“ชูชาติ ศรีแสง” แฉแผนล้มศาล รธน. วางเป้าหวังกำจัดเสี้ยนหนามขวางทางโกง ชี้กู้ 2 ล้านล้านฮั้วคู่สัญญารับใต้โต๊ะร้อยละ 50 เม็ดเงิน 1 ล้านล้านจ่อเข้ากระเป๋านักการเมือง เผยหากสำเร็จพร้อมพากันอพยพไปเสวยสุขในต่างประเทศ ปล่อยให้ลูกหลานไทยก้มหน้าใช้หนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 11 พ.ค. เมื่อเวลาประมาณ 00.20 น. นายชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Chuchart Srisaeng ว่า ทราบจากคนที่ใกล้ชิดกับผู้มีอำนาจในการสั่งให้กลุ่มคนเสื้อแดงกระทำการกดดันเพื่อให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญชุดนี้พ้นจากตำแหน่งไป โดยเฉพาะท่านที่ถูกแจ้งความกล่าวหาว่าเป็นกบฏ คือท่านจรัญ ภ้กดีธนากุล นายจรูญ อินทจาร และนายสุพจน์ ไข่มุกด์ นั้น เจตนาที่แท้จริงของกลุ่มคนพวกนี้ไม่ได้อยู่ที่กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้อง เรื่องที่มีผู้ยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า การขอแก้รัฐธรรมนูญมาตรา 68 ขัดรัฐธรรมนูญไว้พิจารณา ดังที่กลุ่มคนพวกนี้กล่าวอ้าง
แต่ความต้องการที่แท้จริงอยู่ที่เรื่องของร่างพระราชบัญญัติที่ให้รัฐบาลมีอำนาจกู้เงิน 2 ล้านล้าน ซึ่งขณะนี้อยู่ในชั้นกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎรกำลังพิจารณาในวาระที่ 2 เพราะร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้น่าจะขัดรัฐธรรมนูญ เชื่อว่าเมื่อผ่านวาระ 3 แล้วก่อนที่จะนำขึ้นทูลเกล้าเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย พรรค ปชป. ประกาศไว้แล้วว่าจะยื่นเรื่องต่อประธานสภาผู้แทนให้ส่งไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่
เมื่อถึงขั้นตอนดังกล่าวแล้วย่อมไม่มีทางที่จะแก้ไขเป็นอย่างอื่นได้ เพราะรัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ชัดเจนว่า กรณีที่ผู้เห็นว่าร่างพระราชบัญญัติใดขัดรัฐธรรมนูญและยื่นเรื่องต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรก็ให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย โดยให้รอการเสนอทูลเกล้าเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธยไว้ก่อน จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย จะออกมาโต้แย้งว่า ศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจที่จะรับวินิจฉัยก็ไม่ได้
ถ้าศาลรัฐธรรมรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวขัดรัฐธรรมนูญก็ย่อมตกไป ไม่อาจนำขึ้นทูลเกล้าเพืิ่อทรงลงพระปรมาภิไธยประกาญใช้เป็นกฎหมายได้ ความหวังของคนอยู่แดนไกลกับญาติพี่น้องรวมทั้งบริวารว่านเครือทั้งหลายที่หวังจะแสวงหาประโยชน์จากเงิน 2 ล้านล้านบาท ก็ย่อมพังพินาศ
การแสวงหาผลประโยชน์จากเงินจำนวน 2 ล้านล้านบาทซึ่งในเวลานี้จากการเปิดเผยของภาคเอกชนว่า มีการเรียกผลประโยชน์จากผู้เข้าทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐถึงร้อยละ 50 จำนวนเงิน 2 ล้านล้านบาท ถ้ามีการเรียกผลประโยชน์กันร้อยละ 50 ก็เป็นเงินที่พวกโกงบ้านกินเมืองและบริวารจะได้ไปถึง 1 ล้านล้านบาท
ถ้ารายการนี้สำเร็จตามที่หวังพวกเขาก็อพยพพากันไปเสวยสุขในต่างประเทศ ปล่อยให้ลูกหลานไทยทั้งหลายรวมทั้งลูกหลานของกลุ่มคนเสื้อแดงทั้งหลายที่ออกมาเย้วๆ ด่าคนที่ค้านโครงการนี้ว่า ขัดขวางความเจริญรุ่งเรืองของประเทศชาติ ที่รัฐบาลชุดนี้คิดการณ์ไกลจะสร้างรถความเร็วสูงไว้ขนผักและให้ประชาชนที่นั่งรถไฟฟรีอยู่ในเวลานี้ได้นั่งรถไฟความเร็งสูงอย่างในต่างประเทศ ต้องใช้หนี้เงินกู้ 2 ล้านล้านบาทกัน
แต่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญชุดนี้เป็นมารขวางทางทำมาหากินของพวกเขา ดังนั้น จึงต้องดำเนินการกำจัดให้พ้นจากตำแหน่งไปทั้ง 9 ท่านให้ได้
คำประกาศของแกนนำกลุ่มผู้ชุมเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2556 ดูความยิ่งใหญ่ของเขาครับ
“เราจะชุมนุมในวันนี้เป็นวันสุดท้าย เพื่อฉลองชัยชนะ วันนี้ที่เราเดินทางไป แต่ยังไม่สามารถยื่นรายชื่อถอดถอนได้ เนื่องจากพบว่า รายชื่อที่เรารวบรวมได้นั้นเป็นผู้ไม่มีสิทธิเลือกตั้ง ดังนั้นจะใช้เวลาในช่วง 3 วันนี้ตรวจสอบความถูกต้องของรายชื่อที่สามารถรวบรวมได้ 5 หมื่นให้เหลือเพียง 2 หมื่นไปยื่นต่อรัฐสภาตามที่กฎหมายกำหนด แต่ทั้งนี้เพื่อให้เห็นถึงเจตจำนงของประชาชนที่ต้องการขับไล่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เราจะพยายามรวบรวมรายชื่อประชาชนจากการเดินสายให้ได้ 1 ล้านรายชื่อเพื่อยื่นต่อประธานวุฒิสภา
วันนี้เป็นความสำเร็จที่ประชาชนสามารถแจ้งจับตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้ โดยที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญไม่สามารถแจ้งจับประชาชนได้ เพราะอำนาจของประชาชนจะต้องควบคุมประเทศนี้ได้ด้วยมือของประชาชนเอง และหลังจากได้ยื่นรายชื่อ 2 หมื่นรายชื่อ ให้แก่ประธานวุฒิสภาแล้ว จะให้เวลาวุฒิสภาภายใน 15 วันตรวจสอบและยื่นให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติหรือ ป.ป.ช.ดำเนินการ แต่หากวุฒิสภา และ ป.ป.ช.เตะถ่วงไม่ดำเนินการใดๆ ก็จะไปชุมนุมกดดันที่หน้ารัฐสภา โดยในวันนี้ได้ยื่นหนังสือถึง ส.ส. ผ่านรองประธานสภาผู้แทนราษฎรเพื่อให้เดินหน้าคัดค้านอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญด่อไปด้วย” แกนนำ กวป.กล่าว
สรุปก็คือ เขาต้องการไม่ให้มีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญชุดนี้อยู่ในตำแหน่งเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติที่ให้รัฐบาลมีอำนาจกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท เพราะจะขวางทางการทำมาหากินของพวกเขา”
