ตอนนี้กองทัพย่อยของเสื้อแดงกำลังล้อมที่ทำการของศาลรัฐธรรมนูญที่ถนนแจ้งวัฒนะเอาไว้ ถึงตอนที่เขียนนี้ก็เป็นวันที่เจ็ดเข้าไปแล้ว จากกำหนดการเดิมที่เคยแถลงว่า จะมาชุมนุมกันสามวัน กลายเป็นยกระดับขึ้นเป็นการชุมนุมโดยไม่มีกำหนดแล้ว และคุยว่า ถ้าไล่ให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 9 ท่านยุติการปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ ก็จะไม่เลิกทัพกลับบ้าน
ผู้ชุมนุมอ้างว่า มากันเองไม่เกี่ยวกับ นปช.ใหญ่ ไม่เกี่ยวกับทักษิณหรือพรรคเพื่อไทย มากันด้วยใจไม่มีแบ็ก เรียกตัวเองว่า กวป. หรือกลุ่มวิทยุสื่อประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ดังนั้น แกนนำส่วนใหญ่จึงได้แก่พวกวิทยุของชาวเสื้อแดง อันประกอบด้วย นายพงษ์พิสิษฐ์ พงษ์เสนา หรือ “เล็ก บ้านดอน” นายธนชัย สีหิน หรือ “ดีเจหนุ่มวีคลอง 11” นายมงคล หนองบัวลำภู นายศรรัก มาลัยทอง นางกรองทอง ทนทาน หรือ “ดีเจป้อม” อุดรธานี เป็นต้น และนอกนั้นก็มีคนวิทยุเสื้อแดงหรือนักปราศรัยหน้าใหม่ไร้ชื่ออีกหลายคน ที่มาอาศัยฝากเกิดกับเวทีนี้
ส่วนบรรดาผู้ชุมนุมก็มาจากแฟนๆ วิทยุ และคนเสื้อแดงในท้องที่จำนวนหนึ่ง แต่โดยรวมแล้วจำนวนยังไม่ถือว่าเยอะมาก อยู่ในหลักร้อยไม่เกินพัน
การปราศรัยของกลุ่ม กวป.ก็เป็นไปอย่างหยาบคาย ดูหมิ่น เสียดสี การปฏิบัติหน้าที่ของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 9 ท่านเต็มไปด้วยความเหิมเกริม แต่อย่างไรก็ตาม ศาลรัฐธรรมนูญก็ไม่ได้ให้ราคาอะไร นอกจากถ่ายวิดีโอการปราศรัยเก็บไว้แล้วไปแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งแก๊งแดงก็ออกมาสวนทันควัน ประกาศจับตัวตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 9 ทันที
แม้การล้อมศาลรัฐธรรมนูญของม็อบแดงจะอ้างว่าไม่มีการสนับสนุน แต่ท่าทีของพรรคเพื่อไทยก็สอดคล้องกับการออกมาปฏิบัติการของม็อบกลุ่มนี้อย่างเป็นทำนองเดียว แค่แยกวงกันเล่นเท่านั้นเอง
กล่าวคือ เมื่อนายจรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ออกมาตั้งคำถามว่า มีที่ไหนที่นักมวยหันมาชกกรรมการ นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตคนบ้านเลขที่ 111 ที่ถูกตัดสิทธิเลือกตั้งไปพร้อมกับการยุบพรรคเพื่อไทย ก็ออกมาโต้ตอบทันทีว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่นักมวยชกกรรมการ แต่เป็นกรรมการชกนักมวยต่างหาก ซึ่งก็สอดรับกันกับนายธนาวุฒิ วิชัยดิษฐ โฆษก นปช.ที่ออกมาประกาศกร้าวเรียกร้องให้ประชาชนออกไปกระทืบกรรมการเลยทีเดียว
ส่วนท่าทีของพรรคเพื่อไทยในส่วน ส.ส.เองก็ประกาศไม่ยอมรับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ยอมรับหมายศาลให้ไปให้การในคดีที่มีผู้ฟ้องร้องว่าการแก้รัฐธรรมนูญมาตรา 68 รอบใหม่นี้ เป็นการล้มล้างรัฐธรรมนูญ รวมทั้งขู่ฟ่อว่า หากท่าทีของศาลรัฐธรรมนูญไม่เป็นคุณต่อตัวเอง จะจับมือกับ ส.ว.ในอาณัติถอดถอนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 9 ท่าน
สาเหตุที่แก๊งแดงต้องออกมาเล่นงานศาลรัฐธรรมนูญจะเป็นจะตาย และจะถอดถอนตุลาการทั้ง 9 ท่านนี้ ก็ด้วยสาเหตุหลักว่า ในบรรดาองค์กรตรวจสอบทั้งหลาย อำนาจตุลาการเป็นอำนาจที่พวกนี้กลัวที่สุด
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ศาลรัฐธรรมนูญ” ที่มีอำนาจหน้าที่ในการพิทักษ์รัฐธรรมนูญไม่ให้ถูกทำลายหรือล้มล้าง หรือไม่ให้ออกกฎหมาย หรือใช้อำนาจใดที่ขัดหรือแย้งหรือไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ
คงยังจำได้กับการที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้เลิกกระทำการประหารรัฐธรรมนูญ 50 ด้วยการยกเลิกทั้งฉบับ แล้วตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญมาร่างรัฐธรรมนูญฉบับรัฐไทยแดงใหม่ขึ้นมาใช้ คำพิพากษาศาลรัฐธรรมนูญตอนนั้น เล่นเอาฝันค้างกันมาเป็นปีๆ
ในรอบนี้ ด่านแรกที่จะต้องทำลายก่อน คือมาตราที่เป็นเสี้ยนหนามที่สุด คือ มาตรา 68 ที่ศาลรัฐธรรมนูญท่านรับรองสิทธิว่า ประชาชนผู้พบเห็นการกระทำอันถือเป็นการล้มล้างรัฐธรรมนูญ สามารถมาฟ้องคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญได้โดยตรงก็ได้ หรือจะไปผ่านอัยการก็ได้ ซึ่งเป็นการตัดสินที่เป็นคุณต่อประชาชนทุกคน เพราะไม่อย่างนั้นเท่ากับอำนาจในการใช้สิทธิพิทักษ์รัฐธรรมนูญก็จะถูกผูกขาดอยู่กับอัยการสูงสุดเพียงคนเดียวเท่านั้น ซึ่งอันนี้แหละ ที่เป็นหนามตำใจให้ต้องเร่งล้างทิ้งเสียเป็นมาตราแรกๆ คือ จะปิดอำนาจไม่ให้ประชาชนสามารถไปฟ้องศาลรัฐธรรมนูญได้อีก
ก็อย่างเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับครั้งที่แล้ว คนไปร้องอัยการไว้เมื่อเดือนกุมภาฯ คดีเงียบหายจนต้องไปยื่นคำร้องศาลรัฐธรรมนูญเอง ถึงจะเริ่มมีการไต่สวนได้
หากมาตรานี้ถูกแก้เมื่อไร ก็เท่ากับจะสามารถสั่งล้างรัฐธรรมนูญทิ้งทั้งฉบับได้ทุกเวลา เพราะไม่มีก้างขวางคอที่ไหนจะเอาคดีไปฟ้องศาลรัฐธรรมนูญได้ง่ายๆ อีกแล้ว
นอกจากเรื่องแก้รัฐธรรมนูญแล้ว ศาลรัฐธรรมนูญก็ยังยืนค้ำเป็นปราการป้องกันความชอบธรรมทางรัฐธรรมนูญอยู่ตำคออีกสองเรื่องใหญ่ๆ
เช่น กฎหมายนิรโทษกรรมล้างผิดล้างมลทินของพวกโกงชาติและเผาบ้านเผาเมือง ที่เป็นการล้มล้างตัดอำนาจกระบวนยุติธรรมในการเอาผิดลงโทษ เรียกว่า กฎหมายออกมาเมื่อไร ประตูคุกเปิด หัวโจกแดงและแก๊งหมิ่นเดินออกมาจากคุกกันหมดเรือนจำทันที
หรืออย่างเรื่องเงินกู้ 2.2 ล้านล้านบาท ที่เป็นการก่อหนี้ให้ประชาชนทั้งชาติ โดยไม่ผ่านระบบงบประมาณปกติ ก็เป็นเรื่องที่อาจถูกฟ้องศาลรัฐธรรมนูญได้ทั้งสิ้น
ยิ่งศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 9 ท่านนี้ ล้วนพิสูจน์แล้วว่าตุลาการเสียงข้างมากมีความรักชาติบ้านเมือง นำโดยท่านวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ คนตรงคนจริง ที่กล้าชนตรงกับพวกเสื้อแดงแบบไม่กลัวใครหน้าไหน
นั่นแหละครับ ทำให้ศาลรัฐธรรมนูญตอนนี้ จึงเป็นศัตรูเบอร์หนึ่งของคนเสื้อแดงและคณะที่ต้องรีบจัดการให้พ้นทาง!
ผู้ชุมนุมอ้างว่า มากันเองไม่เกี่ยวกับ นปช.ใหญ่ ไม่เกี่ยวกับทักษิณหรือพรรคเพื่อไทย มากันด้วยใจไม่มีแบ็ก เรียกตัวเองว่า กวป. หรือกลุ่มวิทยุสื่อประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ดังนั้น แกนนำส่วนใหญ่จึงได้แก่พวกวิทยุของชาวเสื้อแดง อันประกอบด้วย นายพงษ์พิสิษฐ์ พงษ์เสนา หรือ “เล็ก บ้านดอน” นายธนชัย สีหิน หรือ “ดีเจหนุ่มวีคลอง 11” นายมงคล หนองบัวลำภู นายศรรัก มาลัยทอง นางกรองทอง ทนทาน หรือ “ดีเจป้อม” อุดรธานี เป็นต้น และนอกนั้นก็มีคนวิทยุเสื้อแดงหรือนักปราศรัยหน้าใหม่ไร้ชื่ออีกหลายคน ที่มาอาศัยฝากเกิดกับเวทีนี้
ส่วนบรรดาผู้ชุมนุมก็มาจากแฟนๆ วิทยุ และคนเสื้อแดงในท้องที่จำนวนหนึ่ง แต่โดยรวมแล้วจำนวนยังไม่ถือว่าเยอะมาก อยู่ในหลักร้อยไม่เกินพัน
การปราศรัยของกลุ่ม กวป.ก็เป็นไปอย่างหยาบคาย ดูหมิ่น เสียดสี การปฏิบัติหน้าที่ของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 9 ท่านเต็มไปด้วยความเหิมเกริม แต่อย่างไรก็ตาม ศาลรัฐธรรมนูญก็ไม่ได้ให้ราคาอะไร นอกจากถ่ายวิดีโอการปราศรัยเก็บไว้แล้วไปแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งแก๊งแดงก็ออกมาสวนทันควัน ประกาศจับตัวตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 9 ทันที
แม้การล้อมศาลรัฐธรรมนูญของม็อบแดงจะอ้างว่าไม่มีการสนับสนุน แต่ท่าทีของพรรคเพื่อไทยก็สอดคล้องกับการออกมาปฏิบัติการของม็อบกลุ่มนี้อย่างเป็นทำนองเดียว แค่แยกวงกันเล่นเท่านั้นเอง
กล่าวคือ เมื่อนายจรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ออกมาตั้งคำถามว่า มีที่ไหนที่นักมวยหันมาชกกรรมการ นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตคนบ้านเลขที่ 111 ที่ถูกตัดสิทธิเลือกตั้งไปพร้อมกับการยุบพรรคเพื่อไทย ก็ออกมาโต้ตอบทันทีว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่นักมวยชกกรรมการ แต่เป็นกรรมการชกนักมวยต่างหาก ซึ่งก็สอดรับกันกับนายธนาวุฒิ วิชัยดิษฐ โฆษก นปช.ที่ออกมาประกาศกร้าวเรียกร้องให้ประชาชนออกไปกระทืบกรรมการเลยทีเดียว
ส่วนท่าทีของพรรคเพื่อไทยในส่วน ส.ส.เองก็ประกาศไม่ยอมรับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ยอมรับหมายศาลให้ไปให้การในคดีที่มีผู้ฟ้องร้องว่าการแก้รัฐธรรมนูญมาตรา 68 รอบใหม่นี้ เป็นการล้มล้างรัฐธรรมนูญ รวมทั้งขู่ฟ่อว่า หากท่าทีของศาลรัฐธรรมนูญไม่เป็นคุณต่อตัวเอง จะจับมือกับ ส.ว.ในอาณัติถอดถอนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 9 ท่าน
สาเหตุที่แก๊งแดงต้องออกมาเล่นงานศาลรัฐธรรมนูญจะเป็นจะตาย และจะถอดถอนตุลาการทั้ง 9 ท่านนี้ ก็ด้วยสาเหตุหลักว่า ในบรรดาองค์กรตรวจสอบทั้งหลาย อำนาจตุลาการเป็นอำนาจที่พวกนี้กลัวที่สุด
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ศาลรัฐธรรมนูญ” ที่มีอำนาจหน้าที่ในการพิทักษ์รัฐธรรมนูญไม่ให้ถูกทำลายหรือล้มล้าง หรือไม่ให้ออกกฎหมาย หรือใช้อำนาจใดที่ขัดหรือแย้งหรือไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ
คงยังจำได้กับการที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้เลิกกระทำการประหารรัฐธรรมนูญ 50 ด้วยการยกเลิกทั้งฉบับ แล้วตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญมาร่างรัฐธรรมนูญฉบับรัฐไทยแดงใหม่ขึ้นมาใช้ คำพิพากษาศาลรัฐธรรมนูญตอนนั้น เล่นเอาฝันค้างกันมาเป็นปีๆ
ในรอบนี้ ด่านแรกที่จะต้องทำลายก่อน คือมาตราที่เป็นเสี้ยนหนามที่สุด คือ มาตรา 68 ที่ศาลรัฐธรรมนูญท่านรับรองสิทธิว่า ประชาชนผู้พบเห็นการกระทำอันถือเป็นการล้มล้างรัฐธรรมนูญ สามารถมาฟ้องคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญได้โดยตรงก็ได้ หรือจะไปผ่านอัยการก็ได้ ซึ่งเป็นการตัดสินที่เป็นคุณต่อประชาชนทุกคน เพราะไม่อย่างนั้นเท่ากับอำนาจในการใช้สิทธิพิทักษ์รัฐธรรมนูญก็จะถูกผูกขาดอยู่กับอัยการสูงสุดเพียงคนเดียวเท่านั้น ซึ่งอันนี้แหละ ที่เป็นหนามตำใจให้ต้องเร่งล้างทิ้งเสียเป็นมาตราแรกๆ คือ จะปิดอำนาจไม่ให้ประชาชนสามารถไปฟ้องศาลรัฐธรรมนูญได้อีก
ก็อย่างเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับครั้งที่แล้ว คนไปร้องอัยการไว้เมื่อเดือนกุมภาฯ คดีเงียบหายจนต้องไปยื่นคำร้องศาลรัฐธรรมนูญเอง ถึงจะเริ่มมีการไต่สวนได้
หากมาตรานี้ถูกแก้เมื่อไร ก็เท่ากับจะสามารถสั่งล้างรัฐธรรมนูญทิ้งทั้งฉบับได้ทุกเวลา เพราะไม่มีก้างขวางคอที่ไหนจะเอาคดีไปฟ้องศาลรัฐธรรมนูญได้ง่ายๆ อีกแล้ว
นอกจากเรื่องแก้รัฐธรรมนูญแล้ว ศาลรัฐธรรมนูญก็ยังยืนค้ำเป็นปราการป้องกันความชอบธรรมทางรัฐธรรมนูญอยู่ตำคออีกสองเรื่องใหญ่ๆ
เช่น กฎหมายนิรโทษกรรมล้างผิดล้างมลทินของพวกโกงชาติและเผาบ้านเผาเมือง ที่เป็นการล้มล้างตัดอำนาจกระบวนยุติธรรมในการเอาผิดลงโทษ เรียกว่า กฎหมายออกมาเมื่อไร ประตูคุกเปิด หัวโจกแดงและแก๊งหมิ่นเดินออกมาจากคุกกันหมดเรือนจำทันที
หรืออย่างเรื่องเงินกู้ 2.2 ล้านล้านบาท ที่เป็นการก่อหนี้ให้ประชาชนทั้งชาติ โดยไม่ผ่านระบบงบประมาณปกติ ก็เป็นเรื่องที่อาจถูกฟ้องศาลรัฐธรรมนูญได้ทั้งสิ้น
ยิ่งศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 9 ท่านนี้ ล้วนพิสูจน์แล้วว่าตุลาการเสียงข้างมากมีความรักชาติบ้านเมือง นำโดยท่านวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ คนตรงคนจริง ที่กล้าชนตรงกับพวกเสื้อแดงแบบไม่กลัวใครหน้าไหน
นั่นแหละครับ ทำให้ศาลรัฐธรรมนูญตอนนี้ จึงเป็นศัตรูเบอร์หนึ่งของคนเสื้อแดงและคณะที่ต้องรีบจัดการให้พ้นทาง!
