“อภิสิทธิ์” แจงแถลงปฏิรูปประชาธิปัตย์ ยันให้เลื่อนเหตุ “อลงกรณ์” ติดภารกิจ สั่ง “เฉลิมชัย” คุยรองหัวหน้าอีกรอบ ลั่นรักษาอุดมการณ์เดิม ด้านโฆษกพรรคระบุไม่มีผิดปกติ ด้าน “อลงกรณ์” โวยขาใหญ่จ้อสื่อมั่วหาว่า “ชวน” โกรธ แถมดิสเครดิตยับ ซัดไม่ใช่ลูกผู้ชาย ก่อนแจงยิบวิถีปฏิรูปพรรค ย้ำไม่ กก.บห.ไม่ขัด
วันนี้ (15 พ.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีการเลื่อนการแถลงข่าวเกี่ยวกับการปฏิรูปพรรคประชาธิปัตย์ว่าตนเองก็เดินทางไปถึงตอนก่อนเวลาแถลง กรรมการบริหารก็มากันหลายคนแล้วก็รอนายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรค ภาคกลางอยู่ เพราะช่วงเช้าก็ยืนยันว่าจะมาแถลงตอนบ่าย 2 แต่ว่าติดภารกิจด่วน และอยู่ระหว่างขับรถจะไปเพชรบุรี ตนจึงให้เลื่อนการแถลงข่าวออกไปก่อนเพราะอยากให้ทุกคนมาร่วมกันแถลง เพราะว่าบรรยากาศในการประชุมเมื่อวันที่ 13 พ.ค.ที่ผ่านมาเป็นไปด้วยดี และทุกคนก็อยากมีส่วนร่วม และตนก็บอกว่าต่อไปนี้การปฏิรูปนั้นถ้าจะเป็นงานสำคัญต้องเป็นงานที่ทุกคนมาพูดด้วยกัน เคลื่อนให้มันเป็นเอกภาพถึงจะเกิดพลังขึ้น
เมื่อถามว่า การแถลงข่าวเป็นเรื่องของกรอบแนวคิดการปฏิรูปพรรคใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ในการประชุมก็ได้หารือประเด็นใหญ่ๆ ที่คิดว่ามีสิ่งที่จะต้องเดินหน้าในการปรับปรุงแต่ก็จะเกี่ยวข้องในเชิงตัวโครงสร้างของการบริหารพรรค ไปจนถึงการบริหารจัดการในตัวสำนักงาน บทบาทหน้าที่ของแต่ละฝ่ายที่จะต้องทำคือขับเคลื่อนให้เกิดประสิทธิภาพมากขึ้นในการทำงาน และยังไม่ถือเป็นกรอบกำหนด แต่ว่าในรายละเอียดที่อาจจะต้องไปแก้ไขข้อบังคับ หรือโครงสร้างนั้นจำเป็นจะต้องไปจัดทำกันขึ้นมา ในกรอบเวลาประมาณ 1 เดือนนี้ก็ไปทำมาให้เสร็จเรียบร้อย และถ้าจำเป็นจะต้องมีการแก้ไขข้อบังคับ จะได้มีการเรียกประชุมใหญ่ด้วย ส่วนจะมีการแถลงได้เมื่อไรนั้น เวลานี้ให้นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคไปติดต่อนายอลงกรณ์อีกครั้ง
“เป้าหมายเราคือชัยชนะของอุดมการณ์ของพรรค การชนะการเลือกตั้งเป็นความต้องการความปรารถนาทั้งของสมาชิก ของผู้สนับสนุนอยู่แล้ว แต่ว่ามันไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงที่แปลว่าจะเอาชนะการเลือกตั้งโดยอะไรก็ได้ มันต้องเป็นการเดินหน้าที่รักษาอุดมการณ์ แล้วก็มุ่งไปสู่ชัยชนะในการเลือกตั้ง และการทำงานให้แก่ประเทศ” นายอภิสิทธิ์กล่าว
ด้านนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า ขอยืนยันว่าไม่มีสิ่งใดผิดปกติ แต่นายอลงกรณ์ดูแลพื้นที่ภาคกลางติดภารกิจด่วน ซึ่งพรรคไม่ได้มีความขัดแย้งใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งวันนี้ (15 พ.ค.) นายอภิสิทธิ์ก็ไปร่วมสัมมนากับภาคกลางที่จังหวัดนครนายกด้วย อย่างไรก็ตาม ทุกคนเห็นถึงความจำเป็นในการพัฒนาพรรค เพื่อตอบสนองการเลือกตั้งที่อาจจะเกิดเร็วขึ้นกว่ากำหนด
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าหลังจากที่นายอลงกรณ์อ้างว่าติดภารกิจด่วนที่ จ.เพชรบุรี จึงไม่มาเข้าร่วมการแถลงข่าวเมื่อวานนี้นั้น ทำให้มีการล้มเลิกนัดหมายแถลงข่าวเกี่ยวกับการปฏิรูปพรรค และผู้สื่อข่าวไม่สามารถติดต่อนายอลงกรณ์ได้ ล่าสุดวันนี้เวลาประมาณ 08.00 น.นายอลงกรณ์ได้ใช้เว็บไซต์ทวิตเตอร์เขียนข้อความโดยระบุว่า หนังสือพิมพ์ลงข่าวว่าแหล่งข่าวอาวุโสในพรรคอ้างว่านายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ โกรธมากที่ข้อเสนอการปฏิรูปพรรคของตนขัดอุดมการณ์พรรคที่เน้นประชานิยม โดยแหล่งข่าวอาวุโสในพรรคให้ข่าวแบบบิดเบือน หลังจากที่ผมเสนอพิมพ์เขียวปฏิรูปพรรค ในที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคเมื่อ 13 พ.ค. การกล่าวหาว่า ข้อเสนอปฏิรูปพรรค ขัดอุดมการณ์พรรค เน้นประชานิยม เลียนแบบพรรคเพื่อไทย นั้นนับว่า บิดเบือนและเป็นการดิสเครดิต
“ผมรักษาวินัยโดยไม่ให้สัมภาษณ์สื่อใดๆ หลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค แต่กลับมีบางคนให้ข่าวใส่ร้ายบิดเบือนการปฏิรูป การอ้างคำพูดท่านชวนที่ผมให้ความเคารพแบบจงใจพูดโกหกขาวเป็นดำเช่นนี้ไม่ใช่ลูกผู้ชาย จะทำร้ายผมได้แต่อย่าทำร้ายการปฏิรูป 22 ปีไม่เคยไปไหน พรรคให้เป็นประธานตรวจสอบทุจริตยุคทักษิณเรืองอำนาจสูงสุด 5 ปีเต็ม เสี่ยงคุกเสี่ยงตาย คนแบบนี้ไม่มีอุดมการณ์หรือ” นายอลงกรณ์ระบุ
นายอลงกรณ์กล่าวว่า นายชวนเป็นต้นแบบต่อต้านการซื้อเสียงและคอร์รัปชัน ตนก็ต่อสู้พวกซื้อเสียงพวกทุจริตและไม่สนับสนุนนโยบายประชานิยมแบบมอมเมา ตนเชื่อมั่นแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงพึ่งตนเอง นายชวนและนายอาทิตย์ อุไรรัตน์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ให้ทำเรื่องเอทานอลตามแนวพระราชดำริก็ทุ่มเททำงานจนวันนี้มีแก๊สโซฮอล์ขายทั่วประเทศ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายอภิสิทธิ์ให้ตนเป็นประธานตรวจสอบทุจริตสมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีอำนาจสูงสุด 5 ปีเต็ม (ปี 45-49) จนโดนฟ้องโดนแจ้งความเกือบ 20 คดี นายอภิสิทธิ์ให้ผลักดันนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์และลอจิสติกส์ตอนเป็น รมช.พาณิชย์ ก็บริหารจนเป็นที่ยอมรับทั้งในและอาเซียน นายอภิสิทธิ์ให้ตนปฏิรูปราชการเพราะขีดความสามารถประเทศลดลงโดยเฉพาะการเริ่มต้นธุรกิจในไทยก็สามารถลดเวลาจาก 4 วันเหลือ 60 นาที ตนเชื่อเรื่องปฏิรูปเพราะการปฏิรูปราชการที่ว่ายากยังสามารถปรับปรุงระบบและพัฒนาคนจนสำเร็จทำให้กรมพัฒนาธุรกิจได้รางวัลที่ 1 ของประเทศ ตนนำร่องปฏิรูปภาคกลาง เช่น จัดอบรมแกนนำสมาชิกตั้งแต่ต้นปีกว่า 1,200 คนเน้นปลูกฝังอุดมการณ์สร้างวิสัยทัศน์ คิดเก่ง-ทำเก่ง
“ตัวอย่างที่ยกมาเพื่อให้พิจารณาเปรียบเทียบกับการกล่าวหาใส่ร้ายว่าผมเป็นคนไร้อุดมการณ์ ไร้หลักการจริงหรือไม่ หรือการกล่าวหาใส่ร้ายเกิดขึ้นเพราะผมและเพื่อนๆ เสนอ พิมพ์เขียวปฏิรูปพรรค และความพ่ายแพ้ซ้ำซาก 21 ปี” แบบตรงไปตรงมา เพื่อไม่ให้มีการบิดเบือนใส่ร้ายข้อเสนอการปฏิรูปพรรคอีกต่อไป จึงต้องเผยแพร่พิมพ์เขียวปฏิรูปพรรคประชาธิปัตย์” นายอลงกรณ์ระบุ
นายอลงกรณ์ระบุว่า พิมพ์เขียวปฏิรูปมี 36 หน้า หน้า 1 ถึง 19 เป็นการกล่าวถึงความเป็นมาของการปฏิรูปพรรคและการวิเคราะห์จุดอ่อนจุดแข็ง โอกาสและปัญหา หน้า 20 ถึง 36 เป็นแนวทางการปฏิรูปพรรค ซึ่งตนจะนำเสนอเฉพาะข้อเสนอในส่วนนี้เท่านั้น โดยจุดยืน 1. ยึดมั่นประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ 2. ยึดประโยชน์ประชาชนเป็นที่ตั้ง 3. ต่อต้านคอร์รัปชัน ขณะที่วิสัยทัศน์ปฏิรูปพรรคนั้น (1. เพื่ออนาคตที่ดีกว่าของประชาชนและประเทศชาติ (2. เพื่อปฏิรูปการเมืองสู่การเมืองคุณภาพและสร้างสรรค์ (3. ปฏิรูปพรรคเพื่อเอกภาพและประสิทธิภาพของพรรค (4. ปฏิรูปพรรคสู่ความทันสมัยก้าวหน้า วิสัยทัศน์กว้างไกล
ขณะที่เป้าหมายการปฏิรูปพรรค นายอลงกรณ์ระบุว่า 1. เพิ่มจำนวน ส.ส.และเพิ่มความศรัทธาที่มีต่อพรรค 2. เพิ่มโครงสร้างและระบบการดูแลประชาชนครอบคลุมทั่วประเทศ 3. สร้างพรรคเป็นสถาบันทางการเมืองและองค์กรทันสมัยทรงประสิทธิภาพเพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถในการแข่งขัน 4. สร้างสรรค์พรรคสู่ทางเลือกที่ดีของประชาชนและสู่ความหวังของชาติด้วยอุดมการณ์คุณธรรมนำการเมือง 5. Democrat Effects ส่งผลต่อการปฏิรูปพรรคเพื่อไทยและพรรคอื่นๆสู่ความเป็นสถาบันทางการเมืองของประชาชน 6. Democrat Effects ส่งผลต่อการปฏิรูปประเทศไทยสู่อนาคตที่ดีกว่า 7. เพื่อเป็นพรรคที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล โดยเป้าหมายการปฏิรูปพรรคทั้ง 7 ข้อ คือความฝันของประชาธิปัตย์ (Democrat Dream) และต้องทำให้เป็นความหวังของชาติ (Nation's Hope)
รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ระบุว่า แนวทางการปฏิรูปพรรคแบบองค์รวม 1. ต้องปฏิรูปพร้อมกันทุกด้าน 2. ต้องปฏิรูปพรรคอย่างต่อเนื่อง 3. ต้องปฏิรูปพรรคแบบมีส่วนร่วม โดยมี 3 ด้าน 1. ปฏิรูปโครงสร้างและระบบ มี 5 แนวทาง 2 โครงสร้างใหม่ ดังนี้ 1. แนวทางขับเคลื่อนแบบบนลงล่าง ล่างขึ้นบน 2.มีโครงสร้างในการสื่อสารภายในและภายนอกที่มีประสิทธิภาพ 3.มีหน่วยงานด้านวิจัยและพัฒนา 4.มีโครงสร้างระดับพรรค ภาค โซน จังหวัด เขตเลือกตั้ง อำเภอ ตำบล หมู่บ้านที่มีประสิทธิภาพ 5.มีโครงสร้างและพื้นที่ทำงานให้แก่ผู้มีความสามารถไม่ว่าจะเป็นคนใหม่หรือคนเก่าได้ทำงาน
ขณะที่โครงสร้างใหม่ประกอบด้วย 1.โครงสร้างใหม่สำนักงานใหญ่ ได้แก่ 1. สำนักวิจัยและพัฒนานโยบายและยุทธศาสตร์ 2. สำนักวิจัยและพัฒนางบประมาณแผ่นดิน 3. สำนักวิจัยและพัฒนากฎหมาย 4. ศูนย์ปราบปรามคอร์รัปชั่น 5. ศูนย์ช่วยเหลือประชาชน 6. ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศ 7. สำนักกิจการสาขาและสมาชิก 8. สำนักกิจการสตรีและยุวประชาธิปัตย์ 9. สถาบันประชาธิปัตย์ ทำหน้าที่พัฒนาบุคคลากรและคิดค้นนวัตกรรมการบริหารจัดการรวมทั้งงาน e-Library 10. สำนักกิจการรายได้ 11. สำนักงานอำนวยการ โดยมีผู้อำนวยการพรรคเป็นนักบริหารมืออาชีพทำงานเต็มเวลา โดย เน้นภารกิจหลักของพรรคการเมือง (funtional designed organisation) รองรับงานไม่ว่าเป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน การวิจัยและพัฒนานโยบาย ยุทธศาสตร์ประเทศ กฎหมายและงบประมาณแผ่นดินสำคัญสำหรับอนาคตประเทศเช่นเดียวกับการดูแลประชาชนและปราบทุจริต 2. โครงสร้างส่วนภูมิภาค ประกอบด้วย 1. สำนักงานภาค 5 ภาค 2. สำนักงานโซน (กลุ่มจังหวัด) 3. คณะกรรมการจังหวัด 4. สำนักงานสาขาพรรค 5. คณะกรรมการอำเภอ 6. ศูนย์ตำบล ทั้งนี้ โครงสร้างส่วนภูมิภาคในทุกระดับต้องบริหารโดยนักบริหารมืออาชีพหรือผู้มีทักษะด้านบริหารภายใต้การกำกับของคณะกรรมการฝ่ายการเมือง
นายอลงกรณ์ระบุว่า 2. ปฏิรูปการบริหารจัดการพรรค การบริหารจัดการเน้นความเด็ดขาดฉับไวในการตัดสินใจและปฏิบัติโดยกระจายอำนาจและมอบอำนาจชัดเจน ต้องปฏิรูประบบงบประมาณพรรคเน้นเป้าหมายและภารกิจโดยมีตัวชี้วัดผลลัพท์ชัดเจน การบริหารงานการเมืองแบ่งงานเป็น 2 ส่วน 1. งานตรวจสอบนโยบายโดยรัฐบาลเงา (shadow government), อดีตรัฐมนตรีและ ส.ส.อาวุโส 2. งานการเมืองเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการยุทธศาสตร์, วิปฝ่ายค้านและ ส.ส. การบริหารองค์กรระดับสำนักงานใช้นักบริหารมืออาชีพหรือผู้มีทักษะบริหารทำงานเต็มเวลามีคณะกรรมการการเมืองกำหนดนโยบาย เป้าหมาย โดยสรุปแล้ว การปฏิรูปการบริหารพรรคเน้นการบริหารโดยนักบริหารมืออาชีพเน้นความฉับไวเด็ดขาดและแยกงานตรวจสอบนโยบายจากงานการเมือง
นายอลงกรณ์ระบุต่อว่า 3. ปฏิรูปวัฒนธรรมองค์กรและบุคคลากรของพรรค มี 7 ข้อ 1.สร้างวัฒนธรรมองค์กรแบบเปิดกว้าง 2. ปลูกฝังวัฒนธรรมประชาธิปไตย 3. พัฒนาวัฒนธรรมองค์กรสู่องค์กรแห่งการเรียนรู้ที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลทันสมัย 4. ปรับวัฒนธรรมองค์กรสู่การทำงานเชิงคุณภาพ 5. พัฒนาบุคลากรสู่ความเป็นเลิศทางบริหารและคุณธรรม 6.สร้างพื้นที่งานและความรับผิดชอบให้บุคลากรทั้งเก่า ใหม่อย่างชัดเจน 7. นำระบบไพรมารี่และคอคัสมาใช้ในการคัดเลือกผู้สมัคร ส.ส.และท้องถิ่นเพื่อสร้างวัฒนธรรมแบบเปิดกว้างและเสมอภาคเป็นธรรม
“การปฏิรูปพรรคประชาธิปัตย์ เน้นประสิทธิภาพของพรรค อุดมการณ์ประชาธิปไตยและคุณภาพของคนเพื่อคุณภาพของการเมืองและคุณภาพของประเทศ พรรคประชาธิปัตย์ต้องปฏิรูปแบบองค์รวมต้องยกเครื่องใหญ่ ต้องกลับมาเป็นทางเลือกที่ดีไม่ใช่เป็นทางเลือกสุดท้าย ต้องกล้าเปลี่ยนแปลง คณะกรรมการบริหารควรใช้พิมพ์เขียวปฏิรูปเป็นร่างหลักแล้วส่งให้ที่ประชุม ส.ส.กับสภาที่ปรึกษาพิจารณาก่อนเสนอให้ที่ประชุมใหญ่อนุมัติ” นายอลงกรณ์ระบุ
อย่างไรก็ตาม นายอลงกรณ์ได้เขียนข้อความชี้แจงสมาชิกเพิ่มเติมโดยระบุด้วยว่า กรรมการบริหารพรรคไม่มีความขัดแย้งในเรื่องดังกล่าว ซึ่งปฏิรูปพรรคก็ไม่เกี่ยวประเด็นการเมืองเรื่องปรองดองกับใครทั้งนั้น