที่สหรัฐอเมริกาทุกท่านนะคะ ที่ให้การสนับสนุนเอเอสทีวีด้วยดี และมั่นคงตลอดมา อย่างวันนี้มีคำถามจากท่านผู้ชมทางบ้านเกี่ยวข้องกับการที่คุณสนธิเดินทางไปสหรัฐอเมริกาด้วย จากคุณสิทธิพลนะคะบอกว่า ด้วยความเคารพนะครับ อยากฟังคุณสนธิเล่าเรื่องเกี่ยวกับทริปที่ไปอเมริกา และความเป็นอยู่ของพี่น้องพันธมิตรฯ ให้ฟังด้วย

สนธิ - ที่นั้นเขาเกาะกลุ่มกันเหนียวแน่น ที่แอลเอโดยเฉพาะอย่างยิ่งทีมงานที่จัดงานให้พวกเรา เป็นการเกาะกลุ่มกันที่ค่อนข้างจะสุดยอดเลย คืออย่างนี้เขายอมรับอย่างตอนที่ผมจะกลับ เขาขอให้ผมพูด ผมก็บอกว่าอย่างนี้ ผมบอกว่าคุณงามความดีที่พวกเขาทำให้กับชาติบ้านเมืองอันนี้ไม่ต้องพูดถึงแน่นอนที่สุดนะครับ อย่างคนเสื้อเหลืองในรูปเมื่อกี้ ช่วยกลับไปรูปเก่าเมื่อกี้นิดนึงนะครับ คนเสื้อเหลืองนี่คุณดิเรก คุณดิเรกเป็นผู้รับเหมาคนนึง ซึ่งประสบความสำเร็จมากที่ลอสแองเจลิส แกมีลูกหลายคน และแกมีลูกคนนึงซึ่งเพิ่งจบวิศวะไฟฟ้า และมารับงานต่อจากแกที่จะดูแลแก คุณดิเรกมีภรรยาชื่อ คุณเรไร คุณดิเรกแต่ก่อนจะเป็นคนซึ่งนั่งรถเข็น ผมไปพูดที่แอลเอทีไร คุณดิเรกจะนั่งอยู่ตรงหลังเวทีคอยจัดบริการเรียบเรียงเพลงอะไรทุกอย่าง และผมสังเกตนั่งรถเข็นคุณดิเรกจะทุ่มทุกอย่างให้กับเอเอสทีวี และพันธมิตรฯ รวมทั้งคุณเรไรคือ ภรรยาด้วย คุณดิเรกร้องเพลงให้ผมฟัง

พี่น้องพันธมิตรฯ ที่แอลเอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทีมจัดงาน เป็นทีมที่แข็งมาก เขาพูดเหมือนกับผมพูดให้เขาฟัง แล้วเขาก็เห็นด้วย ผมบอกจริงๆ แล้ว แอนสังเกตมั้ยว่า หลายคนที่เป็นเพื่อนฝูงกันทุกวันนี้ สนิทสนมกันมาก ไปรู้จักกันตอนประท้วง

จินดารัตน์ - ใช่ค่ะ

สนธิ - ไม่เคยมีเพื่อนมาก่อน ไม่เคยรู้จักมาก่อน แล้วกลับสนิทกันมากกว่าที่เราเคยรู้จักเพื่อนเก่าๆ เรา แปลกมา เหมือนกัน คนพวกนี้เหมือนกัน เขาพูดว่า เออแปลกนะ สมัยก่อนอยู่แอลเอ อยู่มาตั้งนาน ลอสแองเจลิส ต่างคนต่างทำมาหากิน ไม่เคยรู้จักกัน ไม่เคยเจอ เรามารู้จักกันเพราะว่าคุณสนธิมาพูด แล้วทุกคนก็มาร่วมงานกัน แล้วก็ลงขัน ช่วยคนละเรี่ยวคนละแรงกัน แล้วก็รักกัน นี่เป็นวิดีโอเทป เขาร้องเพลงให้ผม เขาทำเค้กมาให้กิน นี่คือทีมงาน เป็นแค่ทีมงานจัดงาน ทุกครั้งที่เราไป คือทีมพวกนี้ล่ะจะเป็นคนซึ่งลงเรี่ยวลงแรงกัน ลงเรี่ยวลงแรงกันทุกคน ข้างล่างขวามือสุดเป็นสามีคุณเปิ้ล คุณอ๊อด เจ้าของร้านจันทร์ดารา แล้วก็คนที่ยืนข้างๆ ผมนี่เป็นคนซึ่งจัดอาหารให้ผมกิน ทุกอย่าง เขาแต่งเพลงของเขาเองร้องให้พวกเรา

จินดารัตน์ - ใช่ค่ะ ที่เราเคยเอามาเปิดในรายการ

สนธิ - ใช่ ถูกต้อง

จินดารัตน์ - คุณธัญญาพรฝากถามคุณสนธิว่าอยากรู้ว่าพันธมิตรฯ ในอเมริกาติดตามข่าวสารในประเทศมากน้อยแค่ไหน

สนธิ - เขารู้เรื่องประเทศไทยมากกว่าคนไทยอีก ข้อแรก เขาดูเอเอสทีวีทั้งวัน ข้อที่สอง เขาเข้าเว็บไซต์ผู้จัดการ เพราะงั้นเขารู้หมด เพราะอย่าลืมนะว่า ทักษิณที่ไปแอลเอ ไม่กล้าเข้าไปในงานเลยนะ ต้องหนีไปเลยนะ เพราะพันธมิตรฯ พวกนี้ พันธมิตรฯ พวกนี้ทั้งนั้น

จินดารัตน์ - ยืนกันตั้งแต่เช้ายันเย็น

สนธิ - ตั้งแต่เช้ายันเย็น

จินดารัตน์ - เดินไปเดินมา

สนธิ - ไปเป็นร้อยๆ คนเลย ทักษิณไม่กล้าไปอเมริกาอีกแล้ว ไปนิวยอร์กก็โดนคุณไพรินทร์กับพรรคพวกไปไล่ ไปซานฟรานซิสโก ก็ไปเจอทีมพี่ต้อย พาไปยืนหน้าร้านก๋วยเตี๋ยวที่ทักษิณ ออกมาปั๊บ วิ่งตีนขวิด หางจุกตูดเลย คือคนไทยในอเมริกานี่ เสื้อแดงก็มี แต่มีแล้วเบ็ดเสร็จเทียบใจสู้พันธมิตรฯ เสื้อเหลืองไม่ได้ อย่างเช่นที่นิวยอร์ก มีหมอคนหนึ่งทำตัวเป็นเสื้อแดง ไปเอาใจยิ่งลักษณ์ เพื่อขอเงินยิ่งลักษณ์ เอามาสนับสนุนโครงการตัวเอง คิดว่าจะได้มาเยอะ ปรากฏว่ายิ่งลักษณ์ให้อย่างเสียไม่ได้ 3 พันเหรียญ เขาก็หัวเราะเยาะกันหมดเลย

จินดารัตน์ - นี่มันขี้เหนียวกันทั้งพี่ทั้งน้อง

สนธิ - ทั้งพี่ทั้งน้องเลย

จินดารัตน์ - คุณเมษแพร (??) แอนอาจจะอ่านชื่อผิด ต้องขออภัย บอกว่าอยากให้เล่าถึงพี่น้องไทยในอเมริกา ความรักและความห่วงใยที่มีต่อประเทศชาติ ตลอดจนแนวคิดในการกู้ชาติของพวกเขาที่เราสามารถนำมาใช้ได้

สนธิ - คนที่อเมริกาเขาจิตใจบริสุทธิ์มาก เผอิญเขาอยู่ในสังคมที่มันเปิด สังคมที่มีธรรมาภิบาล เขาอยู่ในสังคมที่สื่อมวลชนไม่อยู่ภายใต้การครอบงำของธุรกิจ สังคมสื่อมวลชนในอเมริกาถึงแม้จะต้องพึ่งพาผลประโยชน์ทางโฆษณา แต่จิตวิญญาณแห่งความเที่ยงตรง เหนือกว่ารายได้โฆษณามาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหนังสือพิมพ์ ทีวีอาจจะมีปัญหา แต่หนังสือพิมพ์เขาชัดเจน อะไรถ้าไม่ถูกเขาไม่สนใจ อะไรมีลับลมคมใน เขาจะตีแผ่ แล้วเขาจะขุดคุ้ยความชั่วของนักการเมืองออกมาให้เห็น กัดไม่ปล่อยจริงๆ ไม่เหมือนเมืองไทย

จินดารัตน์ - ยังไม่ทันได้กัดเลย

สนธิ - แค่อ้าปากเฉยๆ แล้วก็อ้าอยู่อย่างนี้ตลอดเวลา คือ อ้าปากรับเศษเงิน เพราะฉะนั้นแล้ว คนไทยที่อยู่ในอเมริกา มองการเมืองว่า ทำอย่างไรดีถ้าเพื่อไทยไม่ไหว ประชาธิปัตย์ไม่ไหว เราน่าจะมีพรรคการเมือง ตอนหลังเขาฟังเรามากขึ้น เขาเริ่มเห็นด้วยกับตรรกะของเรา เขาเริ่มยอมรับว่า เมืองไทย เหี้ยไปจัญไรมา ไม่มีอะไรใหม่ ตอนนี้เป็นเรื่องน่าภูมิใจมาก เขายอมรับว่า ประชาธิปัตย์ไม่ใช่คำตอบของสังคมไทย หรือพรรคการเมืองไหนก็ไม่ใช่ เพราะระบบการเมืองเมืองไทย เป็นระบบใช้ไม่ได้ เป็นระบบที่ดึงให้ชาติตกต่ำ เขายอมรับด้วยว่า สื่อมวลชนในเมืองไม่มีอะไรที่ไหนดี นี่เป็นเหตุผลหลักที่เขายึดติดกับ ASTV เขาไม่ยอมทิ้ง ASTV ในกรณีใดก็ตาม เขาจะดู

ที่แอลเอ บ้านคุณดิเรก มีคุณยายคนหนึ่ง จะ 50 ปีแล้ว อยู่บ้านพักคนชรา ไปเดินซื้อของที่ตลาด เจอคนรู้จักกัน เขาบอกคุณสนธิมานะวันนี้ แกบอก ขอไปดูด้วยคนได้ไหม แกก็มานั่งรออยู่ นั่งอยู่ในบ้านคุณดิเรกตั้งนาน จนกระทั่งผมพูดเสร็จเรียบร้อย แกเอาเงินของแกที่ได้ค่าเลี้ยงดูจากรัฐบาลอเมริกัน จ่ายให้กับค่ากับข้าว ซื้อผลไม้แล้วยังเหลือ แกใส่ซองให้ผม แกบอกเสียดายติดตัวมาแค่นี้ ถ้าอยู่ที่บ้านจะควักให้หมด บอกคุณยายเก็บเอาไว้ เก็บเอาไว้ใช้ บอกไม่เป็นไรยายอายุมากแล้ว เดินก็ช้า อยากเจอตัวจริงมานานแล้ว ขอกอดผม กอดแน่น เพื่อนยายที่บ้านพักคนชราไม่รู้นะว่าคุณมา ถ้ารู้เป็นเรื่อง คนพวกนี้เป็นอะไรที่ประทับใจ เหมือนเฮียฮั้ว เจ้าของร้านอาหารสยามซันเซส งานพันธมิตรฯ เมื่อไหร่เมื่อนั้นไปทุกเมื่อ ไม่เคยพลาด เป็นคนมีน้ำใจ เป็นคนไม่แคร์ ถ้าเสื้อแดงมากินไม่พอใจก็ไป คือ พันธมิตรฯที่แอลเอ เป็นอย่างนี้หลายคน ทำธุรกิจ ถ้าเสื้อแดงมาเรื่องมากไม่ขาย เป็นอย่างนั้น นั่นคือพันธมิตรฯ ที่เขารัก

จินดารัตน์ - ชัดเจน แล้วเป็นอย่างนี้มาอย่างยาวนาน

สนธิ - เป็นมายาวนานไม่ใช่เพิ่งเป็น

จินดารัตน์ - พี่พันธมิตรฯที่อเมริกา ยังบอกว่า มีคนชอบมาถามว่า ยังดู ASTV อยู่หรอ เขาหลอกมาตั้งหลายปีแล้วนะ ในทางกลับกัน เขาพิสูจน์ASTV มาหลายปีต่างหาก ว่าเคยเป็นแบบไหนก็เป็นนั้น

สนธิ - คนไทยในอเมริกาที่มีปัญญา โดยเฉพาะอย่างยิ่งพันธมิตรฯ เป็นคนที่หลอกไม่ได้ ไม่มีทางหลอกได้เลย มีหัวเรี่ยวหัวแรงใหญ่รุ่นพี่คนหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้อาวุโสที่ทุกคนเคารพที่แอลเอ คือ คุณหมอสุวัฒน์ หมอสุวัฒน์ กับพี่ปราณีภรรยา เป็นคนซึ่งฉลาด ดูคนออก ไม่โง่

จินดารัตน์ - หลอกไม่ได้

สนธิ - ไม่มีทาง แกอายุร่วม 70 แล้ว แกเป็นหมอ แกอยู่ที่แอลเอ แต่มีอยู่อันหนึ่งที่ผมภูมิใจ พันธมิตรฯที่ยูเอสเอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่แอลเอ ฮูสตัน เดินเข้าวัดไทยที่นั่นพระวิ่งหนี โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณนิพนธ์ คุณตุงรามา แกเจอพระด่าซะไม่มีดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระเสื้อแดง พระที่ไม่เอาพระเจ้าอยู่หัว แกประเภทตะหวาดตะเลิดเปิดเปิง เดินเข้าวัดเมื่อไหร่ พระเห็นคุณนิพนธ์เดินเข้ามา ใส่ตีนหมากันทุกคน คุณชัชวาลย์ก็ไม่ธรรมดา ที่ฮูสตัน แกเป็นประธานฝ่ายฆราวาส แกบอก พระที่นั่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าอาวาสใช้ไม่ได้ ไม่รู้ทำไมถึงเชียร์ทักษิณ ไม่ทำตัวเป็นพระ ไม่ประกอบกิจของสงฆ์ ไม่อะไรทั้งสิ้น แกบอกพระที่ฮูสตันกินสตาร์บัค เดินเอาท์เล็ท แกบอกรับไม่ไหว ผมไม่รู้จะทำอย่างไร ผมก็ยุส่ง ผมบอกพวกนี้ พี่น้องไม่ต้องเกรงใจ เจอก็บอกท่านสึกได้แล้ว ถอดผ้าเหลืองออกดีกว่า พระที่นั่นเป็นพระธรรมทูต เวลาไปที่อเมริกา พยายามสอบใบขับขี่เพื่อขับรถ สองพยายามจะขอใบเขียว จะอยู่ถาวรเลย จะทำมาหากินที่นั่นและ บางคนกลางคืนออกขับรถแท็กซี่ และพยายามหาผู้หญิงไทยที่เหงาเปล่าเปลี่ยวเป็นภรรยาให้ได้ ตัวเองได้สึกมา และผู้หญิงไทยเขามีใบเขียวเขาจะได้ถือโอกาสได้ใบเขียวด้วย เพราะฉะนั้นแล้วพระในอเมริกาหาไหว้ได้ยากจริงๆ ไม่ได้พูดเล่น เละเทะ ไม่มีพระธรรมวินัย ดูแล้วทุเรศ พระไปนั่งกินสตาร์บัคแอนเป็นไปได้อย่างไร ไม่สำรวมเลย และพระไปเดิน Outlet ไปเดินได้อย่างไร ตอนที่ไปญี่ปุ่นงวดนี้ก็เห็นพระลากกระเป๋า Tumi และถือสะพายเป้ Victoria's Secret เป็นของเมืองนอก เป็นพระใส่แบรนด์เนมตลกไหม ตลกจริงๆ ผมว่าศาสนาบ้านเรามันเลวทรามต่ำช้า มันแย่ลงเหมือนกับ คุณภาพของนักการเมืองเมืองไทย คือนักการเมืองเมืองไทยทำได้ทุกอย่างเลย บ้านเมืองเราพังทลายหมด แม้กระทั่งศาสนาก็พังทลาย

เพราะฉะนั้นพระผมจะเตือนไว้ก่อน พระที่อยู่ที่อเมริกามีน้อยรูปที่กราบได้ด้วยความสนิทใจ นอกนั้นและไม่ และผมบอกชัดเจนบอกว่า ถ้าพระเฮงซวยแบบนี้อย่าไปทำบุญมันสิ ก็ให้ไอ้พวกเสื้อแดงไปทำบุญกับพระพวกเฮงซวยพวกนี้ ไปยุ่งทำไม นี่ผมพูดไม่กลัวบาปนะ เพราะผมถือว่าพวกนี้ไม่ใช่พระ วันหลังผมจะบอกผ่านทางทีวีไปหน่อย ให้พวกพี่น้องที่แอลเอ พวกทีมงานพวกคุณเปิ้ล คุณตุง วันหลังพาผมไปวัดไทยเสียหน่อย ผมยังไม่เคยไปเลย ผมจะไปหาเจ้าอาวาส ผมจะถามเลยว่า ท่านทำอย่างนี้ทำอย่างนี้ท่านทำได้อย่างไร ใช่ไหม ท่านมีหน้าที่ต้องปกป้องกษัตริย์ พระมหากษัตริย์ เพราะว่าพระพุทธเจ้ากับพระมหากษัตริย์ ท่านยอมรับ เพราะท่านนี่เป็นลูกกษัตริย์ เพราะท่านรู้ว่ากษัตริย์เมื่อเป็นองค์อุปถัมภ์ของศาสนา และพระเจ้าอยู่หัวเราเป็นองค์อุปถัมภ์ของศาสนาพุทธใช่ไหมครับ ท่านพระพุทธเจ้าเป็นพุทธศาสนิกชน พระมหากษัตริย์ของเราเป็นเหมือนเจ้าอาวาสใหญ่ของพระทั้งหลาย เขาถึงเรียกมหาบพิตรไง เข้าใจไหม

เพราะฉะนั้นแล้ว พระพุทธเจ้ากับพระมหากษัตริย์ไปควบคู่กัน แต่พระเสื้อแดงกลับมองไม่เห็นความสำคัญของพระมหากษัตริย์ บางองค์ถึงกับเออออห่อหมกไปกับพวกเสื้อแดงว่า ต้องยกเลิกมาตรา 112 อย่างโน้นอย่างนี้ ต้องมีประธานาธิบดีนะ แหมถ้าผมอยู่ใกล้ๆ ผมจะด่าให้เช็ดเลย ผมจะบอกว่า มากินข้าวเปลืองการทำบุญของพ่อแม่พี่น้องประชาชน ผมเลยบอกว่า ถ้ามีพระที่เฮงซวยอย่าไปทำบุญมัน ไม่จำเป็นไม่ต้องไปวัดหรอก

จินดารัตน์ - ไม่ต้องกลัวบาป

สนธิ - พระในห้องพระเรายังมีความสุขมากกว่าที่ไปวัด ไปเจอพระเฮงซวยพวกนี้ กราบพระในห้องพระเรา ภาวนาสวดมนต์ ตั้งจิตสงบ ดีกว่าไปเจอไอ้พวกพระที่หลงลาภยศประเภทนี้ และก็แปลกมาก แปลกจริงๆ พระอยากไปอเมริกากันมาก และไม่อยากกลับ

จินดารัตน์ - ทำไมคะ อยู่สุขสบายมีคนดูแล

สนธิ - ไม่รู้ ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน

จินดารัตน์ - แต่เห็นเขาบอกว่า บางวัดพระบางรูปไปเจอน้องชายอดีตนายกฯ ไปบวชอยู่พักนึง

สนธิ - อ่อมีๆ พระจิ๋วไง อยู่ที่วัดที่อินเดีย เป็นพระที่มีพวกนักการเมืองขึ้นเยอะ เพราะเขาบอกว่า อาคมแก่กล้ามีโน้นมีนี่ แต่ปรากฏว่า ประวัติพระจิ๋วถูกจับสึกมาแล้ว สมัยอยู่ฮิสตัน และกลับมาเมืองไทย และบวชไปใหม่ กลับไปอยู่แอลเอแล้วอยู่ไม่ได้ ต้องย้ายไปอินเดีย และพระองค์นี้สนิทกับพายัพ ชินวัตร ซี้กันมากเลย ไปกันท่าไหนไม่รู้ พายัพ ชินวัตร เอาเงินเอาทองให้ก้อนนึง เอาไปสร้างวัดที่อินเดียไง ที่มหึมามโหราฬและเอาสมเด็จวัดเทพไป ไม่รู้ท่านโดนหลอกอีท่าไหนไม่รู้ ไปเลื่อนตำแหน่งให้พระพายัพไง เห็นเปล่า

จินดารัตน์ - พ่อครูปลัด

สนธิ - พอผมเล่าให้คนที่ฮิลตันฟังว่า เรื่องพายัพกับเรื่องที่โน้นคนพวกนี้เขารู้จักพายัพหมด พระที่สร้างวัดอันนี้ และทำให้พายัพได้ตำแหน่งพ่อครูปลัดนี่คือ พระจิ๋ว ที่เขาอ่อไอ้จิ๋วนี่เองหรอ ด่ากันเช็ดเลยบอกแหมไปเชื่อมันได้อย่างไร นี่ไง

จินดารัตน์ - เขาบอกประวัติพายัพตอนอยู่นิวยอร์กก็ไม่ธรรมดา

สนธิ - ตอนอยู่ฮิลตัน

จินดารัตน์ - แต่สมัยที่ตอนนั้นที่เขาไปเรียนหนังสือ หรือ อะไรสักอย่าง

สนธิ - ที่ฮิลตันไง และไปแอลเอตอนหลังไม่ใช่ธรรมดา พี่น้องคู่นี้ไม่ใช่ธรรมดาจริงๆ

จินดารัตน์ - เมื่อสักครู่คุณสนธิพูดถึงญี่ปุ่น มีน้องทีมงานเราเอารูปๆ นึงมาลงในหน้าเฟซบุ๊ก คนเขาไปชอบกันมากค่ะ นี่ภาพนี้ เล่าให้ฟังหน่อยค่ะ ไปถ่ายที่ไหนอย่างไร

สนธิ - เป็นวัดที่อยู่ในเมืองนาริตะ ผมไปงวดนี้ผมไปแวะนาริตะคืนนึง และผมไปไหว้พระที่วัดนี้ และเกิดอยากจะนั่ง ขี้เกียจเดินอ่านหนังสือเสียหน่อย เลยนั่งอ่านหนังสืออยู่เงียบๆ คนเดียว และนายออฟ ซึ่งเป็นหลานชายผมไปด้วย เขาแอบถ่ายมาให้ ฟังก็ไม่รู้ ผมยังไม่เห็นเลย ผมเพิ่งจะมาเห็นตอนหลังนี่เอง

จินดารัตน์ - แต่สวยมากนะคะ มีคนชอบเยอะมาก และคนที่เห็นพูดเป็นเสียงเดียวกันเลย ไม่มีทางถ่ายที่เมืองไทยแน่นอน เพราะที่เมืองไทยทำแบบนี้ไม่ได้

สนธิ - อ่อใช่ อันนี้จริง เพราะร้อนมาก ข้อที่ 1 ข้อที่ 2 นั่งอยู่ที่อาจจะโดนลูกปืนที่ไหนก็ได้

จินดารัตน์ - แอนว่าเป็นภาพหนึ่งที่แฟนๆรายการชอบมากๆ คุณสนธิลองเข้าไปดูกันได้ เขาคลิกไลค์ 2,9000 ได้แล้วมั้ง

สนธิ - รู้สึกหลานสาวสุดที่รักของผมเขาก็ชอบ อัยยา

จินดารัตน์ - อัยยาบอกว่าคุณตาสนธินี่ คิดถึงจังเลย หลายคนคิดถึง วันนี้ก็หายคิดถึงแล้ว วันนี้ก็เล่าถึงพี่น้องเราที่อยู่ไกลกันคนละซีกโลก ว่าชีวิตความเป็นอยู่พี่น้องเราเป็นอย่างไรกันบ้าง เขายังไม่ลืมบ้านเกิด

สนธิ - เขารักชาติ รักบ้านรักเมืองมากกว่าคนไทยเยอะพอสมควรเขาเป็นคนซึ่งจริงจังมาก แม้กระทั่งที่ดินในเขาพระวิหาร เขาทนไม่ไหว เขาบอกทำไมรัฐบาลต้องเป็นอย่างนี้ ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น เขาทนกับการโกงชาติโกงเมืองของไอ้พวกชั่วสารเลวที่อยู่ในรัฐบาลชุดนี้ไม่ไหวเลย และเขารับไม่ได้จริงๆ และคนพวกนี้จะบอกให้รู้ เป็นคนใจถึง พวกนี้หลายคนตอนที่ชุมนุม 193 วัน บินมาร่วมชุมนุมด้วย คุณหมอแดง ที่อยู่ดีซี เป็นหมออายุมากแล้วนะ บินมา นั่งหน้าเวที คนพวกนี้เขาจริงจัง จริงใจ และเขาไม่รีรอเลยที่จะแสดงความรักชาติออกมาให้เห็น

จินดารัตน์ - แอนว่าพี่น้องเราที่นั่น คงมีความอึดอัดใจมากกว่าเราอยู่ที่นี่นะคะ อยู่ไกลจะแสดงออกอะไรไม่ได้

สนธิ - พูดเป็นเสียงเดียวกัน อึดอัดใจก็มาอยู่ที่นี่แล้วกัน บอกไม่ต้องกลัว มีข้าวกิน ขนาดผมไปหาหมอทอมมี่ บอกหมอทอมมี่ว่าถ้าต้องผ่าด้วยเลเซอร์ ต้องใช้เงินเท่าไหร่ แกบอกว่าแพง ผมก็เล่าให้คนไทยที่แอลเอที่บ้านคุณดิเรกฟัง คุณดิเรกบอก เดี๋ยวเอาชื่อมาเข้าโครงการประกันสุขภาพผมแล้วกัน อีกคนก็บอกว่าไม่เป็นไรเดี๋ยวเราระดมทุนบริจาคให้คุณสนธิ ผมก็นึกในใจมันไม่ขนาดนั้น ค่าตาเดี๋ยวผมหาได้

จินดารัตน์ - เอาล่ะค่ะ ก็เล่าแล้วนะคะว่าไปทำอะไรมาบ้างแล้ว อย่างไร พบใครบ้าง พี่น้องเราเป็นอย่างไร คงจะฝากความระลึกถึงกัน ข้ามซีกโลกมาพร้อมกับคุณสนธิ เดี๋ยวเราพักกันก่อน ช่วงหน้ากลับมา แอนว่าข่าวนี้คงจะทำให้ข้าราชการหลายคนที่ยังเป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รู้สึกมีกำลังใจขึ้นมาบ้าง กรณีของคุณถวิล เปลี่ยนศรี พักกันสักครู่ก่อนค่ะ

คลิก! อ่านต่อ


กำลังโหลดความคิดเห็น