ที่ปรึกษา กม. “นช.แม้ว” ซัด “ชวนนท์” เลอะเทอะ ยืมปากทนายเขมรโจมตี รบ.ทรท.-พปช. หาว่ายอมรับแผนที่ 1 : 200,000 อัดตัดต่อคำพูด โต้แผนที่เสียเปรียบ ไม่มีทางเซ็น ย้อนแถลงการณ์ รบ.หมักทำเพื่อปกป้องพื้นที่ทับซ้อน เขมรได้แค่ตัวปราสาทพื้นที่ยังเป็นของไทย ตอกทีแบบนี้ไม่แจง จ้องแต่ดิสเครดิต
วันนี้ (18 เม.ย.) นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะอดีตรัฐมนตรีต่างประเทศ กล่าวว่า ตามที่นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ถามถึงจุดยืนของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับประเด็นปราสาทพระวิหาร และพยายามโยงประเด็นกล่าวหารัฐบาลไทยรักไทยและพลังประชาชนในอดีต โดยอาศัยคำพูดของทนายความกัมพูชามาโจมตีฝ่ายรัฐบาลนั้น ตนเห็นว่าขณะนี้เราทุกคนควรร่วมใจกันต่อสู้เพื่อให้ชนะกัมพูชา แต่พรรคประชาธิปัตย์กลับยืมปากทนายความกัมพูชามาใส่ร้ายคนไทยด้วยกันเองด้วยความเท็จ ที่นาย ชวนนท์กล่าวว่าทนายกัมพูชาพูดว่าสมัยรัฐบาลไทยรักไทยและพลังประชาชนได้มีการไปเซ็นยอมรับแผนที่ผนวก 1 อัตราส่วน 1 : 200,000 นั้น ข้อกล่าวหาของนายชวนนท์เป็นความเท็จทั้งสิ้น เรื่องนี้ไม่มีมูลความจริงเลย
นายนพดลกล่าวต่อว่า ไม่น่าเชื่อว่านายชวนนท์จะเลอะเทอะถึงขนาดนั้น เพราะไม่มีตอนใดที่มีการพูดเช่นนั้น ทุกคนรู้ว่าแผนที่ 1 ต่อ 200,000 ไม่ถูกต้องและทำให้ไทยแพ้คดีในศาลโลก สมัยที่ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ไปว่าความเมื่อ 51 ปีที่แล้ว ดังนั้นคงไม่มีรัฐบาลชุดใดไปยอมรับแผนที่นี้แน่ และข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศหรือกองทัพจะไปยอมให้ทำเช่นนั้นได้อย่างไร แค่คิดก็ผิดแล้ว กรณีนี้นาย ชวนนท์ อ้างว่าเป็นคำพูดของทนายความกัมพูชา ทั้งๆ ที่ไม่มีตรงไหนที่ทนายความกัมพูชาพูดว่ารัฐบาลไทยรักไทยหรือพลังประชาชนยอมรับแผนที่ฉบับดังกล่าว
ดังนั้น ขอเรียนพี่น้องคนไทยให้ทราบความจริงว่าแถลงการณ์ร่วมสมัยรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ที่นายชวนนท์กล่าวพาดพิงนั้น รัฐบาลในอดีตทำเพื่อปกป้องพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตร ซึ่งทีมกฎหมายไทยชุดปัจจุบัน ทั้งท่านทูตวีระชัย และศาสตราจารย์แปลเลต์ ก็ได้แถลงว่าในปี 2550 กัมพูชาเอาทั้งตัวปราสาทและพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตรไปขอขึ้นทะเบียนมรดกโลก แต่ไทยคัดค้าน จนทำให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนมรดกโลกได้ เฉพาะส่วนที่เป็นตัวปราสาทเท่านั้น แต่ไม่รวมพื้นที่ทับซ้อน รัฐบาลสมัครได้ปกป้องดินแดนพื้นที่ทับซ้อนไว้ และนี่คือแนวทางของคำแถลงการณ์ร่วมซึ่งทีมกฎหมายไทยชุดปัจจุบัน ก็เห็นว่าเป็นประโยชน์ในการต่อสู้คดี ตนแปลกใจที่ทำไมพรรคประชาธิปัตย์ถึงไม่เอาเรื่องนี้มาพูดบ้าง แต่พอทนายกัมพูชาใส่ร้ายรัฐบาลไทยในอดีตที่เป็นฝ่ายตรงข้าม กลับนำเรื่องนี้มาดิสเครดิตกัน