รายงานการเมือง
มาตามนัด คนเสื้อแดงชุมนุมรำลึกวีรเวรครบรอบ 3 ปีสลายชุมนุม 2553เมื่อวันที่19พ.ค.ที่ผ่านมา แห่แหนกันมาเต็มพื้นที่ราชประสงค์ เกณฑ์คนกันมาทั้งภาคเหนือ อีสาน กลาง ระดมกันมาให้มากที่สุดหวังแสดงพลังอำมหิตให้ติดตราตรึงใจผู้พบเห็น
มาเรียกร้องประชาธิปไตยที่แท้จริง ไว้อาลัยผู้เสียชีวิต เร่งรัดการเยียวยา พร้อมหาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ เป็นวาทกรรมเดิมๆ ที่ใช้ในการชุมนุมงานนี้ทุกครั้ง ปลุกเร้าจิตใจ ปลอบประโลมกันในหมู่คนกันเอง ขณะเดียวกันก็เป็นการความพยายามแสดงพลังให้คนเกรงกลัว จนแม้แต่ตัวเองก็หลงไปกับพิธีกรรม คิดว่าตัวเองมีอำนาจบาตรใหญ่เสียเต็มประดา
วันนี้พฤติกรรมของคนเสื้อแดงเลยกลายเป็นอันธพาลครองเมืองทั้งที่รู้ตัว และไม่รู้ตัว คิดจะทำอะไรก็ทำกันเหมือนบ้านเมืองไร้ขื่อแป ด้วยคิดว่าถึงอย่างไรก็มีรัฐบาล มีพรรคเพื่อไทยคอยหนุนหลัง พฤติกรรมเลยถ่อย เถื่อน มากขึ้นทุกวันๆ
การชุมนุมที่ราชประสงค์ คนที่เอือมระอาที่สุดคงหนีไม่พ้นธุรกิจห้างร้าน ผู้ประกอบการละแวกนั้น ตลอด 3 ปี ที่ผ่านมาชุมนุมกันไปเกือบ 20 ครั้ง คำนวณดูสิว่ามูลค่าความเสียหายมันเท่าไหร่กัน เสื้อแดงมาชุมนุมเมื่อไหร่บรรลัยเมื่อนั้น คนจะมาช็อบปิ้งซื้อของ รู้ข่าวก็เปลี่ยนแผนอยู่บ้านนอนดีกว่า ขืนไปก็เจอความวุ่นวาย และยังเสี่ยงอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน!!
ห้างสรรพสินค้าใหญ่ยักษ์จำเป็นต้องปิดไปโดยละม่อม เพราะคนไม่มา และถ้าเปิดไว้ก็มีแต่พวกเสื้อแดงที่เข้าไปเดินกันขวักไขว่ สภาพศูนย์การค้าใหญ่ระดับประเทศก็จะเปลี่ยนเป็นตลาดนัดคนเสื้อแดง เข้าไปนั่ง นอน ระเกะระกะ ถึงขั้นถอดเสื้อไปอาบน้ำกันเลย ยิ่งช่วงนี้อากาศร้อนๆ อยู่ด้วย!!
กรุงเทพฯการจราจรก็กลายเป็นจลาจล นี่ยังดีที่วันชุมนุมเป็นวันอาทิตย์คนนอนอยู่บ้านกันไม่ได้ทำงาน ถ้าเป็นวันธรรมดาล่ะก็ไม่อยากนะภาพการจราจรจะวิกฤติขนาดไหน
การชุมนุมของคนเสื้อแดงรูปแบบนี้ไม่รู้จะต้องจัดกันไปอีกกี่ปีกันแน่ หรือจะจัดเป็นวันประวัติศาสตร์ชาติ ถือเป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่งในปฏิทิน มันจะบ้ากันไปใหญ่แล้ว มันไม่สร้างผลดีอะไรกับใครเลย นอกจากมาระลึกความหลัง มาพูดพล่ามความเชื่อของกลุ่มคนตัวเองเท่านั้น
น่าจะเปลี่ยนชื่อเป็นปีละหนคนพันธุ์ถ่อย เพราะคนส่วนใหญ่โดยเฉพาะคนในกรุงเทพฯไม่ค่อยเห็นด้วยหรอกกับการจัดพิธีกรรมซ้ำซากอย่างนี้ทุกปี เรื่องของคดีความ การเยียวยาก็ว่ากันไปตามกระบวนการ จะมาร้องแรกแหกกระเชออะไรกันนักหนา
การออกมารวมตัวแบบนี้ เป็นการแสดงพลัง สร้างบารมีให้คนเสื้อแดง โดยเฉพาะแกนนำมากกว่า คนมาเยอะ และยังเลี้ยงกระแสได้ดี ก็มีคุณค่า ฝ่ายถือดุลอำนาจอย่างพรรคเพื่อไทย นักโทษหนีคดี พ.ต.ท ทักษิณ ชินวัตร ก็ต้องหยิบจับใช้สอยเมื่อยามจำเป็น
วันดีคืนดีคนเสื้อแดงก็เกะกะระรานไปทั่วหากใครทำอะไรไม่ถูกใจ กร่าง กร้าวมากขึ้นทุกวันเพราะมีคนคอยให้ท้าย ศาลรัฐธรรมนูญก็โดนท้าท้ายโดยกฎหมู่ ตัดสินไม่ถูกใจก็ออกลูกนักเลงข่มขู่จะถอดถอนตุลาการบ้าง จะล็อกตัวศาลรัฐธรรมนูญบ้าง แบบนี้มันกุ๊ยชัดๆ!!
ไม่ต่างจากกรณีข่มขู่คุกคามสื่อมวลชน ชัย ราชวัตร จากหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ตกเป็นเหยื่อของความผยองพองขน ใครพูดจาไม่เข้าหูก็จ้องจะใช้กำลังเข้ากดดันให้ยอมศิโรราบ เรื่องของการปาลูกเปตอง ประทัดยักษ์ ที่สันนิษฐานกันว่าเป็นฝีมือของมือที่ 3 มือที่ 4 อะไรนั่น คงไม่ใช่หรอก เพราะถ้าจะทำจริงๆ คงทำแบบรุนแรงพังพินาศกว่านี้เยอะ แล้วก็โยนเรื่องให้เป็นฝีมือคนเสื้อแดง
แต่เหตุที่เกิดขึ้นมันจิ๊บจ๊อบ เหมือนกุ๊ยกระจอกจ้องก่อกวน มันก็เป็นอารมณ์ของคนหมั่นไส้ ไม่พอใจ ชัย ราชวัตร นั่นแหละ และก็น่าจะเป็นเครือข่ายของคนเสื้อแดงเอง
วันนี้คนในรัฐบาลพยายามออกมาเรียกร้องให้เกิดความปรองดอง ยุติความขัดแย้ง และยิ่งฟังแล้วยิ่งน่าตลก เพราะในขณะที่ตัวเองเรียกร้องปากเปียกปากแฉะ แต่การกระทำล้วนตรงกันข้าม มุ่งหวังการช่วยเหลือนักโทษหลบหนีคดีเพียงคนเดียวมากกว่าการปรองดองโดยรวม อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่ หนำซ้ำยังให้ท้ายแดงออกมาระรานฝ่ายตรงข้ามอยู่ตลอดเวลา ถามหน่อยว่าแบบนี้ใครจะไปปรองดองด้วย
ร่างพ.ร.บ.ปรองดองที่เขียนโดย "เหลิมบางบอน" ถึงแม้คนจะนินทา หมาดูถูก ว่าจ้องช่วยเหลือนายใหญ่นักโทษ แต่อย่างน้อยๆ มันก็ล้างกันหมดทุกฝ่าย แต่ไม่ทันไรก็มีเสื้อแดงออกมาเล่นบทพระเอก ปากกล้าหน้าด้าน บอกว่าจะไม่มีการยอมให้นิรโทษกรรมให้คนสั่งฆ่าประชาชน สั่งสลายชุมนุม แต่ถ้าเป็นเรื่องนิรโทษกรรมให้ "ทักษิณ" ก็ไม่ค้านสักแอะ
มันเห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้กันเสียเหลือเกิน จะเอาแต่พวกพ้องตัวเองได้ประโยชน์ ส่วนฝ่ายตรงข้ามจะต้องเอามาตัดหัวคั่วแห้งให้สาแก่ใจ ไม่รู้จะอาฆาตพยายาทไปถึงไหน อคติในใจแบบนี้มันเลยไม่พบเจอจุดเริ่มต้นแห่งความปรองดองเสียที
หรือว่าความจริงแล้วใครบางคนไม่อยากปรองดอง ต้องการให้สถานการณ์บ้านมันขัดแย้งต่อเนื่องแบบนี้ต่อไป ตัวเองจะได้มีที่ยืน มีคุณค่าบนความขัดแย้ง เพราะถ้าบ้านเมืองสงบคนพวกนี้ก็ไม่ต่างจากหมาจรจัดไร้ค่าไร้ราคา อย่างพวกแกนนำเสื้อแดงนั่นปะไร ถ้าไม่มีความขัดแย้งก็ไม่มีตัวตน
การออกมาทำปากกล้าไม่รับร่างพ.ร.บ.ปรองดองฉบับ "เหลิมบางบอน" เพราะไม่ต้องการนิรโทษให้คนสั่งสลายชุมนุม นั่นก็คงเป็นลิเกอีกฉากหนึ่งที่จำต้องเล่นไปตามบท ต้องออกมาเทคแอ็คชั่นแสดงท่าทีก่อนการชุมนุมรำลึก 3 ปีที่ราชประสงค์ ขืนไปเห็นดีเห็นงามเออออห่อหมกกับร่างพ.ร.บ.ปรองดองฉบับ "เหลิมบางบอน" มีหวังถูกมวลชนด่าเปิดเปิง และก็คงปั้นหน้าไปพูดกับมวลชนไม่ถูก
เมื่อพิธีกรรมประจำปีผ่านพ้นไปแล้ว ไม่แน่ว่าท่าทีจะพลิกพลิ้วเปลี่ยนไปอีกหรือเปล่า พวกแกนนำเสื้อแดงเหล่านี้ได้พาเหรดเข้าไปอยู่ในสภากันหน้าสลอน มีอำนาจใหญ่โต เมื่อเรื่องเข้าสู่สภาอาจกลายเป็นหนังคนละม้วน สิ่งที่พร่ำบอกกับคนเสื้อแดงอาจเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังตีน อาจไปซูเอี๋ยบนผลประโยชน์ ตามแบบฉบับนักการเมืองสันดานโกง เมื่อเงินมาอุดมการณ์ก็สั่นคลอน สุดท้ายก็มาอ้างโน่นอ้างนี่ พูดจาหมาไม่เห่า กลายเป็นพวกไม้หลักปักขี้เลน
คนเสื้อแดงคงต้องชั่งใจ จะเชื่อถือแกนนำคนไหนก็ตรองให้ดี ตัวอย่างมันมีให้เห็นมาแล้ว บางคนมีตำแหน่งใหญ่โต จุดยืนก็เปลี่ยน อุดมการณ์ก็เพี้ยน แม้แต่เพื่อนฝูงยังหักหลังกันได้ นับประสาอะไรกับคนเสื้อแดงที่ถูกมองเป็นแค่หมากเบี้ยที่จะหยิบจับมาใช้สอย เขาจะให้ราคาอะไรกับคุณ
จะเรียกร้องหรือโหยหาอะไรก็ต้องตั้งมั่นอยู่บนความมีสติ ไม่ใช่เอาแต่ให้ใครมาจูงจมูกไปอย่างเดียว!!