xs
xsm
sm
md
lg

“ชวนนท์” ชี้ศาลฎีกาฯ รับฟ้อง “นพดล” สะท้อนใครอยู่เบื้องหลังขายชาติ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต (แฟ้มภาพ)
โฆษก ปชป.ชี้ศาลฎีกาฯ รับฟ้อง “นพดล” ออกแถลงการณ์ร่วมฯ ขัด ม.190 ผิดอาญา ม.157 สะท้อนความจริงใครอยู่เบื้องหลังการขายชาติให้เขมร หลังเจ้าตัวบิดเบือนทีมกฎหมายไทยใช้แถลงการณ์ร่วมฯเป็นประโยชน์ในการสู้คดีกับศาลโลก ทั้งที่ความจริงฝ่ายเขมรนำขึ้นมาอ้างในศาลโลกเพื่อประโยชน์ตัวเอง เนื่องจากในแถลงการณ์ระบุชัดไทยหนุนกัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกเพียงฝ่ายเดียว และไม่ยืนยันแนวเส้นรอบปราสาทฯ ตามมติ ครม.ปี 2550 ขณะเดียวกันงัดคำสัมภาษณ์เก่า “สุรพงษ์” มัดเหตุปลด “ทูตวีรชัย” หวังทำให้ทีมเจบีซีไทยอ่อนแอ



นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง รับคำร้องของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่ฟ้องนายนพดล ปัทมะ อดีต รมว.ต่างประเทศ กรณีออกแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา ขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 190 และทำผิดกฎหมายอาญามาตรา 157 ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบว่า อยากให้การไต่สวนดังกล่าวสะท้อนความจริงว่าใครที่อยู่เบื้องหลังการขายชาติให้กัมพูชา เพราะที่ผ่านมานายนพดลพยายามบิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อเอาตัวรอดว่าแถลงการณ์ดังกล่าวเป็นประโยชน์ต่อประเทศ และยังบิดเบือนคำพูดของนายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงเฮก หัวหน้าทีมกฎหมายไทยในคดีปราสาทพระวิหารว่าทีมทนายไทยได้นำแถลงการณ์ดังกล่าวไปใช้เป็นประโยชน์ในการต่อสู้คดีที่ศาลโลก ทั้งที่ข้อเท็จจริงคือ ทนายความกัมพูชาเป็นผู้หยิบยกเอาแถลงการณ์นี้มาใช้ประโยชน์ โดยระบุว่าในแถลงการณ์ร่วม ยอมรับแผนที่แนบท้ายของกัมพูชา โดยไม่มีการเสนอแนวเส้นรอบปราสาทพระวิหารตามมติ ครม.ปี 2505 ทำให้นายวีรชัยต้องหักล้างข้อมูลของฝ่ายกัมพูชา

โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวยืนยันว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นมีจุดกำเนิดจากแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา ที่นายนพดลไปลงนามไว้ เพราะในข้อ 1 ของแถลงการณ์ดังกล่าวระบุว่า ราชอาณาจักรไทยสนับสนุนการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกแต่เพียงฝ่ายเดียวของกัมพูชา และแผนที่แนบท้ายแถลงการณ์ก็ถูกฝ่ายกัมพูชานำมาใช้ต่อสู้กับไทยว่าไทยไม่ยืนยันเส้นมติ ครม.ปี 2505 ซึ่งแตกต่างจากในอดีตที่จะมีการระบุถึงเส้นล้อมรั้วรวดหนามตามมติ ครม.ปี 2505 มาโดยตลอด เพราะในแถลงการณ์ที่นายนพดลไปลงนามนั้นไม่มีการยืนยันเส้นมติ ครม.ปี 2505 สิ่งเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งในคำฟ้องที่นายนพดลต้องไปต่อสู้คดี และอยากให้ ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกรัฐบาล หยุดบิดเบือนข้อมูล ที่อ้างว่าทั้งรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช และรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร คัดค้านการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกของกัมพูชา เนื่องจากในความเป็นจริง คือ รัฐบาลนายสมัครเป็นผู้สนับสนุนให้มีการขึ้นทะเบียนฝ่ายเดียว จนกัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกสำเร็จ

นายชวนนท์กล่าวอีกว่า การที่นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศ พูดถึงเหตุผลที่ปลดนายวีรชัยออกจากการเป็นที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (เจบีซี) โดยอ้างว่าเพื่อให้เตรียมตัวสู้คดีปราสาทพระวิหารอย่างเต็มที่ แต่จากการคำสัมภาษณ์ของนายสุรพงษ์ ในปี 2554 กลับให้เหตุผลถึงกรณีที่มีการปลดนายวีรชัยเพราะทีมงานเก่าไม่มีผลงานจึงต้องการเปลี่ยนทีมงานเพื่อให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จเร็วขึ้น จึงอยากทราบเหตุผลที่แท้จริงว่า สาเหตุที่ปลดนายวีรชัยเพราะอยากให้ไปสู้คดี หรือไม่พอใจที่นายวีรชัยปกป้องแผ่นดินไทย

“ขอย้ำว่า คนโกหกไม่ทำชั่วไม่มี และอยากให้สังคมรับทราบด้วยว่า ในการเปลี่ยนแปลงคณะกรรมาธิการเจบีซีในขณะนั้น ไม่ได้ปลดแค่นายวีรชัย แต่ยังมีการเปลี่ยนแปลงตัวประธาน คือ นายอัษฎา ชัยนาม และปลดนายชาตรี อัจจานันท์ ผู้อำนวยการฝ่ายกฎหมายกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ ออกจากเจบีซีด้วยเช่นเดียวกัน ทั้งที่บุคลากรทั้งหมดคือผู้ที่มีความรู้ความสามารถ มีความเข้มแข็งในการรักษาผลประโยชน์ของชาติไทย แต่กลับถูกนายสุรพงษ์ปลดออก เช่นเดียวกันกับที่มีการปลด นายเกรียงศักดิ์ กิตติไชยเสรี เอกอัครราชทูตไทยประจำออสเตรเลีย ออกจากการคณะกรรมการร่วมด้านเทคนิคไทยกัมพูชา ทั้งๆ ที่ทูตเกรียงศักดิ์มีความรู้ดีที่สุดทางทะเล และไม่เห็นด้วยกับพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลที่มีปัญหาในขณะนี้”

นายชวนนท์กล่าวว่า หากเรามีความมั่นใจว่านายวีรชัยมีความสามารถที่สุดในเรื่องเขตแดนทางบก นายเกรียงศักดิ์ก็คือผู้ที่มีความสามารถที่สุดในเรื่องเขตแดนทางทะเล และเป็นคนที่เห็นประโยชน์ของชาติไทยมาก่อน แต่คนเหล่านี้กลับโดนนายสุรพงษ์ปลด ตนจึงขอตั้งข้อสังเกตซ้ำอีกครั้งหนึ่งว่า นายสุรพงษ์มีเจตนาที่จะทำให้คณะทำงานของไทยในการเจรจาทั้งทางบกและทางทะเลกับกัมพูชาอ่อนแอลงใช่หรือไม่


กำลังโหลดความคิดเห็น