นายกฯ ยันบึ้มหน้ารามฯ ไม่เกี่ยวชายแดนใต้-ไม่ใช่การเมือง สั่งเพิ่มจุดตรวจ บอกถ้าตื่นกลัวมากไปนักเที่ยวจะตระหนก โบ้ยปรองดองไปคุยในสภา ยันถกวิสามัญแค่เรื่องงบ ลั่นพร้อมแก้ความเดือดร้อนทุกสี ปัดลอยตัวหนีปัญหา โอ่ยืนตอบคำถามสื่อทุกวัน แนะให้แยกบทบาทบริหารกับนิติบัญญัติ
วันนี้ (28 พ.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าในการสอบสวนถึงสาเหตุการลอบวางระเบิดย่านรามคำแหงว่า เหตุระเบิดที่เกิดขึ้นตนได้รับทราบจากฝ่ายความมั่นคงแล้ว โดยเฉพาะ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. ที่ได้เรียกประชุมก็ยืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวกับเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งต้องให้เวลาเจ้าหน้าที่ในการสืบค้นก่อนว่าเกิดจากสาเหตุใด อาจจะเป็นเรื่องรายละเอียดปลีกย่อย ส่วนมาตรการที่จะสั่งการเพิ่มเติมนั้น ก็มีการดูแลความปลอดภัยในจุดต่างๆ และการเพิ่มความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยว ซึ่งตรงนี้ก็ทำอยู่
เมื่อถามถามว่า เหตุลอบวางระเบิดที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องการเมืองใช่หรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ไม่ใช่ เมื่อถามว่า เหตุระเบิดกระทบต่อเศรษฐกิจในภาพรวมและการท่องเที่ยว รัฐบาลจะเร่งสร้างความเชื่อมั่นอย่างไร น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า คงต้องช่วยกัน ซึ่งเราได้สั่งการอย่างเคร่งครัดไปแล้ว หวังว่าในจุดที่มีการตรวจเพิ่มก็น่าจะดีขึ้น อย่างไรก็ตาม บางครั้งเราไม่อยู่ในความประมาท เราตื่นตัวมากเกินไปก็อาจจะทำให้นักท่องเที่ยวรู้สึกตื่นตระหนกว่าวันนี้เหตุการณ์เกิดรุนแรง แต่จริงๆ แล้วเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเฉพาะจุด ก็ขอให้เจ้าหน้าที่เร่งสืบหน้าผู้กระทำความผิดโดยเร็วดีกว่า
นายกรัฐมนตรียังให้สัมภาษณ์ถึงปัญหาทางการเมืองโดยเฉพาะกรณีที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ออกมาคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และมติพรรคเพื่อไทยเตรียมเสนอร่าง พ.ร.บ.ปรองดองเข้าสู่การพิจารณาในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรว่า เรื่องปรองดองหรือเรื่องการแก้ไขปัญหาทางการเมืองคงจะต้องเป็นสิ่งที่เราต้องให้ทุกฝ่ายได้มีโอกาสแสดงความคิดเห็นอย่างเต็มที่ และการแสดงออกเราขอให้อยู่บนเวทีที่ถูกต้อง ซึ่งหลายๆ ส่วนในวันนี้จะเห็นว่าการเสนอ พ.ร.บ.ต่างๆ ขอให้รัฐสภาเป็นกลไกในการพิจารณา แต่การเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญในครั้งนี้จะมีเพียงการนำเสนอร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2557 อย่างเดียวโดยคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบในการเสนอขอเปิดสมัยประชุมสภาเพียงแค่ 3 วัน เชื่อมั่นว่าจะไม่มีวาระนี้เข้าไป
เมื่อถามว่า ที่ผ่านมานายกฯ บอกว่าเปิดรับฟังความคิดเห็นทุกด้านจะประกาศเลยหรือไม่ว่าพร้อมจะคุยกับทุกสีทุกกลุ่ม น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า เรายินดีอยู่แล้ว เรียนว่าทุกคนทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยินดีที่รับฟัง ซึ่งจริงๆ แล้วเรายินดีที่จะรับฟังข้อคิดเห็นต่างๆ แต่การแก้ปัญหาต้องแยกเป็น 2 ส่วน ปัญหาเรื่องความเดือดร้อน หรือนโยบายต่างๆของรัฐบาลเรายินดีรับฟังทุกคนอยู่แล้วเป็นหน้าที่โดยตรง เรารับฟังทุกฝ่ายไม่มีการแยกสี แต่ถ้าเป็นปัญหาเรื่องการเมืองรัฐบาลมีหน้าที่ในการทำอย่างไรให้มีกลไกในการมีส่วนร่วม ซึ่งเราได้ทำเป็นระยะๆ แต่การแก้ปัญหาการเมืองนั้นจะมีข้อกฎหมายรายละเอียดที่เกี่ยวข้องเป็นหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติ
เมื่อถามว่า นายกฯ คิดว่าอะไรที่จะทำให้เกิดความปรองดองในประเทศขึ้นได้ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ต้องพูดว่าภาพรวมเราอยากเห็นการปรองดองแต่เนื้อหานั้นต้องไปคุยรายละเอียดในสภา ไม่ได้หมายความว่าทุกร่าง พ.ร.บ.ที่เสนอเข้าไปแล้วจะเป็นสูตรสำเร็จสิ่งที่ต้องทำคือว่าฝ่ายสภาต้องรับเอาไปพิจารณาก่อนว่าจะเอาวาระไหนขึ้นก่อนหลัง กลไกรัฐสภาเปิดกว้างให้ประชาชนได้รับฟังอยู่แล้ว
เมื่อถามอีกว่า นายกฯ คิดว่ามีสิทธิ์ที่จะมีการนำเนื้อหาของร่าง พ.ร.บ.ปรองดองกับนิรโทษกรรมรวมเข้าด้วยกันหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า อยู่ที่สภาคงตอบไม่ได้ เพราะมีหลายร่าง ซึ่งก่อนจะนำร่างไหนเข้าไปต้องผ่านการเห็นชอบจากมติในสภา เป็นเรื่องของทางฝ่ายนิติบัญญัติที่จะได้ตกลงกัน ตนคงไม่มีส่วนไปเกี่ยวข้องตรงนั้น เราคงมีหน้าที่เสนอร่าง พ.ร.บ.งบประมาณเท่านั้น
เมื่อถามว่า ดูเหมือนนายกฯจะลอยตัวหรือไม่ เพราะนายกฯ เป็นแกนนำรัฐบาลและเป็นพรรคการเมืองนำในประเทศ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวยิ้มพร้อมกับกล่าวว่า “โถ...จะลอยตัวตรงไหนล่ะคะ วันนี้ก็ยืนตอบคำถามสื่อมวลชนทุกวัน ยืนตอบปัญหาแก้ปัญหาทุกอย่าง เรียนว่าทุกอย่างเราเองพยายามทำอย่างเต็มที่ ขอความกรุณาว่าให้ความเป็นธรรมบ้าง อย่ามองว่าเราลอยตัว แต่จริงๆ ก็ต้องแยกเรื่องบทบาทการบริหารงานฝ่ายนิติบัญญัติเป็นคนละส่วนกัน”