กระบอกเสียง ปชป.ชี้ รบ.เลื่อนขึ้นราคาแก๊ส 1 เดือนไร้ประโยชน์ เหตุกระทบ ปชช.แน่ถ้าขึ้นราคา ทั้งที่ปริมาณการใช้ผลิตในประเทศได้ ข้องใจมีใบสั่ง ครม.เลื่อนขึ้น 1 เดือน หวังผลเลือกตั้งดอนเมือง จี้ รบ.เคลียร์ ตอกกู้ 3.5 แสนล้าน ส่อเป็นอนุสรณ์การทุจริต-ล้มเหลว เผยบริษัทประมูลแฉงบไม่สอดคล้องกับโครงการ ปชช.ในชุมชนไม่มีส่วนร่วม ที่เวนคืนยังไม่ชัด แถมมีพวกรอรับประโยชน์รู้ล่วงหน้า สั่งสำรวจที่ทั้งที่ยังไม่ประมูล คาดเอี่ยว รบ.
วันนี้ (23 พ.ค.) นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีกระทรวงพลังงานมีมติเลื่อนการขึ้นราคาแก๊งหุงต้มภาคครัวเรือนจากเดือน มิ.ย.เป็นเดือน ก.ค.ว่า การเลื่อนเวลาดังกล่าวพรรคประชาธิปัตย์เห็นว่าไม่เป็นการบรรเทาผลกระทบประชาชนอย่างแท้จริง หากรัฐบาลยังดึงดันที่จะขึ้นราคาแก๊สหุงต้มเดือนละ 50 สตางค์ตลอด 12 เดือน ซึ่งจะทำให้แก๊สสูงขึ้นกิโลกรัมละ 6 บาท เฉลี่ยถังละ 100 บาท ซึ่งรัฐบาลต้องตอบประชาชนว่าเหตุใดถึงมีความพยายามขึ้นราคาแก๊สหุงต้มทั้งที่ปริมาณการใช้นั้นสามารถผลิตในประเทศได้ ทั้งนี้ การเลื่อนการขึ้นราคาแก๊สที่มีความน่าสงสัย เพราะก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) 21 พ.ค.นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานก็ยืนยันว่าจะขึ้นราคาแก๊สในเดือน มิ.ย. รวมทั้งสำนักนโยบายและแผนพลังงานก็ยืนยันว่าได้มีการสำรวจครัวเรือนผู้ยากไร้ที่จะได้รับความช่วยเหลือแล้ว แต่หลังจากจบประชุม ครม. กลับมีการเลื่อนการขึ้นราคาแก๊สหุงต้มออกไป ตนจึงขอตั้งข้อสังเกตว่าในที่ประชุม ครม.มีการสั่งการลับโดยให้เลื่อน เพราะจะมีการเลือกตั้งซ่อมเขตดอนเมืองในกลางเดือน มิ.ย.
“อยากให้รัฐบาลชี้แจงให้ชัดเจนว่าสาเหตุที่เลื่อนการขึ้นราคาแก๊สหุงต้มนั้น เพราะไม่มีความพร้อมเรื่องการทำบัญชีผู้ยากจนที่จะได้รับการช่วยเหลือ หรือเป็นเพียงเกมการเมืองที่ต้องการเลื่อนเวลาออกไปเพื่อหวังคะแนนในการเลือกตั้งดอนเมือง รัฐบาลต้องเร่งชี้แจงเรื่องนี้ เพราะหากรัฐบาลมีพฤติกรรมอย่างนี้จริงก็สะท้อนให้เห็นว่าไม่มีความจริงใจในการแก้ปัญหาให้แก่ประชาชน และคิดทุกอย่างเป็นเรื่องการเมือง เรื่องคะแนนเสียง และเชื่อว่าหลังจากได้รับการเลือกตั้งรัฐบาลก็จะเร่งเดินหน้าขึ้นราคาแก๊สหุงต้มทันที” นายชวนนท์กล่าว
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวถึงกรณีการบริหารจัดการโครงการภายใต้เงินกู้ 3.5 แสนล้านบาทนั้นว่า ขณะนี้โครงการดังกล่าวทำท่าว่าจะเป็นอนุสรณ์แห่งการทุจริต และความล้มเหลวในการใช้เงินกู้ครั้งใหญ่ของประเทศ เพราะการบริหารจัดการแบบจับต้นชนปลายไม่ถูก บริหารแบบไม่มีทิศทาง ไม่มีหลักการที่ชัดเจน กำลังจะทำให้ประเทศเสียเงิน 3.5 แสนล้านบาทไปโดยที่ไม่ได้อะไรเลย
นายชวนนท์กล่าวอีกว่า ขอตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการใช้เงิน 3.5 แสนล้านบาท 5 ประการ คือ 1. ผู้ที่อยู่ในบริษัทที่เกี่ยวกับการประมูลก็ออกมาเปิดเผยว่าการกำหนดงบในแต่ละแผนงานไม่สอดคล้องกับเนื้องาน เพราะบางโครงการจำนวนงบประมาณไม่สอดคล้องกับการทำโครงการจริง จึงอาจทำให้โครงการเดินหน้าต่อไม่ได้ 2. โครงการดังกล่าวขาดการมีส่วนร่วมของประชาชน เพราะประชาชนไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลข้อเท็จจริงได้ว่าการทำโครงการในแต่ละพื้นที่จะมีการสร้างผลกระทบแต่ละชุมชนอย่างไร จึงมีข่าวว่าประชาชนไม่ให้ความร่วมมือกับบริษัทที่เข้าไปสำรวจพื้นที่ ซึ่งตนเชื่อว่าจะเป็นปัญหาในภายหลัง 3. มีหลายบริษัทระบุว่าปัญหาโครงการคือการเวนคืนที่ดิน ซึ่งรัฐบาลมอบภาระให้บริษัทที่ชนะการประมูล แต่ก็ไม่มีข้อมูลทีแน่ชัดว่าพื้นที่บริเวณใดจะดำเนินการจริง จึงทำให้บริษัทเหล่านั้นไม่สามารถประเมินราคาเวนคืนให้สอดคล้องกับงบประมาณได้ 4. มีปัญหาการซื้อที่ และสร้างสิ่งปลูกสร้าง เพื่อรอเก็งกำไรจากการเวนคืน และ 5. ขอตั้งข้อสังเกตว่าขณะนี้ดูเหมือนบางบริษัทจะรู้ตัวล่วงหน้าว่าจะชนะการประมูล จึงมีการลงสำรวจพื้นที่เสมือนรู้ว่าตัวเองได้งานในพื้นที่ใด จึงตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการสมรู้ร่วมคิดกันระหว่างบริษัทที่เข้าประมูลและผู้มีอำนาจรัฐในการกำหนดตัวผู้ที่จะได้รับการประมูลแล้วใช่หรือไม่
