“ประพันธ์ คูณมี”ประกาศขอตามล้าง“อภิสิทธิ์”ทั้งชีวิต ฐานปล่อยตำรวจยัดเยียดข้อหาก่อการร้ายให้พันธมิตรฯ ขณะที่ตนเองเป็นนายกฯ ชี้ปล่อย ตร.ตั้งข้อหาสุ่มสี่สุ่มห้าให้ประชาชนคือแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ยันพันธมิตรฯ ชุมนุมตามสิทธิ ไล่นักการเมืองโกง ไม่เคยจับ จนท.รัฐข่มขู่ต่อรอง
วันนี้(30 เม.ย.) นายประพันธ์ คูณมี อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และ 1 ใน 114 ผู้ต้องหาคดีการชุมนุมที่สนามบินสุวรรณภูมิและสนามบินดอนเมือง กล่าวในรายการ “สภาท่าพระอาทิตย์” ทางเอเอสทีวีว่า บ้านเมืองในขณะนี้กำลังวิปริต ประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่ออกมาต่อต้านนักการเมืองที่ทุจริตคอร์รัปชั่นกลับถูกยัดเยียดข้อหาเป็นผู้ก่อการร้าย ขณะที่ศาลรัฐธรรมที่มีหน้าที่ให้ความยุติธรรมก็ถูกฝ่ายอันธพาลของรัฐบาลข่มขู่คุกคาม เหตุการณ์แบบนี้เป็นวิกฤติที่น่ากลัวที่สุด เป็นสภาพที่บ้านเมืองไร้ขื่อแป บ้านเมืองใกล้จะเกิดกลียุค เป็นความสยองที่คืบคลานใกล้เข้ามา
นายประพันธ์กล่าวต่อว่า คดีการชุมนุมที่สนามบินซึ่งตนและพี่น้องพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้เดินทางไปรายงานตัวที่ศาลเมื่อวานนี้ เป็นคดีการชุมนุมของพันธมิตรฯ ที่เริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 25 พ.ค.2551 ซึ่งเป็นการชุมนุมครั้งที่ 2 หลังจากขับไล่รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรไปแล้ว และได้ฟื้นขึ้นมาใหม่โดยการตั้งพรรคพลังประชาชนตั้งนายสมัคร สุนทรเวชา ขึ้นมาเป็นนายกหุ่นเชิด และจะแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อฟอกความผิดให้ พ.ต.ท.ทักษิณ พันธมิตรฯ จึงออกมาคัดค้านการบริหารบ้านเมืองที่ไม่เป็นประชาธิปไตยของนายสมัครที่เป็นหุ่นเชิด และคัดค้านนักการเมืองคอร์รัปชั่นที่จะแก้ไขรัฐธรมนูญและจะล้มล้างพระมหากษัตริย์ การชุมนุมของพันธมิตรเป็นการชุมนุมภายใต้ระบอบประชาธิปไตยและชุมนุมโดยสันติ โดยมีรายงานการสอบสวนของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติกรณีการชุมนุมหน้ารัฐสภาออกมาแล้วว่า ความรุนแรงไม่ได้เกิดจากประชาชนแต่เกิดจากเจ้าหน้าที่ และมีคำพิพากษาของศาลปกครองที่นายชิงชัย เจริญอุดมกิจ ฟ้องสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และศาลวินิจฉัยแล้วว่าการชุมนุมของพันธมิตรฯ เป็นการชุมนุมโดยสันติภายใต้สิทธิตามรัฐธรรมนูญและเป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย ส่วนการทำหน้าที่ของตำรวจ เป็นการทำหน้าที่โดยมิชอบมีการใช้ความรุนแรงปราบปรามและฆ่าประชาชน
นายประพันธ์กล่าวต่อว่า ตลอกการชุมนุมของพันธมิตรฯ ผู้ชุมนุมไม่เคยข่มขู่คุกคามเจ้าหน้าที่ ตรงกันข้ามกลับถูกพวกเสื้อแดงซึ่งเป็นคนของรัฐบาลตามมาคุกคามทำร้ายหลายครั้งที่สะพานมัฆวาน และเมื่อเข้าไปชุมนุมในทำเนียบรัฐบาลก็ถูกกองกำลังติดอาวุธโดยคนของรัฐบาลยิงระเบิดเอ็ม 79 เข้าใส่จนบาดเจ็บล้มตายหลายคน
ทั้งนี้ การชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาล หากจะผิดก็ผิดแค่บุกรุกสถานที่ราชการ ไม่ใช่การก่อการร้าย แม้การไปชุมนุมที่สนามบินก็เป็นการชุมนุม แต่ไม่ได้ไปปิด หรือไปจับกุมเจ้าหน้าที่การบินแล้วยื่นข้อต่อรองกับรัฐบาล เราแค่ชุมนุมเรียกร้องรัฐบาลให้ลาออกและยุติการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นสิทธิที่ทำได้ เพราะเราไม่ได้จับเจ้าหน้าที่เป็นตัวประกัน เผาสถานที่ราชการหรือทำร้ายเจ้าหน้าที่
นายประพันธ์กล่าวต่อว่า ภายหลังจากพันธมิตรฯ ไล่รัฐบาลนายสมัคร และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ออกไปแล้ว มีการเลือกนายกฯ ใหม่ ซึ่งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ก็ได้เป็นนายกฯ เพราะกระแสต่อต้านพรรคพลังประชาสชนขึ้นสูงมาก จนกลุ่มของนายเนวิน ชิดชอบ แยกตัวออกมา และเกิดการเปลี่ยนขั้วทางการเมือง เมื่อนายอภิสิทธิ์ได้เป็นนายกฯ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นรองนายกฯ นายเนวินก็ส่งลูกน้องของตัวเองเข้ามาเป็นรัฐมนตรีคมนาคม
นายประพันธ์ ย้ำว่า อยากให้นายอภิสิทธิ์และแม่ยกพรรคประชาธิปัตย์ได้ตระหนักว่าถ้าไม่มีการต่อสู้ของพันธมิตรฯ จ้างนายอภิสิทธิ์ก็ไม่ได้เป็นนายกฯ เพราะพรรคประชาธิปัตย์แพ้เลือกตั้งมาตลอด จนนายอลงกรณ์ พลบุตรต้องเสนอให้มีการปฏิรูปพรรค ที่นายอภิสิทธิ์ได้เป็นนายกฯ นั้นก็เพราะการต่อสู้ของประชาชนกดดันจนพรรคพลังประชาชนแตกตัว ออกมาและมีการเปลี่ยนขั้วทางการเมือง
แต่เมื่อนายอภิสิทธิ์ได้เป็นนายกฯ แล้วก็บริหารประเทศได้ไม่ดี ไม่เพียงเท่านั้น กลับเปิดทางให้ตำรวจมาตั้งขอหาพันธมิตรฯ ซึ่งตอนแรกจะตั้งข้อหาไม่กี่คน แต่กลับเพิ่มเป็น 114 คน โดยนายสุเทพไฟเขียวให้ตำรวจตั้งข้อหาพวกเรา เดิมได้ให้ พล.ต.ท.วุฒิ พัวเวส (ปัจจุบันเป็น พล.ต.อ.)เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน แล้วให้พวกเราไปมอบตัวที่สโมสรตำรวจ แต่พอไปแล้ว เมื่อดูตัวผู้ต้องหาและข้อเท็จจริง ไม่มีลักษณะเป็นผู้ก่อการร้าย พล.ต.ท.วุฒิจึงขึ้นเวทีแล้วบอกว่าพวกเราเป็นผู้ก่อการดี
นักกฎหมายใครๆ ก็รู้ว่าไม่เข้าข่ายก่อการร้าย แต้รัฐบาลขณะนั้นอยากเอาข้อหามามัดพวกเรา ไม่ให้พวกเราออกมาเคลื่อนไหว เมื่อ พล.ต.ท.วุฒิบอกว่าเราเป็นผู้ก่อการดีก็เปลี่ยนหัวหน้าพนักงานสอบสวนเป็น พล.ต.ท.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ซึ่งตำรวจคนนี้อยากรับใช้นักการเมืองอยู่แล้ว ก็ตั้งข้อหาพวกเรา จนมีผู้ต้องหาทั้งสิ้น 114 คน รวมทั้งนักร้อง ดารา ผู้ประกาศทีวี นักดนตรี คนทำกับข้าว คนตีฝาหม้อก็โดน ตั้งข้อแบบเหวี่ยงแห ก่อการร้าย ยึดสนามบิน ขัดขวางการเดินอากาศ โทษสูงสุดคือประหารชีวิต
นายประพันธ์กล่าวต่อว่า ปัญหาคือรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ นายสุเทพ ปล่อยให้ตำรวจทำอย่างนี้ได้อย่างไร ตนเคยโทรศัพท์คุยกับนายอภิสิทธิ์ตั้งแต่ตอนเริ่มต้นมีคดี นายอภิสิทธิ์ก็อ้างว่า เป็นอำนาจหน้าที่ของพนักงานสอบสวนที่เขาจะดำเนินคดีไปตามหน้าที่ รัฐบาลจะไปแทรกแซงไม่ได้
“ผมก็บอกว่า ที่คุณปล่อยให้เขาดำเนินคดีพวกผมนี่แหละ คือการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ปล่อยให้ตำรวจภายใต้บังคับบัญชาตั้งข้อหาสุ่มสี่สุ่มห้ากับประชาชน ก่อการร้ายตั้งได้อย่างไร ประชาชนเขาไปใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ คุณเป็นนายกฯ เป็นประธาน สตช.เป็นผู้บังคับบัญชาของตำรวจ แล้วปล่อยให้ตำรวจยัดข้อหาประชาชน โดยให้ท้าย ก็คือการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม แต่การให้ความเป็นธรรมกับประชาชนทำไมคุณไม่กล้าทำ”
“มาถึงวันนี้ ก็ขอบอกพี่น้องชาวประชาธิปัตย์และนายอภิสิทธิ์ว่าชีวิตนี้ทั้งชีวิต ผมจะไม่มีวันให้อภัยนายอภิสิทธิ์ และจะตามล้างตามผลาญไปตลอดชีวิต เพราะว่าคุณได้กระทำความเลวร้ายกับประชาชน”นายประพันธ์กล่าว
คำต่อคำรายการ “สภาท่าพระอาทิตย์” เอเอสทีวี วันที่ 30 เมษายน 2556
รัฐวุฒิ มิตรมาก(ผู้ดำเนินรายการ) - พูดกันถึงเมื่อวานก่อนเลยดีกว่าที่ศาลอาญารัชดา คุณประพันธ์เป็น 1 ใน 96 คน ที่ไปด้วย ที่จริงๆ นั้น 114 คน คดีการชุมนุมที่สนามบินสุวรรณภูมิ และดอนเมือง
ประพันธ์ คูณมี- ก็ดีเหมือนกันครับ เพราะว่าเรื่องนี้ต้องถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ และจริงๆ อยากจะพูด และแสดงความคิดเห็นให้พี่น้องประชาชน และท่านผู้ชมได้เข้าใจด้วยว่า มันเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย กับบ้านเมืองของเรามันถึงได้มีเหตุการณ์ที่วิปริตถึงขนาดนี้ ในขณะที่ประชุมผู้บริสุทธิ์ ที่ออกมาต่อสู้เพื่อปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ปกป้องชาติ บ้านเมือง และรักษาผลประโยชน์ของประชาชน คัดค้านต่อต้านนักการเมืองโกง และการเมืองทุจริตที่ใช้อำนาจประพฤติไม่ชอบ กลับโดนข้อหาร้ายแรงว่า เป็นผู้ก่อการร้ายนะครับ เช่นเดียวกันกับฝ่ายตุลาการที่ทำหน้าที่รักษาความยุติธรรมของบ้านเมือง พิทักษ์รักษารัฐธรรมนูญรักษากฎหมาย อย่างศาลรัฐธรรมนูญก็ถูกฝ่ายคนของรัฐบาล และอันธพาลการเมืองที่ชุบเลี้ยงโดยรัฐบาล ข่มขู่คุกคามจะจับตัว จะขับไล่ ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่
เพราะในขณะที่กลไกของรัฐฝ่ายหนึ่งใช้อำนาจทางกฎหมาย มาฟ้อง มาเล่นงานประชาชนผู้บริสุทธิ์ กลไกของรัฐ หรือ อันธพาลการเมืองของรัฐบาลส่วนหนึ่ง ก็ใช้เป็นอันธพาลคุกคามประชาชนผู้บริสุทธิ์ คุกคามศาล องค์กรอิสระดังกล่าว เพราะฉะนั้นเหตุการณ์แบบนี้ มันเข้าข่ายว่าประเทศไทย มันกำลังวิปริต และเข้าข่ายเป็นวิกฤตที่น่ากลัวที่สุดว่า บ้านเมืองมันใกล้ความที่จะไร้ขื่อแปใกล้กับความที่จะเกิดกลียุค เกิดการที่ไม่มีใครเคารพใคร ไม่มีใครฟัง และไม่มีหลักยึดในการปกครองบ้านเมืองเข้าไปทุกที ซึ่งอันนี้มันเป็นอันตราย และมันเป็นความร้ายแรงที่น่าสยอง ที่กำลังคืบคลานใกล้เข้ามาสู่สังคมไทย
กรณีของคดีเมื่อวานนี้ เป็นคดีที่เกิดขึ้นจากการชุมนุมของพี่น้องพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ได้ชุมนุมกันตั้งแต่วันที่ 25 พฤษภาฯ อันนี้เป็นการชุมนุม น่าจะเป็นการชุมนุมรอบที่ 2 แล้ว หลังจากที่ขับไล่ทักษิณออกไปรอบที่ 1 ทักษิณก็สามารถฟื้นอำนาจกลับขึ้นมาตั้งเป็นรัฐบาลในนามพรรคพลังประชาชน และเชิดนายสมัคร สุนทรเวช ขึ้นมาเป็นนายกฯ หุ่นเชิดขึ้นมา และพยายามที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อที่จะล้างผิดให้กับตัวเองให้กับทักษิณทั้งประพฤติมิชอบ ทั้งทุจริตนะครับ ทั้งใช้อำนาจหน้าที่ในการสังหารเข่นฆ่าประชาชน การปกครองโดยระบอบทักษิณ ซึ่งเดี๋ยวเราคงจะได้พูดกันว่า สิ่งที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไปพูดที่มองโกเลีย กับความเป็นจริงในยุคสมัยที่พี่ชายเขาเป็นนายกฯ มันคืออย่างไร จะได้เห็นถึงการโกหกมดเท็จ ตอแหลของผู้เป็นนายกรัฐมนตรีแห่งประเทศนี้ ว่าไม่ละอายกับสิ่งที่พูด
เพราะฉะนั้นเมื่อทักษิณสนับสนุน นายสมัครขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีในนามพรรคพลังประชาชน ก็พยายามจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ พันธมิตรฯ ไปชุมนุมคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อที่จะฟอกผิดให้กับทักษิณ ซึ่งขณะนั้นเห็นได้ชัดว่า คณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สิน คตส. และกลไก ป.ป.ช.ได้ตรวจสอบการกระทำของรัฐบาลทักษิณชัดเจนว่า โกงว่าทุจริตอย่างไร และเป็นที่มาจนกระทั่งถึงศาลรัฐธรรมนูญ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตัดสินให้ริบทรัพย์ ฐานร่ำรวยผิดปกติ ซึ่งรายละเอียดทุกท่านก็ทราบดีแล้วจากคำพิพากษา ซึ่งเป็นคำพิพากษาฉบับที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ขององค์การตุลาการฉบับหนึ่ง ที่ได้อธิบายถึงรายละเอียดพฤติกรรมของนายกฯ ทักษิณว่า ได้กระทำการอย่างไรที่สร้างความร่ำรวยให้กับธุรกิจตัวเอง ครอบครัว และบริษัททั้งหลายที่เป็นของตนเอง ที่สร้างความร่ำรวยถึง 60,000 กว่าล้าน และขายให้กับเทมาเส็กไป
เพราะฉะนั้นพันธมิตรฯ ไปชุมนุมนั้น ก็ชุมนุม 1.ต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันของทางการเมือง อันที่ 2.คือคัดค้านการบริหารบ้านเมืองที่ไม่เป็นประชาธิปไตย และการแก้ไขรัฐธรรมนูญของนายสมัคร ที่เป็นหุ่นเชิดให้กับทักษิณ และต่อต้านคัดค้านนักการเมืองที่ทุจริตคอร์รัปชัน ทั้งเป็นการต่อต้านคัดค้านขบวนการทั้งหลายที่มีความพยายามที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือเคลื่อนไหวในทางที่จะล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งก็มีข้อเท็จจริงปรากฏ สืบเนื่องมาจนกระทั่งถึงทุกวันนี้ว่า มีเหตุการณ์เช่นนั้นจริง
เพราะฉะนั้นการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในคราวนั้น เป็นการชุมนุมภายใต้รัฐธรรมนูญ และระบอบประชาธิปไตย โดยสันติวิธี ไม่ว่าจะชุมนุมอยู่ที่ราชดำเนิน ไปชุมนุมอยู่ที่ทำเนียบ หรือหน้ารัฐสภา กระทั่งไปชุมนุมที่สนามบินสุวรรณภูมิ พวกเรา 1.ไม่มีอาวุธ ไม่ได้ใช้อาวุธไม่ได้ใช้ความรุนแรงในการทำร้ายเจ้าหน้าที่บ้านเมือง หรือเผาทำลายสถานที่ราชการ ใช้เหตุผลใช้ข้อเท็จจริงในการพูด การชุมนุมการเดินขบวน การเคลื่อนไหวจากจุดหนึ่งไปจุดหนึ่ง เป็นสิทธิเสรีภาพของประชาชน ตามรัฐธรรมนูญ และข้อเท็จจริงอันนี้ว่า การชุมนุมของพันธมิตรประชาชน เป็นการชุมนุมโดยชอบหรือไม่ เป็นไปตามภายใต้รัฐธรรมนูญหรือไม่ ก็มีรายงานการสอบสวนของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน ได้สอบสวนกรณีที่ประชาชนถูกทำร้ายในเหตุการณ์หน้ารัฐสภามาแล้ว ก็รายงานมาแล้วว่า การชุมนุมไม่มีเหตุรุนแรง เหตุรุนแรงเกิดจากเจ้าหน้าที่บ้านเมือง การชุมนุมของประชาชนยังเป็นการชุมนุมที่อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ เป็นสิทธิเสรีภาพที่ประชาชนกระทำได้
อันนี้ที่ 2.คือนอกจากมีรายงานของคณะกรรมการสิทธิแล้ว ยังมีคำพิพากษาคดีของศาลปกครองกรณีที่นายชิงชัยกับพวกไปฟ้องสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ปราบปรามทำร้ายประชาชนหน้ารัฐสภา จนกระทั่งแขนขาขาดบาดเจ็บล้มตายพิการ ศาลปกครองมีคำตัดสิน และมีคำวินิจฉัยอันเป็นที่สุดแล้วว่า การชุมนุมของประชาชนเป็นไปโดยสงบสันติ และเป็นการชุมนุมที่อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ และเป็นไปตามระบอบประชาธิปไตยทุกประการ เพราะฉะนั้นกระทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐในการปราบปรามประชาชนครั้งนั้น ศาลได้วินิจฉัยว่า เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ และเป็นการทำร้ายประชาชน กระทั่งเป็นการฆ่าประชาชนโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
เพราะฉะนั้นเห็นได้ว่า การชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนั้น เราไม่เคยใช้ความรุนแรง เราไม่มีอาวุธ ไม่มีการซ่องสุมกำลัง เพื่อจะไปประทุษร้ายเจ้าหน้าที่ของรัฐแต่อย่างใด ตรงกันข้ามผู้ชุมนุมกลับถูกอันธพาลการเมืองของฝ่ายรัฐบาลในขณะนั้น ที่มาในคราบของกลุ่มเสื้อแดงมาทำร้ายประชาชนครึ่งหนึ่งที่บริเวณสะพานมัฆวานฯ และระหว่างที่เราชุมนุมอยู่ในทำเนียบก็ถูกกองกำลังติดอาวุธ ซึ่งทราบต่อมาภายหลังว่า เป็นกองกำลังของกลุ่มคนที่ได้รับการสนับสนุนจากคนของรัฐบาลในยุคสมัยนั้น และคนที่อยู่เบื้องหลังขบวนการนั้น บัดนี้ก็ตายไปแล้วที่เป็น เสธ.คนหนึ่ง นั้นแหละใช้กำลังเอ็ม 79 ยิงถล่มใส่พวกเราตลอดเวลา บาดเจ็บล้มตายอยู่ทุกวัน แม้ว่าการชุมนุมจะเป็นการชุมนุมถนนราชดำเนินก็ดี หรือ ชุมนุมในทำเนียบรัฐบาลก็ดีนั้น หากจะเป็นความผิดก็เป็นความผิดแค่ความผิดฐานบุกรุกสถานที่ราชการเท่านั้น ถ้าหากว่าจะเป็นความผิด ไม่ใช่ความผิดฐานจลาจล ไม่ใช่ความผิดฐานก่อความวุ่นวาย หรือก่อการร้าย กระทั่งการไปชุมนุมที่สนามบินดอนเมือง หรือสนามบินสุวรรณภูมิก็เป็นการไปชุมนุมทางการเมือง ไม่ได้ไปปิดสนามบิน ไม่ได้ไปยึดเจ้าหน้าที่ ไม่ได้จับกุมเจ้าหน้าที่หอบังคับการบิน บังคับเครื่องบินขึ้นลง หรือต่อรองเพื่อยื่นข้อเรียกร้องกับรัฐ เหมือนพวกโจรบีอาร์เอ็นในขณะนี้ เราไม่ได้เรียกร้องอะไร เราชุมนุมประท้วงคัดค้านการกระทำของรัฐบาล และเรียกร้องให้รัฐบาลลาออก หรือยุติการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
เพราะฉะนั้นการเรียกร้องให้รัฐบาลลาออก เป็นสิทธิของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่ไปยึดเจ้าหน้าที่มาเป็นตัวประกัน ยึดสนามบินเป็นตัวประกันถ้าไม่ลาออกนะครับ ถ้าไม่นั้นเราจะปิดสนามบิน เราจะจับเจ้าหน้าที่สั่งห้ามเครื่องบินขึ้นลง ห้ามเครื่องบินทุกชาติเข้ามา ไม่มีพฤติกรรมดังกล่าว หรือ กระทั่งจะเผาสถานที่ราชการทำร้ายเจ้าหน้าที่ ไม่มี อันนี้คือข้อเท็จจริงที่อยากจะพูดให้พี่น้องประชาชนได้ทราบเป็นพื้นฐานก่อน สำหรับคนที่ยังไม่เข้าใจต้องไปดูข้อเท็จจริงด้วยใจเป็นธรรมว่า พันธมิตรฯ ชุมนุมกับกลุ่มคนเสื้อแดงชุมนุมมันต่างกันอย่างไร ต่างกันโดยสิ้นเชิง นี่คือข้อเท็จจริง แต่ว่ารัฐบาลในขณะนั้นที่มันน่าเจ็บปวดคุณบาสก็คือว่า ภายหลังที่พันธมิตรฯ ชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สมชาย ออกไปแล้ว มีการซาวด์เสียงเลือกตั้งนายกฯ ใหม่ คนที่ได้โอกาสมาเป็นนายกฯ คือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พรรคประชาธิปัตย์ ได้รับโอกาสในการขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะกระแสการต่อต้านพรรคเพื่อไทย พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชนจากประชาชนพันธมิตรนั้นขึ้นกระแสสูง กลุ่มหนึ่งในพรรคพลังประชาชนจึงแตกตัวออกมา เพราะทานกระแสสังคมไม่ได้ ว่าขืนจะอยู่กับทักษิณต่อไปคงจะไม่ได้รับการสนับสนุนจากประชาชน กลุ่มนายเนวินก็แตกตัวมารวมกับนายอภิสิทธิ์ เกิดการเปลี่ยนขั้วทางการเมือง ซึ่งเป็นการเปลี่ยนขั้ว และมีการโหวตเลือกนายกฯ กันในสภาฯ
ประเด็นนี้ที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไปตอแหลที่มองโกเลีย เดี๋ยวเราจะพูดกันในเรื่องประชาธิปไตย เพราะฉะนั้นเมื่อได้รัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายสุเทพมาเป็นรองนายกฯ นายเนวินก็ส่งลูกน้องในเครือของตัวเองมาเป็นรัฐมนตรีคมนาคม ต้องยอมรับความเป็นจริงครับพี่น้องประชาชนชาวไทยที่เคารพ รวมทั้งพี่น้องชาวพรรคประชาธิปัตย์ และแม่ยกพรรคประชาธิปัตย์ที่ยังงมงายกับนายอภิสิทธิ์อยู่ เพิ่งจะรู้สำนึกเสียด้วยว่า ถ้าไม่มีการต่อสู้ของพี่น้องประชาชน ชาตินี้นายอภิสิทธิ์ไม่มีวันได้เป็นนายกฯ ก็เหมือนที่นายอลงกรณ์และพรรคพวก เรียกร้องให้มีการปฏิรูปพรรคสู้มา 21 ปี คุณแพ้เขามาตลอด ต่อให้มีการเลือกตั้งกี่ครั้ง นายอภิสิทธิ์ก็ไม่สามารถนำพาพรรคประชาธิปัตย์ไปสู้ได้ชนะ
แต่เหตุที่ทำให้ นายอภิสิทธิ์บุญหล่นทับตีนบวมได้เป็น เพราะเกิดจากการต่อสู้ของประชาชน มันเป็นแรงกดดัน ทำให้พรรคพลังประชาชนแตกตัว และหันมาสนับสนุนจับขั้วการเมืองกันใหม่ ทำให้นายอภิสิทธิ์ได้มีโอกาสเป็นนายกฯ ตรงนี้ท่านจะปฏิเสธอย่างไรก็ไม่ได้ แต่เมื่อขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว แทนที่จะดูแลบริหารบ้านเมืองให้ดี ก็ไม่ได้ดูแลบริหารบ้านเมืองให้ดีหรอก เราเห็นกันอยู่แล้วว่า บริหารบ้านเมืองกันอย่างไร การคอร์รัปชันเพิ่มขึ้นไหม การขาดแคลนน้ำมันปาล์มเศรษฐกิจเป็นอย่างไร ไม่เพียงเท่านั้นกลับเปิดทางให้ตำรวจ มาตั้งข้อกล่าวหากับพวกเราที่เป็นคดีนี้ คดีก่อการร้ายเนี้ยะ
รัฐวุฒิ- เพราะตอนแรกมันไม่ถึง 114 คนใช่ไหมครับ
ประพันธ์- ใช่ครับ ตอนแรกจะตั้งข้อหาอยู่ไม่กี่คนว่า จากแกนนำไม่กี่คนนี่แหละ และเสร็จแล้วครั้งแรก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ก็เปิดทางให้ตำรวจ ไฟเขียวให้ตำรวจตั้งข้อกล่าวหาเรา โดยมี พล.ต.ท.วุฒิ พัวเวส และเป็น พล.ต.อ.แล้วมั้งตอนนี้ มาเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน จะตั้งข้อหาตอนแรกไม่กี่คน พวกเราจะไปมอบตัวที่สโมสรตำรวจตอนนั้น
รัฐวุฒิ- ถ้าจำกันได้
ประพันธ์- แต่เมื่อไปแล้ว หัวหน้าพนักงานสอบสวนตำรวจก็ดูเหมือนว่า จากข้อเท็จจริงที่ดูแล้วมันไม่ใช่ลักษณะของผู้ก่อการร้าย มันเป็นลักษณะของผู้ก่อการดี
รัฐวุฒิ- คือท่านพูดบนรถปราศรัยว่า เป็นผู้ก่อการดี
ประพันธ์- ใช่ท่านก็ปราศรัยบนรถว่า นี่เป็นผู้ก่อการดี แล้วดูจากข้อเท็จจริงถ้านักกฎหมายที่มีใจเป็นธรรม ไม่ทำตัวเป็นขี้ข้ารัฐบาล หรือทักษิณ สำนักงานอัยการ หรือตำรวจที่มีใจเป็นธรรม ไม่ทำตัวเป็นขี้ข้านักการเมือง นักกฎหมายนักเรียนกฎหมาย ใครดูก็รู้ว่า ไอ้นี่มันไม่เข้าองค์ประกอบความผิดฐานก่อการร้าย แต่รัฐบาลในขณะนั้นพยายามจะตั้งข้อหาร้ายแรงกับพวกเรา เพื่อจะมัดแข้งมัดขา ล่ามโซ่ไม่ให้พวกเรามีเสรีภาพ หรือออกไปเคลื่อนไหว พยายามจะเอาข้อหานี้มาตั้ง เปิดทางให้ตำรวจดำเนินคดี เมื่อ พล.ต.ท.วุฒิ พัวเวสในขณะนั้น ยศในขณะนั้นไม่พร้อมที่จะเดินหน้าดำเนินคดี
รัฐวุฒิ- เขาบอกเป็นผู้ก่อการดีเลยต้องไป
ประพันธ์- เลยหาทางเปลี่ยนหัวหน้าพนักงานสอบสวน เอา พล.ต.ท.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง มาเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน ไอ้หมอนี่มันก็อยากรับใช้เป็นขี้ข้านักการเมืองอยู่แล้ว และมีความสนิทชิดเชื้อกับนายเนวิน ชิดชอบ และกลุ่มพวกนั้น ก็ระดมพนักงานสอบสวนตั้งข้อกล่าวหา ทีนี้ลามปามไปเลยขยายไปตั้งข้อกล่าวหา ตั้งผู้ต้องหามาทั้งสิ้น 114 คน ทั้ง พล.ต.อ.ประทิน พล.ต.อ.ปานเทพ
รัฐวุฒิ- นักร้อง ดาราได้ขึ้นไปร้องเพลง
ประพันธ์- นักร้อง ดารา พิธีกร ผู้ประกาศทีวี คนทำกับข้าว คนตีฝาหม้อ นักดนตรี พล.อ.อ.เทิดศักดิ์ พล.อ.ปฐมพงษ์ ใครต่อใครรวมทั้งผม ตั้งข้อหาแบบเหวี่ยงแหไปเลย ว่าตั้งข้อหาเป็นผู้ก่อการร้าย เป็นผู้ก่อจลาจล ยึดสนามบิน กีดขวางการเดินอากาศ ยัดเยียดข้อหารวมโทษแล้วคือ ประหารชีวิต โทษสูงสุดคือประหารชีวิต ปัญหาคือว่า รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กับนายสุเทพ ปล่อยให้ตำรวจทำอย่างนี้ได้อย่างไร ผมเคยโทรคุยกับนายอภิสิทธิ์ ตั้งแต่เริ่มต้นที่มีคดีนี้ขึ้นมาว่า คุณปล่อยให้ตำรวจทำอย่างนี้ได้อย่างไร เขาบอกว่ามันเป็นอำนาจหน้าที่ของพนักงานสอบสวน ที่เขาจะดำเนินการไปตามหน้าที่ ผมจะไปแทรกแซงอย่างนั้นไม่ได้ ผมก็บอกว่า ที่คุณปล่อยให้เขาดำเนินคดีพวกผมนี่แหละคือ การที่คุณแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม คุณปล่อยให้ตำรวจภายใต้บังคับบัญชาของคุณ ตั้งข้อหาสุ่มสี่สุ่มห้ากับประชาชน ข้อหาก่อการร้ายคุณตั้งได้อย่างไร ประชาชนไปชุมนุมใช้สิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ แล้ว 2.คุณเป็นนายกฯ คุณเป็นประธาน สตช.เป็นประธานตำรวจ เป็นผู้บังคับบัญชาตำรวจ คุณปล่อยให้ตำรวจดำเนินคดีกับประชาชน โดยให้ท้ายก็คือการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม บิดเบือนกระบวนการยุติธรรมอยู่แล้ว แต่การที่คุณจะให้ความเป็นธรรมกับประชาชน ทำไมคุณไม่กล้าทำ ซึ่งอันนี้เป็นวิวาทะระหว่างผมกับเขา และมาจนถึงวันนี้ก็บอกกับพี่น้องชาวประชาธิปัตย์ และนายอภิสิทธิ์ไว้เลยว่า ชีวิตนี้ทั้งชีวิตผมกับนายอภิสิทธิ์จะไม่มีวันให้อภัย และผมจะตามล้างตามผลาญคุณไปตลอดชีวิต ว่าคุณได้กระทำความเลวร้ายกับประชาชน เขาคงคิดในง่ายๆ ว่า ตั้งข้อหามันไม่เป็นไร เราก็ไปสู้คดีในชั้นศาลก็คงจะหลุด มาดูครับ
รัฐวุฒิ- เดี๋ยวครับ ขออนุญาตพักสักครู่ละกัน ช่วงหน้าคุณโสภณ จะได้มาพูดคุยด้วยว่า ประเด็นที่รัฐบาลในสมัยนั้นปล่อยให้มีการตั้งข้อหาก่อการร้ายทั้งกับแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ทั้งแนวร่วมพันธมิตรฯ ที่ออกมาชุมนุมมันก็มีผลมาถึงปัจจุบันด้วยเหมือนกัน เดี๋ยวมีผลด้านไหนเดี๋ยวมาพูดคุยกันนะครับ ช่วงหน้ากับคุณโสภณ องค์การณ์ด้วยนะครับ ตอนนี้ไปพักกันก่อนสักครู่ครับ
รัฐวุฒิ- เอาละครับ มาถึงช่วงที่ 2 ของสภาท่าพระอาทิตย์ ช่วงนี้อยู่พูดคุยกับ คุณโสภณ องค์การณ์ด้วย สวัสดีครับพี่โส
โสภณ- สวัสดีครับ
รัฐวุฒิ- เมื่อสักครู่คุยกับพี่ประพันธ์ค้างเอาไว้ เรื่องของคดีสนามบินสุวรรณภูมิเมื่อวานนี้ เดี๋ยวได้พูดคุยกันต่อ และเรื่องของนายกฯ ด้วย เห็นพี่โสบ่นในเฟซบุ๊กบอกคิดถึงนายกฯ มาก
โสภณ- คือจะมาแก้ตัวให้นายกฯ
ประพันธ์- เตรียมจะมาแก้ตัวชี้แจงแทนนายกฯ
รัฐวุฒิ- เดี๋ยวได้ชี้แจงเรื่องของนายกฯ มาที่เรื่องของสนามบินกันก่อน
ประพันธ์- พูดเรื่องคดีให้จบ เพราะว่าเราพูดมาถึงว่า การเริ่มต้นคดีมันมาเริ่มในยุคนี้ ผมปูพื้นว่า ข้อเท็จจริงมันมาอย่างนี้แล้ว การเริ่มต้น ตั้งต้นเริ่มดำเนินคดีมันมาในยุคสมัยรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ อย่างนี้ในทางสำนวนในทางภาษานักกฎหมายด้วยกัน เขาเรียกว่าปั้นสำนวน ปั้นน้ำเป็นตัวเอาอย่างนี้
โสภณ- ยัดข้อหา
ประพันธ์- คือยัดข้อหาประชาชนผู้บริสุทธิ์ ตั้งข้อหาให้แรงเกินกว่าความเป็นจริง ซึ่งแน่นอนอันนี้เป็นสิทธิของประชาชน ทั้ง 96 คน ที่ถูกฟ้องมีสิทธิที่จะฟ้องกลับ ผมเชื่อว่าจะมีการประชุมจำเลยทั้งหมด ประชุมทีม คณะทนายด้วย ในวันที่ 11 มิถุนายน จะมีการเสนอถึงแนวทางการต่อสู้คดีกลับไปอย่างไร ทางหนึ่งอย่างที่คุณโสภณเสนอถูกต้องแล้ว ผู้ตกเป็นจำเลยแต่ละคน ควรจะใช้สิทธิฟ้องพนักงานสอบสวน และอัยการกลับ เพราะข้อเท็จจริงของแต่ละคนไม่เหมือนกัน อันนี้เดี๋ยวค่อยว่ากันทีหลัง บางคนตีฝาหม้อคุณไปตั้งข้อหาก่อการร้ายได้อย่างไร บางคนร้องเพลง ผมมาร้องเพลง อย่างท่าน พล.ต.อ.ประทิน เดินผ่านมาแล้วเขาเชิญขึ้น ท่านพูดนิดหน่อยเป็นผู้ก่อการร้ายครับ อย่างนี้มันต้องฟ้องกลับ และแยกฟ้อง 96 คน 96 สำนวน และแต่ละศาล แต่ละดุลพินิจของผู้พิพากษาก็ไม่เหมือนกัน เพราะข้อเท็จจริงของแต่ละคนไม่เหมือนกัน จะได้เห็นว่าการกลั่นแกล้งตั้งข้อกล่าวหาคน โดยปราศจากความจริง มันต้องได้รับการพิสูจน์ลงโทษในชั้นศาลเหมือนกัน ทีนี้ปัญหาคือว่า การที่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ สุเทพ เปิดทางให้ วุฒิ พัวเวส ไม่ประสบความสำเร็จ แล้วมาเปิดทางให้สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วงตั้งคดี สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วงมันก็เอาใหญ่เลย ตั้งข้อหาแบบลามปามไปเลย ซึ่งมันเป็นความต้องการของฝ่ายการเมืองที่ต้องการจะล่ามโซ่ประชาชนอยู่แล้ว ไม่ต้องการให้พวกนี้เคลื่อนไหวทางการเมือง สั่นคลอนเสถียรภาพรัฐบาลของตัวเองในขณะนั้น นายอภิสิทธิ์ คงนึกไม่ถึงว่า ตำรวจจะตั้งข้อหาได้เก่ง เลวทรามขนาดนี้ คือสามารถตั้งข้อหาผู้ก่อการร้ายได้ตั้ง 110 กว่าคน
นี่หากว่าพวกนี้เป็นผู้ก่อการร้ายจริงๆ ประเทศไทยน่าจะมีผู้ก่อการร้ายมากที่สุดในโลก เพราะนอกจาก 114 คน และ 96 คนที่ถูกฟ้องนี่แล้ว ยังมีมวลชนติดตามสนับสนุนอีกเป็นเรือนล้านทั่วโลก สมาชิกเหล่านี้ที่เข้าร่วมการชุมนุมกับพันธมิตรฯ ก็เป็นสมาชิกของขบวนการก่อการร้ายหมดสิ ซึ่งมันเป็นเรื่องที่วิปริต
โสภณ- แท็กซี่ก็ต้องเป็นด้วยนะ
ประพันธ์- แท็กซี่ทุกคนเป็นหมด ใช่ไหม ผู้ประกาศวิทยุอ่านข่าวกลายเป็นผู้ก่อการร้าย นี่คือการสร้างเขาเรียกว่า การสร้างเรื่องปั้นสำนวนขึ้นมา ปั้นน้ำเป็นตัวขึ้นมา ซึ่งแน่นอนรายละเอียดที่จะสู้คดีในชั้นศาลก็ว่ากันอีกทีนึง แต่ว่าการที่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ก็ดี นายสุเทพก็ดี คงจะคิดว่าการตั้งข้อหาไปแค่นี้ไม่เป็นไร ยิ่งมาตั้งไม่ดีแบบนี้สู้คดีในชั้นศาลก็หลุด เขาพูดแบบไม่รับผิดชอบว่า การที่คนๆ หนึ่งตกเป็นจำเลย เขาจะต้องเสียเวลาแค่ไหน 1.ต้องไปโรงไปศาล ต้องไปให้การกับพนักงานสอบสวน ต้องไปประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวน มาประกันตัวในชั้นศาล ศาลเรียกหลักทรัพย์ตั้ง 600,000 บาท แต่ละคนต้องมีภาระที่จะต้องหาหลักทรัพย์มาประกันตัวเอง เดินทางออกนอกประเทศก็ไม่ได้ จะไปทำกิจกรรมอะไรในทางการเมืองก็จะมีข้อห้ามอย่างนั้นอย่างนี้ แต่สิทธิเสรีภาพของเขาถูกทำลาย ชีวิตของเขาต้องมาวนเวียนขึ้นโรงขึ้นศาลกว่าคดีจะจบ อาจเป็น 10 ปี เพราะคดีนี้มันฟ้องรวมกันมาตั้ง 96 คน แล้วมันจะสืบพยานยังไง เวลาถึงนาน เพราะฉะนั้นสิ่งที่ประชาชนสูญเสียที่สำคัญที่สุด คือ ความรู้สึกทางจิตใจของประชาชนที่ถูกตั้งข้อกล่าวหาอย่างไม่เป็นธรรม มัน คือ โศกนาฏกรรมหรือความชั่วร้ายที่หนักหน่วงเป็นโทษยิ่งกว่าเขาถูกจำคุกอีก เพราะเขาไม่ได้ทำความผิด เขาทำความดีเสียสละชีวิตต่อสู้เพื่อบ้านเมือง เขากลับโดนตั้งข้อหาแบบนี้ ความเจ็บปวดขมขืนใจมันหนักยิ่งกว่า เพราะว่า เราไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะฉะนั้นการยัดเยียดความอยุติธรรมให้ใครมันเป็นความเจ็บปวดที่รุนแรงที่สุด นี้แหละมันจึงเป็นวาทกรรมอันหนึ่ง อันสำคัญที่สุดเป็นที่มาที่นายอภิสิทธิ์ได้รับ คือ คำว่า เนรคุณ จึงมีวาทกรรมอันนี้ที่ประชาชนส่วนหนึ่ง พี่น้องพันธมิตรฯ ไม่ยอมรับนายอภิทธิ์ด้วยเหตุนี้ และนายอภิสิทธิ์ก็ไม่สำนึกในจุดนี้ ว่า ตัวเองทำผิดร้ายแรงยังไง แต่อย่างไรก็ตามท้ายที่สุดกรรมก็ตามสนองเขา เพราะไอ้ DSI ที่นายอภิสิทธิ์ สุเทพ จะชุบเลี้ยงนายธาริตให้การสนับสนุนขึ้นมาเป็นอธิบดีสุดท้ายมันก็แวงกัดเอา ตั้งข้อหานายอภิสิทธิ์ที่นี้ร้ายแรงเลยหลายคดี ฆ่าประชาชนบ้าง ทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง สารพัดต้องตกไปเป็นผู้ต้องหา นายอภิสิทธิ์เมื่อวานนี้ก็ไปศาลเหมือนกัน
รัฐวุฒิ- ข้อหา
ประพันธ์- ไปข้อหาฟ้องนายธาริต เพ็งดิษฐ์ ฟ้องเขากลับ นี้ก็ คือ กรรมมันติดจรวด แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อมาดูข้อหาที่ฟ้องคำฟ้องที่ฟ้องแล้ว มันเป็นคำฟ้องที่เลื่อนลอยทั้งนั้น ว่า การชุมนุมที่หน้าสนามบิน หาว่า มีการยึดสนามบิน มีการห้ามเครื่องบินขึ้น-ลง การยึดหอบังคับการบิน การใช้กำลังประทุษร้ายอย่างนั้นอย่างนี้ ทั้งๆ ที่ไม่มีเหตุการณ์อะไรเลย อันนี้เป็นการฟ้องที่เป็นเท็จ และจำเลยที่ถูกฟ้องทั้งหมดเมื่อวานนี้ 96 คน ตอนตั้งเป็นผู้ต้องหาตั้งไว้ 114 ก็หายไป 8 คน ไม่ได้ฟ้องข้อหาร่วมในนี้นะครับ 96 คน ที่ถูกฟ้องนั้นนะครับ ก็แบ่งเป็นชุดๆ ชุดที่ 1 ชุดที่ 2 ชุดที่ 3 ไปจนถึงชุดที่ 7 รวมกันเป็น 96 คน ด้วยข้อหาเดียวกันหมด ว่า กระทำผิดตั้งแต่บุกรุก ชุมนุมมั่วสุมก่อให้เกิดจลาจลอะไรก็ว่าไปเนี่ย ซึ่งสิ่งสำคัญบ้างครั้งมันไม่มี 2 หาว่า บุกรุกสถานที่ราชการทำให้เสียทรัพย์ การไปชุมนุมหน้าสถานที่ราชการมันก็ต้องเข้าไปที่หน้าอาคาร แต่การเข้าไปอาคารเพื่อทำลายทรัพย์สินของสนามบินมันไม่มี แต่มันก็ต้องเข้าหาแบบเหวี่ยงแหไว้ก่อน อันที่ 3 ก็คือ หาว่า เป็นการก่อการร้าย อันนี้เนี่ยร้ายแรง ก่อการร้ายตามมาตรา 135 แล้วก็มาถึงทำให้เสียหายทำให้เสียทรัพย์ ข่มขืนใจเจ้าพนักงาน จนกระทั่งมาถึงความผิดฐานกักขังหน่วง เหนี่ยว เป็นซ่องโจรไปโน้นเลยครับ มันตั้งข้อหาได้มันจิตนาการไปหมด
รัฐวุฒิ- ทำผิด พ.ร.บ.การเดินอากาศ
ประพันธ์- ที่สำคัญสุดท้าย ก็คือ บอกว่า ฝ่าฝืนและทำผิด พ.ร.บ.เกี่ยวกับการเดินอากาศ โทษถึงประหารชีวิต คือ คุณไปเดินเพ่นพ่านอยู่หน้าสนามบินเนี่ย ถือว่า ทำผิด พ.ร.บ.อันนี้เลอะเทอะ ตั้งแต่มีกฎหมายฉบับนี้ยังไม่มีใครถูกลงโทษเรื่องนี้เลยนะครับ พ.ร.บ.เดินอากาศเนี่ย แต่ว่า นายตำรวจพวกเนี้ยมันเก่งมาก มันสามารถขุด คือ ท่องเอาตำรามาตั้งข้อหาคน แต่ไม่ดูข้อเท็จจริงว่า มีข้อเท็จจริงว่าเขาไปทำการขัดขวางการเดินอากาศไหม หอบังคับการบินคุณก็อยู่ในความควบคุมของคุณ และในข้อเท็จจริงก็ปรากฏว่า เจ้าหน้าที่สนามบินเป็นคนสั่งเอง ผู้อำนวยการท่าอากาศยานเป็นคนสั่งให้หยุดปิดการบินเอง ไม่มีใครไปขัดขวางหรือสั่งให้ปิด และในมติของคณะกรรมการสอบก็ออกมาว่า คณะกรรมการ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานเป็นผู้บอกให้ปิดเอง แต่การชุมนุมมันอยู่ข้างหน้า ซึ่งก็เป็นปกติและก็มีการชุมนุมแบบนี้มาไม่รู้กี่ครั้ง กล่าวโดยสรุปแล้วก็คือ ข้อหาที่ตั้งมันร้ายแรงเกินสมควรแก่เหตุ และเป็นเท็จขัดต่อข้อเท็จจริง ซึ่งอันนี้ก็เป็นประเด็นทางข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่พวกเราจำเลยทั้งหลายต้องไปประชุมหารือกันว่า จะต่อสู้อย่างไร ซึ่งเราก็มีแนวทางที่จะต้อสู้ เหตุที่เขาต้องการเอาเรื่องนี้มาล่ามโซ่เราไว้ มันมาจากสมัยรัฐบาลที่แล้วอภิสิทธิ์กับสุเทพ รัฐบาลยิ่งลักษณ์มันก็ได้ท่าได้ทางเลย มันก็ไฟเขียวให้อัยการตำรวจรวบรัดเดินหน้าทำสำนวนมาให้ฟ้องให้ได้ ในชั้นอภิสิทธิ์ตั้งต้นคดีในชั้นสอบสวน แต่มาในชั้นรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ก็คือให้อัยการตำรวจเร่งทำสำนวนเพื่อส่งฟ้องให้ได้ เหตุคือ ต้องการจะเอาพวกเรามามัดรวมจับเป็นตัวประกันรวมกับพวกเผาบ้านเผาเมือง พวกเขาที่ทำผิดและจะให้เรายอมรับกฎหมายนิรโทษกรรม ซึ่งผมก็บอกว่า ถ้าผมไม่ตายชาตินี้ผมไม่มีวันยอมรับขบวนการถ่อยสามานย์นี้ กระผมจะสู้กับมันจนถึงที่สุดและต้องทำทุกวิถีทางที่ให้คนชั่ว คนเลว คนที่เนรคุณประเทศชาติและประชาชนได้รับโทษกรรมของตัวเอง
รัฐวุฒิ- ครับ ที่นี้แนวทางที่จะต้อสู้นอกจากที่คุณประพันธ์และคุณโสภณคุยกันเมื่อสักครู่นี้ ก็บอกว่า ฟ้องกลับเจ้าหน้าที่ได้ อัยการได้ ตำรวจ พนักงานสอบสวนที่ตั้งข้อหาเราได้ จะใช้วิธีแบบไปยื่นหนังสือร้อง DSI หรือ อัยการ บอกว่าให้ถอนข้อกล่าวหาก่อการร้ายไหม เพราะว่า มันรุนแรงเกินไป เหมือนกับที่หมอเหวงไปยื่นแล้วก็ทำอยู่ในขณะนี้ เขาบอกว่า ข้อหาก่อการร้ายของ นปช.ไม่ได้เป็นการก่อการร้าย เพราะว่า ศาลแพ่งมีการตัดสินออกมาแล้วในคดีเซ็น เรื่องของการจ่ายเงินประกันอะไรต่างๆ จะใช้วิธีแบบนี้บ้างได้ไหม
ประพันธ์- คือ ประเด็นนี้ ผมขอทำความเข้าใจ คือ กรณีของการตั้งข้อหาก่อการร้ายของแกนนำเสื้อแดง ผมยังคิดว่า มันพอรับได้ แต่ไม่ใช่พอรับได้ เพราะว่าผมเป็นคนละฝ่ายกับเขานะ แต่เนื่องจากว่า 1.ตั้งข้อหาเฉพาะแกนนำไม่กี่คน 10 กว่าคน ไม่ได้ตั้งเป็นร้อยทุกคนเหมือนอย่างพวกเราใช่ไหม อันที่ 2. ก็คือว่า พฤติกรรมของการชุมนุมของคนเหล่านั้นมันมีพฤติกรรมอาจเข้าข่าย แต่ผมก็ไม่เห็นด้วยนะว่า มันเป็นข้อหาก่อการร้าย เพราะมัน 1.การจะเป็นก่อการร้ายมันจะต้องมีเจตนาพิเศษ ต้องมีองค์กรที่เป็นปิดรับและมีวิธีการดำเนินการปกปิด โดยมีเป้าหมายที่จะต่อรองและยึดอำนาจรัฐ 2.ต้องมีเจตนาพิเศษในการมีกำลังอาวุธเพื่อใช้กำลังอาวุธประทุษร้าย เพื่อเป้าหมายต่อร้องกับรัฐตามกฎหมายเขาเขียนไว้อย่างนั้น เพราะถ้ามันไม่เข้าข่ายองค์ประกอบสำคัญของการก่อการร้ายมันจะอยู่ตรงเจตนาพิเศษ ถ้าเป็นไปฆ่าคนเฉยๆ ไม่มีเจตนาพิเศษเพื่อการนี้มันก็ไม่เข้าข่ายเป็นความผิดฐานก่อการร้ายหรือไปทำลายทรัพย์สิน ลักทรัพย์หรือทำลาย มันก็ไม่เข้าข่าย ในข้อหาก่อการร้ายเนี่ย มาตราเนี่ยครับ ความผิดก่อการร้ายประเด็นสำคัญมันอยู่ที่ว่า ไม่ว่า การไปประทุษร้ายก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตอย่างร้ายแรงหรือเสรีภาพ ก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงต่อระบบขนส่ง มันต้องร้ายแรงต่อระบบขนส่งนะ ไม่ใช่แค่เดินผ่านสนามบินและบอกมันร้ายแรงต่อระบบขนส่งหรือเปล่า แล้วก็ 2 ก็คือว่า ทำความเสียหายร้ายแรงต่อระบบโทรคมนาคมโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ เห็นว่า การชุมนุมจของพันธมิตรฯ มันไม่ได้เกี่ยวข้องกับการกระทบอย่างร้ายแรงอะไรเลย การกีดขวางการจราจรไม่ใช่ว่า เป็นการทำลายระบบขนส่งอย่างร้ายแรง แต่ถ้าคุณไประเบิดทางรถไฟ ไประเบิดรถไฟฟ้าหรือไปยึดสถานีรถไฟฟ้า ห้ามบินอะไรอย่างนั้น มันอีกเรื่องหนึ่งนะครับ ที่สำคัญก็คือ ถ้าการกระทำนั้นมุ่งหมายเพื่อขู่เข็นบังคับรัฐบาลไทยหรือรัฐบาลต่างประเทศให้กระทำ ไม่กระทำอะไรที่เป็นความเสียหายร้ายแรงหรือสร้างความปั่นป่วนให้เกิดความหวาดกลัวในหมู่ประชาชน อันนี้จริงๆ เป็นความผิดฐานก่อการร้าย แต่กฎหมายก็มีข้อยกเว้นว่า ถ้าการกระทำในการเดินขบวน ชุมนุมประท้วง โต้แย้งหรือเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องให้รัฐช่วยเหลือหรือได้รับความเป็นธรรม เป็นการใช้เสรีภาพรัฐธรรมนูญไม่เป็นการทำผิดฐานก่อการร้าย เห็นไหมครับ เพราะฉะนั้นการที่เขาตั้งข้อหาก่อการร้ายกลุ่มนี้ มันอาจดูหมิ่นเหม่ แต่ความเห็นในทางกฎหมายของผม ผมก็ว่า มันยังไม่ถึงก่อการร้าย แต่ว่า มันเป็นการกระทำความผิดที่ร้ายแรงในการก่อการจลาจล และใช้อาวุธทำร้ายเจ้าพนักงานหรือฆ่าเจ้าพนักงาน อันนี้จะเป็นความผิดอยู่ แต่จะไปถึงมีเจตนาพิเศษเพื่อการก่อการร้ายหรือไม่ มันทำให้ตำรวจ พนักงานสอบสวนหรืออัยการในขณะนั้นมองเห็นได้ ที่มองเห็นได้เนื่องจากว่า เมื่อมีการชุมนุมนั้น ผู้ชุมนุมนอกจากมีอาวุธใช้ความรุนแรงแล้วยังมีการบีบบังคับต่อรัฐบาลให้ยอมจำนนต่อตัวเองว่า ต้องยุบสภาฯ ถ้าไม่ยุบสภาฯ กูจะเผาบ้านเผาเมืองใช่ไหม มีการเผาบ้านเผาเมือง มีการเผาศาลากลาง มีการก่อจลาจล มีการบอกให้เอาน้ำมันมา ไอ้เนี่ยมันยังเข้าข่ายใกล้เคียงกว่าพวกผม พวกผมไม่มีใครมีพฤติกรรมอย่างนั้นเลย อาวุธก็ไม่มีมีแต่ถูกเขายิงทำร้าย เพราะฉะนั้นการตั้งข้อหาอันนี้มันก็ยังเป็นการตั้งข้อหาที่ยังอยู่ในวงจำกัดไม่ได้ตั้งแบบเหวี่ยงแหเหมือนรัฐบาลอภิสิทธิ์ นายสมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ส่วนที่คุณหมอเหวงจะไปยื่นต่อ DSI มันไม่ผลหรอกครับ เพราะว่า คดีของพวกแกนนำมันถึงศาลแล้วสืบพยานไปแล้ว แต่มันจะมีผลในอย่างเดียวก็คือ ไปบีบบังคับให้นายธาริต เพ็งดิษฐ์ กับ DSI กลับคำตัวเองเสีย เพื่อจะเป็นผลดีกับจำเลยในศาล
รัฐวุฒิ- เพราะว่า เขาเป็นโจทก์
ประพันธ์- เพราะเขาถูกฟ้อง อัยการฟ้องไปแล้วไง แล้วก็ที่ประกันตัวแล้วศาลไม่ให้ประกันบางคนถูกควบคุมก็ข้อหาก่อการร้าย และ 2 ก็คือ คดีนี้เริ่มสืบพยานไปแล้ว มันสืบพยานได้เพราะว่า มีจำเลยประมาณสัก 10 คน ใช่ไหม ส่วนเพราะฉะนั้นที่จะไปยื่นคำร้องให้ DSI ถอนข้อแจ้งความอันนี้หรือกลับคำอันนี้เนี่ย มันก็อาจเป็นไปได้สำหรับนายธาริต เพ็งดิษฐ์ เพราะนายธาริตอาจกลืนน้ำลายตัวเองได้ไง หมอเหวงอาจมองว่า อาจเป็นอย่างนี้ ก็เลยจะให้นายธาริต เพ็งดิษฐ์ไปกลืนน้ำลายในชั้นศาล ว่า ไอ้ที่ตั้งข้อกล่าวหาไปแล้วเป็นความเข้าใจผิดสำคัญผิดมันเกินสมควรแก่เหตุขอเปลี่ยนข้อหา ขอแก้ฟ้องอะไรก็ว่าของเขา เขาก็จะใช้วิธีทางการเทคนิคทางกฎหมายเพื่อจะช่วยพวกเขา เพราะเขารู้แล้วว่า ข้อหาก่อการร้ายที่พวกเขาโดยดำเนินคดีอยู่ในศาลมันร้ายแรง และการประกันก็ต้องใช้หลักทรัพย์สูง การจะเดินไปไหนมาไหนเขาก็ไปไม่ได้ ผมก็ยังไม่รู้ว่า ข้อเรียกร้องของหมอเหวง ถ้าพูดถึงในทางกฎหมายตามปกติมันยาก แต่ว่า ในบ้านเมืองไทยมันเป็นไปได้หมด เพราะว่า DSI ก็อยู่ภายใต้อิทธิพลครอบงำของนักการเมือง เพราะฉะนั้นเขาก็คงจะหาทางช่วยกันรับลูกกันว่า คุณฟ้องมาสิผมจะหาทางทำอย่างนั้นอย่างนี้อย่างน้อยก็หนักเป็นเบาหรือกลับคำเปลี่ยนสำนวนหรือความเห็นเวลาไปเบิกความในชั้นศาล เพื่อเป็นประโยชน์กับพวกเขา มันจะเป็นแบบนี้มากกว่า
รัฐวุฒิ- ครับ ก็น่าจะ 24 คน คดีก่อการร้ายของ นปช.นะครับ
ประพันธ์- ของเรามัน 96 คน
รัฐวุฒิ- 96 จาก 114 ที่ตามตัวมาได้ นอกนั้นไม่ได้ระบุชื่อว่าเป็นใคร บอกแต่รูปพรรณสัณฐานบางส่วน
ประพันธ์- แต่ของเขามันชัดเจนว่า มีแกนนำมีใครบางที่มีพฤติกรรมรุนแรงอย่างนี้ เขาทุกคนเป็นแบบนั้นหมดไม่ว่า ณัฐวุฒิ จตุพร อริสมันต์ ทุกคนมันมาโทนเดียวกันฮาร์ดคอร์หมด เผาเลยพี่น้องผมรับผิดชอบ ไอ้แค่นี้มันก็เป็นหลักฐานมัดตัวคออยู่แล้ว แล้วมันเผากันจริงๆ ยิ่งหนักเข้าไปใหญ่และมีการประทุษร้ายเจ้าหน้าที่ ยิงเจ้าหน้าที่ มีการปล้นปืน แต่ของเรามันไม่มี ตำรวจจะเอาเราไปอยู่ในฐานะเหมือนเช่นเดียวกับแกนนำคนเสื้อแดงได้ไง เพราะฉะนั้นถึงบอกว่า นักกฎหมายที่มีคุณธรรม ศีลธรรมและยึดมั่นในหลักยุติธรรมและหลักกฎหมายเขาจะไม่ทำอย่างนี้ เพราะฉะนั้นผมถึงบอกว่า การตั้งข้อกล่าวหาของตำรวจและอัยการมันเป็นการตกต่ำของกระบวนการยุติธรรมที่สุดที่ไม่เคยมีมาก่อน แล้วอัยการก็หลับหูหลับตาไป ผมจะเอาวันหนึ่งนะฮะ ถึงเวลาสืบพยานผมจะรายงานของสำนักงานอัยการตอนยกร่างกฎหมายก่อการร้าย สำนักงานอัยการมันให้ความเห็นมาฉอดๆ ความเป็นอย่างนี้ว่าต้ององค์ประกอบอย่างนี้ ต้องเป็นอย่างนี้ อธิบายอย่างนี้ แต่ว่า มันตั้งข้อหาฟ้องคนอื่นนะไม่รู้เรื่องเลยไอ้ที่มันเขียนไว้ ตั้งข้อหามั่วไปเลย เพื่อให้ฝ่ายสมประโยชน์กับฝ่ายการเมืองไปเป็นข้ออ้างในการที่จะมาบับคั่นพวกเราหรือต่อรองพวกเราให้ยอมรับกฎหมายนิรโทษกรรม และก็เพื่อที่จะดิสเครดิตกระบวนการต่อสู้ของประชาชน จำกัดเสรีภาพหรือมัดแข้งมัดขาไม่ให้เรากล้าเคลื่อนไหวนี้คือเป้าผมายของเขา แต่เราจะต้องไม่เดินตามทางเขา เราจะสู้ต่อไปนะครับและเราจะไม่หยุดการเคลื่อนไหว เพื่อต่อสู้เพื่อความถูกต้องของบ้านเมือง
รัฐวุฒิ- เดี๋ยวทางฝ่ายจำเลยที่โดนคดีจะมีการประชุมหารือร่วมกันด้วย ซึ่งการที่มีคดีก่อการร้ายอย่างนี้หรือเปล่าจึงทำให้แกนนำต่างๆ เคลื่อนไหวไม่สะดวกทั้งทางฝั่งของพันธมิตรฯ เองด้วย ทั้งทางฝั่งของ นปช.การเคลื่อนไหวหน้าศาลรัฐธรรมนูญขณะนี้ถึงไม่มีแกนนำหลักๆ ของคนเสื้อแดงที่ไปยุ่งเลยกลายเป็นกลุ่มสื่อวิทยุ
โสภณ- พวกไพร่ระดับล่าง ประเภทถ่อยเถื่อนที่ไม่มีราคาออกไป ก็ไปดูพวกที่ผมย้ำว่า พวกที่ไปนั่งไม่มีใครที่เสียเงินได้ เสียรายได้ส่วนบุคคลซักกี่คนหรอก ส่วนใหญ่เป็นพวกว่างงานไม่มีงานทำ ไม่มีอาชีพเป็นหลักเป็นฐาน ไม่มีหลักแหล่ง ไม่มีรายได้แน่นอน แล้วก็ไม่มีราคาและเป็นพวกที่อยากจะสร้างราคาโดยเฉพาะแกนนำ 3-4 คน ที่เป็นนักพูด ซึ่งตอนนี้ก็เจอคดีแล้ว ก็เริ่มมีคดีสะสมแต้มไปเรื่อยๆ
รัฐวุฒิ- แต่เขาก็ยังไม่หยุดนะครับ
โสภณ- ก็ยังไม่หยุดสะสมแต้มไปเรื่อยๆ ก็เริ่มยึดครองสถานที่ราชการต่อไป ซึ่งเป็น 2 มาตรฐานที่ตำรวจปฏิบัติอยู่ ตอนที่พันธมิตรฯ ไปอยู่หน้ารัฐสภา ซึ่งเป็นถนนธรรมดาก็โดนทั้งแก๊สน้ำตาสารพัดอย่าง ยังไม่ได้ไปแตะรั้วรัฐสภาด้วยซ้ำไป แต่พวกนี้ไปกางเต้นท์หน้าศาลรัฐธรรมนูญปักหลักพักค้างอยู่วันนี้วันที่ 7 แล้วมั้ง และจะออกหมายจับตุลาการ ตั้ง สน.ประชาชนขึ้นมา ทั้งหมดเนี่ยเป็นสิ่งเลยกฎหมายแต่ตำรวจก็เฉย ผมถึงบอกว่า เมื่อวานนี้ศาลกรุณาสละเงินเดือนคนละ 10 เปอร์เซ็นต์ รวมทั้งพนักงานศาลไปจ้าง รปภ.มาช่วยเหลือศาลดีกว่า อย่าหวังพึ่งพาตำรวจอีกเลยถ้าหากตำรวจช่วยไรไม่ได้ รปภ.จ้างมาเขามีเงินเดือน เขาทำงานได้คุ้มค่าเงินเดือนที่ได้รับมามากกว่าตำรวจที่กินเงินเดือนของภาษีประชาชนแต่ไม่ทำหน้าที่ คือ ทำหน้าที่เพื่อช่วยรัฐบาล ตำรวจต้องเป็นกลางแต่เข้าข้างพรรคเพื่อไทย ฉะนั้นก็มีกระบวนการตอแหลว่า เสื้อแดงกับพรรคเพื่อไทยไม่ใช่เนื้อเดียวกัน เมื่อวานที่มันลงเครื่องบินมานะ มาทักไอ้ปึ้งกับไอ้อีกคนนะ ใส่เสื้อแดง 2 คนเลยนะมาจากมองโกเลียไปเลียไรมาก็ไม่รู้แหละ มองโกเลีย ฉะนั้นเมื่อเราเห็นสภาพเช่นนี้มันค้านกับสิ่งที่นายกฯ ไปพูด ยังประโยคที่ขึ้นหน้าหนึ่งไทยโพสต์บอกว่า มีความชัดเจนว่าผู้ที่มีปฏิกิริยาต่อต้านประชาธิปไตยอย่างคงอยู่ หวังว่า ความเจ็บปวดที่ครอบครัวดิฉันได้รับจะเป็นความเจ็บปวดครั้งสุดท้ายของประเทศไทย ครอบครัวของหล่อนได้รับความเจ็บปวดอะไรมิทราบ ผัวไม่ได้จดทะเบียนก็ได้สายสะพายไปแล้ว
รัฐวุฒิ- เขาจะหมายถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ไง เขาบอกว่า ได้รับการเลือกตั้งมา 2 ครั้ง และได้รับเสียงข้างมาก
โสภณ- มันไม่เกี่ยวตอนนั้น เธอเป็นเที่ยวนักดื่มอยู่ เธอไม่ได้รับความเจ็บปวดอะไรทั้งสิ้น เธอเป็นพนักงานในกลุ่มชินเฉยๆ เธอไม่มีอะไรเลยนะ ผัวเนี่ยได้สายสะพายมาโดยไม่ได้ทำอะไรเลยและลูกก็ได้ไปเที่ยวฟรีต่างประเทศกับแม่หลายรอบแล้ว และเธอก็ไปเที่ยวต่างประเทศมาทุกงานทุกการหลายรอบแล้ว เธอเจ็บปวดอะไรไม่ทราบ เธอเปลี่ยนชุดไม่ซ้ำวันด้วยซ้ำไป เธอเจ็บปวดจริงเธอใส่ไว้ทุกข์สิ ทำไมใส่แต่ละชุดมันหรูหรา ก็คือเราไม่ได้อยากจะด่ามากหรอกนะ ไม่อยากพูดมาก คือเราส่งสารว่า
รัฐวุฒิ- อันนี้เบาๆ นะ
โสภณ- ตอนมาถึงเมืองไทยนะ ผู้สื่อข่าวมาถาม ถามเรื่องอะไรมิทราบ อ่อดิฉันอ่านไปมองโกเลยหรือค่ะ ดิฉันไม่ทราบดิฉันอ่านอะไรไป ไอ้โพยที่เขาเขียนมาให้ดิฉันก็อ่านไปตามนั้นแหละ คือจะเข้าใจภาษาซักกี่คำเราก็ไม่รู้ ใครร่างเราไม่รู้ แต่ว่าคนที่ร่างนั้นมันมีเจตนาเพื่อจะรับใช้คนหนีคุก แต่ว่าใช้น้องสาวเป็นปากแทน แต่ว่า สร้างความเสียหายให้แก่บ้านเมือง ไอ้น้องสาวก็อยู่ในตระกูล เขาเรียกว่าอะไรนะ พวกที่อดทนต่อทุกอย่าง ใครจะว่าอะไรดิฉันเอ๋อ ฉันสึ่งตึง ฉันทนได้ทั้งนั้นแหละ ขอให้ฉันได้เที่ยวได้กรีดกราย ฉันได้เดินตรวจพลสวนสนาม ไปต่างประเทศ ฉันได้นั่งร่วมโต๊ะกับผู้นำชาติต่างๆ ไอ้การไปมองโกเลียเนี่ยนะ อูลานบาตอร์ก็ไปตามรอยทักษิณที่เคยไปตั้ง 3-4 ครั้งแล้ว เพราะมันมีแก๊ส มีแร่ธาตุธรรมชาติเยอะแยะ อ้างว่าไปลงทุน ผมว่า เธอไปลงแรงบ้างอย่างมากกว่า อุตส่าห์ถอดสังขารไปโน้น
รัฐวุฒิ- ที่มองโกเลียก็อาจมีเรื่องของพลังงาน
โสภณ- เขามีก๊าซธรรมชาติเยอะแยะแน่นอน มีก๊าซมีอะไรสารพัดอย่าง ไม่งั้นทักษิณจะไปทำไม 3-4 ครั้ง คือ ทักษิณไปที่ไหนไม่ไปฟรีๆ และยูกันดาซึ่งไม่มีใครไปเท่าไรนะ มันก็ไปไปขอสัมปทานลอตเตอรี่ใต้ดิน จะทำเหมืองเพชรเหมืองพลอย และตอนนั้นคุยว่า จะขนแรงงานไทยไปทำเหมืองเพชรเหมืองพลอยก็ไม่มีอะไรซักคนหนึ่ง ขณะแรงงานไทยที่อยู่ที่นี้ยังไม่ได้ 300 บาท ตามที่ประกาศไว้เลย ข้าราชการที่บอกจะได้ 15,000 บาท ก็ไม่ได้ ข้าววันนี้กลายเป็นฉายานายกฯ ข้าวเน่าทั้งแผ่นดินไปแล้วอ่ะ หมายังไม่กินเลยข้าว
รัฐวุฒิ- ข้าวที่ระบายๆ ออกมา ไม่รู้ว่าคุณภาพเป็นอย่างไร
โสภณ- ฉะนั้นการที่ไปขายประเทศไปด่าแผ่นดินเกิดของตัวเองอ่ะนะ เมื่อวานนี้ ผมไม่รู้ว่า ใครร่างสปีชเป็นพวกหูกระต่ายหรือเปล่าไม่รู้ และก็ภาษาที่ใช้ก็คงจะหรูหราเต็มที่ เธอก็อ่านโพยไปโดยไม่รู้สึกว่า จะอ่านอะไรไป คือความผิดพลาดของเธอที่เธอไม่รู้ว่า เธออ่านอะไรออกไปนะ แต่เธอก็ยังอ่านอยู่ คือ จิตสำนึกด้านดีด้านที่ระมัดระวังมันคงจะมีปัญหามาก อ่านไปอยากจะรู้ว่า ประชาธิปไตยที่เธอต้องการ คือ อะไร ทุกอย่างที่พูดขัดแย้งกับสิ่งที่เกิดในเมืองไทยทั้งสิ้น อ่านไปต๋อยๆ เจื้อยแจ้วไปเรื่อยเปื่อยทำปากเยิ้มตาเยิ้มปากแบะสมัยเจอโอบามา แต่พฤติกรรมโดยประชาธิปไตยเธอไปพูดจ้อเหลือเกินในต่างประเทศ แต่มาถึงเมืองไทยพูดถึงสะพานถล่มที่อยุธยา แต่ไม่พูดว่า บ้านเมืองล่มจมเพราะฝีมือของการบริหารของเธอ ข้าวเน่าทั้งประเทศ แบงก์จะเจ๊งไป 3-4 แบงก์ จะไปทุบออมสินเด็กนะ หนี้สิน แล้วก็รถ 200,000 คัน ที่ภาษีคันแรกจะถูกยึดคืนแล้ว เขาจะคืนแล้ว และก็ทั้งขบวนการต่างๆ ที่เกิดขึ้นทุกวันนี้ ความล่มสลายของระบบนิติรัฐ-นิติธรรมที่เกิดขึ้น เธอก็ไม่พูด เธอพูดถึงประชาชนที่ใช้แต่ความถ่อยเถื่อนไม่ยอมรับอำนาจศาล แล้วเธอก็ให้คนหนีคุกมาบงการประเทศ อ้างว่า เป็นผู้ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม แต่ก่อนหน้านี้บอกว่า ใครเป็นเจ้าของฉายาโกงทั้งโคตร และตอนนี้มีฉายาว่า ชั่วทั้งโคตรอีกต่างหาก และก็พรุ่งนี้มีข่าวว่า ประธานสภาฯ ซึ่งไม่ยอมรับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญจะบินไปรับคำสั่งคนหนีคุกที่ฮ่องกง วันที่ 2 รองประธานสภาฯ ก็จะบินไปรับคำสั่ง คือ มีบัตรคิวไว้แล้วรอว่า คนหนีคุกจะเรียกใครมา ติวเข้มว่า ควรจะทำไงให้บ้านเมืองล่มจมให้เร็วที่สุดและทำอั๊วกลับบ้านได้เร็วที่สุด เพื่อกลับมาสร้างความเดือดร้อนมายึดกุมอำนาจประเทศและก็ล้มล้างสถาบันทุกอย่าง ทำลายแผ่นดินเกิด คือ เราไม่อยากอ่านคำแถลงการณ์ คำแหลของเธอที่ไปพูดเหมือนๆ บีบน้ำตาจระเข้ให้ชาวมองโกเลียฟัง ถึงแม้ชาวมองโกเลียจะมีทุ่งหญ้ามากมายนะให้คนขี่ม้ายิงธนูได้ แต่คนมองโกเลียก็ไม่ได้กินหญ้า ไม่งั้นจะมีเจงกีส ข่าน กุบไลข่าน เชื้อสายที่สามารถครอบครองแผ่นดินจีนสร้างความยิ่งใหญ่ได้อย่างไร แต่แม่นางนี้เธอไม่รู้เรื่องด้วยซ้ำไปว่า เธอไปพูดอะไร ด่าบ้านเกิดเมืองนอนนะ บอกว่า คนบริสุทธิ์ถูกลอบยิงโดยสไนเปอร์ แกนนำการชุมนุมต้องติดคุกหรือหลบหนีไปต่างประเทศ และแม้แต่ทุกวันนี้ยังมีเหยื่อทางการเมืองและแกนนำเคลื่อนไหวติดคุกอยู่ แล้วก็พูดถึงพี่ชายของเธอความเจ็บปวดของพี่ชายของเธอ แต่ไม่ได้บอกเลยว่า ไอ้ตัวนี้เป็นตัวไอ้มหาวายร้าย ซึ่งประวัติศาสตร์ไทยหรือแม้แต่ประวัติศาสตร์เอเชีย ประวัติศาสตร์อาเซียนหรือประวัติศาสตร์โลกเนี่ยนะ ไม่มีใครที่ทำลายชาติบ้านเกิดตัวเอง จักรพรรดิเนโรเผากรุงโรมดีดพิณบนกำแพงดูนั้นนะ แต่ก็ไม่ทำลายไม่แบ่งแยกแผ่นดินยุยงให้คนไทยฆ่ากัน เป็นปรปักษ์ต่อกันเหมือนขณะนี้ ฮิตเลอร์ที่ทำลายชาติตัวเองสร้างสงครามยุโรปทำให้คนตาย 20 กว่าล้าน เขาก็เชื่อว่า เขาทำเพื่อชาติของเขานะ แต่ไม่มีใครที่เป็นนายหน้าขายชาติไปสมทบกับฮุน เซน ไปสมทบกับทหารอเมริกัน พม่า ไปสมทบกับสารพัดอย่างเป็นตัวแทนโบรกเกอร์ของอเมริกา เพื่อหุบแผ่นดินชาติบ้านเกิดตัวเองเหมือนโครตเง้าตระกูลนี้แหละ เธอก็ไปพูดหน้าตาเฉยนะ คือ ถ้าไม่อายซะอย่างจะทำอะไรก็ทำได้ ไปพูดเรื่องอาหรับสปริง ขอโทษเถอะครับในใจคิดว่า อาหรับสปริงมันต่างจากเตียงสปริงที่โฟร์ซีซั่นหรือเปล่า
รัฐวุฒิ- แล้วเขาบอกว่า อาหรับสปิงก็เป็นส่วนหนึ่งที่ส่งผลมายังพม่ามาถึงการเลี่ยนแปลงในไทยที่ทำให้เธอได้มาเป็นนายกรัฐมนตรี
โสภณ- คือ อาหรับสปริงมันไม่ใช่สปริงที่เตียงนะครับ
อาหรับเป็นกลุ่ม สปริงแปลว่า ฤดูใบไม่ผลิ ไม่ใช่การสปริงที่เด้งขึ้นเด้งลงเหมือนเตียงสปริงที่โฟร์ซีซั่นหรือเตียงที่ไหนก็แล้วแต่ ยี่ห้ออะไรก็แล้วแต่มันคนละอย่างกัน เธอเข้าใจความหมายอาหรับสปริงคืออะไรรู้เปล่า ไม่มันใช่เตียงสปริงไม่ใช่ยี่ห้ออาหรับ นึกถึงหลับเตียงสปริงเหรอ อาหลับบนเตียงสปริงเหรอ ไม่ใช่ อาหรับสปริงคือการลุกฮือชาวอาหรับ ซึ่งจะได้เห็นเกิดขึ้นตามเมืองไทยอีกไม่นานนี้ ตราบใดที่รัฐบาลอาชญากรขายชาติยังคุมอำนาจรัฐนี้อยู่
รัฐวุฒิ- แต่ว่า การพูดของยิ่งลักษณ์ นี้พยายามจะบอกแล้วเปรียบเทียบว่า การลุกขึ้นมาชุมนุมเมื่อปี 53 ของกลุ่มคนเสื้อแดงจะเทียบได้ว่า นั้นคืออาหรับสปริงที่มันแผ่มา
โสภณ- อาหลับบนเตียงเหรอ อย่างนั้นหรือเปล่า
รัฐวุฒิ- เพราะถ้าดูเนื้อหาสุนทรพจน์ที่เธอไปกล่าวต้องบอกว่า คนเขียนก็ต้องเป็นผู้ที่มีความรู้และโยงเรื่องของเหตุการณ์ต่างๆ และมันสอดคล้องกับการเคลื่อนไหวภายในประเทศด้วย ซึ่งมีการเคลื่อนไหวที่จะกดดันการทำหน้าที่ของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญในขณะนี้ คุณประพันธ์มองยังไงว่า การกล่าวปาฐกถาของนายกรัฐมนตรีในขณะนี้ มันส่งผลดีผลเสียยังไง ในมุมมองของสายตาโลก
ประพันธ์- คือ ก่อนจะพูดประเด็นนี้ก็ตอบคำถามตอนต้นนิดหนึ่ง ก็คือว่า เพราะเหตุนี้หรือเปล่าที่เราโดนฟ้องคดีจึงทำให้แกนนำพันธมิตรฯ ไมากล้าที่จะเคลื่อนไหวใดๆ ผมคิดว่า แกนนำพันธมิตรฯ คงต้องแสดงความเห็นแสดงจุดยืนและตอบคำถามชี้แจง ซึ่งผมก็เข้าใจว่า แกนนำเขาก็ชี้แจงไปแล้ว แต่ว่า ส่วนหนึ่งที่พี่น้องประชาชนจะไม่ทราบก็คือว่า ต้องไม่ลืมนะครับว่านี้เฉพาะคดีก่อการร้ายเป็นเพียงคดีเดียว ผมยังมีคดีที่ถูกฟ้องการชุมนุมอยู่ที่หน้ารัฐสภาอีก ทั้งๆ ที่เราโดนยิงตายกันระเนระนาดมันก็มาฟ้องเรา นี้ผม 2 เรื่อง แต่ตำรวจที่ทำเนียบ
รัฐวุฒิ- แต่คุณประพันธ์มี 2 เรื่อง รวมเป็น 3 คดีทั้งหมด
ประพันธ์- อ่ะใช่ ผมมี 2 เรื่อง อีกคนก็เป็นที่ทำนียบ ส่วนแกนนำเขาโดนไม่ต่ำกว่า 30-40 คดี
รัฐวุฒิ- นี้คือคดีใหญ่ๆ
ประพันธ์ - คดีใหญ่ๆ และยังมีคดีถูกฟ้องหมิ่นประมาทจากทักษิณ และคดีอื่นๆ อีกนะ คุณสนธิก็ไม่รู้เท่าไร และทุกคดีเนี่ยศาลก็วางเงื่อนไขเอาไว้ว่า เมื่อได้รับประกันตัวแล้วห้ามเดินทางออกนอกประเทศ 2.ห้ามไปเข้าร่วมกิจกรรมชุมนุมประท้วงปลุกระดม ห้ามไปปราศรัยยั่วยุปลุกระดมอะไรทำนองนี้ มันก็อาจจะทำให้แกนนำคิดในประเด็นเหล่านี้ได้ แต่ว่าอาจจะมีประเด็นอื่นๆซึ่งอันนี้ก็ต้องถามท่าน แต่สำหรับผม ห้ามผมไม่ได้ต้องบอกอย่างนี้ ถ้าห้ามผมไม่ให้เข้าร่วมกิจกรรมการชุมนุม ผมก็จะไปแต่ผมจะมีวิธีพูดของผม เพราะผมไม่ได้บอกให้เอาน้ำมันมา พี่น้องมาเผาบ้านเผาเมือง ผมก็จะให้ความจริงกับประชาชน ให้ความรู้ ให้ข้อเท็จจริงให้เหตุให้ผล ว่าทำไมรัฐบาลนี้มันถึงไม่ควรอยู่บริหารประเทศ รัฐบาลนี้มันโกงอย่างไร รัฐบาลนี้มันล้มเหลวในการบริหารบ้านเมืองในเรื่องใดบ้าง ผมก็ต้องให้ความจริง ผมกล้าที่จะพูด ถ้าหากว่าจะเอาผมไปขังเพราะผมไปพูดความจริง ผมก็ยอม ผมไม่กลัว แต่ผมจะไม่ทำผิดเงื่อนไขของศาลแน่นอน คือผมไม่ได้ไปปลุกระดมให้คนมาเผาบ้านเผาเมือง แต่จะให้ความจริงให้ประชาชนตัดสินใจเอาเองว่าคุณควรจะทำอย่างไรกับปัญหาชาติบ้านเมือง เหมือนอย่างที่มาออกรายการนี้เราก็พูดตามความเป็นจริง พูดเหมือนอย่างที่เราพูดในรายการนี้ ปราศรัยก็เหมือนที่เราพูดในรายการ คุณฟ้องผมไม่ชอบด้วยกฎหมายอย่างไร เหมือนกรณีที่นายกฯยิ่งลักษณ์ไปปาฐกถาครั้งนี้ ผมจะบอกว่าผมพยายามมองไปถึงเบื้องลึกเบื้องหลังของการที่นายกฯไปปราศรัยครั้งนี้ ซึ่งโดยธรรมเนียมปฏิบัติคนเป็นนายกฯจะไปสปีชในที่ประชุมประเทศใดประเทศหนึ่งมันจะมีทีมร่างคำปราศรัยสปีชของนายกฯ แต่ที่แน่นอนที่สุดก็คือคนที่เป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรีจะต้องเป็นคนตรวจ เป็นคนกลั่นกรอง จากทีมงานที่ร่างมาซึ่งต้องผ่านตาเลขาฯนายกฯ ก็คือนายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ ซึ่งนายสุรนันทน์ ก็น่าจะอ่านภาษาอังกฤษออก พ่อก็เป็นทูต ตนเองก็เป็นนักเรียนนอก ก็ต้องมีส่วนร่วม ผมถึงบอกว่าตระกูลเวชชาชีวะ คนหนึ่งมาเป็นเลขาฯนายกฯยิ่งลักษณ์ อีกคนเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ บ้านเมืองก็ฉิบหายแล้วครับ เพราะทั้ง 2 ตระกูลเล่นการเมืองเอาแต่ได้ อีกฝ่ายหนึ่งเป็นเลขาฯนายกฯ ที่เราเห็นอยู่แล้วว่าไม่ได้เรื่อง อีกฝ่ายเป็นหัวหน้าพรรคบริหารล้มเหลวก็ยังไม่ยอมออกจากหัวหน้าพรรค ซึ่งถ้ายังเป็นหัวหน้าพรรคอยู่พรรคประชาธิปัตย์ ชาตินี้ไม่มีวันเจริญ และไม่มีวันที่ประชาชนอย่างพวกผมจะไปเห็นดีเห็นงามสนับสนุนด้วย เพราะเพียงเรื่องคดีก่อการร้าย ชาตินี้เราก็คบกันไม่ได้แล้ว
ฉะนั้นประเด็นเรื่องคำปราศรัยของนายกฯ ยิ่งลักษณ์ มันมีเบื้องหลัง ก็คือมีทีมที่เขียนให้ และเลขาฯนายกฯก็เป็นคนตรวจขั้นสุดท้ายและเป็นคนถือสปีชนี้ก่อนนายกฯจะขึ้นพูดทุกครั้ง สมัย พล.อ.เปรม น.ต.ประสงค์ ก็จะเป็นคนกลั่นกรอง หรือบางครั้งก็เป็นคนร่างเอง เว้นแต่นายกฯคนนั้นเอาเลขาฯนายกฯที่มันหน่อมแน้มปัญญาอ่อนทำงานไม่เป็น เขาเขียนอะไรมาก็ส่งไป แต่ผมก็เชื่อว่านายสุรนันทน์ไม่ใช่คนทำงานไม่รู้เรื่อง ฉะนั้นคำปราศรัยมันผ่านการกลั่นกรองจากเลขาฯนายกฯแล้วมอบให้นายกฯขึ้นพูด ประเด็นสำคัญของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ไปปราศัยมันเป็นประชุมที่เขาเรียกว่าเป็นการประชุมของประชาคมประชาธิปไตยที่ประเทศมองโกเลียเป็นประเทศเจ้าภาพ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็คงต้องการที่จะไปแสดงความคิดเห็นตรงนี้เพื่อจะบอกว่า ประเทศไทยภายใต้การบริหารบ้านเมืองของตัวเองและของพี่ชายของตัวเองเป็นประชาธิปไตย แต่แท้ที่จริงแล้ว น.ส.ยิ่งลักษณ์ กับทักษิณ พรรคเพื่อไทยไม่ได้มีอุดมการณ์ประชาธิปไตยเลย สังเกตเห็นว่า การไปปราศรัยครั้งนี้เป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริงโดยนักร่างสปีชที่พยายามจะทำเนียน แต่ความจริงมันเผยธาตุแท้ของตัวเองอย่างล่อนจ้อน
รัฐวุฒิ- ขออนุญาตพักสักครู่ ว่ามันบิดบือนอย่างไรบ้าง
โสภณ- ศาลตัดสินยุบพรรค 2 ครั้งด้วยข้อหาที่มีพฤติกรรมเป็นภัยร้ายแรงต่อระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขทั้งไทยรักไทยและพลังประชาชน และก๊วนเดียวกัน อีหรอบเดียวกันทั้งนั้น เป็นภัยร้ายแรงต่อประชาธิปไตย และประชาธิปไตยของพวกนี้ต้องเผาบ้านเผาเมืองเพื่อยึดอำนาจคืน
รัฐวุฒิ- มีประเด็นบิดเบือนเรื่องใดเพิ่มเติมเดี๋ยวสักครู่กลับมาพูดคุยกันต่อ ขออนุญาตไปพักกันก่อนเดี๋ยวกลับมาในช่วงสุดท้ายของสภาท่าพระอาทิตย์ครับ
รัฐวุฒิ- กลับสู่ช่วงสุดท้ายของรายการสภาท่าพระอาทิตย์นะครับ พูดคุยกันต่อในเรื่องของการกล่าวปาฐกถาของนายกรัฐมนตรีที่มองโกเลียที่บอกว่า ยังมีคนที่ไม่เป็นประชาธิปไตยฝ่ายตรงข้ามที่ยังต้องการอำนาจ ทำทุกอย่างเพื่อได้มาอำนาจอยู่ ยกตัวอย่างว่าทางฝ่ายของเธอ พี่ชายของเธอ ครอบครัวของเธอก็เป็นเหยื่อ เป็นผู้ที่เสียหาย มันมีการบิดเบือนอย่างไรบ้าง
ประพันธ์- ถ้าดูบริบทของปัญหาสปีชจนจบ มันมีคีย์เวิร์ดของเรื่องอยู่ว่า สปีชนี้ต้องการที่จะพูดเชิดชูยกย่องประชาธิปไตย คือประชาธิปไตย พูดถึงหลักการประชาธิปไตย เชิดชูยกย่องประชาชนที่ลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยตามสิทธิเสรีภาพ ซึ่งอันนี้ก็เป็นหลักการที่ถูกต้อง แต่ไอ้นักบิดเบือนที่ร่างสปีชนี้ ก็พยายามจะจะจับแพะชนแกะ โดยเอาการต่อสู้ของกลุ่มเสื้อแดง และของพี่ชายของตัวเองมาเหมารวมว่าเป็นส่วนหนึ่งของการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยเทียบเคียงไปสู่การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของประชาชนทั่วโลก ความเป็นจริงการต่อสู้ของทักษิณ และกลุ่มคนเสื้อแดง รวมทั้งนางยิ่งลักษณ์ และพรรคเพื่อไทย มันเป็นการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยหรือไม่ 2.รัฐบาลของเธอเป็นรัฐบาลที่บริหารโดยเคารพหลักประชาธิปไตยหรือไม่ ไม่เลย ตรงกันข้ามหมด แต่พยายามจะทำตัว เป็นพวกขี้ข้าแต่จะทำตัวเหมือนผู้ดีให้ชาวโลกมองว่าตัวเป็นผู้ดี ตัวเป็นเผด็จการ พี่ชายตัวเองก็เป็นระบอบเผด็จการ แต่พยายามให้สังคมโลกมองว่าตัวเองเป็นนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ตัวเองก่อจลาจลเผาบ้านเผาเมืองมันบอกสู้เพื่อประชาธิปไตย ความจริงแล้วมันจลาจลเผาบ้านเผาเมือง อนาธิปไตย คือเอาตัวเองเป็น ฉะนั้นสปีชนี้จึงเป็นสปีชแห่งการบิดเบือนข้ามโลก และประจานประเทศตัวเองโดยนายกรัฐมนตรีที่ไม่ประสีประสา พูดเอาดีแต่ตัวเอาชั่วให้คนอื่น เขาเข้าใจหรือไม่เข้าใจไม่สำคัญ สำคัญคือไอ้คนที่ร่างสปีชต้องการยืมปากเธอพูดในประเด็นเหล่านี้เพื่อบิดเบือนแล้วส่งศาลกลับมาในสังคมไทย
ฉะนั้นเริ่มจากประเด็นที่ 1 ที่บอกว่า เชิดชูยกย่องอุดมการณ์ประชาธิปไตย เป็นอุดมการณ์ที่ดี ประชาชนหลายประเทศเสียสละชีวิตต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย เป็นความจริงครับ ประชาชนอาหรับต่อสู้กับรัฐบาลเผด็จการของเขา เป็นความจริง ประชาชนคนไทยเคยสู้กับเผด็จการตั้งแต่พฤษภาคม ถนอม ประภาส เมื่อ 14 ตุลาฯ พฤษภาทมิฬ เราก็สู้ ประชาชนเสียสละ ประชาชนพันธมิตรฯ ก็สู้กับรัฐบาลเผด็จการทักษิณ ทักษิณเป็นระบอบเผด็จการนายทุนที่มาจากเลือกตั้ง ในภายใต้การปกครองระบอบทักษิณนั้น ทักษิณแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ทักษิณแทรกแซงองค์กรอิสระ ทักษิณซื้อพรรคทั้งหมดเพื่อมาเป็นของตัวเอง ซื้อ ส.ว.จ่ายเงินเดือนให้เป็นรายเดือนทุกคน ทักษิณสั่งข้าราชการซื้อข้าราชการมาเป็นเครื่องมือ ทักษิณซื้อสื่อ เห็นไหมครับ ทักษิณใช้อำนาจฮุบกิจการที่เป็นผลประโยชน์ทั้งหลายในบ้านในเมือง ทักษิณใช้อำนาจแก้กฎหมายพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต แก้เงื่อนไขสัญญาสัมปทาน ยกเว้นภาษีดาวเทียม ธุรกิจของตัวเอง ปั่นหุ้นจนตัวเองรวย แล้วถูกยึดทรัพย์ ทักษิณฆ่าประชาชนในสงครามปราบยาเสพติดไปเท่าไหร่ ทักษิณไม่เคยให้เสรีภาพกับสื่อ สื่อมาวิพากษ์วิจารณ์ทักษิณใช้ ปปง.ไปตรวจสอบ คุณโสภณก็โดน สุทธิชัย หยุ่น ก็โดน แนวหน้า ทุกสื่อโดนหมด สื่อตัวไหนไม่ไปสยบ ยอม หรือซื้อไม่ได้ มันก็ใช้กฎหมายไปเล่นงาน ภายใต้การปกครองระบอบทักษิณไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตย ทักษิณใช้เสียงข้างมากลากไป จะทำอะไรก็ทำตามอำเภอใจ โครงการใหญ่ๆไม่มีโปร่งใส ทุจริต คดโกง คอร์รัปชั่นทั้งนั้น เพราะฉะนั้นการปกครองของระบอบทักษิณจึงเป็นการปกครองแบบระบอบเผด็จการที่เขาเรียกว่าระบอบทักษิณไง เพราะฉะนั้นระบอบทักษิณมันเกิดขึ้นที่ทักษิณมีอำนาจ เรืองอำนาจเหนือกว่าทุกคน และก็เกิดรัฐตำรวจ ใช้ตำรวจเป็นเครื่องมือ ทักษิณมาจากการเลือกตั้งเฉยๆ แต่ไม่ได้เป็นประชาธิปไตย เพราะฉะนั้นเผด็จการมาจากทหาร แม้ไม่ดี เลว ก็ไม่ใช่ประชาธิปไตย เผด็จการที่มาจากการเลือกตั้งก็ไม่ใช่ประชาธิปไตย เมื่อทักษิณถูกประชาชนคัดค้านเรื่องโกง เรื่องทุจริต ใช้อำนาจมิชอบ เอื้อประโยชน์ให้แก่ตัวเอง ครอบครัว ซุกหุ้น แทรกแซงศาล แทรกแซงองค์กรอิสระทั้งหลายแล้ว ทักษิณจึงถูกต่อต้านจากประชาชน ผู้รักประชาธิปไตย นี่คือการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของประชาชนแท้จริง ทักษิณจะแก้กฎหมาย จะแก้รัฐธรรมนูญเพื่อล้างผิดให้ตัวเอง ประชาชนไม่ยอมก็คัดค้าน ประชาชนพันธมิตรฯต่างหากที่เป็นฝ่ายสู้เพื่อประชาธิปไตย
ทีนี้หันมาดูประชาชนฝ่ายเธอและพี่ชายเธอ เธอคิดว่าทำไมโดนทหารปฏิวัติรัฐประหารแม้กระทั่งมาจาเลือกตั้งได้เสียงข้างมาก ก็เพราะคุณเลือกตั้งได้เสียงข้างมากแล้วคุณเป็นเผด็จการโกงทุจริต เป็นที่มาของรัฐบาลโคตรโกงไง คนถึงถูกทหารปฏิวัติยึดอำนาจ เธอไม่พูดถึงว่าทำไม พี่ชายของเธอมาจากเลือกตั้งทำไมถึงโดนเตะออกจากอำนาจ ไม่มองว่า พี่ชายมันโกง ทุจริต คอร์รัปชั่นมาอย่างไร ไม่พูด ทีนี้เมื่อเธอมามองดูว่าการต่อสู้ของพวกเธอ เธออ้างว่าประชาชนพวกเสื้อแดงของเธอถูกฆ่า 91 ศพ เป็นการต่อสู้เสียสละเลือดเนื้อประชาธิปไตย ทำไมเธอถึงพูดเฉพาะพวกเธอเสื้อแดง ทำไมเธอไม่พูดถึงคนอื่นที่เขาตายเพราะสู้เพื่อประชาธิปไตยหรือเปล่า ทำไมจึงคิดว่าการต่อสู้ของเธอเป็นประชาธิปไตย ความจริงการต่อสู้ของพวกเธอมันเป็นการต่อสู้อนาธิปไตย จลาจล ก่อความวุ่นวายเผาบ้านเผาเมืองทำผิดกฎหมาย ก่อการร้ายแท้ๆ มันไม่ได้สู้เพื่อประชาธิปไตยเพราะอะไร เพราะเมื่อตอนที่คุณแพ้โหวต นายสมชาย นายสมัคร แพ้โหวตรอบ 2 ใช่ไหม แล้วนายอภิสิทธิ์ คุณก็ไม่พอใจ หาว่าพวกนี้ไปตั้งรัฐบาลอย่างนั้นอย่างนี้ คุณอ้างไม่ได้เพราะเขามาจากการ นายอภิสิทธิ์ถึงแม้จะเป็นนายกฯ โดยที่พวกเราเห็นว่า เหยียบหัวประชาชนพันธมิตรฯขึ้นไปก็ตาม แต่มันก็มาจากการโหวตในสภาฯ ที่เสียงจากกลุ่มเนวินแตก มันก็เป็นกระบวนการรัฐสภา แต่พวกนี้ไม่ยอมรับ ฉะนั้นไม่ยอมรับคุณก็ไปก่อขบวนการเผาบ้านเผาเมืองขึ้นมา ก่อจลาจลชุมนุมเรียกร้องให้เขาลาออก เรียกร้องให้เขายุบสภาเลือกตั้งใหม่ เมื่อเขาไม่ยอมรับ ไม่ยอมยุบสภา คุณก็เผาบ้านเผาเมืองก่อจลาจล และก็มีกำลังอาวุธยิงเจ้าหน้าที่ทหารตาย เพราะฉะนั้นเมื่อคุณก่อจลาจลเผาบ้านเผาเมืองคุณไม่ได้สู้เพื่อประชาธิปไตย คุณสู้เพื่ออำนาจของพวกคุณที่จะได้กลับมามีอำนาจเป็นรัฐบาลอีกครั้งหนึ่ง โดยไม่เคารพกระบวนการตามรัฐสภา ตรงนี้มันไม่ใช่การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย แต่เธอก็ไปบิดเบือนว่า เป็นการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ว่าพี่น้องประชาชนบาดเจ็บล้มตาย เมื่อก่อจลาจลชวนคนให้มาเผาบ้านเผาเมือง เผาเลยครับผมรับผิดชอบ รัฐบาลก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย เพราะฉะนั้นเหตุบาดเจ็บล้มตายที่เกิดขึ้น เกิดความรุนแรงมาจากพี่ชายคุณเป็นคนชักใยอยู่ข้างหลัง คุณทำไมไม่พูดถึง เพราะฉะนั้นคุณกำลังไปบิดเบือนตอแหลกับประชาคมโลก ว่าคุณสู้เพื่อประชาธิปไตย แต่แท้จริงคุณสู้เพื่อตัวเอง
หันมาบทสุดท้ายที่คุณบอกว่า นี่ครอบครัวคุณเจ็บปวด ผมอยากจะบอกว่าทุเรศ และพูดจาได้เลวบัดซบ ไม่มีที่ติ ประเทศไทยต่างหากที่เจ็บปวด ประชาชนต่างหากที่ขมขื่นเจ็บปวด และยิ่งทุกวันนี้ ฉะนั้นเหตุการณ์ที่เผาบ้านเผาเมืองเผาประเทศ เผาศาลากลางบ้านเมืองฉิบหายวายวอดมา คนที่ควรเจ็บปวดคือพวกเรา พวกคุณกลับมาได้ดีหมด กลับมาเป็นอำมาตย์ กลับมาเสวยสุข เงินทองที่ถูกศาลยึดป่านนี้ผมว่าคุณกับรัฐบาลกับพี่ชายคุณคงโกงคืนไปหมดแล้วมากวก่าเดิมอีก พวกคุณเจ็บปวดตรงไหน คนเจ็บปวดคือประชาชนที่คุณหลอกมาตาย หลอกมาเป็นเครื่องมือคน คุณเสวยสุข เพราะประชาชนที่เสียสละ คนอย่างพวกผม พี่น้องพันธมิตรฯ ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยต่างหากที่เจ็บปวด และหันมามองว่าองค์กรที่คุณบอกว่า องค์กรต่างๆใช้อำนาจ องค์กรอิสระใช้อำนาจเกินขอบเขต อันนี้ก็ตอแหลอีก คนที่ใช้อำนาจเกินขอบเขตคือพวกคุณ คุณมาเป็นรัฐบาล คุณใช้อำนาจ เอาเงินภาษีไปจ่ายให้พวกคุณที่เผาบ้านเผาเมือง เหยียบย่ำหัวใจประชาชนไหม คุณเป็นรัฐบาล คุณมาออกกฎหมายกู้เงินเพื่อจะมาแก้ไขปัญหา คุณทำให้น้ำท่วม แล้วคุณก็มากู้เงิน 3 แสนล้านมาเพื่อผลาญเพื่อคอร์รัปชั่นจากเงินภาษีของประชาชน คุณออกกฎหมายกู้เงิน 2 ล้านล้าน โดยไม่ฟังเสียงประชาชน ไม่มีรายละเอียด แล้วคุณจะโกงกินไปอีกเท่าไหร่ประเทศจะล่มจมแค่ไหน คุณใช้อำนาจแต่งตั้งโยกย้ายเหยียบหัว คนดีๆไม่มีโอกาสที่ได้ขึ้น คุณใช้อำนาจ ประชาชนคนไหนแสดงความคิดเห็นต่างจากคุณ คุณคุกคามเขา ส่งอันธพาลไปก่อกวนเขา แม้กระทั่งศาลคุณก็ยังไม่ละเว้นเลย ใครล่ะที่ใช้อำนาจเกินขอบเขต ส่วนศาลยังไม่ได้ใช้อำนาจอะไร เมื่อมีเรื่องร้องมาศาลรัฐธรรมนูญก็รับคดี ยังไม่ได้พิจารณาเลยคุณสั่งใช้อำนาจไปข่มขู่เขา คุณใช้อันธพาลไปกวนเขา พวกคุณต่างหากที่เป็นคนใช้อำนาจอย่างมิชอบธรรมทั้งนั้น ฉะนั้นการใช้อำนาจโดยมิชอบธรรม เป็นรัฐบาลที่ใช้มากที่สุด ฟุ่มเฟือยที่สุด คุกคามคนตลอด เลี้ยงอันธพาลไว้ข่มขู่คนอื่น ใครมีความคิดไม่เห็นด้วย แม้กระทั่งผู้ว่าฯ แบงก์ชาติยังไปคุกคามเขา ใครไม่เห็นด้วยกับคุณคุกคามหมด แล้ววันนี้คุณเดินหน้าจะแก้รัฐธรรมนูญ เดินหน้าจะแก้กฎหมายปรองดอง จะออกกฎฆมายล้างผิดให้พวกคุณโดยไม่ฟังเสียงใคร รัฐบาลนี้มันเป็นรัฐบาลไม่ใช่ประชาธิปไตย เป็นเผด็จการ โดยพรรคการเมืองนายทุน คุณจะมาอ้างประชาธิปไตย ตีหน้าสลอนว่า เทียบเคียงประชาคมโลกของเขา คุณควรจะมียางอาย ฉะนั้นถ้าเธอไม่อายแสดงว่า เธอต้องมีปัญหาอย่างที่คุณโสภณเข้าใจไม่มีผิดเลย ว่าผู้หญิงคนนี้มีปัญหา
รัฐวุฒิ- จะเหลือเวลาอีกประมาณ 5 นาที อย่างที่คุณประพันธ์ บอกว่า รัฐบาลนี้คือไม่ได้ออกหน้าเอง และเวลาไม่พอใจใครหรือว่า จะให้ใครไปข่มขู่ก็จะมีอีกกลุ่มคนหนึ่งไปข่มขู่ แต่ว่า ตัวเองก็จะไม่ได้ห้ามปราบอะไร อย่างที่เกิดขึ้น อยู่หน้าศาลรัฐธรรมนูญ
ประพันธ์- ก่อนหน้านี้ที่กองปราบมันก็เคยพาคนไปตีพวกเรามาแล้วนี่
โสภณ- พวกนี้ก็ขอให้ไปดูสำนวนที่ศาลรัฐธรรมนูญไปแจ้งความ คือไปข่มขู่กองปราบ พนักงานสอบสวนต่างหาก ไปขอดูสำนวนอีกต่างหาก จนกระทั่งศาลย้ายไปที่อื่นมันก็ยังตามไปคุกคามราวีศาล แต่ตำรวจไม่ทำอะไรเลย
ประพันธ์- มันจะพูดอย่างเดียว จะเห่าอย่างเดียว แน่จริงทำไปเลย ประเทศนี้เป็นของพวกคุณแล้วนี่ ศาลคนไหนตัดสินไม่ถูกใจมันก็จับมาประชาทัณฑ์เลยสิ
รัฐวุฒิ- มันจะลงเอยอย่างไรเหตุการณ์ที่หน้าศาลรัฐธรรมนูญ เข้าสู่วันที่ 9 แล้ว
โสภณ- คือถ้าประชาชนบอกว่า ไปชุมนุมหน้าทำเนียบโดยใช้มาตรฐานเดียวกันได้ไหม ชุมนุมที่บ้านโยธินพัฒนา ได้หรือเปล่า ไปกางเต็นท์สนามฟุตบอลหน้าบ้าน แล้วใช้โทรโข่งไอ้แกนนำสร้างราคาพวกนี้ เหมือนกัน มาตรฐานเดียวกัน แล้วอ้าง ในเมื่อนายกฯบอกว่าเป็นสิทธิที่สามารถทำได้ เราก็ทำแบบเดียวกัน ตุลาการถือว่าเป็นประมุขอีกฝ่ายหนึ่ง แต่ประธานฝ่ายนิติบัญญัติจะไปฟังได้รับการติวเข้มจากคนหนีคุกอยู่แต่ไม่รับฟังศาลรัฐธรรมนูญ ประธานฝ่ายบริหารก็ไปรับคำสั่งจากสไกป์ธิปไตย แล้วมาเด้งหน้าเด้งหลัง มาจีบปากจีบคอหวานเยิ้มหน้าเยิ้มตาเยิ้มเอาตัวรอดไปวันๆ ขอได้เที่ยวเป็นพอแล้ว พอเที่ยวครบตามที่เป็นองค์การสมาชิกสหประชาชาติยกเว้นโซมาเลียคงไม่ไปนะ ประเทศที่โอเค พี่ชายไปแล้วโอเค จะไปด้วย มีผลประโยชน์ด้วยไปแน่นอน นี่คือสภาพการเมือง วันหนึ่งก็มีไทยเด้ง ติดตามดู
รัฐวุฒิ- หลายๆคนพูดวิจารณ์ถึงท่าน ท่าที่ของคุณสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ เรื่องของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ตอนแรกบอกว่าจะไม่ไปยื่น ตอนแรกบอกว่าจะไปยื่นชี้แจงข้อกล่าวหาเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไปในนามส่วนตัว ซึ่งก็ไม่ตรงกับมติพรรคแต่ล่าสุดหลังจากที่มีข่าวว่ามีการเรียกตัวไปยังแดนไกลก็ปรับท่าทีเรียบร้อยแล้ว
ประพันธ์- ต่อนิดหนึ่งได้ไหม ก็คือ อยากจะเรียนพี่น้องว่าผมเข้าใจว่า พี่น้องประชาชนคนไทยและประเทศไทย เวลานี้ขมขื่น และเจ็บปวดที่สุดที่มีรัฐบาลจากตระกูลชินวัตรมาบริหารประเทศ ผมเชื่อว่าประชาชนจำนวนมากยืนดู เฝ้าดู และติดตามดูด้วยความเจ็บปวดและขมขื่นใจ ทุกคนอยากจะแสดงออก และอยากจะแสดงพลังของประชาชนเพื่อคัดค้าน หยุดยั้ง หรือต่อต้านการกระทำของรัฐบาลแบบนี้ แต่แน่นอนวันนี้สถานการณ์บ้านเมืองมันเปลี่ยนไป เหตุการณ์หลายอย่างมันทำให้การรวมตัวของประชาชนอาจจะต้องเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ ขณะนี้ก็คงจะมีประชาชนหลายกลุ่มกำลังคิดหารือกัน ที่จะรวมกันขึ้นมา เพื่อที่จะแสดงออกถึงความไม่พอใจต่อการบริหารบ้านเมืองในขณะนี้ ผมคิดว่าพี่น้องก็คงต้องช่วยกันคิดหาทางออกให้แก่บ้านเมือง ว่าบ้านเมืองถ้าเราปล่อยให้เป็นแบบนี้ มันก็คงจะต้องตกต่ำไปเรื่อยๆ แกนนำพันธมิตรฯได้ไปสร้างประวัติศาสตร์ให้บ้านเมืองไว้อันควรแก่การยกย่อง แต่ว่าสถานการณ์บ้านเมืองยามนี้จำเป็นจะต้องสร้างการรวมตัวกันขึ้นมาใหม่ของประชาชนหลายกลุ่มหลายฝ่ายมาผนึกกันเพื่อที่จะคิดหาทางออกให้แก่บ้านเมือง ก็ต้องเชิญชวนพี่น้องประชาชนช่วยกันคิดและผมก็คิดว่า ไม่นานก็มีประชาชนกลุ่มต่างๆเกิดการรวมตัวกันขึ้นมา เพื่อที่จะร่วมกันแสดงความคิดเห็น หรือแสดงพลังร่วมกัน ว่าเราจะหาทางออกให้แก่บ้านเมืองอย่างไร
รัฐวุฒิ- ถ้าหากยังมีรัฐบาลที่บริหารประเทศในลักษณะนี้อยู่ วันนี้หมดเวลาของรายการสภาท่าพระอาทิตย์แล้วนะครับ วันนี้ต้องขอขอบคุณคุณประพันธ์ คูณมี ที่มาร่วมพูดคุยกันนะครับ เราทั้ง 3 คนลาคุณผู้ชมไปก่อน สวัสดีครับ