“ศรีสุวรรณ” ไม่เชื่อไฟดับทั่วใต้เกิดจากกำลังการผลิตไม่พอ ซัดรัฐอย่าใช้อ้างเพื่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ แนะต้องรื้อโครงสร้างเรื่องสายส่ง อย่ารวมศูนย์อยู่ที่เดียว หนุนผู้ได้รับผลกระทบฟ้องเรียกค่าเสียหาย ด้าน “ปานเทพ” จี้ต้องมีคนรับผิดชอบ พร้อมชี้ประเทศไทยจำเป็นต้องมีพลังงานทางเลือก รัฐควรสนับสนุนจริงจังได้แล้ว
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง รายการ “คนเคาะข่าว”
วันที่ 23 พ.ค. 56 นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน พร้อมด้วยนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย รุ่นที่ 2 ได้ร่วมสนทนาในรายการ “คนเคาะข่าว”
โดยนายศรีสุวรรณกล่าวถึงกรณีไฟดับทั่วภาคใต้ว่า ผู้ที่ออกมาให้ข้อมูลข่าวสารไม่ว่าจะเป็นกระทรวงพลังงาน หรือ กฟผ. (การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย) สะท้อนบางอย่างทำให้คนที่ค้านการสร้างโรงไฟฟ้ารับไม่ได้ คือ พยายามเชื่อมโยงว่าเป็นเพราะการใช้ไฟฟ้าเกินกำลังการผลิต ตนแปลกใจเพราะข้อมูลที่มีอยู่ ภาคใต้มีโรงไฟฟ้าเยอะไปหมด แต่ทำไมเกิดวิกฤตที่เพชรบุรี-ประจวบคีรีขันธ์ แต่ทำไมทั้งภาคใต้ 14 จังหวัดถึงไฟดับพร้อมกันหมด ทำไมโรงไฟฟ้าในแต่ละแห่งไม่สามารถบริการในพื้นที่นั้นๆ ได้ เกิดอะไรขึ้นกับการบริหารจัดการโรงไฟฟ้า ที่สำคัญทำไมต้องโยงไปยังการผลิตไฟฟ้าไม่เพียงพอ ทั้งที่สถิติพบว่าโรงไฟฟ้ามากมายที่ภาคใต้มีกำลังการผลิตสูงกว่าจุดพีกสูงสุดของภาคใต้ แต่พอเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นทุกคนโยนเป้าไปที่ว่าต้องสร้างโรงไฟฟ้าเพิ่ม เป็นสิ่งที่หลายคนเคลือบแคลง ทั้งที่ไม่มีปัญหาอะไรเลย เป็นแค่อุบัติเหตุทางสายไฟ แต่เราก็ยึดโยงไปว่าเป็นการขาดแคลน
นายศรีสุวรรณกล่าวต่อว่า จากตัวเลขของโรงไฟฟ้าทั้งหมดในภาคใต้ โรงไฟฟ้าจะนะกำลังการผลิต 710 เมกะวัตต์ ขนอม 743 เมกะวัตต์ กระบี่ 340 เมกะวัตต์ เขื่อนรัชชประภา 240 เมกะวัตต์ เขื่อนบางลาง, บ้านสันติ 73 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าสุราษฎร์ธานี 240 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก 148 เมกะวัตต์ เยอะแยะไปหมด แต่ทำไมวิกฤตสายส่งที่ประจวบฯ-เพชรบุรี ถึงดับทั้งภาค นั่นคือเรารวมศูนย์ที่ส่วนกลางหรือเปล่า ทำไมเราไม่กระจายแหล่งพลังงาน ให้โรงไฟฟ้าเหล่านี้สามารถให้บริการพื้นที่ที่รับผิดชอบได้ นี่คือความผิดพลาดในการบริหารจัดการในเรื่องสายส่งไฟฟ้า ต้องปรับรื้อโครงสร้างใหม่ ไม่เช่นนั้นสังคมไทยก็จะตกเป็นเบี้ยล่างของนักการเมืองกับผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานผลิตไฟฟ้าเหล่านี้ เพื่อเป็นเอาเหตุผลสร้างความชอบธรรมในการสร้างโรงไฟฟ้าเพิ่ม
“เรามีโอกาสพัฒนาพลังงานทางเลือกเต็มไปหมด แต่รัฐบาลไม่เคยสนับสนุนจริงจัง อ้างแต่ว่าไม่คุ้มทุน เอาแต่จะสร้างโรงไฟฟ้าใหญ่ๆ เพราะเงินเป็นหมื่นล้าน ข้าราชการและนักการเมืองชอบมาก แต่โครงการเล็กๆ ให้ชุมชนดูแลเอง ไม่มีการส่งเสริม”
อยากให้รัฐบาลเอาวิกฤตที่เกิดขึ้นมาเป็นโอกาสในการจับเข่าคุยร่วมกับผู้ได้รับผลกระทบ ผู้ประกอบการ และภาคประชาชน ถ้ามีความจำเป็นต้องพัฒนาโรงไฟฟ้าในอนาคตข้างหน้า มาตกลงกันว่าประเทศไทยจะไปทางไหน ไม่ใช่เพิ่มกำลังการผลิตเพื่อสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างเดียว เพราะการผลิตไฟฟ้าเราสูญเสียทรัพยากร ประชาชนสูญเสียคุณภาพชีวิตที่ดี
นายศรีสุวรรณยังกล่าวด้วยว่า สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อนสนับสนุนให้คนที่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ไฟดับภาคใต้ครั้งนี้ ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากรัฐ และยินดีดำเนินการฟ้องให้ฟรี
ด้านนายปานเทพกล่าวว่า เมื่อย้อนดูคำพูดของนายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รมว.กระทรวงพลังงาน เมื่อ 10 พ.ค. 2556 บางคำพูดที่คนตั้งข้อสังเกตกัน นายพงษ์ศักดิ์ได้พูดว่า “รู้สึกเบื่อการคัดค้านสร้างโรงไฟฟ้า ดังนั้น ถ้าหากประชาชนไม่ต้องการจนสร้างไม่ได้ก็จะไม่สร้างเช่นกัน หากภาคใต้เกิดปัญหาไฟดับ ก็เป็นเรื่องที่ต้องรับผิดชอบกันเอง” ด้วยเหตุผลนี้นายพงษ์ศักดิ์คงรู้แล้วว่าประชาชนเฝ้าดูอยู่ว่าจะอ้างเหตุนี้เพื่อนำไปสู่การสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินหรือเปล่า
จากการสอบถามพี่น้องสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจในแวดวงการไฟฟ้า ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันหมดว่าเหตุการณ์นี้อยู่เหนือความคาดหมาย เพราะว่ามีการปิดซ่อมสายส่งด้านหนึ่ง ซึ่งเป็นสายหลัก ในขณะที่อีกด้านหนึ่งเกิดฟ้าผ่าเสียหาย คิดว่าไม่ใช่เป็นการสมรู้ร่วมคิดเพื่อนำไปสู่การสร้างโรงไฟฟ้า
แม้เป็นอุบัติเหตุที่คาดไม่ถึง แต่ความเสียหายเกิดขึ้นจริง ก็ต้องมีคนรับผิดชอบ แต่ไม่เห็นความรับผิดชอบจากใครเลย มีแต่โทษฟ้าโทษดิน จะรับผิดชอบมากหรือน้อยก็ต้องมี ไม่ว่าจะเพราะเป็นการวางแผนสำรองที่ช้าเกินไป หรือถ้าในมิติของการปฏิรูปพลังงาน ภาครัฐมองแต่ในเรื่องการสร้างโรงไฟฟ้า แต่ไม่ดูองค์รวม ที่ควรจัดสรรทรัพยากรให้เป็นธรรม ถ้าปฏิรูปพลังงาน ต้องจัดสรรทรัพยากรใหม่ แล้ววันนี้ประเทศไทยจำเป็นต้องมีพลังงานทางเลือกมาก แต่ที่ผ่านมารัฐไม่ให้การสนับสนุนอย่างจริงจัง
