สะเก็ดไฟ
ยังเถียงกันไม่จบว่าร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง ฉบับ “เหลิม บางบอน” เป็นกฎหมายเกี่ยวข้องกับการเงินหรือเปล่า แม้จะมีการตัดมาตรา 5 ในเรื่องของการเยียวยาออกไปแล้ว ประเด็นนี้ก็ยังไม่หายไป ยังถกเถียงกันกำกวม
ส.ส.ลิ่วล้อพรรคเพื่อไทยออกมายืนกระต่ายขาเดียวไม่เกี่ยวข้องการเงิน โดยเฉพาะประเด็นที่ถูกทิ่มแทงจากพรรคประชาธิปัตย์ เรื่องการคืนเงินให้นายใหญ่หนีคดี ทักษิณ ชินวัตร ย้ำปากเปียกปากแฉะว่าไม่มีเจตนาอะไรแบบนั้น แต่คนก็ยังทำใจเชื่อได้ยาก!!
ยิ่งร่างกฎหมายนี้เขียนโดย เฉลิม อยู่บำรุง บุรุษที่พูดและแสดงตัวตนว่าเป็นขี้ข้าทักษิณ ผู้ที่อ้างว่ารู้แจ้งแทงตลอดเรื่องกฎหมาย มีดีกรีเป็นถึงดอกเตอร์ ก็ไม่มั่นใจว่าจะทำเพื่อประโยชน์ประเทศชาติจริงๆ หรือนายใหญ่กันแน่ ยิ่งเรื่องเงินๆ ทองๆ หากไม่เปิดช่องเอาคืนไว้มีหวังถูกตบกะโหลกร้าว
“เงินมันไม่ใช่น้อยๆ ไอ้เหลิม!!”
ถ้ามองกันไปไกลกว่านั้นหน่อย กฎหมายนี้มีมาตราที่เขียนให้การกระทำความผิดที่เกิดหลังจากเหตุการณ์ 19 กันยายน 2549โดยคำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขเป็นอันระงับไป นั่นก็อาจหมายรวมถึงให้คืนเงิน 4.6 หมื่นล้านบาท ให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณด้วย
เพราะเมื่อทุกความผิดได้รับการนิรโทษกรรม ก็จะทำให้เกิดการเรียกร้องสิทธิอื่นๆตามมามากมาย โดยเฉพาะเรื่องเงินๆ ทองๆ ที่ถูกยึดไปทั้งหลายแหล่ และคนก็จับจ้องไปที่ประเด็นนี้
แม้ว่ากฎหมายปรองดองจะผ่านโดยไม่ทำให้เกิดการคืนเงินได้ในทันที แต่เชื่อเหลือเกินว่าจะต้องมีลูกตามน้ำ อ้างอิงถึงเหตุการณ์ที่เกี่ยวพันอันเป็นผลพวง จนนำมาสู่การขอคืนเงินให้ พ.ต.ท.ทักษิณในที่สุด
ส่วนวิธีการจะทำกันอย่างไร จะตีลังกาท่าไหน ก็คงต้องเอาคืนมาให้ได้ นัยหนึ่งก็เหมือนเป็นการกู้เกียรติยศ ศักดิ์ศรีของตัวเองกลายๆ ต้องเอาทุกอย่างคืนมา ทำให้เห็นว่าตัวเองบริสุทธิ์ผุดผ่องไม่เคยมีความผิดแม้แต่เศษเสี้ยวใดๆ เลย
จะอ้างกันไปแบบน้ำขุ่นๆ เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณไม่มีความผิดแล้ว จะยึดเงินในข้อหาอะไร ที่บอกว่าเป็นงบประมาณแผ่นดินไปแล้วต้องคืนเป็น พ.ร.บ.งบประมาณ หรือออกกฎหมายอื่นใด ก็ต้องทำกันแน่
ที่เอ่ยอ้างกันตอนนี้ว่าไม่ติดใจเอาเงินคืน สงสัยว่าจะเป็นการโกหกเอาหล่อเสียมากกว่า เงิน 4.6 หมื่นล้านใครไม่อยากได้คืน เอามาต่อยอดความชั่วร้ายได้กระเจิดกระเจิงบันเทิงใจ
ความเห็นของนักวิชาการอย่าง ปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดีฝ่ายการนักศึกษา และอาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ฟังแล้วเหมือนคิดแบบตื้นๆ ไม่น่าเชื่อว่านักวิชาการระดับนี้จะมองไม่ออก
หรือจะเป็นนักวิชาการอีแอบ กลายเป็นศิษย์นายใหญ่ดูไบไปอีกคนแล้ว ออกตัวก่อนเลยว่าการจะโยงกฎหมายปรองดองนี้ไปเกี่ยวกับเรื่องการเงินนั้น เป็นเรื่องที่จะลากรัฐบาล หรือนายกฯ เข้าไปเกี่ยวข้องให้ได้มากกว่า
พร้อมการันตีให้เสร็จสรรพร่าง พ.ร.บ.การปรองดองแห่งชาติ เป็นเรื่องที่จะนิรโทษกรรมโทษทางอาญา เรื่องของการคืนเงิน 4.6 หมื่นล้านบาท ต้องทำอีกกระทอกหนึ่ง เช่น ออกเป็น พ.ร.บ.อีกฉบับหนึ่ง หรืออาจจะอยู่ใน พ.ร.บ.งบประมาณแผ่นดินประจำปี ต้องว่ากันไปต่างหาก
ย้ำนักย้ำหนาว่าคงไม่มีใครคิดไกลถึงเรื่องการคืนเงินให้ทักษิณ หารู้ไม่เขาคิดเรื่องนี้เอาไว้ตั้งแต่ต้น วางเป็นประเด็นหลัก เป็นไคลแมกซ์ของเรื่องกันเลยทีเดียว