รองนายกฯ กำกับ สตช.การันตี “คำรณวิทย์” เหมาะนั่ง ผบช.น.ต่อไป เพราะปากกับใจตรงกัน ป้องถ่ายรูปคู่นักโทษแม้วไม่ผิด อ้างความชอบธรรมมีคนรัก “ทักษิณ” ค่อนประเทศ ท้าเดิมพันเลือกตั้งครั้งต่อไป ส.ส.ปชป.หดหาย
วันนี้ (24 ก.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้แสดงความเห็นถึงกระแสข่าวปลด พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น.ออกจากตำแหน่งว่า ข่าวลือก็คือเรื่องไม่จริง ส่วนข่าวที่ออกมาก็เป็นเรื่องธรรมดาขององค์กรตำรวจ โดยสมัยที่ตนดำรงตำแหน่งสารวัตร แผนก 4 กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจปราบปราม ที่มีอำนาจใหญ่ ส่งผลให้มีข่าวลือย้ายออกในทุกสัปดาห์
ผู้สื่อข่าวถามว่า พล.ต.ท.คำรณวิทย์ยังถือว่ามีความชอบธรรมและเหมาะสมในการทำหน้าที่ ผบช.น.อยู่อีกหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า เหมาะสมมาก เพราะมีความรู้และความสามารถ ซื่อสัตย์สุจริต รวมถึงเป็นคนตรงไปตรงมา ปากกับใจตรงกัน และ พล.ต.ท.คำรณวิทย์เป็นตำรวจจับโจร ซึ่งเป็นนายตำรวจที่ตนชอบ ตนไม่ชอบนายตำรวจประเภทเปิดประตู หิ้วปิ่นโต อีกทั้งในความเห็นของตนไม่มีเหตุผลใดที่ต้องไปย้าย พล.ต.ท.คำรณวิทย์ พรรคประชาธิปัตย์จะไม่ชอบก็ไม่เป็นไร
เมื่อถามถึงการโยกย้าย ผบช.น.เพื่อลดกระแสต้านที่เกิดขึ้น ภายหลังจากที่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ได้มีการถ่ายรูปคู่กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในต่างแดน ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า รูปดังกล่าวผิดอะไร โดยกลุ่มที่บอกว่าผิดเป็นพวกที่ไม่รู้เรื่อง และตนเป็นนักกฎหมาย บุคคลใดที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ จะต้องมีหน้าที่ โดยการที่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ในฐานะ ผบช.น.ของประเทศไทย เดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่นครดูไบ ตรงนี้พรรคประชาธิปัตย์ ก็โจมตีซ้ำซากเป็นแผ่นเสียงตกร่อง เลือกตั้งครั้งต่อไปคงมี ส.ส.เหลือไม่เท่านี้
“ไม่ใช่มีแค่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ คนเดียวที่รัก พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะมีประชาชนค่อนประเทศที่รักท่านทักษิณ หากไม่รักเขาจะเลือกเข้ามาเหรอ โดยปี 50 ก็ชนะ ส่วนพรรค ปชป.ก็แพ้ แต่ไม่รู้ไปทำยังไงได้เป็นรัฐบาลถึง 2 ปี 8 เดือน และเมื่อเลือกตั้งใหม่ปี 54 พวกเราก็ชนะอีก ฉะนั้นผมขอฟันธงเลือกตั้งเมื่อไหร่ เราก็ชนะอีก เพราะท่านทักษิณ ทำคุณประโยชน์ให้กับประเทศชาติไว้มาก ตรงนี้ประชาชนเข้าใจ มีแต่พรรค ปชป.กับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ไม่เข้าใจ และสิทธิที่เขาได้รับก็มาจากการปฏิวัติ อำนาจเถื่อน พรรค ปชป.ควรจบสักทีกับเรื่องของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ หากได้มาเป็นรัฐบาลแล้วค่อยไปย้ายเขา ตอนนี้ก็ต้องขมขืนไปก่อน และการที่พวกคุณไปยื่นหนังสือถาม พล.ต.ท.คำรณวิทย์ก็จะเดินทางไปตอบ ทำไมตรงนี้ก็เป็นสิทธิที่จะแสดงความเห็น หรือว่าตำรวจไม่ใช่คน พวกเขาไม่ได้คุกคามอะไร การที่ใส่เครื่องแบบไปนั้น เพราะพวกเขาเป็นคนเปิดเผย” ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว
ร.ต.อ.เฉลิมยังได้กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติชี้มูลความผิดวินัยร้ายแรงต่อนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะอดีตรักษาราชการแทนปลัดประกระทรวงมหาดไทย มีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งอธิบดีกรมที่ดิน ถอนเอกสารสิทธิที่ดินสนามกอล์ฟและหมู่บ้านอัลไพน์ จะเข้าเข้าข่าย พ.ร.บ.ล้างมลทินหรือไม่ว่า เรื่องนี้ทางนักกฎหมายมีความเห็นไม่เหมือนกัน ขณะศาลก็ยังมีถึง 3 ศาล ที่อาจจะมีความเห็นต่าง หรือเหมือนกันก็ได้ โดยกรณีของนายยงยุทธก็มีกรณีศึกษาเมื่อปี 2526 คณะกรรมการกฤษฎีกาได้วินิจฉัยไว้ว่า ถ้าการลงโทษต้องนับ ณ วันที่ปฏิบัติหน้าที่ ฉะนั้นเรื่องของยงยุทธ ที่เหตุเกิดเมื่อปี 2545 หากมีการลงโทษก็ต้องย้อนกลับไป ทั้งนี้เมื่อปี 2550 มี พ.ร.บ.ล้างมลทิน ส่งผลให้นายยงยุทธ ก็ได้รับผลใน พ.ร.บ.ล้างมลทิน เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวต่อว่า เมื่อความคิดเห็นในเรื่องกฎหมายแตกต่างกัน ทางรัฐบาลก็มีคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่ทำหน้าที่ที่ปรึกษากฎหมายของรัฐบาล ซึ่งหน่วยงานของรัฐต้องปฏิบัติตาม ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) จะเห็นเป็นอย่างอื่น ถือว่าเป็นสิทธิ์ แต่รัฐบาลต้องฟังคณะกรรมกฤษฎีกา
ผู้สื่อข่าวถามว่า แม้จะเป็นความเห็นทางกฎหมาย แต่เมื่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไม่อยู่ เนื่องจากเดินทางไปปฏิบัติราชการที่ต่างประเทศ ฉะนั้นนายยงยุทธ ในฐานะรองนายกฯ ลำดับที่ 1 จะนั่งเป็นประธานหัวโต๊ะประชุมแทนนายกฯ นั้น ตรงนี้จะถือว่าเสี่ยงกับเสถียรภาพของรัฐบาลหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า เรื่องนี้ตนแสดงความเห็นไม่ได้ เนื่องจากนายกฯ ได้มอบหมายนายยงยุทธ ทำหน้าที่รักษาราชการแทนนายกฯ อย่างไรก็ตามทางคณะกรรมการกฤษฎีกา เคยพิจารณาเรื่องนี้ไว้เป็นบรรทัดฐานแล้ว ฉะนั้นต้องฟังคณะกรรมการกฤษฎีกา
เมื่อถามว่า กังวลไหมหากจะมีผู้ยื่นฟ้องศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเรื่องนี้ หากนายยงยุทธที่นั่งเป็นประธานการประชุม ทั้งการประชุมคณะรัฐมนตรี หรือการแต่งตั้งโยกย้ายผู้ว่าฯ ว่าขาดคุณสมบัติ ตรงนี้จะส่งผลกระทบต่อรัฐบาล หรือพรรคเพื่อไทย (พท.) ถึงขั้นยุบพรรคตามมาได้นั้น ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า เรื่องนี้ตนไม่ห่วง เพราะต้องเอาความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาเป็นหลัก และถ้าไปเอาแต่ฟังพรรค ปชป.ก็คงไม่ได้ทำงานแล้ว
เมื่อถามย้ำว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ที่ในวันพรุ่งนี้ (25 ก.ย.) จะมีรองนายกฯ คนอื่นนั่งรักษาการนายกฯ แทนนายยงยุทธ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า คงเป็นไปไม่ได้ เพราะนายกฯ ได้มอบหมายให้นายยงยุทธทำหน้าที่รักษาราชการแทนนายกฯ แล้ว