xs
xsm
sm
md
lg

บลจ.มั่นใจหุ้นไทยยังแข็งแกร่งมองเป้าดัชนีที่ 1,600-1,620 จุด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ลดาวรรณ เจริญรัชต์ภาคย์
บลจ.แอสเซทพลัส มั่นใจหุ้นไทยยังเติบโต ปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง มองเป้าดัชนีที่ 1,600-1,620 จุด ใน 6 เดือนข้างหน้าและมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นอีก 5.2-6.5% ล่าสุดส่งกองทุน “แอสเซทพลัสไพร์ม 4” ดักทำกำไร ขณะที่ บลจ.เอ็มเอฟซี ส่ง SPOT 33 ซีรีส์ 10 และ SPOT 33 ซีรีส์ 11 เปิดขายไอพีโอตั้งแต่วันนี้ถึง 28 มีนาคม

นางลดาวรรณ เจริญรัชต์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บลจ.แอสเซท พลัส จำกัด กล่าวว่า เศรษฐกิจของไทยในระยะกลางประมาณ 6-12 เดือน บริษัทฯ ยังมีมุมมองในเชิงบวก โดยพิจารณาจากวัฏจักรการลงทุนภาครัฐ และเอกชนที่เข้าสู่จุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ รวมถึงการบริโภคที่เร่งตัวขึ้นจากฐานรายได้ที่สูงขึ้น โดยเศรษฐกิจที่เติบโตเอื้อต่อการไหลเข้าของเงินทุน ทำให้บริษัทฯ คาดว่า SET Index มีโอกาสปรับขึ้นแตะระดับประมาณ 1,600-1,620 จุดในช่วง 6 เดือนข้างหน้า หรือมีโอกาสปรับตัวขึ้นจากระดับปัจจุบันอีก 5.2-6.5% ขณะที่ความไม่แน่นอนจากปัจจัยต่างประเทศ ทั้งจากยุโรป และสหรัฐฯ มีแนวโน้มสร้างความผันผวนในระยะสั้น และอาจกดดัน SET Index ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 1,500-1,520 จุด ซึ่งจะเป็นจังหวะให้เข้าลงทุนได้ในระดับดัชนีที่สมเหตุสมผล โดยกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับสภาวะตลาดช่วงนี้ คือ การเลือกจังหวะการลงทุน โดยเลือกหุ้นที่มีปัจจัยเฉพาะตัวโดดเด่น และมีการปรับน้ำหนักการลงทุนโดยหาประโยชน์จากความผันผวนของตลาด

ดังนั้น บริษัทฯ จึงเล็งเห็นว่าช่วงนี้เป็นจังหวะเหมาะที่จะเข้าลงทุนในหลักทรัพย์เป้าหมายที่มีระดับราคาน่าลงทุน และมีเป้าหมายเพื่อสร้างผลตอบแทนจากการเน้นลงทุนหุ้นรายตัว โดยไม่เทียบกับการปรับตัวของตลาด ดังนั้น ตั้งแต่วันนี้ถึง 28 มีนาคม บริษัทฯ เสนอขายกองทุนเปิดแอสเซทพลัสไพร์ม 4 (ASP-PRIME 4) เป็นกองทุนผสมที่สามารถปรับสัดส่วนการลงทุนในหุ้นได้ 0-100% ที่เน้นลงทุนในหุ้นไทย และมีเป้าหมายสร้างผลตอบแทน 5% ใน 6 เดือน โดยกองทุน ASP-PRIME 4 จะเน้นลงทุนในหุ้นไทยรายตัว ที่คาดว่ามีการเติบโตของกำไรต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะให้ผลตอบแทนในระดับที่น่าพอใจใน 6 เดือน

โดยกลุ่มธุรกิจที่บริษัทฯ ให้ความสนใจให้น้ำหนักการลงทุน คือ หุ้นกลุ่มสินค้าพื้นฐานและสินค้าโภคภัณฑ์ ที่ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ประกอบกับสภาพคล่องที่ล้นระบบการเงินโลก รวมถึงภาวะอุปทานส่วนเกินในบางอุตสาหกรรมที่เริ่มปรับตัวดีขึ้น หุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ที่ได้รับการสนับสนุนการลงทุนจากภาครัฐ และเอกชนในอนาคต อาทิ การลงทุนระบบรางจากภาครัฐบาล และการลงทุน 3G จากภาคเอกชน หุ้นที่เกี่ยวกับการบริโภคภายในประเทศ จากภาวะการลงทุนภาคเอกชน และการบริโภคในประเทศที่เข้าวงจรสูงสุด นโยบายค่าแรง 300 บาท นโยบายจำนำข้าว และภาวะดอกเบี้ยต่ำที่เอื้อต่อการบริโภคในครัวเรือน หุ้นกลุ่มพลังงานทางเลือก จากแผนพัฒนาพลังงานทางเลือกล่าสุดของภาครัฐ มีเป้าหมายว่าในอนาคตจะเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานลม จาก 75 เมกะวัตต์ (MW) และ 7 MW เป็น 2,000 MW และ 1,200 MW ตามลำดับ สุดท้าย ผู้จัดการกองทุนจะเลือก หุ้นรายตัวที่มีปัจจัยโดดเด่นเพียงพอที่จะต้านทานความผันผวนของตลาด รวมถึงมีปัจจัยพื้นฐานที่เหมาะสมกับการลงทุนในระยะสั้น-กลาง หรือธุรกิจที่มี Turnaround ในบางจังหวะลงทุน

ทั้งนี้ กองทุนได้ตั้งเป้าหมายผลตอบแทนที่ 5% ใน 6 เดือน ซึ่งเป็นระดับเป้าหมายผลตอบแทนที่เหมาะสมในภาวะที่ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวได้ในระดับเดียวกัน โดยผู้จัดการกองทุนจะใช้วิธีการคัดเลือกหุ้นและการให้น้ำหนักลงทุนในหุ้นที่จะสร้างกำไร และใช้ Market Timing คือ การหาจังหวะเข้าซื้อขายหุ้น เพื่อบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ภายในระยะเวลา 6 เดือน

นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2556 มูลค่าหน่วยลงทุน (NAV) ของกองทุนเปิดแอสเซทพลัสไพร์ม 3 (ASP-PRIME3) อยู่ที่ 10.9050 บาท ปรับผ่านจุดที่กำหนด 10.90 บาท สร้างผลตอบแทนให้กับผู้ลงทุนได้ตามเป้าหมาย 9% จากเงินลงทุนเริ่มแรกที่หน่วยลงทุนละ 10 บาท ภายในระยะเวลาประมาณ 3 เดือน นับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนเมื่อเดือน ธ.ค. 55 และสามารถปิดกองทุนได้ก่อนครบอายุโครงการซึ่งมีอายุ 1 ปี หลังจากกองทุนได้รับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติครั้งแรก เมื่อมูลค่า NAV ของกองทุนอยู่ที่ระดับ 10.5012 บาท ปรับผ่านจุดที่กำหนด 10.50 บาท ไปเมื่อวันที่ 28 มกราคม 2556

ทางด้าน น.ส.ประภา ปูรณโชติ กรรมการผู้จัดการ บลจ.เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ช่วงต้นปีนี้เอ็มเอฟซีสามารถสร้างผลงานโดดเด่นจากทาร์เก็ตฟันด์ ซึ่งมอบผลตอบแทนได้ตามเป้าหมายให้ผู้ถือหน่วยลงทุนได้ถึง 7 กองทุนด้วยกัน โดยใช้เวลาในการบริหารแต่ละกองทุนประมาณเดือนเศษ-สองเดือนเศษ ล่าสุดกองทุนเปิด SPOT33 ซีรีส์ 4 และ 5 ถึงเป้าหมายผลตอบแทนภายในเดือนเศษ

นอกจากนี้ กองทุนเปิด SPOT33 ซีรีส์ 7 ซีรีส์ 8 และ ซีรีส์ 9 ยังสามารถบริหารจนเข้าเป้าหมายแรกที่ผลตอบแทนร้อยละ 3 อีกด้วย ซึ่งเป็นผลจากการเน้นเลือกลงทุนในหุ้นที่เติบโตมากกว่าตลาด ทั้งนี้ กระแสความต้องการลงทุนในกองทุนดังกล่าวยังแรงต่อเนื่อง เอ็มเอฟซีจึงได้เปิดขายทาร์เก็ตฟันด์สองกองทุนรวด ได้แก่ กองทุนเปิด SPOT 33 ซีรีส์ 10 ตั้งแต่วันนี้-26 มีนาคม 2556 และกองทุนเปิด SPOT33 ซีรีส์ 11 ตั้งแต่วันนี้ ถึง 27 มีนาคม 2556


กำลังโหลดความคิดเห็น