xs
xsm
sm
md
lg

“นพดล” พร้อมสู้คดี โบ้ย กม.คลุมเครือ โทษศาล รธน.เกินหน้าที่ ซัด ป.ป.ช.ใส่ร้าย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายนพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (แฟ้มภาพ)
อดีต รมว.กต.เซ็นแถลงการร์ร่วมเขมร ยันพร้อมขึ้นศาลฎีกาเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ โบ้ย ม.190 คลุมเครือ อ้างอธิบดีกรมสนธิสัญญาชงไม่เข้าข่าย โทษศาล รธน.ใส่คำว่าอาจเสียดินแดนทำเกินหน้าที่ โววุฒิฯ ไม่ถอด อัยการก็ไม่ฟ้อง สับ ป.ป.ช.ใส่ความเท็จย้าย “ทูตวีรชัย” โอ่ ผบ.ทัพยุคนั้นก็เอาด้วย ย้ำปกป้องดินแดนร่วมกับ กต. ยกคำ หน.ทีมสู้คดีป้อง

วันนี้ (26 เม.ย.) นายนพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ออกแถลงการณ์ชี้แจงกรณีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำสั่งให้รับคำฟ้องในคดีที่ ป.ป.ช. ยื่นฟ้องตนในข้อหาปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 กรณีลงนามแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2551 โดยไม่ผ่านการพิจารณาของรัฐสภานั้นว่า ตนพร้อมไปพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเองว่าไม่เคยมีเจตนาฝ่าฝืนมาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญปี 50 เลย เพราะมาตรา 190 ไม่ชัดเจน คลุมเครือ จนต้องมีการแก้ไขถึง 2 ครั้ง

นายนพดลระบุว่า นอกจากนั้นอธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมายในปี 2551 ก็แนะนำว่าแถลงการณ์ร่วมไม่เข้าข่ายมาตรา 190 เพราะไม่เป็นหนังสือสัญญาและไม่มีบทเปลี่ยนแปลงอาณาเขต แต่ศาลรัฐธรรมนูญไปเติมคำว่า “อาจ” เข้าไปในมาตรา 190 และตัดสินว่าแม้คำแถลงการณ์ร่วมไม่มีบทเปลี่ยนแปลงอาณาเขต แต่ “อาจมีบทเปลี่ยนแปลงอาณาเขต” ซึ่งถือว่าตัดสินเกินรัฐธรรมนูญ เรื่องนี้วุฒิสภาเคยลงมติไม่ถอดถอนตน และอัยการสั่งไม่ฟ้องตนแล้ว เพราะเห็นว่าตนไม่ได้กระทำความผิด แต่ ป.ป.ช.ก็ยังอยากจะฟ้องเองโดยตั้งทนายฟ้อง และการบรรยายฟ้องก็เต็มไปด้วยความเท็จ และเป็นการใส่ร้าย เช่น ระบุว่าตนย้ายนายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ เพราะท่านทูตไม่เห็นด้วยกับแถลงการณ์ร่วมซึ่งเป็นความเท็จ นอกจากนั้น กล่าวหาว่า ตนร้อนลนในการอำพรางเสนอเรื่องเข้าสภาความมั่นคงแห่งชาติด้วยกระดาษแผ่นเดียวก็เป็นความเท็จ เพราะมีการประชุมเป็นขั้นเป็นตอนและที่ประชุมก็เห็นด้วยกับคำแถลงการณ์ร่วมไม่ว่าจะเป็นผู้บัญชาการทหารที่ร่วมประชุมในขณะนั้น

นายนพดลกล่าวย้ำว่า คำแถลงการณ์ร่วมที่ทำไปเป็นการทำทำเพื่อปกป้องดินแดนพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตร ที่ทำร่วมกับเพื่อนข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศ สภาความมั่นคงแห่งชาติ ท่านทูตวีรชัยก็ยืนยันว่ากัมพูชาได้ขึ้นทะเบียนเฉพาะตัวปราสาทและไม่รุกล้ำแนวเขตแดนตามมติ ครม. ดังนั้น แนวทางของแถลงการณ์ร่วมจึงเป็นการปกป้องดินแดนพื้นที่ทับซ้อน และคณะทนายที่ต่อสู้คดีในศาลโลกก็เห็นว่าคำแถลงการณ์ร่วมเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อประเทศไทยและต้องการใช้ยื่นเพื่อต่อสู้คดี แต่ศาลปกครองได้ตัดสินให้แถลงการณ์ร่วมเป็นโมฆะไปแล้วจึงไม่สามารถใช้อ้างอิงได้ ตนพร้อมที่จะไปต่อสู้คดีในศาลเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตน เพราะตนปฏิบัติหน้าที่โดยชอบ และทำไปเพราะมีเจตนาปกป้องดินแดน 4.6 ตารางกิโลเมตร และหวังว่าศาลจะให้ความยุติธรรม


กำลังโหลดความคิดเห็น