สนธิ - ยิ่งลักษณ์เขาคงรู้ว่า เขาพลาดไปแล้ว เพราะว่าผมไม่รู้ว่า คนจะรู้สึกอย่างไร กับการซึ่งคุณพิมพ์คำว่า อีโง่ ไปใน Google แล้วรูปเขาขึ้นหมดเลย ผมว่าไอ้นี่มันอยู่จนตายนะ นุก
กรองทอง - ใช่ แล้วนึกถึงนะ เพื่อนลูกอะไรอย่างนี้ ลูกเขานี่นะกำลังท่องอินเทอร์เน็ตเลยนะ
สนธิ - ใช่ ท่องเน็ตแล้วมันจะเป็นอย่างไร
กรองทอง - เออแล้วเพื่อนลูกเสิร์ชดู
สนธิ - เฮ้ย กูพิมพ์ชื่อ อีโง่แม่มึงขึ้นหมดเลย ลูกจะว่าอย่างไร ผมไม่เข้าใจเลย บางทีมันทำอะไรมันไม่คิดถึง แต่ว่าแปลก คนพวกนี้อย่างเช่น ทักษิณทำอะไรก็ไม่คิดถึงลูก ยิ่งลักษณ์ทำอะไรก็ไม่คิดถึงลูก เอาตัวรอดก่อน แปลกมาก
จินดารัตน์ - เพราะหลายคนบอกว่า ถ้าเขารักน้องเขาจริง เขาคงไม่ให้น้องเขามาเป็นนายกฯ หรอก ไม่ให้มาเกลือกกลั้วกับเรื่องเลวๆ พวกนี้หรอก
กรองทอง - ใช่ วันนึงชะตากรรมจะเหมือนพี่หรือเปล่าไม่รู้เนอะ ไม่มีแผ่นดินอยู่ หรืออะไรอย่างนี้
จินดารัตน์ - มีคนเขาทำนาย เขาบอกว่า ช่องสีฟ้าเอาไปออกทำนายว่า สิ้นปีนี้น้องเขาจะไม่มีแผ่นดินอยู่ แต่คำทำนายอีกคำทำนายเขาไม่เอามาออกนะว่า พรรคสีฟ้า
สนธิ - ก็ไม่มีอยู่
จินดารัตน์ - ไม่มีอยู่เหมือนกัน จะล่มสลายไป ระยะยาวนานคือ เป็นสิบปีเขาบอก
กรองทอง - อุ๊ย แต่เดี๋ยวเขาจะปฏิรูปกันแล้วนะคะ
จินดารัตน์ - ใครคะ ใครปฏิรูปคะ คนที่ออกมาพูดได้ข่าวว่า ตอนนี้กำลังแย่
กรองทอง - เขากำหนดวันเวลามาแล้ว มีตั้งคณะกรรมการเหมือนตอนเป็นรัฐบาลเดี๊ยะเลย เอะอะตั้งคณะกรรมการศึกษาก่อน ตั้งคณะทำงานขึ้นมา 15 วัน ออกมาเสนออีก 15 วัน อะไรอย่างนี้ มีกำหนดเวลาปฏิรูปกันไว้
จินดารัตน์ - ขยันๆ ช่วงนี้ขยัน
สนธิ - มันคือหมาอีกฝูงนึงไง เข้าใจยัง จำไว้นะเมืองไทยคือ เมืองแห่งหมา มันคือหมาอีกฝูงนึง
กรองทอง - คือลักษณะการ เขาเรียกว่าอะไรนะ สัญชาติญาณการใช้ชีวิต การดำรงชีวิตอะไรอย่างนี้ใช่ไหมคะ
สนธิ - เป็นไปฝูง ตอนนี้ตั้งคณะกรรมการก็ โฮ่งๆๆ
กรองทอง - เฮ้ยเห่าอะไรวะ เห่าด้วยอะไรอย่างนี้ป่ะ
สนธิ - แล้วจ่าฝูงก็ ฮือๆ เงียบกันต่อ
จินดารัตน์ - คุณสนธิช่วงหลังๆ มานี่ เวลาที่เราออกรายการนี้ด้วยกัน คนเขาจะมาวิพากษ์วิจารณ์พวกทั้งหลายแหละ เขาบอกว่า แหมแป๊ะลิ้มนี่ยังอารมณ์ดีได้นะ บ้านเมืองจะฉิบหายอยู่แล้ว ยังพูดเรื่องดินฟ้าอากาศได้ ยังสบายใจได้ อยู่ได้อย่างไร
กรองทอง - ดูสิ ไม่ออกมาสักทีเนี้ยะ นั่งอยู่ทนได้
สนธิ - ออกไปทำอะไร
กรองทอง - นั้นสิหนูอยากจะถามเขาเหมือนกันว่า ออกไปทำอะไร
สนธิ - ออกไปแล้วมีการเปลี่ยนแปลงไหม ตอบผมสิ ไม่มี ไอ้คนเปลี่ยนแปลงได้ชื่อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่เขาไม่เปลี่ยนหรอก
จินดารัตน์ - แต่กำลังจะโดนเปลี่ยน
สนธิ - ไม่ เขาไม่หรอก เขาสนิทสนมแนบชิดกับคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
จินดารัตน์ - ใช่ ก็ไปลำบากมาด้วยกัน
สนธิ - ไม่ใช้หน้าที่ของประชาชน ประชาชนออกให้ตายก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลง แล้วอย่างไรคุณบอกผมสิว่า อาจารย์สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์บอกว่า ต้องออก 3 ล้านคนเปลี่ยนแปลง เพราะแกใช้โมเดลของฟิลิปปินส์ โมเดลฟิลิปปินส์มาใช้เมืองไทยไม่ได้หรอก ออกไปแล้วอย่างไร ก็ เสธ.อ้ายเป็นอย่างไรตอบผมสิ แล้วออกไปงวดนี้มีคนล้มหายตายจาก ใครจะรับผิดชอบผมไม่เอาด้วย ไล่ผมออกจากแกนนำ ผมก็ไม่อยากเป็น
กรองทอง - ทุกครั้งที่ออกต้องนึกถึงมวลชนเนอะ เราต้องรับผิดชอบกับมวลชนที่มากับเรา
สนธิ - เหนื่อย ไม่ใช่ถูก ลำบาก วันนี้ผมต้องการประคองเอเอสทีวีให้อยู่ได้ตลอด เพื่อที่จะให้เป็นสถานีโทรทัศน์ เป็นแหล่งขุมปัญญาแห่งเดียวที่กล้าพูดความจริง ผมถือว่าผมทำให้ที่สุดแล้ว
จินดารัตน์ - แต่ในอนาคตถ้ามันมีเหตุแบบอะไรบางอย่าง เราก็เดาไม่ได้นะคะคุณสนธิ
สนธิ - เมืองไทยทำนายเกินกว่าพรุ่งนี้ไม่ได้ด้วย จริงๆ แอน เมืองไทยถ้าเรามีพญามังราย จะขอให้เชื่อว่าทำนายเกินกว่าพรุ่งนี้ไม่ได้แล้ว
จินดารัตน์ - เจ้ามูลเมืองพญามังราย
สนธิ - สมัยก่อนยังพอคาดการณ์ได้นะ พอเริ่มมีพญามังรายนี่หยุดเลยทันที เลิกทำนายได้แล้ว สิ่งที่ไม่เคยคิดมันก็เห็นมาแล้วไง พญามังราย นึกไม่ถึง วันนั้นเห็นรูปผมโอ้พระเจ้าช่วย
กรองทอง - ช่างกล้ามาก ถ้าเป็นแบบวัยรุ่นก็ช่างกล้า คือ กล้าเนอะอะไรอย่างนี้
จินดารัตน์ - แกคิดได้เนอะ เดี๋ยวนี้แกมั่นใจด้วย
กรองทอง - มั่นใจ ถ้ากระแสตอบรับดี เดี๋ยวเขาจะแสดงทุกเดือนเขาว่าอย่างนั้น
จินดารัตน์ - สงสารคนดูเขาเหอะ
กรองทอง - กระตุ้นการท่องเที่ยว
จินดารัตน์ - เขาจะหนีกันหมด
กรองทอง - จะไปแย่งหน้าที่หลินปิงซะงั้น หลินปิงจะกลับจีนไง อยากกระตุ้นการท่องเที่ยวให้หลินปิง
จินดารัตน์ - งั้นเดี๋ยวเราพักกันก่อนนะคะ ช่วงหน้ากลับมาเป็นเรื่องของคำถามนะคะ
สนธิ - วันนี้ตอบยาวหน่อย
จินดารัตน์ - ตอบเยอะหน่อยนะคะ งั้นเดี๋ยวพักกันสักครู่ค่ะคุณผู้ชม
ช่วงที่ 3
จินดารัตน์ - กลับมาช่วงสุดท้าย รายการคุยทุกเรื่องกับสนธินะคะ คุยกันออกรสออกชาติ ช่วงสุดท้ายก็มีคำถามที่จะต้องออกรสออกชาติอีกหลายคำถาม
กรองทอง - และวันนี้มีคำถามเยอะด้วยนะคะ หลายคำถามที่เราขอยกยอดกันมา เพราะฉะนั้นวันนี้ก็จะให้เวลากับช่วงของการตอบคำถามมากเป็นพิเศษในช่วงนี้
จินดารัตน์ - ไปเรื่องแรกก่อนเลยนะคะคุณสนธิ เรื่องหมีแพนด้า หมาแพนดี้ เขาบอกว่า อยากถามความคิดเห็นคุณสนธิเรื่องจีนเพิ่มค่าเลี้ยงดูแพนด้าหลินปิง 4 เท่า เป็นปีละ 30 ล้านบาทไทย หรือ 1 ล้านเหรียญ
สนธิ - จริงๆก็ไม่แพงหรอก เพราะว่าทุกประเทศที่จีนเขาให้หมีแพนด้าไป ต้องจ่ายเงินจีนเขาไปเพราะจีนเขาใช้ต้นทุนสูงพอสมควรกว่าจะเลี้ยงหมีแพนด้าได้ ผมเคยมีรูป ไม่รู้โปรดิวเซอร์จะยังมีอยู่หรือเปล่า อยู่ในทีวีหรือเปล่า สมัยเมื่อปี 2535 ผมไปเยือนมณฑลเสฉวน 2535 มันประมาณ 15 ปี 16 ปี 21 ปีที่แล้ว ตอนนั้นจีนยังจนอยู่ ศูนย์เลี้ยงหมีแพนด้าเขาจะมีลูกหมีเยอะแยะไปหมดเลย แล้วเขาจะให้คนเป็นพ่อบุญธรรมของหมีแพนด้า ผมนี่ไปอุ้มหมีแพนด้าตัวหนึ่ง วันหลังจะเอารูปมาให้ดู ชื่อเหมยเหมย ตอนนั้นเราก็บริจาคให้กับศูนย์ขอเป็นพ่อบุญธรรมเหมยเหมยรู้สึกจะให้เขาไป 2 -3 แสนบาทมั้ง ที่จะเลี้ยงหมีตัวนั้นทั้งปี เขาให้เราตั้งชื่อ เราก็เลยตั้งชื่อเหมยเหมย กลายเป็นหมีที่เจริญเติบโตในที่สุด และกลายเป็นแม่พันธุ์ที่ผลิตลูกออกมาเยอะแยะเลย ตอนนี้ตายไปแล้ว เหมยเหมย ผมคิดว่าสำคัญที่สุดคือว่า ถ้าพูดถึงผลประโยชน์แต่ละประเทศจะได้จากการเอาหมีแพนด้ามาเลี้ยงมันได้เยอะ เพราะหมีแพนด้าเป็นอะไรบางอย่างที่ใครๆก็อยากดู ต้องยอมรับอย่างว่า หมีแพนด้าที่ไปที่เชียงใหม่ทำให้คนเข้าไปดูสวนสัตว์เชียงใหม่เยอะ แต่ที่น่าเสียดายคือจริงๆแล้วเอากลับมางวดนี้น่าจะไว้ที่กรุงเทพฯ จะได้ให้คนรอบกรุงเทพฯ ภาคกลางได้มาดูบ้าง เพราะมีหลายคนจะดูหมีแพนด้าต้องถ่อตัวไปเชียงใหม่เขาก็ลำบากพอสมควร หรือไม่บางทีก็เอา 6 เดือนอยู่ที่เชียงใหม่ 6 เดือนมาอยู่ที่กรุงเทพฯ ถ้าถามว่าแพงไหม มันก็ฟังดูแพง แต่ถ้าถามว่าได้ประโยชน์มากไหม ได้มาก มหาศาล มีคนเขาบอกว่าทำไมไม่เลี้ยงช้าง ช้างมันก็มีอยู่แล้วแต่ปัญหาคือไม่มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องการเลี้ยงช้าง ระหว่างช้างกับหมีแพนด้า พื้นที่ที่จะเลี้ยงมันต่างกันเยอะ ช้างมันต้องเหมือนอยู่กึ่งๆป่า พื้นที่ใหญ่ แพงไม่แพงขึ้นอยู่กับว่าเราได้ประโยชน์มากน้อยแค่ไหน แต่สิ่งหนึ่งซึ่งแน่นอนที่สุดให้จำเอาไว้คือ ยุคนี้สมัยนี้ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนสนิทมากน้อยแค่ไหนก็ตาม จีนกับไทย แต่มาถึงยุคนี้ธุรกิจต้องการก่อน แต่การที่จีนเขาใช้หมีแพนด้าเป็นอาวุธลับทางการทูต ถ้าเขาต้องการจะเจริญสัมพันธไมตรีกับไทยแล้วต้องการ ภาษาอังกฤษเขาเรียกว่า break the ice หลอมละลายน้ำแข็งออก เขาจะใช้หมีแพนด้า เหมือนกับที่จีนกับอเมริกา สมัยที่ประธานาธิบดีนิกสัน ไปเยือนอเมริกาเป็นครั้งแรก หลังจากนั้นจีนเลยส่งหมีแพนด้าไปให้อเมริกา ก็เป็นที่แตกตื่นกันมาก หมีแพนด้าก็เลยเป็นทูตสันถวไมตรี โดยใช้หมีแพนด้าเป็นตัวเชื่อม อย่างน้อยที่สุดคนที่เคยมองจีน ยุคนั้นคนอเมริกามองจีนในลักษณะที่ว่าจีนเป็นประเทศที่น่ากลัว ประเทศหลังม่านไม้ไผ่ โอ้ย น่ากลัวจังเลย เพราะว่าจีนโฆษณาชวนเชื่อว่าอเมริกาเป็นจักรวรรดินิยม เป็นปีศาจ ซาตาน แล้วจู่ๆ มีหมีแพนด้าที่น่ารักมา มันก็เลยไปลบภาพพจน์เก่าๆได้ แพงไม่แพงผมให้ความรู้สึกไม่ได้ แต่ผมรู้แต่ว่าจีนเขาก็มองว่าเขามีต้นทุน และถ้าไทยไม่เอา ผมเชื่อว่ามีหลายประเทศที่พร้อมที่จะจ่าย มีคำถามที่ต้องถามตัวเองว่า เราได้ประโยชน์อะไรจากหมีแพนด้าหรือเปล่าล่ะ
กรองทอง - แต่เหมือนตอนนี้กรรมมันไปตกอยู่ที่หมีแพนด้า เพราะว่าคนทำ พอมีข่าวนี้ใช่ไหมคะ คนก็จะไปเทียบกันว่า เฮ้ย เรายอมจ่ายให้ครอบครัวแพนด้า 30 ล้าน แต่ว่าเราจะยุบโรงเรียน เราไม่มีเงินใช้ช้าง หรือแก้ไขปัญหาช้าง แล้วอย่างพวกเอ็นจีโอ หรือคนที่เขาอนุรักษ์ช้างเขาจะบอกว่า ตัวเขากว่าจะหาเงินช่วยเหลือช้างที่มันเหลือน้อยแล้ว ทำไมรัฐบาลถึงยอมจ่ายเงินขนาดนี้ แต่ไม่เห็นมาเหลียวแลเรื่องช้างไทยเลย กลายเป็นกรรมก็กลายไปตกอยู่ที่หลินปิง เพราะว่าหนูก็ไม่รู้เขาให้หนูอยู่ ให้หนูไป อะไรอย่างนี้
สนธิ - มันเป็นธรรมชาติของทุกๆเหตุการณ์ เหมือนอย่างที่เราบอกว่า เหตุการณ์ยุบโรงเรียนจะไปดูเฉพาะหมีแพนด้าอย่างเดียวก็ไม่ได้ ทำไมไม่ดูว่า อย่างที่เราพูดไปเมื่อตอนต้น เรื่องน้ำ แก้ปัญหาน้ำ 350,000 ล้าน ซึ่งมันแก้ได้ด้วยเงินเพียง 70,000 กว่าล้าน แล้วเงินเหลืออยู่ตั้งเกือบ 3 แสนล้าน จะเอาไปใช้อะไรก็ได้ สรุปพูดง่ายๆว่า รัฐบาลชุดนี้ผมคิด ว่ารัฐบาลแทบจะทุกชุดทั้งที่เป็นนักการเมือง จะไม่สนใจอะไรเลยที่ทำเพื่อส่วนรวมและเอาผลประโยชน์ที่เหลืออยู่ที่ เฉลี่ยปันไปให้กับส่วนรวม มีคนเขาถามผมว่า อันนี้คือย้อนหลับมานิดหนึ่ง เขาถามว่าประชาธิปไต ยเขาบอกว่า มันจริงหรือเปล่าว่า ประชาธิปไตยคือการเลือกตั้ง อันนี้ต้องย้อนหลับไปนิดหนึ่ง ผมก็บอกว่า ไอ้ความคิดประชาธิปไตยมันมาจากความคิดทางตะวันตก ผมอุปมาอุปมัยให้ดูแล้วกัน คนไทยนี่เหมือนหมา ฝรั่งเหมือนแมว หมาเวลามันทำมาหากินไปเป็นฝูง มีจ่าฝูง สังเกตไหม แต่แมวต่างฝ่ายต่างไป อุปมาอุปมัยคือว่า แมวมันคือปัจเจกชน มึงอย่ามายุ่งกับกู อิสระ เหมือนกับที่เขาเคยเทียบว่าผู้หญิงทำไมชอบแมว ผู้หญิงรักแมวชอบแมวทั้งๆที่แมวสันดานเหมือนผู้ชาย เหมือนตรงไหน ข้อที่ 1 เรียกมันไม่มา สังเกต 2 กลางคืนมันหายไปจากบ้าน ไม่รู้ไปเที่ยวไหนมา 3 มันกลับมาตอนเช้า แล้วมันก็หามุมซุกแล้วก็นอน ไม่สนใจใครเลย แต่ผู้หญิงกลับมาชอบแมว เห็นหรือยังในชีวิตข้อเท็จจริงมันมีความขัดแย้งตรงนี้กันเยอะ เหมือนกัน ฝรั่งเหมือนแมว คนไทยเหมือนหมา เพราะฉะนั้นแล้วฝรั่งมันก็เลยคิดระบบประชาธิปไตยออกมา เพื่อที่จะเอามารองรับความเป็นอิสระเสรีภาพของปัจเจกชนของเขา นั่นคือมาของ one man one vote ไง เข้าใจหรือยัง แต่คนไทย สังคมไทยคือสังคมหมา ต้องมีจ่าฝูง แล้ววันนี้ก็มาเห่าหอน เรียกร้องให้จ่าฝูงตัวเองกลับมา เห็นมั้ย เข้าใจหรือยัง ทุกคนมีจ่าฝูงหมด คือแม้กระทั่งพวกเสื้อฟ้าก็มีจ่าฝูง เดี๋ยวก็แดกเราอีกว่าพันธมิตรฯ ก็มีจ่าฝูง คือถ้าพูดกันอย่างไม่ต้องเขิน ไม่ต้องอะไร ลักษณะเมืองไทยมันเป็นอย่างนี้จริงๆ
จินดารัตน์ - แต่จ่าฝูงพันธมิตรฯ กับลูกฝูง ไม่เหมือนกับอื่นๆ นะคะ
สนธิ - ไม่เหมือนๆ เพราะว่าฝูงของพันธมิตรฯ จะเป็นฝูงที่คิดเองเป็น
จินดารัตน์ - เป็นปัจเจกชน
สนธิ - ปัจเจกชนเหมือนกัน
กรองทอง - มาที่คำถามอีกคำถามหนึ่งนะคะ อันนี้คงอยากจะให้คุณสนธิวินิจฉัยโรคหน่อยค่ะ เขาบอกว่า ระหว่างพญาเม็งราย เจ้ามูลเมือง งูจังโป้ โหวงเหวง เจ้ากระทรวงไวท์ไล ใครเพี้ยนมากกว่ากันครับ แล้วมีทางรักษาหายมั้ยครับ
สนธิ - ผมว่าอันนี้มันเป็นดีเอ็นเอพิเศษ มันเป็นเชื้อบ้าชนิดหนึ่ง ที่มันฝังเข้าไปในร่างกายคนแล้ว เชื้อบ้านี่มันบ้าคนละแบบนะ คือโหวงเหวง บ้าแบบลืมตัว คือโหวงเหวงนี่นิสัยตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว เป็นคนซึ่งแพ้มวลชน ในบรรดาพันธมิตรฯ เราก็มีเหมือนกัน มีคนแพ้มวลชน เห็นมวลชนออกไม่ได้ จะต้องตัวสั่นงันงก วิ่งเข้าไปหา ทั้งๆ ที่รู้ว่ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก็จะอ้างทฤษฎีโน้นทฤษฎีนี้ เพื่อให้ตัวเองได้เข้าไปร่วม โหวงเหวงนี่สมัยก่อนแพ้มวลชน ผมจำได้ว่าสมัยที่ผมเริ่มประท้วงทักษิณใหม่ๆ ด้วยการออกรายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร โดยไปออกที่ธรรมศาสตร์ หอประชุมใหญ่ คนแน่นเอี้ยดเลย วันรุ่งขึ้นโหวงเหวงมาหาเลยนะ ถือช่อดอกไม้มาเลย มาในนามของ ครป.อะไรไม่รู้ มาให้กำลังใจ นี่โหวงเหวง แล้วหลังจากนั้นโหวงเหวงก็ขอติดตามขบวน แล้วหลายครั้งโหวงเหวงจะขอขึ้นเวที คือขอให้ได้อยู่บนเวทีและได้พูด นี่คือดีเอ็นเออันหนึ่ง
ดีเอ็นเออีกอันหนึ่งก็คือดีเอ็นเอของไก่โต้ง ไก่โต้งนี่จะมีลักษณะ กูต้องถูก ถ้ามึงเป็นเพื่อนกู ถึงกูไม่ถูก มึงก็ต้องเงียบ มึงไม่มีสิทธิ์มาว่าอะไรกู ไม่เชื่อก็ไปถามโก้สิ โก้สามีแอ้มน่ะ โดนไก่โต้งดุมาเลย เขารู้จักกันดี เขาบอกถ้าไม่ฟังกัน จะ unlike กันก็ได้นะ ในเฟซบุ๊ก ถึงขนาดนั้นเลย คือพูดง่ายๆ ว่าตำหนิไม่ได้ วิพากษ์วิจารณ์ไม่ได้ แม้กระทั่งเป็นคนกลาง คนประเภทนี้เป็นคนประเภทที่เรียกว่าผิวอ่อน ผิวบาง แตะไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว ส่วนท่านพญาเม็งราย กับเจ้ามูลเมืองนี่นะ เขาเรียกว่าบ้าถึงขั้น
จินดารัตน์ - ใกล้เคียงกันเหรอคะ ดีเอ็นเอ
สนธิ - ดีเอ็นเออันเดียวกันเลย บ้าถึงขั้น คือลืมตัว ลืมหมด เอาอย่างนี้ดีกว่า คนที่เป็นระดับที่มายืนเปลือยอก โชว์พุง แล้วก็ใส่มงกุฎ แล้วก็ยืน แล้วก็ถ่าย เห็นหน้าหรือเปล่าที่ถ่าย
กรองทอง - เขาสมบทบาท
สนธิ - สมบทบาทมาก
กรองทอง - เขาอิน
สนธิ - ไม่ใช่อินอย่างเดียว ดูสิ ดูหน้าที่วางสิ นี่คือลักษณะของคนบ้า อันนี้เรื่องจริงนะ
จินดารัตน์ - นี่หน้าอกเริ่มคล้อยแล้วนะ
กรองทอง - มีอีกรูปหนึ่งนะ รูปที่ชี้ฟ้า
จินดารัตน์ - ชี้ฟ้า หน้าตาเอาเป็นเอาตายนะ ปลิ้นได้อีก พุงน่ะ
สนธิ - ผมว่าประเทศไทยนี่เป็นประเทศที่เวรกรรมเยอะเหลือเกิน วันหลังผมคิดว่าประเทศไทยต้องทำบุญประเทศทั้งประเทศเสียทีนะ จริงๆ
จินดารัตน์ - ขจัดปัดเป่าบ้าง
สนธิ - ขจัดปัดเป่าไปบ้าง มันไม่ไหวจริงๆ เลยนะ
จินดารัตน์ - แต่เขาภูมิอกภูมิใจมากนะคะ
กรองทอง - เขาจะเล่นวันที่ 19 วันอาทิตย์ แสง สี เสียง แล้วก็งบจัดแสดงแสงสีเสียง ให้เขามาชี้ฟ้าขนาดนี้ 30 ล้านบาทนะคะ
สนธิ - ที่ไหน
กรองทอง - ที่เชียงใหม่ ที่เขาประชุมผู้นำน้ำ
สนธิ - แล้วตัวเขาจะเล่นเอง เป็นพญาเม็งรายเหรอ
จินดารัตน์ - ใช่ค่ะ
สนธิ - นี่ผมพูดอะไรไม่ออกแล้วนะ
กรองทอง - แล้วเขาบอกว่า เขากำลังพิจารณาอยู่ว่าต่อไปอาจจะจัดให้เล่นทุกเดือน เพื่อที่จะกระตุ้นการท่องเที่ยว
จินดารัตน์ - หืมมม??
กรองทอง - จริง จัดแสดงแสงสีเสียงอย่างนี้ จะจัดให้แสดงทุกเดือน
สนธิ - ตอนนี้เชียงใหม่ คนที่เที่ยวเยอะที่สุดกลายเป็นคนจีน ผมกลัวว่ามันจะมีเสียงร้อง "ไอ๊หยา" ลั่นเชียงใหม่เลยนะ
กรองทอง - Thailand only ด้วยไง
สนธิ - Thailand Only เผอิญคนจีนพูดภาษาจีนกลาง ถ้าเป็นคนจีนแบบซัวเถา จะบอก ไอ๊หยา เก๋าเจ๊ง!!
จินดารัตน์ - นี่ขนาดปัจจุบัน สถานการณ์ปัจจุบันยังมีคนบ้าขนาดนี้ คุณ ??? ถามว่าประเทศไทยอีก 10 ปีข้างหน้าจะเป็นยังไง อยากให้คุณสนธิลองวิเคราะห์หน่อย
สนธิ - ผมคิดว่าประเทศไทยทายอะไรไม่ได้เลยตอนนี้ ให้ตาย!!
กรองทอง - ในระยะสั้น กี่ปี
สนธิ - ระยะสั้นก็ทายอะไรไม่ได้
กรองทอง - ระยะสั้นก็ไม่ได้ด้วยเหรอ
สนธิ - เพราะว่าอุณหภูมิของความบ้ามันสูงมากตอนนี้ จนกระทั่งผมไม่กล้าเป็นพ่อหมอ แสดงอาการทาย อย่าว่าแต่ 10 ปีเลย แค่พรุ่งนี้ผมยังไม่กล้าทายเลยว่าอะไรจะเกิดขึ้น เพราะคนบ้ามันเยอะเหลือเกิน คือจู่ๆ นะ นุกสังเกตมั้ยว่าในช่วงระยะเวลาไม่กี่อาทิตย์มานี้ เชื้อบ้าแพร่กระจายไปไกลมาก
จินดารัตน์ - รวดเร็ว
สนธิ - รวดเร็วจริงๆ จนกระทั่งคนเหมือนกับหมาบ้าที่บ้าทั้งฝูง แล้วก็ไปกัดหมาตัวอื่น กัดคน คนก็บ้าตาม หมาก็บ้าตาม บ้าไปหมดเลย เพราะฉะนั้นแล้ว ... เอาอย่างนี้ดีกว่า ประเทศไทยมันใกล้จะเป็นประเทศที่คนบ้าเต็มเมืองแล้ว วิธีดีที่สุด เราอยู่ของเรา อย่าไปยุ่งกับใคร พูดกับมันก็ไม่ได้ เพราะน้ำลายบ้ามันมาโดนตัวเรา เราก็บ้าตาม
จินดารัตน์ - ใช่ๆ เดี๋ยวติดเชื้อ
สนธิ - ใช่ ติดเชื้อ เราอยู่ของเราดีกว่า อย่าไปทายเลย 10 ปี
กรองทอง - แต่ว่ามีคนกลุ่มหนึ่งเขาวิเคราะห์กัน แถวสีฟ้าๆ แถวมุมฟ้า มุมฟ้าเขาวิเคราะห์กันว่าปลายปีนี้น่าจะมีการเลือกตั้ง เขาถึงต้องบอกว่าเขาจะมาปฏิรูปอะไรภายในมุมของเขา จริงมั้ยคะ จะมีการเลือกตั้งอย่างที่เขาวิเคราะห์กันจริงมั้ยคะ
สนธิ - สิ่งหนึ่งซึ่งเราห้ามไม่ได้เลย คือความเพ้อฝัน
กรองทอง - เพ้อฝันนี่คล้ายๆ กับอาการบ้าเหมือนกันมั้ยคะ
สนธิ - คล้ายๆ กัน คือแรงน้อยกว่าอาการบ้า แต่ก็ผิดปกติกว่าอาการปกติ
จินดารัตน์ - น่าสงสารนะคะ เป็นหลายโรคเลย
สนธิ - เป็นหลายโรค
จินดารัตน์ - ทั้งตอแหลลงตับ
สนธิ - ตอแหลลงตับ เพ้อฝัน แล้วอีกอันก็คือ เลียน้ำลายที่ตัวเองถุยออกไป แล้วมันตกมาบนพื้น ว่าการเมืองมันต้องอยู่ในสภา มาเป็นการเมืองนอกถนนได้ยังไง คือผมคิดว่านะ ไม่ว่าจะถามเรื่องอะไรก็ตาม สรุปง่ายๆ ผมพูดไปหลายครั้งแล้ว แอนก็คงจำได้ ผมบอก พวกเรานี่เป็นคนปกติในสังคมที่ไม่ปกติ เรามีความรู้สึกงง ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ได้ ทุกคนเลยนะที่รอบตัวเรา ไม่ว่าจะเป็นพวกสีฟ้า สีแดง สีโน้นสีนี้ ท่านพญาเม็งราย ท่านนู่นท่านนี่ เรามาดูให้ดีๆ แล้ว แสดงว่าอะไรก็ตามที่อยู่รอบตัวเรามันเริ่มบ้ากันทีละจุดๆ แล้วเชื้อบ้ามันเผยแพร่ กระจายไปเรื่อยๆ ผมถึงบอกว่า ตอนนี้เราต้องระวังตัวให้มากที่สุด อย่าไปประหลาดใจ ก็ขนาดท่าน ร.ต.อ.เฉลิม ท่านยังต้องการจะผลักดันให้ลูกชายเป็นสารวัตรโดยเร็ว ก็เลยเอาตำแหน่งให้ไปลงที่ทางใต้ เสร็จเรียบร้อยแล้วก็อ้างว่าที่เอาไปลงใต้ก็เพราะว่ายิงปืนแม่น เท่านั้นเอง วันก่อนมีคนมาถามผมว่า แม่นขนาดยิงในที่มืดคนยังตายได้เลย ก็ถือว่าแน่แล้ว ก็เอาอย่างนี้ดีกว่า ผมว่านะ ทักษิณ ชินวัตร ก็บ้า คือวันนี้ด่าศาล พรุ่งนี้ชมศาล มะรืนด่าศาล มะเรื่องชมศาล คนจิตไม่ปกติเลยนะเนี่ย ดูให้ดีๆ เพราะฉะนั้นแล้ว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แทบไม่ต้องพูดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่มองโกเลีย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการพูดจากะป้ำกะเป๋อทุกอย่าง เรามีนายกฯ ที่ไม่ปกติ เรามีพี่ชายนายกฯ ที่ไม่ปกติ และเรามีรัฐมนตรีหลายคนที่อยู่ในรัฐบาลชุดนี้ที่ไม่ปกติ มันบ้ากันไปหมดแล้ว เมื่อมันบ้ากันไปหมดแล้ว เราก็ต้องถามตัวเราเองว่า แล้วเราจะดูแลตัวเรายังไงเพื่อไม่ให้เราบ้าตาม ดูได้ 2 อย่าง นุกดูด้วยความสมเพช นุกดูด้วยความสงสาร หรือนุกดูด้วยความขบขัน
กรองทอง - ตอนนี้คือมันเป็นหลายระดับ มันมีทั้งสงสารก่อน สมเพชก่อน จนตอนนี้มันต้องขำแล้วไง ไม่งั้นมันจะเครียด เฮ้ย ยังไง ต่อไปถ้าฉันมีลูกจะอยู่อย่างไร คือมันต้องค่อยๆหันมาเยียวยาตัวเอง ว่าดูให้มันขำขำไปแล้วกัน ไม่งั้นมันเครียด
สนธิ - แอนว่าไง ดูอย่างไร
จินดารัตน์ - จริงๆแอนขำ สมเพชมากกว่า
สนธิ - คือสรุปแล้ว 3 อย่างผสมกัน ขำด้วย สมเพช เวทนา ด้วย ก็ดี ถูกต้องแล้ว
จินดารัตน์ - อีกฟากฝั่งหนึ่งไม่ปกติ อีกฟากฝั่งหนึ่งก็โรครุมเร้า ทั้งตอแหลลงตับ ไม่ยอมรับความจริง เพ้อฝัน ขนาดคนในพรรคเองบอกให้ปฏิรูป
กรองทอง - คือรู้ทุกอย่าง รู้เขารู้ทุกเรื่องแต่ไม่รู้เรา ไม่รู้ตัวเองเลย
สนธิ - ผมขออนุญาตพูดนิดหนึ่งก็ฟันธงเลย ตีแสกหน้า ผมว่าพรรคประชาธิปัตย์ จะปฏิรูปตัวเองได้ มีอยู่เงื่อนไขเดียวคือ พี่ชวนของผมต้องลาออกแล้วเลิกเล่นการเมือง
จินดารัตน์ - ทำไมคะคุณสนธิ
สนธิ - เพราะว่าถ้าพี่ชวนยังอยู่ ปฏิรูปไม่ได้
จินดารัตน์ - ก็ยังเป็นเหมือนเดิมจนกว่าจะตายจากกันไปข้างหนึ่ง
สนธิ - ผมคิดว่าคนเราถ้าจะทำงานที่ไหนสักแห่ง อย่าเข้าใจผิดนะ พี่ชวนเป็นคนดี เป็นเพียงแต่ว่าความซึ่งแกเป็นเหมือนเสาหลักของพรรคประชาธิปัตย์ เงาแก ใหญ่มาก ถ้าแกถอยออกมาแล้วแกบอกว่านี่อายุแกถึงขนาดนี้แล้ว ถึงเวลาแกล้างมือแล้ว ให้เด็กรุ่นหลังแก้ปัญหากันเอง เดินออกไปเลย แต่ทีนี้สังคมเมืองไทย การเมืองไทยไม่ใช่อย่างนี้ อย่าว่าแต่พี่ชวนเลย แม้กระทั่งคนซึ่งจะเดินให้ครบแสนไมล์ พล.อ.ชวลิต หมื่นลี้ล้านลี้ของแก ที่บอกว่าถ้าแก้ปัญหาไม่สำเร็จจะกระโดดแม่น้ำโขงตาย ป่านนี้ยังไม่ยอมล้างมือ 81 แล้ว
กรองทอง - น้ำโขงจะแห้งแล้วนะคะ
สนธิ - นี่คือปัญหาใหญ่ของเมืองไทยไง มันไม่ยอมหยุดซะที แล้วทักษิณก็จะบ้าแบบนี้ไปเรื่อยๆ จะบ้าไปจนกระทั่งตัวเองพะงาบๆ หายใจไม่ออก ยังคิดไม่ได้ ที่สำคัญคือถ้าตกนรกตายไปแล้วตกนรก จะไปยุพวกผีที่อยู่ในขุมนรก ไปเผาขุมนรกเหมือนที่ไปเผาราชประสงค์หรือเปล่า
จินดารัตน์ - ญาติพี่น้องคงเผาเงินไปให้เยอะนะคะ ใช้เงินสนุกเลยในนรก
สนธิ - นี่คือปัญหาของบุคลิกภาพของผู้นำเมืองไทยไม่เว้นพรรค ไม่ยอมปล่อยวางจากอำนาจ ยึดติด อย่าง พล.อ.ชวลิต นี่เห็นชัดเลยนะว่า 81
จินดารัตน์ - มีคนแนะนำแกว่าอย่าไปกระโดดแม่น้ำโขงเลย แม่น้ำโขงจะแห้งอยู่แล้ว ไปกระโดดที่กระโดดที่สามผาที่เมืองจีน น่าจะเหมาะกับแกมากกกว่า
สนธิ - พี่จิ๋วแกเป็นคนซึ่งมหัศจรรย์พันลึกมาก ผมรู้จักแกดี มีอยู่ครั้งหนึ่ง สมัยก่อนที่วีระ มุสิกพงศ์ ยังไม่ได้เปลี่ยนชื่อเป็น วีระกานต์ มุสิกพงศ์ ตอนนั้นเขาก็อยู่พรรคความหวังใหม่ พี่จิ๋วรู้สึกจะเป็นนายกฯ มั้ง เขาก็ไปหาพี่จิ๋ว เดินออกมานัดลูกน้องเลยที่อยู่หน้าห้อง ที่อยู่หน้าพี่ระบอกเดี๋ยวไปเลี้ยงกัน พี่จิ๋วสัญญาจะให้ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
จินดารัตน์ - โอ้โห
สนธิ - เตรียมตัวไปเลี้ยงกันเลยนะ ปรากฏว่าพอประกาศออกมา แกไปให้ นายวัน มูหะมัดนอร์ มะทา ส่วนพีระไม่ได้เลย ทั้งๆ ที่รับปากพีระว่าจะให้ ส่วนวัน มูหะมัดนอร์ มะทา ใฝ่ฝันจะนั่งกระทรวงศึกษาฯ แต่พี่จิ๋วเขามีคนนั่งกระทรวงศึกษาฯ แล้ว แกเลยให้ลูกน้องแก ซึ่งเป็นไม่รู้กี่คนยื่นหนังสือประท้วงบอกว่า ไม่ควรเอามุสลิมมานั่ง
จินดารัตน์ - ที่กระทรวงศึกษาฯ หรอ
สนธิ - แกเลย วัน มูหะมัดนอร์ มะทา ไปนั่งกระทรวงคมนาคม เข้าใจยัง คือพี่จิ๋วตำแหน่งรัฐมนตรี 1 ตำแหน่ง แกสัญญาประมาณ 10 คน คนนั้นก็ให้ คนนี้ก็ให้
กรองทอง - คนที่ได้คือคนสุดท้ายป่ะ
สนธิ - ไม่รู้สุดแล้วแต่ สุดแล้วแต่จังหวะใครเสียบจังหวะเข้าไปพอดี เหมาะๆ พอดีเลยคือ ชื่อมันเปลี่ยนตลอดเวลา นี่คือพี่จิ๋ว พล.อ.ชวลิตใช่ไหมครับ
จินดารัตน์ - ยิ่งกว่าปลาไหลใส่สเก็ตอีกนะคะ
สนธิ - โอ้โหนี่เรื่องจริง ผมจะเล่าให้ฟัง ผมฟังแล้วผมก็ขำ ผมเคยนั่งคุยผมถามแก แต่แกมีความน่ารักนะ แกไม่เคยโกรธ หนังสือพิมพ์จะว่าอะไรแกก็ไม่เคยโกรธ ไม่เคยเลยแม้แต่นิดเดียว พูดอะไรต่อหน้าแรงๆ แกไม่เคยโกรธ ไม่เหมือนทักษิณ ชินวัตร ไม่เหมือนคนโน้นคนนี่เขาฟ้องแหลกเลย มีอยู่วันนึงนั่งคุยกันผมบอกพี่ ผมถามพี่ตรงๆ เวลาพี่ออกจากบ้านพี่ดูกระจก แล้วพี่ถามตัวพี่เองในกระจกเปล่าว่า ผมชื่อชวลิตนะ
กรองทอง - ถามอย่างนี้เลยหรอคะ ถามตรงๆ เลย
สนธิ - แกหัวเราะก๊ากเลย แหมน้าธิ แกเรียกผมน้าธิ บอกน้าธินี่หืม
กรองทอง - อารมณ์ดี
จินดารัตน์ - เอาใจนักข่าว หวานเจี๊ยบตลอดเวลา
สนธิ - หวานเจี๊ยบตลอดเวลา
จินดารัตน์ - ไปเรื่อง
กรองทอง - เศรษฐกิจกันดีไหมคะ มีคนถามมาว่า เราจะอยู่รอดได้อย่างไร ในระบบธุรกิจแบบข้ามชาติขนาดใหญ่ แย่งชิงพื้นที่ การทำธุรกิจขนาดเล็กของชาวจีนที่เข้ามาแย่งชิงพื้นที่ขนาดเล็กอีก เราจะอยู่รอดได้อย่างไรคะ
สนธิ - มันเป็นรัฐบาลนะ รัฐบาลนี่ต้องส่งเสริมคือๆ ผมมองอย่างนี้ ธุรกิจใหญ่ให้เขาใหญ่ต่อไป เราไม่จำเป็นต้องส่งเสริมอะไรเขาแล้ว เงินทุนเขาใหญ่ เครือข่ายเขาใหญ่ กำลังเขาใหญ่ ประเทศจะอยู่รอด ไม่ได้อยู่รอดเพราะธุรกิจใหญ่นะ เพราะถ้าประเทศมีแต่ธุรกิจใหญ่ทั้งนั้น คนทั้งหมดจะเป็นทาส เป็นมนุษย์เงินเดือน เป็นลูกจ้าง แต่ถ้ามีธุรกิจเล็กมีเอสเอ็มอี มีบริษัทเล็กๆ พนักงาน 30-40 คน มีโรงงานเล็กๆ มีอุตสาหกรรมทำขนม 4-5 คูหา ทำขนมส่งพวกนี้ มันจะเป็นการส่งเสริมฝีมือ ส่งเสริมแรงงานทำให้คนเจริญเติบโตขึ้นไปได้ หน้าที่ของรัฐบาลต้องให้การสนับสนุนเขา เหมือนอย่างผมเคยพูดมา ผมบอกว่าไอ้คนซึ่งมันมีรถเข็น แล้วมันจอดรถเข็นมันอยู่แถวริมถนน มันจอดตรงนั้น 10 ปี 15 ปี แสดงว่ามันทำมาค้าขายได้ใช่ไหม แต่ว่าในขณะเดียวกัน ไอ้พวกนี้ทำไมมันขึ้นตึกแถวไม่ได้ มันไม่มีเงิน ใช่ไหม หรือว่าคนที่เป็นเพิงเปิดร้านก๋วยเตี๋ยว มีทางไหมที่จะให้เขามีปิกอัพสักคัน แล้วเอาร้านก๋วยเตี๋ยวเขามาใส่ในปิกอัพ
จินดารัตน์ - ท้ายรถ
สนธิ - ท้ายรถ และก็ขับไปจอดที่ขายที่โน้นที่นี่ บอกทำได้ แต่ว่าเขาต้องมีเงินทุน ทีนี้เงินทุน เมืองไทยหรือว่าในโลกนี้เป็นเรื่องตลก คนยิ่งรวยยิ่งกู้ง่าย 2.ดอกเบี้ยยิ่งถูก คนยิ่งจนยิ่งกู้ไม่ได้ ถ้ากู้ได้ดอกเบี้ยโคตรแพง ซึ่งมันต้องมุมกลับกันคือ ดอกเบี้ยพอๆ กัน คือคนเขาจนอยู่แล้ว ยังจะดอกเบี้ยแพง เพราะฉะนั้นด้วยเหตุนี้แล้ว การเจริญเติบโตของธุรกิจเล็กมันถึงเจริญเติบโตยาก ถ้าสมมุติว่า คนอยากจะทำธุรกิจและไม่มีธุรกิจอะไรดีเท่าธุรกิจเล็ก ธุรกิจขายอาหาร คนต้องกิน คนต้องใช้ คนต้องตอนเที่ยงต้องกิน ตอนเย็นต้องกิน จำได้ไหมที่มีร้านบะหมี่แฟรนไชส์ ตอนนี้ก็หายไปแล้วชื่อ ชายสี่หมี่เกี๊ยว จริงๆ แล้วชายสี่บะหมี่เกี๊ยวพวกนี้ ลักษณะแฟรนไชส์ที่ส่งไปให้ชาวบ้านเราต้องส่งเสริมเขา แต่ขณะเดียวกันไอ้คนที่มันจน มันจะไปจ่ายค่าแฟรนไชส์ชายสี่บะหมี่เกี๊ยวได้อย่างไร มันจ่ายเสร็จแล้ว มันต้องไปหาเงินซื้อรถเข็นมาอีก ถูกไม่ถูกใช่ไหม มันต้องมีโต๊ะ มีเก้าอี้วางริมถนน โดนตำรวจรีดไถ โดนเทศกิจรีดไถอีก เพราะฉะนั้นเมืองไทย รัฐ เจ้าหน้าที่รัฐมันไม่ได้เอื้ออำนวยให้กับคนที่ต้องทำมาหากิน มันเลยจบลงด้วยรับ 300-500 ไง ตอนประท้วงเข้าใจยังมันง่ายกว่า
ถ้าคุณจะสามารถทำให้คน เอาคุณจะเอาธุรกิจอาหาร ใครทำก๋วยเตี๋ยวอร่อย น้ำก๋วยเตี๋ยวเป็นอย่างไร ใครทำแกงเขียวหวานอร่อย อาหารไทยเป็นอย่างไร รัฐบาลมีหน้าที่ไปซื้อสูตรมา หรือ คิดเป็นศูนย์รวมเลย ใครอยากผลิตก๋วยเตี๋ยวที่น้ำต้มกระดูกต้องแบบนี้ เส้นต้องแบบนี้ ลูกชิ้นปลาเขาทำกันอย่างนี้ แล้วให้คนมาเรียนฟรี พบจบหลักสูตรไอ้นี่อยากจะตั้งธุรกิจ สามารถจะไปกู้เงินจากธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย ธุรกิจเอสเอ็มอีได้ วงเงินไม่เกิน 2 แสนบาท หาใครมาค้ำประกันสักคน ไม่ต้องเอาหลักทรัพย์มาเพราะคุณมีที่ดินมาค้ำ โทษนะ แดกกูไม่มีจะแดกเลย กูจะหาหนี้มาทำไม กูอยากทำมาหากินมึงช่วยกูทำมาหากินหน่อยได้ไหม แค่ช่วยเริ่มต้น แล้วปรากฏว่าไอ้พวกธุรกิจพวกนี้ มันจบลงด้วยการซึ่งต้องกู้นอกระบบ ร้อยละยี่ 20 ต่อเดือน ร้อยละ 5 ถือว่าปราณี ต้องกราบตีนมันน ะกู้มา 50,000 ดอกเดือนละ 5,000 คือก๋วยเตี๋ยวพวกนี้ อาหารพวกนี้วันหนึ่งเขาขายจริงๆ น่าจะได้สัก 1,500-2,000 เขาน่าจะกำไรวันละประมาณพันหนึ่ง เดือนประมาณ 3 หมื่น เขาอยู่ได้แล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะได้ 30,000 ทุกเดือน เขาจะมีหน้าฝนที่มันตกหนัก เขาขายไม่ได้หรือเขาจะมีช่วงไหนเขาเป็นไข้หวัดใหญ่เขาขายไม่ได้ เพราะฉะนั้นโดยเฉลี่ยแล้ว เขาจำเป็นจะต้องมีการสนับสนุนในบางส่วนบางประการให้เขาอยู่ได้ ถ้าเรามีธุรกิจขนาดเล็กพวกนี้ มีความสามารถที่เขาสามารถจะเอาข้อมูลข่าวสารมาทำะรกิจได้ ข้อมูลข่าวสารนี่คือรัฐต้องเป็นคนเสนอ เหมือนอย่างที่ผมบอก โรงแรมดุสิตธานี ใครจะเรียน กอร์ดอง เบลอ ก็ไปเรียนดุสิตธานี เขาจ้างเชฟฝรั่งเศสมาสอนเลย คอร์สหนึ่งประมาณ 3 แสนกว่าบาท 3 เดือน ปีหนึ่งเรียน 4 คอร์ส จนครบ คอร์สทำเค้ก คอร์สทำอาหาร ประมาณล้านสอง รัฐบาลทำไมไม่ตั้ง กอร์ดอง เบลอ และจ้างเชฟฝรั่งเศสมา ตั้งไว้ที่ทางเหนือ ภาคเหนือตอนบน ภาคเหนือตอนล่าง 2 แล้ว อีสาน เหนือ อีสาน ใต้ 4 ภาคใต้ตอนบน ภาคใต้ตอนล่าง 6 เรียนฟรีสิ รัฐบาลงทุนให้ด้วย เรียนฟรี คุณก็อาจจะมีนายวิชัย เนินสูงโนน อยู่แถวๆทุ่งครุ หรือแถวๆอีสาน คุณนั่งรถไปเที่ยวอีสาน จะไปนั่งกินสปาเก็ตตี้ ไส้กรอกอีสาน หรือสอนวิธีทำอาหารจีน ติ่มซำ เอาเชฟมาสอนเลย สอนทำติ่มซำ โฮมสเตย์ แถวกาฬสินธุ์ เข้าไป มีฮาเก๋า มีซิวไหม เข้าใจหรือยัง นี่คืออาชีพ เราป้อนให้เขาเลย ทำไมไมคนรวยถึงจะเรียนกลอดอง เบลอได้ ทำไมคนอีสานทำสเต็ก ทำเฟรนช์ฟรายไม่ได้หรือไง หั่นแครอท ทำเกรวี่ราดกับไก่ไม่ได้ ไก่บ้านเอาไปย่าง หรืออบด้วยเตาอบ เตาถ่านเสร็จเรียบร้อย ปรุงน้ำเกรวี่ แล้วก็ราดไก่ย่าง มีมีด มีซ่อม ฝรั่งไปก็สามารถจะสั่งชิกเก้นเกรวี่ สอนวิธีทำขนมปัง แถวลำปาง บ้านยายเก๋ กมลพร แถวแม่เมาะ ก็อาจจะทำเฟรนช์ บาเกตต์ ทำไมจะทำไม่ได้
กรองทอง - พอคุณสนธิพูดถึงเรื่องให้ช่วยเริ่มต้นให้คนตั้งตัวได้ก็เลย ก็เลยนึกถึง ตอนนี้รัฐบาลก็มีนะคะ ที่ช่วยตั้งตัวได้ เขามีกองทุนตั้งตัวได้ ที่บอกว่า จะให้เด็กจบใหม่กู้ คือเด็กเพิ่งจบใหม่เลยนะ คือทำงานก็ไม่รู้ว่ามีความรับผิดชอบต่อตัวเองได้แค่ไหน กู้ไปตั้งตัว ชื่อกองทุนตั้งตัวได้ เขาบอกว่า เด็กจบใหม่จะได้มีงานทำ เป็นธุรกิจย่อมๆของตัวเอง ให้กู้ได้อย่างไม่เกินคนละล้าน อันนี้ 5 พันล้านในโครงการอีก 1 ประชานิยมของเขา กองทุนตั้งตัวได้เพื่อเด็กจบใหม่
สนธิ - ก็เพราะว่ามันผลาญเพราะว่าเงินนี้ไม่ใช่เงินพ่อเงินแม่มันไง เงินภาษีอากร มันทำเพื่อมาหาเสียงเท่านั้นเอง มันไม่สนใจ มันผลาญเหมือนเงินงบประมาณซึ่งมันกู้มาเพื่อจะทำแก้ปัญหาเรื่องน้ำท่วม ไม่ใช่เงินพ่อเงินแม่มันไง เงื่อนไขการกู้มีอะไล่ะ
กรองทอง - ประมาณว่า ต้องเป็นเด็กจบใหม่
สนธิ - เด็กจบใหม่ตอนนี้ที่ตกงานมีอยู่ 2 แสนกว่าคนนะ แล้วมีอยู่ 5,000 ล้านบาท 5,000 คน เงื่อนไขการกู้อยู่ที่ไหนล่ะ
กรองทอง - เหมือนกับต้องมีอาจารย์มาช่วย ต้องคัดเลือก
สนธิ - มันก็กำลังก้าวไปสู่กระบวนการหัวคิวแล้วใช่ไหม เข้าใจยังนุก
กรองทอง - ไหนจะช่วยเราตั้งตัวไม่ใช่เหรอ
สนธิ - ก็นี่ไงล่ะ ก็คนมัน 2 แสน แล้วคน 5,000 คนแล้วยังไงล่ะ
จินดารัตน์ - แล้วไอ้ที่เลือกมายังติดหนี้กองทุน กยศ.
กรองทอง - ตอนเรียนก็มีหนี้แล้ว จบมาก็มีหนี้อีก
จินดารัตน์ - จะให้เราเป็นหนี้ตลอดชีวิตว่างั้นเถอะ
กรองทอง - ซึ่งทุกวันนี้เราก็มีหนี้เป็นทุนของเราอยู่แล้วอีก 2 ล้านล้าน
สนธิ - เมืองไทยต้องการสนับสนุนให้เริ่มทำมาหากินได้ด้วยตัวเอง การให้ทักษะในการทำมาหากิน สนับสนุนในเงินเริ่มต้น เสร็จเรียบร้อยแล้ว เพื่อให้เขาจะได้ล้างหนี้ล้างสินในอดีตที่เขาเคยมีอยู่ ถูกมั้ย เด็กที่จบใหม่ไม่จำเป็นต้องให้เงินทุนเขาหรอก เอาไอ้ที่กระเรี่ยกระราดอยู่ริมถนน ที่วางขายตามแผงต่างๆ ให้เขามีสถานภาพที่ดีกว่าเดิม ที่ไม่ต้องไปเสียร้อยละ 20 ร้อยละ 10 แค่นี้ก็เป็นบุญมหาศาลแล้ว เข้าใจหรือยัง
กรองทอง - นี่คือกลายเป็น.. เหมือนเอาหัวเดินแทนเท้าแล้วเนอะ คือคิดอะไรแบบ ... แทนที่จะให้ทักษะ
จินดารัตน์ - กลับหัวกลับหาง
สนธิ - ไม่ๆ เหมือนกับให้ตัดเท้า ให้เข้ากับรองเท้า ไม่ใช่ตัดรองเท้าให้เข้ากับเท้า
จินดารัตน์ - ถ้านิ้วมันใหญ่ไปก็ตัดไปนิ้วหนึ่ง คำถามสุดท้ายแล้วกันนะนุก จะเอาคำถามเยอะนะ แต่ไม่ได้แล้ว เวลาจะหมดแล้ว
สนธิ - ไม่ แต่ละคำถามมันต้องอธิบายเยอะ
จินดารัตน์ - แล้วเดี๋ยวเราก็จะยกยอดไปตอบคำถามทุกเดือน สุดท้ายแล้วกันนะคะ คุณอ้อย รักในหลวง บอกว่าพอดีสามีจะต้องย้ายไปทำงานที่นิคมฯ โรจนะ ที่ปราจีนบุรี ใจจริงไม่ค่อยอยากตามไปอยู่ที่นั่นเลย เพราะว่าไม่คุ้นเคยกับจังหวัดที่ไปอยู่ มีความรู้สึกว่าไกล การเดินทางไม่ค่อยสะดวก แต่ถ้าจะแยกกันทำงานคนละที่ก็ดูแปลกๆ อีก และอีกอย่างก็เป็นกังวล เพราะว่าคุณแม่ใกล้จะเกษียณแล้ว ตั้งใจว่าจะพาแม่มาอยู่ด้วย แต่พอมาดูที่ปราจีนบุรีแล้วก็อดเป็นห่วงแม่ไม่ได้ กลัวท่านจะลำบาก ขอปรึกษาคุณสนธิว่า ถ้าหากต้องไปอยู่ที่นั่นจริงๆ ตั้งใจว่าจะสร้างบ้านที่นั่นเลย คุณสนธิคิดว่า อ.กบินทร์บุรี หรือในตัวจังหวัดปราจีนบุรี ที่ไหนน่าสร้างบ้านอยู่ดีคะ รบกวนช่วยแนะนำด้วยค่ะ
สนธิ - อันนี้จะตอบสั้นๆ นะ แล้วก็ไปอีกคำถามหนึ่งแล้วกัน คือผมตอบไม่ได้ เพราะผมไม่รู้จัก อ.กบินทร์บุรี เป็นยังไง และปราจีนบุรีเป็นยังไง ผมให้คำตอบไม่ได้ แต่ผมให้อย่างนี้ดีกว่า การที่พูดว่าจะไปสร้างบ้าน แสดงว่าสามีจะอยู่ที่นั่นจนเกษียณเลยเหรอ หรือคุยกับสามีหรือยังว่าจะต้องการอยู่ที่ปราจีนบุรีจนตาย เช็กตรงนี้เสียก่อน
กรองทอง - จะลงหลักปักฐานเลยหรือเปล่า
สนธิ - เอาอีกคำถามหนึ่ง
จินดารัตน์ - อีกคำถาม ที่เราคุยกันเมื่อตอนก่อนเข้ารายการ เราอยากรู้มากเลย
กรองทอง - คือมีคนเขาสงสัยว่า อย่างคุณสนธิ ดูแลพนักงาน ได้ใจพนักงาน พนักงานรัก ใครเห็นใครก็รัก ชื่นชม อยากจะรู้ว่าคุณสนธิมีวิธีการบริหารเสน่ห์อย่างไรคะ
จินดารัตน์ - เกี่ยวอะไรกันเนี่ย
กรองทอง - อย่าคิดแค่เรื่องบริหารเสน่ห์ หมายถึงว่าทำยังไงให้มีทั้งบารมี มีทั้งคนเกรงใจ คนรักด้วย ไม่ใช่เฉพาะลูกน้องนะ แต่หมายถึงคนอื่นๆ ด้วย คนทั่วไปด้วย
สนธิ - ผมคิดว่ามันไม่ใช่เป็นปัญหาเรื่องการบริหารเสน่ห์หรอก ทุกคนมีเสน่ห์ในตัวของทุกคนอยู่แล้ว นุกก็มีเสน่ห์ในตัวของนุก แอนก็มี เก๋-กมลพรก็มี แม้กระทั่งเติมศักดิ์ก็มี เสน่ห์แบบเติมศักดิ์ เสน่ห์แบบสนธิ เสน่ห์แบบนุก แต่จะเสน่ห์แบบไหนก็ตาม รากฐานของเสน่ห์มาจากความจริงใจ เวลาเราพูดกับใครเราพูดกับเขาอย่างจริงใจ ถึงจะพูดแรง คำพูดจะดูไม่สุภาพ แต่ถ้าเบื้องหลังของความไม่สุภาพนั้น คือความจริงใจ ไอ้ความไม่สุภาพก็จะหายไป กลายเป็นเขาพูดดีนะ ใช่ไหม เหมือนอย่างที่มีเขาบอกว่า ผมเป็นคนที่พูดคำหยาบและลามกได้น่ารักที่สุด เพราะว่า ผมพูดออกมาจากใจ คือ โทษนะ ถ้าผมบอกว่าไอ้นี้เหี้ยมันก็เหี้ย เข้าใจไหม เพราะฉะนั้นแล้ว ทุกอย่างเริ่มด้วยความจริงใจนั่นคือข้อแรก ข้อที่ 2 ผมคิดว่า ในส่วนของผม พนักงานที่อยู่ด้วยสิ่งแรกที่เข้ารู้ คือ เรารักเขา การแสดงความรักเราไม่ต้องไปเดินโอบกอดเขา ไม่ต้องไปเจ๊าะแจ๊ะเพื่อให้เขารู้ว่าเราใกล้ชิดเขา ความรักที่เรามีต่อองค์กรตรงนี้หรือมีต่อพนักงานในองค์กร เรารักที่จะให้เขาอยู่กับเราโดยที่เรายอมลำบาก เพื่อไม่ให้เขาลำบาก ตรงนี้ตังหากมันแสดงออก แสดงออกตรงไหน แสดงออกได้หลายวิธี แต่ผู้นำองค์กรต้องขมขื่นและต้องอดทน และที่สำคัญที่สุดผู้นำองค์กรเหมือนพ่อในบ้าน
กรองทอง - ใช่ค่ะ
สนธิ - ไม่ร้อง ปวดไม่คราง เก็บความรู้สึกแล้วก็ยิ้ม มีลูกที่หลายคนรู้ว่าพ่อแม่กำลังลำบาก แต่พอไปถามว่า พ่อมีไรเปล่า พ่อบอกไม่มีไม่ต้องห่วงไปเรียนหนังสือไปไม่ต้องกังวล ไม่มีอะไรเกิดขึ้น นี้คือลักษณะของผู้นำที่ต้องมีแบบนี้ แต่พอออกจากห้องไปแล้วน้ำตาแทบไหล รู้ว่าตัวเองยาก แต่ว่าหลายอย่าง เราต้องทำเพื่อให้ลูกน้องเราหรือพนักงานเราเพื่อนร่วมงานเราเเขาไปได้ก่อน เหมือนกับที่ผมบอกว่าทำไมเราต้องอดทน อย่าง ASTV ทำไมต้องอดทน เพราะเวลาเรามองถึงนุ๊ก เรามองแอน เรามองถึงทุกคนเราไม่ได้มองแค่ตัวเขา เรามองพ่อเขา เรามองแม่เขา เรามองพี่เขา เรามองลูกเขา ไม่ใช่เขาคนเดียวครอบครัวเขาทั้งครอบครัว เพราะฉะนั้นเราต้องรักษาเขาเอาไว้จะยังไงก็ตามต้องรักษา ไอ้ตรงนี้มันจะสะท้อนออกมาอาจไม่เห็นกันในวัน 2 วัน แต่พออยู่ไปซักพักหนึ่งอยู่ไปนานเข้านานๆ เข้ารู้ว่า คุณสนธหรือว่านายเราเขาแน่ไม่เคยทิ้งเราเลย ไม่เคยทิ้งเรา ที่นี้ลักษณะการบริหารงานแบบนี้มันจะทำได้ในลักษณะที่เป็นเถ้าแก่ แต่ถ้าเป็นบริษัทจำกัด เหมือนอย่างลักษณะแบบปูนซิเนต์ไทย ธนาคาร มันไม่ได้เพราะกฎระเบียบ แต่อย่างที่ว่า ในธนาคารมันก็จะมีระเบียบของมัน ทำงานได้ครบ 1 ปี มีสิทธิกู้เงินได้เท่านี้ๆ ทำงานครบ 3 ปี กู้เงินสร้างบ้านได้ มันมีของมัน เพราะฉะนั้นประโยชน์มันมี แต่ลักษณะเถ้าแก่บางทีมันพูดยาก บางทีมันไม่มีระเบียบอย่างนั้น เหมือนกับของเราไม่มีกฎของการเกษียณอายุ วันนี้ไปดูสิในออฟฟิศเรา มีคนเกิน 60 ไปหลายคนแล้ว แล้วทุกคนเอ็นจอยมาก เดินเข้ามาสิ้นเดือน รับเงินเดือน ไม่ได้ทำอะไร แต่ก็ยังรับเงินเดือนอยู่ คือพูดง่ายๆ ว่าอยู่ที่นี่รับเงินเดือนจนตาย วันที่ตายคือวันที่ปลดเกษียณ เข้าใจหรือยัง ลักษณะนี้มันก็เลยเป็น family แต่เป็น family ที่ใหญ่ แต่ทีนี้มันจะอยู่ได้มันต้องมีอุดมการณ์ร่วมกัน ถ้าอุดมการณ์ไม่ร่วมกันก็อยู่ไม่ได้ ถูกมั้ย เพราะฉะนั้นแล้วคนที่อยู่เอเอสทีวี อยู่กับพวกเรา ไม่ว่านุก ไม่ว่าแอน ไม่ว่าผม คิดเหมือนกัน อุดมการณ์เหมือนกัน เพราะฉะนั้นแล้วเวลาลำบาก เรารู้ว่าเราต้องลำบากด้วยกัน เพื่อจะเข้าใจซึ่งกันและกัน จบ เท่านั้นเอง
กรองทอง - ถามตรงๆ ทิ้งท้ายตอนนี้ได้มั้ยคะ อยากฟังเรื่องนิ้วก้อยอีกครั้งหนึ่ง
สนธิ - ไม่มีเวลาแล้ว นิ้วก้อย
กรองทอง - โปรดิวเซอร์บอกว่าสั้นๆ ได้ อยากฟังเรื่องนิ้วก้อย
สนธิ - คือเมื่อกี้นี้ก่อนเข้ารายการ ผมคุยให้ฟัง ผมบอก พวกคุณเนี่ยเด็กสมัยใหม่ ชีวิตความรักพวกคุณมันง่ายเกินไป พวกคุณไม่เคย appreciate ความรัก เพราะว่าพวกคุณไปผูกความรักกับความใคร่เข้าด้วยกัน มันก็เลยทำให้ความรัก ความที่คุณจะซาบซึ้งกับสิ่งที่คุณได้ มันไม่ค่อยมีความหมายนัก ผมก็เล่าให้คุณฟังว่า สมัยที่ผมเรียนอัสสัมชัญ ศรีราชา กี่ปีแล้วล่ะ
กรองทอง - ไม่กี่ปีเอง....
สนธิ - 40 กว่าปีแล้ว 40 กว่าปีที่แล้ว ผมอยู่โรงเรียนประจำ พวกผมเรียนโรงเรียนประจำตั้งแต่เด็ก เป็นผู้ชายล้วน ไม่เคยรู้จักผู้หญิงคนไหนเลย จีบผู้หญิงก็ไม่เป็น เพราะไม่ใช่สหศึกษา แล้วก็ไม่อยู่ในกรุงเทพฯ เด็กกรุงเทพฯ คุณเรียนกรุงเทพคริสเตียน คุณเรียนเซนต์คาเบรียล คุณเรียนอัสสัมชัญ เซนต์คาเบรียล คุณก็ยังมีเซนต์ฟรังฯ อยู่แถวๆ นั้น
จินดารัตน์ - โต๋เต๋แถวนั้น
สนธิ - เย็นก็โต๋เต๋แถวนั้น ไม่มีอัสสัมฯ ศรีราชา มามองก็เจอแต่บราเธอร์หน้าดู เจอแต่เครา เจอแต่บราเธอร์หัวล้าน พอเราเรียนถึงชั้น ม.6 ก็มีเพื่อน เขามีน้องสาว แล้วก็มีเพื่อนน้องสาว เข้ามารับเพื่อน ไอ้แก่ ตอนนั้นจะปิดซัมเมอร์แล้ว ก็มีรถมารับกัน ก็เผอิญมีเพื่อนของน้องสาวเขาติดมาด้วย เขาอยากดูอัสสัมชัญ ศรีราชา ชื่อต้อย วนิดา เดชาติวงศ์ ณ อยุธยา
กรองทอง - จำแม่นมากเลย
สนธิ - ตอนนี้เกือบ 70 แล้ว ถ้าต้อยได้ยินต้อยคงขำ เขาก็แนะนำให้รู้จัก ไอ้ผู้ชาย เด็กหนุ่มผู้ชายที่มันเรียนโรงเรียนมัธยมปลาย แล้วมันไม่เคยรู้จักผู้หญิง แล้วอยู่โรงเรียนประจำ มันตื่นเต้น มันเขิน
จินดารัตน์ - ทำตัวไม่ถูก
สนธิ - ทำตัวไม่ถูก แต่ก็ได้รู้จักกัน ก็เลยพูด จีบกันสมัยนั้นก็คือ วันหลังผมเขียนจดหมายหาคุณต้อยได้มั้ยครับ ได้ค่ะ ยินดีค่ะ ก็ขอที่อยู่กันไป แล้วก็เขียน เขียนกัน 20-30 ฉบับ สวัสดีครับ คุณต้อย ผมวันนี้เรียนหนังสืออย่างโน้นอย่างนี้ บ่ายผมเล่นบอล ต้อยเขาเลยเขียนมา ต้อยเขาเรียนราชินีฯ ต้อยตอนนี้มาอยู่นี่ ต้อยมีเพื่อนอย่างโน้น คุณพ่อไปซื้อโน้น ไปเที่ยวโน้นมาสิ ก็เล่ากันไปเล่ากันมา ลงท้ายแล้วค่อยเจอกันนะครับ แค่นี้เอง ไม่มีการคิดถึง
จินดารัตน์ - รักนะ
สนธิ - รักนะจุ๊บๆ ไม่มีเลย แค่บอกว่าแล้วค่อยเขียนกันใหม่นะครับ จนกระทั่งพอจะปิดเทอม เขียนกันมา 20-30 ฉบับแล้ว ลงท้ายด้วยคำว่า ระลึกถึงนะครับ แล้วต้อยเขาตอบมา ระลึกถึงเช่นกัน แค่นี้เอง เลือดมันฉีดเต็มตัวหมดแล้ว โอ้ยตายห่าผู้หญิงระลึกถึงเรา
จินดารัตน์ - หัวใจพองโต
สนธิ - ก็เลยเขียนกันว่า จะเดทกันครั้งแรกตอนนั้น ตอนนั้นอยู่ ม.8 เหมือนกับ ม.6 สมัยนี้
จินดารัตน์ - 18 แล้วนะคะ
สนธิ - 18 แล้ว ก็เลยเดทกันจะไปดูหนังที่โรงภาพยนตร์เฉลิมไทย
กรองทอง - โอ้โหนี่เลยใช่ไหม ที่ทุบไปแล้ว
สนธิ - ที่ทุบไปแล้ว ก็ไปกัน 5 คน เขาบอกเขาจะพาเพื่อนไป 5 คน เขาขอให้เราพาเพื่อนไป 5 คน เราเลยไปเล่าให้เพื่อนฟัง ไอ้เพื่อนมันก็อยากสนับสนุนให้เราจีบต้อยก็ไป เขาก็มา 5 เราก็มา 5 ก็ไปซื้อตั๋วกัน
กรองทอง - ทำไมไม่ไปคู่ละคะ ไป 2 คน
สนธิ - ไม่ได้ สมัยก่อนไม่ได้เลย สมัยผมหัวโบราณ ถึงบอกว่าสมัยนี้มันพัฒนากันมากแล้ว ใช่ไหม เสร็จแล้วเขาก็นั่ง ผู้ชายนั่ง 5 ซ้าย ผู้หญิงนั่ง 5 ขวา แล้วเอาผมตรงกลางกับต้อยนั่งด้วยกัน นั่งกันอย่างนี้เก้าอี้อย่างนี้นะ แล้วต้อยนั่งอย่างนี้ แล้วก็ดู เราก็ดูมือไป แล้วมือมันก็วาง มือเขาก็วาง แล้วเขาก็ขยับทีละนิดทีละนิด จนนิ้วก้อยเขากับนิ้วก้อยเราโดนกัน เท่านั้นเองไฟมันช็อตทั้งตัวเลย โอ้ยมันมีความรู้สึกมีความสุขฉิบหายเลย ชีวิตกูแค่นิ้วก้อยโดนนิ้วก้อย ไม่เหมือนไอ้เด็กสมัยนี้มันปล้ำกัน มันเอากัน มันนอนกัน มันจูบกัน มันเลียกัน เห็นหรือยังว่า มันต่างกันขนาดไหน แต่นี่คือสิ่งซึ่ง appreciate มาก
จินดารัตน์ - มันเป็นความประทับใจ
สนธิ - ประทับใจมาก นิ้วก้อยแตะนิ้วก้อย มันมีความรู้สึกซาบซึ้งกว่ากอดกัน แล้วมีเซ็กส์กันสมัยนี้ เห็นหรือยัง
จินดารัตน์ - คิดดูจำได้ว่า นิ้วก้อยโดน แต่จำไม่ได้ว่าดูหนังเรื่องอะไร
สนธิ - ไม่ดู จำไม่ได้เลย ดูหนังเรื่องอะไรจำไม่ได้ พอใจหรือยัง ไม่เหมือนสมัยนี้มันเปลี่ยนไปหมดแล้ว มันเปลี่ยนไปจริงๆ เพราะฉะนั้นแล้วอะไรที่มันง่ายเกินไป คนมันไม่ appreciate คนมันไม่ซาบซึ้งไม่ตรึงใจ
จินดารัตน์ - ไม่เห็นคุณค่า
สนธิ - มันต้องได้มายากหน่อย และเมื่อได้มา หรือว่าอะไรที่มีอยู่ต้องรักษามันเอาไว้ เหมือนที่ผมพูดตลอดเวลา เด็กสมัยใหม่อย่ายอมง่ายนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้หญิง ถ้ายอมง่ายก็เหมือนเล่นไพ่กับเขา เท่ากับผู้ชายมันเห็นไพ่เราหมด ถ้าเราคิดว่าเราเสียเปรียบ เราเลิกเล่นตานั้นเลย บอกพี่เล่นใหม่สับไพ่ใหม่ คือว่าจากนี้ไปยอมมันยากขึ้น มันจะบอกว่า เอ๊ะทำไมเดี๋ยวนี้น้องถึงเล่นตัวกับพี่ บอกน้องไม่ได้เล่นตัวหรอก แต่พี่ต้องจริงใจกับน้องมากกว่านี้ อะไรบ้างที่เราไม่จริงใจ ผู้หญิงบางคนมันโง่พอที่จะไม่รู้ว่า แฟนมันอายุเท่าไร ไปถามเขาๆ ไม่ตอบว่า อายุเท่าไร
กรองทอง - มีคนอย่างนั้นด้วยหรอคะ
สนธิ - แค่นี้ถ้าผู้ชายไม่กล้าบอกแม้กระทั่งอายุนะ แล้วเรื่องอื่นมันจะกล้าบอกหรอ แล้วเสือกไปให้เขาเอาเรียบร้อยแล้วด้วย เข้าใจไหมแอน ถ้าวิธีนี้ต้องตีไพ่เลิก
จินดารัตน์ - เอาใหม่ เล่นใหม่
สนธิ - สับใหม่แจกใหม่ พอแจกเสร็จเรียบร้อยก็เก็บไพ่เราอย่าให้มันดู ไปกินข้าวกินก็กิน พอกินเสร็จมันจะชวนเข้าโรงแรมบอกไม่เอาพี่ หนูไม่เอา อย่าเพิ่งพี่ หนูไม่มีอารมณ์ สักพักนึงบอกเกิดอะไรขึ้น หนูต้องขอคิดเพราะว่า ลำพังแค่อายุพี่นี่ พี่ยังไม่ยอมบอกหนูเลย แล้วหนูจะไว้ใจพี่ได้อย่างไร ต้องค่อยๆ รีดมันออกมาทีละนิด เข้าใจยัง
กรองทอง - ค่ะ เป็นบทสรุปที่ดีมาก
จินดารัตน์ - บทเรียนสำหรับเด็กรุ่นใหม่ สอนเด็กรุ่นใหม่ เดี๋ยวคุณสนธิจะไม่อยู่สัปดาห์หน้า เพราะว่าจะต้องเดินทางไปสหรัฐอเมริกานะคะ
สนธิ - แต่สัปดาห์หน้าอย่าพลาด เพราะว่าผมนิมนต์อาจารย์ปานเทพมา อาจารย์ปานเทพจะพูดเรื่องล้างพิษตับ เรื่องน้ำด่าง เรื่องมะเร็ง เรื่องปัญหาสุขภาพ ที่อาจารย์ปานเทพไปสัมผัสมา รวมไปถึงเรื่องการกินนมวัว ผมไม่อยากให้ท่านผู้ชมพลาดเลยสัปดาห์หน้า อาจารย์ปานเทพทดลองด้วยตัวเอง ได้ข้อมูลมาจากนักวิทยาศาสตร์ ได้ข้อมูลมาจากหมอทุกอย่างจะมาเล่าให้ฟังว่า ชีวิตคนเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งชีวิตคนไทยที่อยู่ในสังคมไทยทุกวันนี้ ยืนอยู่บนเส้นด้าย พร้อมจะตายได้ทุกเมื่อ มีบทความอันนึงผมเพิ่งให้อาจารย์ปานเทพไป มาจากเมืองนอกเขาบอกว่า เมียเขาเป็นมะเร็งเพราะสารเคมีในเครื่องสำอาง
จินดารัตน์ - หรอคะ
สนธิ - ปรากฏว่าเขาเขียนมา คุณเตือนให้อาจารย์ปานเทพเอาบทความนั้นมาเล่าให้ฟัง เขาบอกในอียูของยุโรป มันมีระบุชัดเลยว่า เครื่องสำอางห้ามมีสารเคมี 1,400 ชนิด ที่เขากำหนดไว้เลยไม่มี แต่ว่าในอเมริกามันห้ามแค่ 14 ชนิด
จินดารัตน์ - โอ้โห
สนธิ - ทำไมอียูห้าม 1,400 ชนิด ทำไมอเมริกาห้าม 14 ชนิด เพราะฉะนั้นเครื่องสำอางที่มาจากอเมริกาอันตราย ถ้าอเมริกาอันตรายเอเชียก็อันตรายมากขึ้น เพราะมันทำกัน ไม่ว่าจะเป็นของญี่ปุ่น ชิเชโด คาเนโบอะไรพวกนี้ อันตรายทั้งนั้น เพราะฉะนั้นโดยสัญชาติญาณแล้ว ด้วยข้อมูลอันนี้ใครจะซื้อเครื่องสำอางให้ซื้อที่ยุโรป เพราะจะไปขายในนั้นได้จะต้องผ่านมาตรฐานของเขา
กรองทอง - คือใช้แบรนด์ของยุโรปดีกว่า
สนธิ - ต้องใช้แบรนด์ของยุโรปดีกว่า
จินดารัตน์ - หรืออันไหนที่สามารถขายในยุโรปได้
สนธิ - แบรนด์ไหนที่ขายในยุโรปได้ เพราะเขาจะกำจัดไม่ให้มีสารเคมีพวกนี้ ไปดูสิครับ
จินดารัตน์ - งั้นสัปดาห์หน้าต้องคุยทุกเรื่อง
สนธิ - พลาดไม่ได้ครับเรื่องนี้
จินดารัตน์ - คุยทุกเรื่องกับสนธิผ่านอาจารย์ปานเทพนะคะ
กรองทอง - นิมนต์มาเรียบร้อยแล้ว
สนธิ - ผมนิมนต์ไว้เรียบร้อยแล้ว
จินดารัตน์ - ต้องขอบคุณนะคะ สำหรับการติดตามชมทุกๆ สัปดาห์ แฟนรายการอุ่นหนาฝาคั่ง ใครอยากฝากคำถามรีบฝากคำถามไว้ เรื่องของสุขภาพ สัปดาห์หน้าจัดเต็มจัดหนักนะคะ และบางเรื่องที่คุณผู้ชมคิดว่า มันเป็นไปได้ด้วยหรอ จะเกิดขึ้นหลายประเด็นเดี๋ยวอาจารย์ปานเทพจะมาเล่าให้ฟัง
กรองทอง - อย่างเมื่อสักครู่ยกตัวอย่างมาก็ ห่ะ เรื่องของเครื่องสำอางก่อมะเร็งได้อะไรอย่างนี้
จินดารัตน์ - งั้นต้องลากันไปก่อน ให้คุณสนธิเดินทางปลอดภัยกลับมาจัดรายการต่อ ขอบคุณคะ วันนี้ลาไปก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ