“อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา” เฉ่งตรรกะเพื่อแม้ว นักประชาธิปไตยเอาแต่ได้

“ชูชาติ ศรีแสง” ตะลึงสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ส.ส.เพื่อแม้ว ประกาศไม่รับอำนาจศาล รธน. แต่ไปยื่นให้ศาลวินิจฉัยสมาชิกภาพ “อภิสิทธิ์” ไล่เฉ่งเรียงตัวตั้งแต่คนส่งสารยันขี้ข้า พวกตรรกะประชาธิปไตยเอาแต่ได้ ไม่เคยสนใจกฎเกณฑ์ กติกาของบ้านเมือง สะกดคำว่าน้ำใจนักกีฬาไม่เป็น


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 17 พ.ค. นายชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Chuchart Srisaeng ว่า เมื่อวันที่ 16 พฤศภาคม 2556 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติด้วยเสียง 7 ต่อ 2 ให้รับคำร้องที่ ส.ส.เพื่อไทย 134 คน ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้พิจารณาสมาชิกภาพสมาชิกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ถูกรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีคำสั่งให้ออกจากราชการว่า จะขาดสมาชิกภาพหรือไม่

คำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าว พรรค ปชป. เงียบ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เงียบ หรือผู้ที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ของ ปชป. หรือของนายอภิสิทธิ์ ต่างก็เงียบไม่มีใครออกมาโวยวาย ด่าศาลรัฐธรรมนูญว่า ไม่มีอำนาจรับเรื่องไว้พิจารณา หรือสั่งให้พวกอันธพาลไปชุมนุมต่อต้านขับไล่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ประกาศจับตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ไปแจ้งความกล่าวหาว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเป็นกบฏ

ไม่มีผู้ที่อ้างตัวเองเป็นนักวิชาการ ทั้งๆ ที่บางคนเรียนจบมาเป็นอาจารย์สอนหนังสือในมหาวิทยาลัยนักศึกษาฟังรู้เรื่องมั่งไม่รู้เรื่องมาไม่กี่ปี ไปพูดออกสื่อของรัฐวิพากษ์วิจารณ์ศาลรัฐธรรมนูญ ด้วยปากเปล่าโดยไม่มีตัวบทกฎหมายกันอย่างสนุกสนานปาก ผิดบ้างถูกบ้างไปฝ่ายเดียวโดยไม่มีใครมีโอกาสที่จะไปโต้แย้งได้ เหมือนที่เคยกระทำกันมาก่อนหน้านี้

เป็นเรื่องแปลกประหลาดเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่ไม่เคยมีมาก่อนในโลกใบนี้ก็คือ ส.ส. พรรคเพื่อไทย 134 คน ที่ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยสมาชิกภาพของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นั้น ก็คือ ส.ส.เพืิ่อไทย ที่ร่วมกันลงชื่อในประกาศที่ไม่ยอมรับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ แสดงให้เห็นได้ชัดแจ้งว่า คนพวกนี้ที่ไม่ยอมรับอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญเฉพาะกรณีที่จะวินิจฉัยในเรืิ่องที่อาจทำให้พวกตนเองเสียหายเท่านั้น ถ้าเป็นเรื่องที่พวกเขาต้องการให้วินิจฉัยเรื่องของคนอื่นพวกเขาก็ยอมรับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญได้

กรณีที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติของคนในพรรคเพื่อไทย เพราะเจ้าของพรรคที่ไปด่าศาลไทยอยู่ในต่างประเทศว่า ยุติ ความเป็นธรรม แต่เมื่อตนเองคิดว่า ถูกกระทำให้ได้รับความเสียหายก็ฟ้องคดีต่อศาลไทยทุกครั้ง ไม่เคยนำคดีไปฟ้องศาลที่ประเทศมอนเตเนโกรที่ตนเองถือสัญชาติอยู่เลย เมื่อเจ้าของพรรคทำเป็นตัวอย่าง พวกลูกจ้างก็ต้องทำตาม มิฉะนั้นก็อาจถูกไล่ออกจากงานหมดโอกาสที่จะทำมาหากิน

น้องสาวที่เป็นหุ่นเชิดของพี่ชาย บอกว่า การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงเพื่อขับไล่ ประกาศจับตัวตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เป็นสิทธิโดยชอบตามกฎหมาย แต่พอมีกลุ่มประชาชนชุมนุมคัดค้านรัฐบาลบอกให้ไปพูดกันในสภา ทั้งๆ ที่ตนเองหนีการประชุมสภาไปเที่ยวเป็นประจำ

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี บอกว่า การที่พวกกลุ่มคนเสื้อแดงไปรังควานการไปปราศรัยให้ความรู้แก่ประชาชน ของพรรค ปชป. ปิดถนนไม่ให้เดินทางไปสถานที่ๆ จะปราศรัย ล้อมปิดสถานที่จะใช้เป็นที่ปราศรัย ตรวจค้น และทุบรถยนต์ทของคนที่เดินทางไปร่วมการปราศรัย เป็นสีสันของประชาธิปไตย

นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี และประธานกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) ประกาศว่า การประชุมผู้นำด้านน้ำเอเซีย-แปซิฟิก ครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 14- 20 พฤษภาคม 2556 ที่จังหวัดเชียงใหม่ หากมีการชุมนุมประท้วงจะให้ตำรวจจับกุมไปดำเนินคดีทั้งหมด และเตือนว่าอย่าชุมนุมประท้วงเด็ดขาด และเรียกผู้ที่ไปชุมนุมว่าเป็นขยะ

พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ประกาศไม่ยอมรับอำนาจศาลปกครอง ในคดีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ฟ้องให้เพิกถอนคำสั่งที่สั่งให้ นายอภิสิทธิ์ ออกจากราชการ ห้ามมิให้สื่อมวลชนเสนอข่าวที่เกิดขึ้นในจังหวัดชายแดนภาคใต้เพราะจะทำให้เหตุการณ์ไม่สงบ

น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ออกมาข่มขู่ว่า ใครใช้คอมพิวเตอร์ด่าผู้นำประเทศจะสั่งปิดเว็บไซต์เหล่านั้นให้หมด ทั้งๆ ที่ตามกฎหมายไม่มีอำนาจที่จะกระทำได้

ละครเรื่องเหนือเมฆ ที่มีบทพูดให้ผู้ชมรู้ถึงการทำความดี และความชั่ว โดยเฉพาะมีคำกล่าวว่า ความดีงามต้องชนะความชั่วแน่นอน ถูกสั่งให้เลิกออกอากาศ

ดาราอย่าง ตั๊ก บงกช คงมาลัย เคยถูกกลุ่มคนเสื้อแดงตามข่มขู่รังควานจนต้องหยุดการถ่ายภาพยนตร์เพื่อหลบหนีเอาตัวรอด

ล่าสุด พลอย เฌอมาลย์ บุณยศักดิ์ เพียงส่งข้อความให้กำลังใจผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ถูก รมว.กระทรวงการคลัง พูดว่ากล่าวเหมือนกับจะปลดออกจากตำแหน่ง ก็ถูกกลุ่มคนเสื้อแดงข่มขู่แสดงความอาฆาตมาดร้าย

ข้อเท็จจริงดังที่กล่าวมา เป็นความแตกต่างของคนที่ยอมรับกฎเกณฑ์ของบ้านเมือง ยอมรับกติกาของสังคม มีน้ำใจนักกีฬา กับคนที่ไม่เคยสนใจกฎเกณฑ์ของบ้านเมือง ไม่เคยสนใจกติกาของสังคม ไม่เคยรู้จักว่าการมีใจเป็นนักกีฬาเป็นอย่างไร

เป็นความแตกต่างของคนที่มีจิตวิญญาณในสังคมที่เรียกกันว่า ประชาธิปไตย คือการยอมรับฟังความคิดเห็นคนอื่นที่มีความเห็นแตกต่างไปจากตนเอง กับสังคมของพวกที่มีจิตวิญญาณเป็นเผด็จการ คือ การไม่ยอมรับฟังความเห็นคนอื่น มีเฉพาะตนเอง บริวาร ลูกจ้าง ขี้ข้า ทั้งหลายเท่านั้นที่ถูกต้อง คนอื่นๆ เห็นต่างไม่ได้ ซึ่งก็ไม่ต่างไปจากพวกเจ้าพ่อมาเฟียทั้งหลาย

เป็นความแตกต่างของคนที่เป็นอารยะ กับคนที่เป็นอนาระยะ ครับ