“ชวนนท์” เฉ่ง “นพดล” ใช้จินตนาการ บิดเบือนแถลงการณ์ตอบโต้ ปชป. ชี้เป็นการประจานตัวเองให้กับต่างชาติได้รับรู้ “องอาจ” แนะ “ยิ่งลักษณ์” ดู “อองซานซูจี” ปาฐกถาเป็นแบบอย่าง ขณะเดียวกันยืนยัน “สุรนันทน์” แทรกแซงสื่อ สกัดยูเอสเอทูเดย์สัมภาษณ์ “มาร์ค” จี้ “ปู” ทบทวนเก้าอี้เลขาฯ นายกฯ
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงการที่นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ออกแถลงการณ์ตอบโต้แถลงการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ กรณีการแสดงปาฐกถาของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ประเทศมองโกเลีย ว่าแถลงการณ์ของนายนพดลผิดมารยาทหลายประการ คือ 1. ไม่ใช่แถลงการณ์ที่เป็นข้อเท็จจริง แต่เป็นการใช้จินตนาการและอารมณ์ความรู้สึกส่วนตัวไปประจานตัวเองให้กับต่างชาติ เช่น กรณีที่มีการระบุว่า การจัดตั้งรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มีการเจรจาลับหลังนั้น ข้อเท็จจริงต่างชาติคงหัวเราะ เพราะรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ได้รับการเลือกจากสภาฯอย่างถูกต้อง
2. การระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้ร่ำรวยจากการได้รับสัมปทานในช่วงที่มีการปฏิวัติ โดยคณะรสช.นั้น ตนอยากชี้ให้เห็นว่า การดำเนินกิจการดาวเทียมภายในประเทศกับบริษัทชินวัตรคอมพิวเตอร์ แอนด์ คอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด ได้รับสัญญาในวันที่ 11 ก.ย. 2534 คือ หลังการปฏิวัติโดยคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) จึงอยากถามว่า ชัดหรือไม่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้สัมปทานจากรัฐบาลเผด็จการ ฉะนั้น พ.ต.ท.ทักษิณและลิ่วล้อทั้งหลายควรเลิกประณามเผด็จการ เพราะหากไม่มีการปฏิวัติในปี 2534 จะไม่มีเศรษฐีชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ อย่างแน่นอน
3. การระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณร่ำรวยก่อนเข้าการเมือง โดยมีทรัพย์สินถึง 6 หมื่นล้านบาทนั้น จากการตรวจสอบเอกสารทางราชการที่ยื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พบว่า ทรัพย์สิน เมื่อปี 2540 มีจำนวน 23,878 ล้านบาท ปี 2544 มีจำนวน 15,294 ล้านบาท ปี 2548 มีจำนวน 12,569 ล้านบาท ปี 2549 มีจำนวน 12,755 ล้านบาท จะเห็นได้ว่า จำนวนที่พูดถึงไม่ได้มีมากอย่างที่นายนพดลกล่าวอ้าง และการที่จำนวนเงินลดลง เป็นเพราะมีการซุกหุ้นอยู่จริง จึงอยากให้นายนพดล หันหน้ามาคุยกันมากกว่าใช้จินตนาการของตัวเอง กล้าหรือไม่เอาหลักฐานมาพูดกัน เพื่อให้เห็นว่าใครในแผ่นดินนี้ใช้การปฏิวัติเข้าสู่อำนาจ และช่องทางการทุจริต
ด้านนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ควรใช้การแสดงปาฐกถาที่ประเทศมองโกเลียเป็นอุทาหรณ์ให้ตัวเอง โดยที่นายกฯ ควรเน้นความเป็นไทยที่สง่างาม และไม่ควรแสดงวิสัยทัศน์ที่สร้างความแตกแยกเพิ่มขึ้นในประเทศ รวมทั้งไม่ควรนำประเด็นความขัดแย้งภายในไปขยายผลในเวทีระหว่างประเทศ
ทั้งนี้ อยากให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ดูการปาฐกถาของนางอองซานซูจี ผู้นำฝ่ายค้านประเทศพม่า เป็นแบบอย่าง ซึ่งได้แสดงปาฐกถาบนเวทีเดียวกัน ทั้งที่นางอองซานก็ได้รับผลกระทบจากการกระทำของรัฐบาลพม่า แต่นางอองซานก็ไม่เคยดำเนินการใดๆ ให้เกิดความขัดแย้ง หรือนำบุคคลอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องกับการแสดงปาฐกถา
นายชวนนท์แถลงถึงกรณีที่ได้มีการเปิดเผยอีเมลสื่อมวลชนต่างชาติขอยกเลิกการสัมภาษณ์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านฯ หลังได้เข้าพบ นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ก่อนที่จะมีการยกเลิกการสัมภาษณ์นายอภิสิทธิ์ ว่า ถือเป็นเรื่องใหญ่ที่กระทบจรรยาบรรณของผู้ปฏิบัติหน้าที่การเมืองอย่างร้ายแรง เพราะเป็นการแทรกแซงสื่อต่างชาติ และขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 46 จึงขอเรียกร้องให้นายสุรนันทน์แสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกจากตำแหน่งเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
ทั้งนี้ หากนายสุรนันทน์ยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องและบริสุทธิ์จริงก็ต้องกล้าทำหนังสือประท้วงไปยังหนังสือพิมพ์ยูเอสเอทูเดย์ เพื่อแสดงท่าทีที่ชัดเจนว่ารัฐบาลไทยไม่ได้มีการแทรกแซงสื่อตามที่กล่าวหา และหากยังไม่มีความชัดเจน ฝ่ายค้านคงไม่สามารถทำงานร่วมกับเลขาธิการนายกฯ ได้ เพราะถือเป็นการเลือกข้าง กดดัน คุกคามสื่อมวลชน และขอเรียกร้องให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ทบทวนและพิจารณาตำแหน่งของนายสุรนันทน์เป็นการด่วน เพราะนายกฯ พูดมาตลอดว่าบูชาประชาธิปไตย เคารพสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น แต่กลับมีเลขาฯ ที่มีพฤติกรรมแทรกแซง