ประธานอนุ กมธ.สอบเหตุเผาเมือง วุฒิสภา เซ็งแดงคิดเหมือนเดิม แม้พบข้อเท็จจริงชุดดำร่วมม็อบก็ไม่ฟัง ซัดดีเอสไอเมินสอบปากคำ 4 พยานคดี “ร่มเกล้า” แนะ “นช.แม้ว” อยากจ่าย 10 ล้านตั้งเป็นรางวัลค่าหัว มอบสดๆ กันที่ศาล เชื่อคงมีคนยอมมอบตัว แต่เย้ยระวังถูกซัดทอด ฉะเพื่อไทยเดิมเกมนิรโทษเดินหมากหลายด้าน เชื่อไม่เกินสิงหาฉวยโอกาสทุกรูปแบบ
วันนี้ (24 พ.ค.) นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา ในฐานะประธานคณะอนุกรรมาธิการ(กมธ.) ติดตาม ตรวจสอบข้อเท็จจริงและติดตามความคืบหน้าทางคดีการเสียชีวิตในเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมือง ในคณะ กมธ.สิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา กล่าวถึงควาบคืบหน้าในการหาข้อเท็จจริงว่า ตนและคณะเดินหน้าหาข้อเท็จจริงเรื่องนี้มาตลอด ซึ่งพบว่ากลุ่มชายชุดดำที่สังหารเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร รวมไปถึงกลุ่มผู้ชุมนุมนั้น ก็คือกลุ่มชายชุดดำที่ปะปนมาในที่ชุมนุมนั่นเอง ซึ่งทางแกนนำคนเสื้อแดงก็คงรู้เห็น แต่มวลชนส่วนใหญ่อาจจะไม่รู้ ซึ่งตนเชื่อว่าชายชุดดำเหล่านี้ได้เดินผ่านกลุ่มผู้ชุมนุมเข้ามา โดยที่ต้องมีใครสักคนเห็น แต่ก็ไม่พูดอะไร ตนจึงไม่เข้าใจว่าประชาธิปไตยที่อ้างถึงนั้นเป็นเรื่องจริงหรือปลอม ขณะนี้แม้ว่าความจริงจะปรากฏแต่คนเสื้อแดงที่เข้าใจผิดก็ยังมีความคิดแบบเดิมๆ แม้ว่าข้อเท็จจริงจะออกมาอย่างไรเขาก็ไม่ฟัง
นายสมชาย กล่าวต่อว่า กรรมาธิการได้เชิญ นางนิชา หิรัญบูรณะ ธุวธรรม ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และภรรยา พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม อดีตรองเสนาธิการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ร.21 รอ.) มาเข้าร่วมประชุมด้วยตลอด รวมไปถึงด้านกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ด้วย แต่นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดี ก็ไม่เคยมา ทั้งนี้เรื่องการเสียชีวิตของ พล.อ.ร่มเกล้า มีพยานบุคคลที่รู้เห็นเหตุการณ์ถึง 4 คน แต่ทางดีเอสไอก็ไม่เคยไปสอบปากคำ ตนจึงไม่เข้าใจว่า ในเมื่อมีพยาน มีหลักฐานที่ระบุได้ว่าใครคือผู้ลงมือ แต่ก็ไม่มีความคืบหน้าทางคดี หรือว่าจะต้องให้จับได้คามือว่าเป็นคนฆ่าหรือคนเผา
ส่วนกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะให้เงินจำนวน 10 ล้านบาท ถ้ามีเบาะแสรู้ตัวมือเผาห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ นั้น นายสมชาย กล่าวว่า ถ้า พ.ต.ท.ทักษิณ อยากจะให้รางวัลจริงก็ควรที่จะตั้งเป็นค่าหัวๆ ละ 10 ล้าน โดยเอาเงินไปไว้ที่ศาล ถ้าจับได้ก็มอบเงินกันไปเลย รวมไปถึงผู้ที่ฆ่าเจ้าหน้าที่และผู้ชุมนุมด้วย เพราะตนคิดว่าคงจะหาตัวมือเผามือฆ่าได้ง่ายขึ้นเยอะ โดยที่กลุ่มคนร้ายกลุ่มนี้คงจะออกมามอบตัวเองยอมติดคุกสัก 1-2 ปีก่อนที่จะมีการออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ซึ่งก็จะได้เงินไปให้ครอบครัวใช้ฟรี 10 ล้าน โดยที่ตัวเองไม่ต้องเสียชีวิตเพื่อแลกกับค่าชดเชยด้วย ซึ่งตนขอท้า พ.ต.ท.ทักษิณ ในเรื่องนี้หากยอมรับตนก็จะร่วมมือด้วย โดยการให้ผู้ที่ต้องหาจะมอบตัวไม่ว่าจริงหรือปลอมส่งไปรษณียบัตรมาที่กรรมาธิการ และทางตนจะเป็นผู้ประสานงานกับทางดีเอสไอเอง แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะต้องยอมรับผลที่จะตามมาหากคนร้ายให้การซัดทอดไปถึงแกนนำระดับสูงหรือผู้บงการด้วย
นอกจากนี้นายสมชาย ยังกล่าวถึงกรณีการเดินหน้าออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม และ พ.ร.บ.ปรองดองว่า การเดินเกมของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยเป็นการเดินหมากหลายหน้า เขยิบเป็นระยะ ค่อยๆ เดินหน้า เล่นเอาเถิด ให้คนค่อยๆ ตายใจ ไม่ว่าจะเป็น พ.ร.บ.เหล่านี้ การแก้กฎหมายรัฐธรรมนูญ รวมไปถึงเรื่องงบประมาณปี 57 วงเงิน 2.5 ล้านล้านบาท ที่รัฐบาลได้ชะลอเรื่องอื่นๆ เอาไว้ก่อน เพื่อรอให้งบประมาณก้อนนี้ผ่านความเห็นชอบจากสภาไปก่อน เนื่องจากเพื่อเป็นการจัดสรร คอร์รัปชัน และเป็นเอางบประมาณกระจายเพื่อขยายฐานการเมืองให้กับตัวเอง โดยที่มีข้าราชการสมรู้ร่วมคิดด้วย เพราะหากไม่ยอมทำก็จะถูกย้ายทั้งหมด วันนี้การคอร์รัปชันที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นเพียงแค่การแบ่งเปอร์เซ็นต์เท่านั้น แต่เป็นการสร้างโครงการใหม่ที่สามารถแบ่งเงินก้อนโตได้
นายสมชาย กล่าวต่อว่า ตนเชื่อว่าไม่ว่าจะเป็น พ.ร.บ.ชื่ออะไรที่ออกมา ก็มีเป้าหมายสูงสุดคือการล้างผิดให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ และที่สำคัญคือการล้างผิดทางกฎหมายอาญาและกฎหมายเพ่ง เพื่อคืนเงิน 4.6 หมื่นล้านบาท ให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะฉะนั้นการเดินหมากของพรรคเพื่อไทยขณะนี้เข้าเงื่อนไข 3 ข้อในการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยทั้งหมด และตนเชื่อว่าไม่เกินเดือนสิงหาคมที่จะถึงนี้ พรรคเพื่อไทยและรัฐบาลชุดนี้จะเดินหน้าในทุกรูปแบบ หากเราเผลอก็พร้อมที่จะฉวยโอกาสทันที