“ส.ว.ไพบูลย์-เจิมศักดิ์-คมสัน” ส่งตัวแทนยื่นคำร้องศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคเพื่อไทย พ่วงแบน กก.บห. เหตุปล่อย “นช.แม้ว” สไกป์ สั่งแก้ รธน. ส่อขัด ม.68 ชัด - ด้านม็อบแดงยังเฝ้าหน้าศาล
วันนี้ (2 พ.ค.) ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง อดีต ส.ว.กทม. และนายคมสัน โพธิ์คง อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ได้มอบหมายให้ตัวแทนเดินทางมายื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญขอให้วินิจฉัยยุบพรรคเพื่อไทย และตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย เนื่องจากเห็นว่าการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี วิดีโอคอนเฟอเรนซ์ผ่านโปรแกรมสไกป์มาในที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยและสั่งการให้มีการเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ ถือว่าเป็นการกระทำเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครอง ที่ไม่ได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ จึงเข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 ทั้งนี้นายไพบูลย์จะมีการแถลงข่าวรายละเอียดการยื่นคำร้องดังกล่าวที่รัฐสภาในช่วงบ่ายวันเดียวกัน
ขณะที่การชุมนุมของกลุ่มสื่อวิทยุประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หรือ กวป. ที่หน้าสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ยังคงชุมนุมเรียกร้องและกดดันให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 9 คนลาออก ท่ามกลางการดูแลความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยในส่วนของตุลาการ และเจ้าหน้าที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญก็ยังคงเดินทางมาทำงานตามปกติ
ทั้งนี้ที่รัฐสภา นายไพบูลย์ ได้เปิดเผยว่า ตนร่วมกับนายเจิมศักดิ์ ปิ่มทอง อดีต ส.ว.กทม.และนายคมสันต์ โพธิ์คง อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ ปี 50 ให้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เรื่องการกระทำที่ต้องห้ามตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 โดยมี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ถูกร้องที่ 1 พรรคเพื่อไทย กรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย และ ส.ส. รวม 238 คน เป็นผู้ถูกร้องที่ 2 เนื่องจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ได้กระทำการสไกป์จำนวนหลายครั้ง เพื่อสั่งการในที่ประชุมของพรรคเพื่อไทย เพื่อให้ สส.พรรคเพื่อไทยดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ออกกฎหมายปรองดอง ออกกฎหมายนิรโทษกรรม และออกกฎหมายกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท นอกจากนี้ บุคคลที่จะได้รับตำแหน่งสำคัญจะต้องได้รับความเห็นชอบจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ก่อน ซึ่งการกระทำของ พ.ต.ท.ทักษิณ ปรากฏหลักฐานทั้งหมดเป็นคลิปวีดีโอ 12 คลิป บทสัมภาษณ์ 2 บทความ ข่าวหนังสือพิมพ์ 17 ชุด ทั้งนี้ การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้สั่งการมายังที่ประชุมของพรรคเพื่อไทยไม่ได้เป็นการสไกป์ในฐานะให้คำแนะนำหรือคำปรึกษา แต่เป็นการสั่งการ จึงเชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นผู้ที่มีอำนาจอย่างเด็ดขาดในการกำหนดความเป็นไปของพรรคเพื่อไทย
ในส่วนของ สส. สังกัดพรรคเพื่อไทย มีการกระทำโดยอาศัยจากการเป็นผู้แทนประชาชนกระทำการตามคำสั่งของ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งถือว่าผิดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 122 ว่าด้วยการทำหน้าที่ของ สส. สว. ต้องเป็นอิสระ ไม่อยู่ภายใต้อาณัติอะไร จึงเห็นได้ว่า การกระทำของ สส. เป็นการกระทำเพื่อให้ การทำหน้าที่ของ สส. สว. ต้องเป็นอิสระ ไม่อยู่ภายใต้อาณัติอะไร ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศ โดยการฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง และเป็นไปโดยไม่สุจริต
นอกจากนั้น การเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 3 ฉบับ เป็นการเสนอโดยขัดต่อหลักการสำคัญและเจตนารมณ์แห่งรัฐธรรมนูญ จึงเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ดังนั้น จึงขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยดังนี้ 1. สั่งให้ พ.ต.ท.ทักษิณ กับพวกเลิกการกระทำ เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศ โดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ 2. สั่งให้การดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับที่...) พุทธศักราช... จำนวน 3 ฉบับ ของ สส.พรรคเพื่อไทย เป็นการแก้ไขนัฐธรรมนูญที่ขัดหรือแย้งต่อหลักการหรือเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญและหลักการต้องห้ามมิให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 291 (1) วรรคสอง
