xs
xsm
sm
md
lg

กมธ.แก้ ม.68-237 หนุนร้อง อสส.ไม่คืบชงศาล รธน. ปชป.ติงหวั่นยอมติดคุก แต่ไร้ผล

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กมธ.พิจารณาแก้ ม.68-ม.237 เสียงข้างมากหนุนคงเนื้อหาแต่วาระ 1 เสียงข้างน้อย ขอไม่ตัดหมวด 3 ชี้จำกัดสิทธิ ปชช.ไม่เป็นผล และเสียงข้างมากยังหนุน ให้ยื่นอัยการป้อง รธน.ก่อนครบ 30 วัน ถึงส่งศาล รธน. ด้าน กมธ.ฝ่ายค้านเสนอเพิ่มช่องยื่นแต่ไร้ผล เจอพวกมากลากไป

วันนี้ (8 พ.ค.) ที่ประชุมคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญมาตรา 68 และ 237 พิจารณาต่อเนื่องในรายละเอียดในมาตรา 3 ซึ่งเป็นการแก้ไขเนื้อหาในมาตรา 68 ของรัฐธรรมนูญปี 2550 โดยในวรรคแรก เสียงข้างมากของกรรมาธิการโหวตชนะให้คงเนื้อหาตามร่างเดิมที่ผ่านวาระที่ 1 มา ขณะที่กรรมาธิการเสียงข้างน้อยจากพรรคประชาธิปัตย์ เสนอให้ตัดคำว่าหมวด 3 อันเป็นข้อจำกัดให้ประชาชนร้องได้เฉพาะขอบเขตของรัฐธรรมนูญหมวด 3 ออก แต่ตกไปเพราะแพ้โหวต

สำหรับวรรคต่อไป คือ วรรค 2 ซึ่งมีเนื้อหาว่าด้วยขั้นตอนการร้องพิทักษ์รัฐธรรมนูญของประชาชนผู้รู้เห็นการกระทำที่เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง หรือได้มาซึ่งอำนาจรัฐโดยมิชอบนั้น เป็นมาตราที่มีการถกเถียงยาวนานกว่าชั่วโมงเศษ โดยเสียงส่วนใหญ่จาก ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล และ ส.ว.เลือกตั้ง ลงมติให้คงตามร่างเดิม เพียงแต่ปรับปรุงถ้อยคำให้ชัดเจนเล็กน้อยเท่านั้น

พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า แม้ศาลวินิจฉัยให้ส่งเรื่องสองทาง แต่แนวทางปฏิบัติคนจะเลือกส่งแต่ศาลรัฐธรรมนูญ ตนเห็นว่าหน้าที่การกลั่นกรองควรเป็นของอัยการสูงสุดฝ่ายเดียว เพราะหากศาลรัฐธรรมนูญสั่งยกแล้ว การยื่นต่ออัยการสูงสุดก็ไม่มีประโยชน์

“อันนี้เป็นหลักการแบ่งอำนาจหน้าที่ จากต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ ส่วนจะเชื่อหรือไม่เชื่อศาลหรืออัยการ ก็ต้องไปปรับเรื่องของโครงสร้างให้น่าเชื่อ” พ.อ.อภิวันท์กล่าว

ขณะที่กรรมาธิการเสียงข้างน้อยจากพรรคประชาธิปัตย์มีข้อเสนอหลากหลาย เช่น นางรัชดาภรณ์ แก้วสนิท ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ โดยเสนอให้อัยการต้องส่งศาลรัฐธรรมนูญโดยไม่มีอำนาจวินิจฉัย นายวิรัช ร่มเย็น ส.ส.ระนอง พรคประชาธิปัตย์ เสนอว่าให้ยื่นได้ผ่านทั้งอัยการสูงสุด และศาลรัฐธรรมนูญโดยตรงก็ได้ เพราะมีคนที่คาดหวังว่าอัยการช่วยดำเนินการให้ได้ก็มี ส่วนคนที่ไม่เชื่อก็ยื่นศาลรัฐธรรมนูญก็ยื่นโดยตรงได้

ด้านนายเจะอามิง โต๊ะตาหยง ส.ส.นราธิวาส พรรคประชาธิปัตย์ เสนอให้ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญก่อน และให้ศาลรัฐธรรมนูญส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดตรวจสอบข้อเท็จจริง เพราะเห็นว่าการตัดข้อความเดิมเป็นการตัดสิทธิ์อันชอบธรรมของประชาชน

ด้านนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ เสนอว่า หากเป็นเหตุฉุกเฉิน ควรให้ยื่นตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญสั่งการได้โดยตรง เพราะรออัยการอาจไม่ทัน

เช่นเดียวกับนายถวิล ไพรสณฑ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าการมอบอำนาจแก่อัยการกลุ่มเดียวเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม เป็นการให้อำนาจมากเกินไป และยิ่งเป็นการเพิ่มภาระให้อัยการมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอของกรรมาธิการฝ่ายค้านตกไปเพราะเป็นเสียงข้างน้อย โดยผู้เสนอต่างเตรียมจะยื่นสงวนคำแปรญัตติภายหลัง

สำหรับวรรคที่ 3 ถัดมา นายวิทยา บุรณศิริ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย เสนอให้เพิ่มขั้นตอนการกำหนดวิธีการยื่นพิทักษ์รัฐธรรมนูญ โดยมีข้อกำหนดว่า หากอัยการสูงสุดรับเรื่องมาแล้วจนครบ 30 วันแล้วยังไม่ดำเนินการ ผู้ร้องก็จะมีสิทธิ์ร้องตรงต่อศาลรัฐะรรมนูญได้

นายวิทยากล่าวว่า การกำหนดระยะเวลา 30 วันไว้ ก็น่าจะทำให้สังคมรับได้ไม่เกิดความหวาดระแวง แต่หากมีเรื่องฉุกเฉินก็ยังมีช่องทางกฎหมายอาญา มาตรา 157 ฟ้องฐานละเว้นได้ ซึ่งหนักกว่าการกำหนดเวลาในรัฐธรรมนูญเสียอีก

นายวิรัช กัลยาศิริ ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวแย้งว่า อาจมีคนยอมเสี่ยงติดคุก ถ้าจ่ายเขาดีๆ บ้านนี้เมืองนี้มีจริงๆ อสส. หรือใครโดน 157 วันนี้ประวิงแล้วลากกันไปอีก 10 ปี แต่ประเทศหรือระบอบการปกครองมันล้มไปแล้ว ขณะที่ พ.อ.อภิวันท์กล่าวว่ามีเหตุผลน่ารับฟัง ขอเสนอต่อท้ายกรณีมีเหตุฉุกเฉินอันอาจกระทบต่อประเทศชาติอย่างใหญ่หลวง ให้อัยการสอบสวนให้เสร็จก่อนวันที่จะเกิดเหตุที่มีผลกระทบ แต่นายพิชิต ชื่นบาน ส.ส. บัญชีรายชื่อพรรคเดียวกัน แย้งว่าเขียนแบบนี้ผู้ร้องก็จะอ้างเหตุฉุกเฉินอยู่ร่ำไป

ในที่สุดที่ประชุมโดยเสียงข้างมากก็เห็นชอบตามข้อเสนอของนายวิทยา โดยมีเนื้อหาเพิ่มเข้าไปเป็นวรรค 3 แทนดังนี้

“การตรวจสอบข้อเท็จจริงของอัยการสูงสุดตามวรรค 2 ให้อัยการดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับเรื่อง หากอัยการสูงสุดไม่สามารถตรวจสอบข้อเท็จจริงให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาดังกล่าว ให้ผู้ทราบการกระทำมีสิทธิเสนอเรื่องเพื่อร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการได้โดยตรง ซึ่งต้องยื่นภายใน 30 วันนับแต่ครบกำหนดเวลาที่อัยการสูงสุดดำเนินการตรวจสอบ”

ส่วนวรรคสุดท้าย แม้จะมีผู้เสนอจากฝ่ายรัฐบาลและ ส.ว.ให้ตัดอำนาจการยุบพรรคของศาลรัฐธรรมนูญในกรณีนี้ออก แต่เสียงข้างมากก็ยังคงให้คงเอาไว้


กำลังโหลดความคิดเห็น