“นายกฯ ยิ่งลักษณ์” โต้ “อภิสิทธิ์” ยันรัฐบาลมียุทธศาสตร์ประเทศ 4 ด้านในการบริหารประเทศ จัดงบฯ เน้นให้โอกาสอย่างเท่าเทียม โวภาพรวมเศรษฐกิจไทยดีขึ้น จากลำดับ 30 อยู่ที่ 27 เงินกู้ 2 ล้านล้าน เพื่อพัฒนา ตอบโจทย์ความสามารถการแข่งขันของประเทศ ด้านฝ่ายค้านย้ำไม่รับร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ เหตุแก้ความเหลื่อมล้ำในสังคมไม่ได้ เกษตรกรเป็นหนี้เพิ่ม สินค้าเกษตรราคาตก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมสภาฯ สมัยวิสามัญ เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2557 วงเงิน 2.5 ล้านล้านบาท วันที่ 2 วันนี้ (30 พ.ค.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ชี้แจงตอบคำอภิปรายของฝ่ายค้านว่า รัฐบาลมีการพูดคุยเรื่องยุทธศาสตร์ประเทศมาระยะหนึ่ง และนำมาปรับปรุงในการจัดทำงบประมาณ ตนรู้สึกเสียดายที่วันนี้ผู้นำฝ่ายค้านไม่อยู่ในสภาฯ จะได้ร่วมรับฟังด้วย ซึ่งยุทธศาสตร์ประเทศที่จัดทำมี 4 ด้าน คือ 1. ยุทธศาสตร์เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เพื่อให้ไทยแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านในทุกมิติ ในเรื่องการขาดโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อให้เชื่อมโยงกับร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท เพื่อเชื่อมโยงโครงการในชุมชน จากต้นน้ำไปยังปลายน้ำ ส่วนเรื่องงบประมาณการวิจัยนั้น รัฐบาลให้ความสำคัญ โดยในปีนี้ได้มีการจัดงบประมาณเพิ่มขึ้นถึง 25 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยบูรณาการงานวิจัยของแต่ละหน่วยงานไม่ให้มีความซ้ำซ้อนกัน และร่วมมือกับภาคเอกชน
2. ยุทธศาสตร์ความเหลื่อมล้ำทางสังคม และความไม่สมดุลทางเศรษฐกิจ รายได้ประเทศพึ่งพาการส่งออกถึง 70 เปอร์เซ็นต์ จากเงินบาทที่แข็งค่า ส่งผลกระทบต่อการส่งออก เราจึงต้องพัฒนาเสริมสร้างความเข้มแข็งในประเทศให้มากขึ้น ทั้งนี้เพื่อเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ให้เข้าถึงสวัสดิการภาครัฐอย่างเท่าเทียม กระจายความเสมอภาค สร้างโอกาสให้ประชาชน 3. ยุทธศาสตร์การเติบโตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม โดยเฉพาะพื้นที่ใกล้อุตสาหกรรม จะมีการทำคุณภาพชีวิตให้ดี ควบคู่ไปกับการจัดสรรทรัพยากรป่าไม้ และทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อแก้ปัญหาภัยแล้ง และน้ำท่วมอย่างยั่งยืน และ 4. ยุทธศาสตร์ปรับรูปแบบการบริหารงานราชการแผ่นดิน ไม่ใช่แค่ใช้งบประมาณเพียงอย่างเดียว ซึ่งจะเป็นการบูรณาการข้อมูลความต้องการจากพื้นที่ต่างๆ เพื่อนำมารวมกับยุทธศาสตร์ที่ได้กล่าวมา เพื่อให้สอดรับกับยุทธศาสตร์ที่ได้เคยแถลงไว้ต่อรัฐสภา ในส่วนของงบประมาณในการในการจัดสรรด้านความมั่นคงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีการจัดงบเพิ่มขึ้นถึง 23 เปอร์เซ็นต์ หรือ 2.6 หมื่นล้านบาท
ส่วนที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่าการจัดงบเป็นแบบรวยกระจุก จนกระจายนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า เราเน้นการให้โอกาสอย่างเสมอภาคและเท่าเทียมกัน และตนเพิ่งได้รับการรายงานจาก IMD World Competitiveness Yearbook ว่า ศักยภาพการแข่งขันของไทยในภาพรวม ดีขึ้นเมื่อเทียบกับปี 55 จากลำดับที่ 30 มาอยู่ที่ลำดับที่ 27 จากทั้งหมด 60 ประเทศ ด้านเศรษฐกิจ จากลำดับที่ 15 มาอยู่ลำดับที่ 9 ด้านเสถียรภาพของรัฐบาล จากลำดับที่ 26 มาอยู่ลำดับที่ 22 ด้านธุรกิจ จากลำดับที่ 23 มาอยู่ลำดับที่ 28 ด้านโครงสร้างพื้นฐาน จากลำดับที่ 49 มาอยู่ลำดับที่ 48 จึงเป็นสาเหตุให้ต้องพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน จากร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาทนั้น ตนยืนยันว่าจะไม่เสียเปล่า แต่จะเป็นการตอบโจทย์เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานนี้จะเหมือนสมบัติกลับมาสู่ภาครัฐ ให้เกิดรายได้ทั้งทางตรง เช่น เชื่อมต่อประเทศเพื่อนบ้าน สร้างรายได้ ไม่ว่าจะเป็นค่าโดยสาร หรือค่าขนส่งสินค้า ส่วนทางอ้อม อาทิ คุณภาพชีวิตของประชาชนดีขึ้น ในต่างจังหวัดสามารถกลับเข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ ได้ ระยะเวลาการเดินทางร่นลง เกิดความเจริญทางเศรษฐกิจโดยรอบชุมชน
หลังจากนายกรัฐมนตรีชี้แจงจบ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ลุกขึ้นเรียกร้องต่อประธานในที่ประชุมให้เชิญนายกรัฐมนตรีกลับเข้ามาฟังการชี้แจงของฝ่ายค้านอีกครั้ง
ต่อมานายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ใช้สิทธิ์พาดพิงหลังจากที่นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รมช.เกษตรและสหกรณ์ ชี้แจงเรื่องราคายางพาราตกต่ำ ที่มีการพาดพิงถึงราคายางพาราสมัยที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลว่า โครงการเสริมสร้างเสถียรภาพราคายางของรัฐบาลที่ใช้งบประมาณถึง 2 พันล้านบาท เพื่อพยุงราคายางพาราตกต่ำนั้น กระบวนการส่งเสริมการแข่งขันการรับซื้อยางพาราในประเทศได้รับการปิดกั้นจากรัฐบาล ซึ่งตนในฐานะสมาชิกพรรคและเป็นผู้ที่เริ่มต้นพูดถึงประเด็นดังกล่าวต้องลุกขึ้นมาชี้แจงเพราะพรรคประชาธิปัตย์เสียหาย โดยแนะให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษรตและสหกรณ์ชี้แจงกระบวนการที่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาราคายางพาราตกต่ำได้ ทั้งนี้มองว่าการดำเนินแทรงแซงราคายางพาราทุกรัฐบาลก็ได้ดำเนินการในแบบเดียวกัน
ขณะที่นายยุทธพงศ์กล่าวยืนยันว่า ในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์จะไม่มีการแทรงแซงราคายางพาราอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ในการประชุมเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯในช่วงเช้าที่ผ่านมาฝ่ายค้าน ยังคงย้ำจุดยืนคัดค้านไม่รับหลักการร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2557 ของรัฐบาล เนื่องจากมองว่ายังคงมีกรอบการดำเนินการแบบเดิมๆ ไม่มีแนวทางที่จะสามารถลบความเหลื่อมล้ำในสังคม โดยเฉพาการพัฒนาคุณภาพชีวิตของเกษตรกรให้ดีขึ้น ซึ่งร่างงบประมาณฉบับนี้จะยังคงทำให้เกษตรกรเป็นหนี้สูงขึ้นเช่นเดิม และสิ่งที่สำคัญที่รัฐบาลล้มเหลว คือ การแก้ปัญหาสินค้าการเกษตรตกต่ำที่จนถึงขณะนี้ไม่สามารถแก้ปัญหาได้
ขณะที่ฝ่ายรัฐบาลได้เรียกร้องให้ฝ่ายค้านช่วยสนับสนุนรับหลักการในวาระที่ 1 เพื่อไม่ให้การใช้งบประมาณในปี 2557 เกิดปัญหา ทั้งนี้หากฝ่ายค้านยังติดใจในประเด็นใดสามารถที่จะอภิปรายซักถามเพื่อให้หายข้องใจในวาระที่ 2 ได้