“ทักษิณ” โพสต์ เลกเชอร์วิธีแก้เงินเข้า-ออกเร็ว ให้นำของดีๆ ในประเทศออกขาย

“นช.แม้ว” โพสต์เฟซบุ๊ก บอกอยู่จีน คุยนายแบงก์ นักลงทุนใหญ่ ห่วงบาทแข็ง แนะนักธุรกิจไทยขนเงินไปซื้อทรัพย์สินในต่างประเทศ พร้อมเลกเชอร์ แบงก์ชาติ หาวิธีการไม่ให้ต่างชาตินำเงินเข้า-ออกเร็วเหมือนปัจจุบัน เสนอให้นำของดีๆ ที่เรามีไปขาย หรือให้ต่างชาติมาลงทุนจะมีเงินเอาเงินเข้ามามาก

วันนี้ (12 เม.ย.) พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โพสต์ข้อความผ่านหน้าเฟซบุ๊ก https://www.facebook.com/thaksinofficial ของตนเอง ว่าขณะนี้ตนเองอยู่ที่ประเทศจีน และได้เข้าพบหารือกับนายธนาคาร นักธุรกิจหลายราย

พ.ต.ท.ทักษิณ ยังระบุถึงค่าเงินบาทของไทยที่แข็งตัวขึ้นอย่างมากว่า มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ซึ่งการที่ค่าเงินบาทของไทยแข็งค่าขึ้นมากนั้น จะเป็นช่วงเวลาที่มีเงินไหลเข้า-ออกประเทศมาก ซึ่งเป็นห่วงเรื่องเงินไหลออก ธนาคารแห่งประเทศไทย อาจต้องเฝ้าระวังเรื่องนี้ แต่ก็ยังชี้โอกาสในการสร้างประโยชน์จากกรณีที่ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเช่นกัน

“วันนี้อยู่เมืองจีนครับ ได้มาพูดคุยกับนายธนาคารและนักลงทุนรุ่นใหญ่ๆ ของจีน ฟังวิธีคิดและวิธีทำธุรกิจเขาแล้วค่อนข้างประทับใจว่าเขาปรับตัวเข้ากับเศรษฐกิจทุนนิยมได้เร็วมาก เขากำลังคิดจะวางยุทธศาสตร์ใช้เงินที่มีอยู่มากมายในประเทศไปซื้อทรัพย์สิน และกิจกรรมในต่างประเทศที่มีความเสี่ยงไม่สูงโดยเฉพาะคนที่ขาดสภาพคล่องแถวทวีปอเมริกาและยุโรป”

“เห็นความตื่นตัวของเขาแล้วก็อยากจะบอกกับนักธุรกิจไทยว่า ตอนนี้บาทแข็งเป็นเวลาที่ต้องซื้อทรัพย์สินในต่างประเทศ ส่วนธนาคารแห่งประเทศไทย ผมยังเป็นห่วงเรื่อง Hot Money หรือ เงินที่ไหลเข้าออกอย่างรวดเร็ว เข้ามาภาคการเก็งกำไรที่มีจำนวนมาก ต้องช่วยกันดูว่าจะทำอย่างไรให้เงินอยู่ในประเทศนาน ไม่เข้าออกอย่างรวดเร็ว มาเก็งกำไรกับทั้งดอกเบี้ยที่สูงกว่า USD กำไรหุ้นและกำไรค่าเงินที่แข็งขึ้นเรื่อยๆ ถึงแม้เราจะมีเงินทุนสำรองที่เป็นเงินตราต่างประเทศจำนวนมากก็ตาม ซึ่งไม่ใช่ประเทศเราประเทศเดียว ประเทศในเอเชียทุนสำรองขึ้นสูงมากทุกประเทศ ส่วนหนึ่งมาจากการพิมพ์แบงก์ของญี่ปุ่นของสหรัฐอเมริกาและยุโรป การถือเงินตราต่างประเทศไว้จำนวนมากและเราต้องให้ดอกเบี้ยเงินบาทสูงกว่ามาก ก็เท่ากับเรากู้ดอกเบี้ยสูงมาฝากแบบไม่มีดอกเบี้ย หรือ ดอกเบี้ยเกือบศูนย์เปอร์เซ็นต์นั่นเอง”

“ภาคธุรกิจต้องเตรียมรับสภาพคล่องของโลกที่สูง แต่เงินก็จะไหลไปที่ทำกำไรได้ การมีของดีๆ ไว้ขายหรือให้เขามาลงทุนก็จะมีคนเอาเงินมาลงทุนด้วยเยอะ ซึ่งจะเห็นได้จากการ Over Subscribe ของกองทุนโครงสร้างพื้นฐานของบริษัทรถไฟฟ้า BTS เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เปรียบเสมือนว่าฝนกำลังตกให้รีบหาที่รองน้ำฝนที่เป็นภาชนะที่สะอาด ไม่รั่ว มารองรับให้เร็วนะครับ เพราะไม่รู้ว่าฝนจะตกอยู่นานแค่ไหน”