บลจ.แอสเซท พลัส ออก กองทุนเปิด แอสเซทพลัสไพร์ม 5 (ASP-PRIME5) เน้นลงทุนในหุ้นไทยรายตัว ตั้งเป้าหมายผลตอบแทน 5% ใน 6 เดือน เปิดขายถึงวันที่ 8 พ.ค. นี้
นางลดาวรรณ เจริญรัชต์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แอสเซท พลัส จำกัด กล่าวว่า ในไตรมาส 2 ของปีนี้ บริษัทฯ มีมุมมองเชิงบวกในการลงทุนในตลาดหุ้นไทย โดยล่าสุดกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ปรับเพิ่มประมาณการการเจริญเติบโตของปี 2556 จาก 5% เป็น 5.3% และจาก 4.5% เป็น 5% ในปี 2557 เนื่องจาก มีความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจไทย จากการขับเคลื่อนจากปัจจัยภายในประเทศ การลงทุนของภาครัฐและภาคเอกชน ตลอดจนการบริโภคภายในประเทศ รวมถึงยอดขายอสังหาริมทรัพย์โดยรวม ที่สูงขึ้นประมาณ 30% เทียบจากสิ้นปี 2555 ของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ สะท้อนถึงภาวะเศรษฐกิจของไทยที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง ทำให้นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ประเมินว่า บริษัทจดทะเบียนในประเทศไทย สามารถเติบโตได้ในปีนี้ ประมาณ 20%
ทั้งนี้ จากเศรษฐกิจที่เติบโตเอื้อต่อการไหลเข้าของเงินทุน ทำให้บริษัทฯ คาดว่า SET Index มีโอกาสปรับขึ้นแตะระดับประมาณ 1,600-1,620 จุด ในช่วง 6 เดือนข้างหน้า โดยในระยะสั้นที่ผ่านมา SET Index ได้ทำการปรับฐานสะท้อนปัจจัยลบไปแล้วพอสมควรที่ระดับ 1,470 จุด จากความกังวลในคาบสมุทรเกาหลี ความไม่ชัดเจนของทิศทางการกระตุ้นเศรษฐกิจจีน และการขายทำกำไรของนักลงทุนต่างชาติ แม้ปัจจุบัน SET Index ได้ปรับตัวขึ้นมาบ้าง แต่อาจจะมีการปรับฐานจากปัจจัยต่าง ๆ ที่เข้ามากระทบ ทั้งปัจจัยด้านการเมืองในประเทศ และปัจจัยต่างประเทศ ซึ่งจะเป็นจังหวะในการเข้าลงทุนในระดับดัชนีที่สมเหตุสมผล
ดังนั้น บริษัทฯ จึง ตั้งแต่วันนี้ ถึง 8 พฤษภาคม นี้ บริษัทฯ เสนอขาย กองทุนเปิดแอสเซทพลัสไพร์ม 5 (ASP-PRIME5) เป็นกองทุนผสมที่สามารถปรับสัดส่วนการลงทุนในหุ้นได้ 0-100% ที่เน้นลงทุนในหุ้นไทย และมีเป้าหมายสร้างผลตอบแทน 5% ใน 6 เดือน โดยกองทุน ASP-PRIME 5 จะเน้นลงทุนในหุ้นไทยรายตัว ที่คาดว่ามีการเติบโตของกำไรต่อเนื่อง กองทุนได้ตั้งเป้าหมายผลตอบแทนที่ 5% ใน 6 เดือน ซึ่งเป็นระดับเป้าหมายผลตอบแทนที่เหมาะสมในภาวะที่ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวได้ในระดับเดียวกัน
โดยกลุ่มธุรกิจที่บริษัทฯ ให้ความสนใจให้น้ำหนักการลงทุน คือ หุ้นที่เกี่ยวกับการบริโภคภายในประเทศ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะกลุ่มที่อยู่อาศัย หุ้นกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม ที่ได้รับประโยชน์จากการลงทุนจากภาครัฐ และเอกชนในอนาคต การลงทุน 3G จากภาคเอกชน กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง หุ้นกลุ่มพลังงานทางเลือก จากแผนพัฒนาพลังงานทางเลือกล่าสุดของภาครัฐ มีเป้าหมายว่าในอนาคตจะเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานลม จาก 75 เมกะวัตต์ (MW) และ 7 MW เป็น 2,000 MW และ 1,200 MW ตามลำดับ รวมถึงหุ้นกลุ่มที่ได้รับผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง เช่น กลุ่มสื่อสาร และเทคโนโลยี
นางลดาวรรณ เจริญรัชต์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แอสเซท พลัส จำกัด กล่าวว่า ในไตรมาส 2 ของปีนี้ บริษัทฯ มีมุมมองเชิงบวกในการลงทุนในตลาดหุ้นไทย โดยล่าสุดกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ปรับเพิ่มประมาณการการเจริญเติบโตของปี 2556 จาก 5% เป็น 5.3% และจาก 4.5% เป็น 5% ในปี 2557 เนื่องจาก มีความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจไทย จากการขับเคลื่อนจากปัจจัยภายในประเทศ การลงทุนของภาครัฐและภาคเอกชน ตลอดจนการบริโภคภายในประเทศ รวมถึงยอดขายอสังหาริมทรัพย์โดยรวม ที่สูงขึ้นประมาณ 30% เทียบจากสิ้นปี 2555 ของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ สะท้อนถึงภาวะเศรษฐกิจของไทยที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง ทำให้นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ประเมินว่า บริษัทจดทะเบียนในประเทศไทย สามารถเติบโตได้ในปีนี้ ประมาณ 20%
ทั้งนี้ จากเศรษฐกิจที่เติบโตเอื้อต่อการไหลเข้าของเงินทุน ทำให้บริษัทฯ คาดว่า SET Index มีโอกาสปรับขึ้นแตะระดับประมาณ 1,600-1,620 จุด ในช่วง 6 เดือนข้างหน้า โดยในระยะสั้นที่ผ่านมา SET Index ได้ทำการปรับฐานสะท้อนปัจจัยลบไปแล้วพอสมควรที่ระดับ 1,470 จุด จากความกังวลในคาบสมุทรเกาหลี ความไม่ชัดเจนของทิศทางการกระตุ้นเศรษฐกิจจีน และการขายทำกำไรของนักลงทุนต่างชาติ แม้ปัจจุบัน SET Index ได้ปรับตัวขึ้นมาบ้าง แต่อาจจะมีการปรับฐานจากปัจจัยต่าง ๆ ที่เข้ามากระทบ ทั้งปัจจัยด้านการเมืองในประเทศ และปัจจัยต่างประเทศ ซึ่งจะเป็นจังหวะในการเข้าลงทุนในระดับดัชนีที่สมเหตุสมผล
ดังนั้น บริษัทฯ จึง ตั้งแต่วันนี้ ถึง 8 พฤษภาคม นี้ บริษัทฯ เสนอขาย กองทุนเปิดแอสเซทพลัสไพร์ม 5 (ASP-PRIME5) เป็นกองทุนผสมที่สามารถปรับสัดส่วนการลงทุนในหุ้นได้ 0-100% ที่เน้นลงทุนในหุ้นไทย และมีเป้าหมายสร้างผลตอบแทน 5% ใน 6 เดือน โดยกองทุน ASP-PRIME 5 จะเน้นลงทุนในหุ้นไทยรายตัว ที่คาดว่ามีการเติบโตของกำไรต่อเนื่อง กองทุนได้ตั้งเป้าหมายผลตอบแทนที่ 5% ใน 6 เดือน ซึ่งเป็นระดับเป้าหมายผลตอบแทนที่เหมาะสมในภาวะที่ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวได้ในระดับเดียวกัน
โดยกลุ่มธุรกิจที่บริษัทฯ ให้ความสนใจให้น้ำหนักการลงทุน คือ หุ้นที่เกี่ยวกับการบริโภคภายในประเทศ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะกลุ่มที่อยู่อาศัย หุ้นกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม ที่ได้รับประโยชน์จากการลงทุนจากภาครัฐ และเอกชนในอนาคต การลงทุน 3G จากภาคเอกชน กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง หุ้นกลุ่มพลังงานทางเลือก จากแผนพัฒนาพลังงานทางเลือกล่าสุดของภาครัฐ มีเป้าหมายว่าในอนาคตจะเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานลม จาก 75 เมกะวัตต์ (MW) และ 7 MW เป็น 2,000 MW และ 1,200 MW ตามลำดับ รวมถึงหุ้นกลุ่มที่ได้รับผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง เช่น กลุ่มสื่อสาร และเทคโนโลยี