สุขสันต์วันปีใหม่ไทยกันแบบชุ่มช่ำ เพราะมีฝนตกตอนรับก่อนวันหยุดยาวมาก่อนหน้าถึง 2 วัน ส่วนตลาดหุ้นไทยสัปดาห์ที่ผ่านมาถือว่ารีบาวน์กลับมาดีทีเดียว โดยภาวะการซื้อขายในวันศุกร์สุดท้ายของสัปดาห์ ดัชนีตลาดหุ้นไทยวันศุกร์ที่ 12 เมษายน 2556 ปิดตลาดที่ระดับ 1,527.32 จุด เพิ่มขึ้น 10.51 จุด โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมอยู่ที่ 41,492.94 ล้านบาท แบ่งเป็นนักลงทุนสถาบันซื้อขายสุทธิ 2,436.68 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศซื้อขายสุทธิ -1,090.17 ล้านบาท ส่วนนักลงทุนในประเทศอยู่ที่ -542.18 ล้านบาท ขณะที่บัญชีบล.อยู่ที่ -804.34
ส่วนการความเคลื่อนไหวที่น่าจะฮอตฮิตสุดในสัปดาห์ที่ผ่านมาและก่อนหน้าคงหนีไม่พ้นบรรดากองทุนอสังหาริมทรัพย์และกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน เพราะมีนักลงทุนให้ความสนใจกันล้นหลาม อย่างกองทุนโครงสร้างพื้นฐานระบบขนส่งมวลชนทางราง บีทีเอสโกรท หรือ BTSGIF ก็ยอดจองเต็มเอียดทั้งนักลงทุนไทยและตาน้ำข้าว
สำหรับสัปดาห์นี้ก็มีกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เคพีเอ็น (KPN Property Fund : KPNPF) มูลค่าโครงการ 1,800 ล้านบาท ของบลจ.กสิกรไทยเอง ก็ได้รับความสนใจอย่างดี แสดงถึงความเชื่อมั่นของผู้ลงทุนในศักยภาพของอสังหาริมทรัพย์ที่กองทุนจะเข้าไปลงทุน คือ ที่ดินและอาคารเคพีเอ็นทาวเวอร์ บน ถ. พระราม 9 ซึ่งอยู่ภายใต้การบริหารของบริษัทเคพีเอ็น กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น จำกัด รวมทั้งสะท้อนความสนใจของผู้ลงทุนในการลงทุนในกรรมสิทธิ์สมบูรณ์ (Freehold) ในอสังหาริมทรัพย์ที่มีคุณภาพได้อย่างดียิ่ง
ใครสนใจกองทุนไหนก็เลือกลงทุนกันได้ตามสบาย แต่ถ้ายังไม่เตะตากับกองไหนก็สามารถรอได้ เพราะเห็นว่าปีนี้หลายบลจ.เตรียมเสนอทางเลือกให้นักลงทุนสำหรับกองทุนอสังหาริมทรัพย์กันตลอดทั้งปี
แต่ที่ฮอตฮิตไม่เลิกคงเป็นกองทุนตราสารหนี้ เพราะเปิดขายอย่างต่อเนื่องจริงๆ ซึ่งทุกบลจ.ยังคงคาดว่าดอกเบี้ยของประเทศไทยเรายังคงทรงตัวในระดับต่ำแบบนี้ไปอีกสักระยะ
โดย บลจ. กสิกรไทยคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยจะทรงตัวต่อไปถึงสิ้นปี 2556 เนื่องจากเศรษฐกิจภายในประเทศไทยยังมีการขยายตัวในระดับที่ดี การบริโภคและการลงทุนของภาคเอกชนและสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
ส่วนปัจจัยเศรษฐกิจในสหรัฐอเมริกา ทวีปยุโรป หรือ ความกังวลในสถานการณ์คาบสมุทรเกาหลี เชื่อว่าจะไม่มีผลกระทบกับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
ขณะที่ นางสาวฤดี ปติอารยกุล ผู้จัดการกองทุนอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แอสเซท พลัส จำกัด เปิดเผยว่า เศรษฐกิจในประเทศไทย ซึ่งปีนี้ คาดการณ์ว่า การขับเคลื่อนเศรษฐกิจส่วนใหญ่ยังคงมาจากการอุปโภคบริโภคภายในประเทศเป็นสำคัญ และภาวะการเงินที่เอื้อประโยชน์ต่อการลงทุน ส่วนอัตราเงินเฟ้อยังคงไม่เป็นปัจจัยกดดันต่อแนวโน้มของอัตราดอกเบี้ยแต่อย่างใด
หันมาดูการลงทุนในตลาดหุ้นที่เกริ่นเอาไว้ตอนต้นกันบ้าง และใครที่อยากลงทุนคงจะต้องทนความผันผวนกันหน่ยอ ซึ่งยังคงคาดเดาได้ยากว่าหลังวันหยุดยาวภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นบ้านเราจะเป็นอย่างไรบ้าง
โดย นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.วรรณ จำกัด บอกถึงแนวโน้มตลาดหุ้นไทยว่า ยังคงเชื่อว่าปีนี้ตลาดหุ้นไทยยังคงน่าลงทุน โดยคาดว่าตลาดในระยะกลางน่าจะยังปรับตัวได้ในระดับ 1,540-1,550 และถือเป็นจังหวะของผู้ที่รอสะสมการลงทุนการลงทุนในหุ้น โดยการลงทุนในช่วงนี้นักลงทุนควรจัดสรรพอร์ตโฟลิโอ (Asset Allocation)ของตนเอง โดยการทยอยสะสมหุ้นมากกว่าตราสารหนี้
ทั้งคาดว่า ตลาดหลักทรัพย์ ฯ น่าจะมีแนวรับที่ประมาณ 1,460 จุด หลังความกังวลจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าต่อเนื่อง ที่อาจจะทำให้ ธปท.อาจจะออกมาตรการมาเพื่อป้องกันความผันผวนจากเงินทุนไหลเข้า รวมไปถึงปัญหาความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี ตลอดจนการแก้ไขหนี้ในยุโรปรวมถึงการเมืองภายในประเทศอีกด้วย
ส่วนความกังวลในมาตรการป้องกันค่าเงินบาทแข็งค่าของธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท.น่าจะเป็นเรื่องที่อาจจะเป็นความกังวลมากเกินไป ขณะที่ปัจจัยบวกต่าง ๆ อาทิเช่น BOJ มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเดือนละ 7 ล้านล้านเยน ซึ่งจะเป็นการเพิ่มสภาพคล่องให้กับตลาด
ถึงตรงนี้แล้วคงพอจะทราบความเคลื่อไหวการลงทุนในตลาดหุ้นและตราสารหนี้บ้านเราพอสมควร และใครรับความเสี่ยงได้ระดับไหนสามารถเลือกลงทุนได้ตามสไตล์ ส่วนทีมงานตอนนี้ขอไปเล่นน้ำให้สบายใจก่อนเริ่มต้นไหมสัปดาห์หน้าดีกว่า สวัสดีปีใหม่ทุกท่าน