“เด็จพี่” ชูเอกสิทธิ์ 42 ส.ส.ขอลัดคิวถก พ.ร.บ.นิรโทษฯ ยันไร้เบื้องหลัง อ้างเพื่อทุกสี ส่งแกนนำ ช่วย “เจ๊แดง” ชิง ส.ส. บี้ กกต.จับตา บีบ สตช.เลิกสัญญา บ.พีซีซี สร้างโรงพัก ย้ำ “มาร์ค-สุเทพ” ขอโทษโชว์สปิริต “โอปอ” โวตามคาด “อลงกรณ์” ถูกดุ วิจารณ์พรรคที่แจ้ง เย้ยพูดในพรรค หน.ก็นิ่ง ชี้ ร่วม พธม.ปลุกคลั่งชาติ ปมพระวิหาร เชื่อ ค้านแหลกภายในซัดกันเอง
วันนี้ (16 เม.ย.) นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่นายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย จะใช้เอกสิทธิ์ ส.ส.ขอเลื่อนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมขึ้นมาพิจารณาเป็นเรื่องเร่งด่วนว่า ถือเป็นเอกสิทธิ์ของ ส.ส.ที่สามารถทำได้ และตนก็เห็นใจประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมืองที่ยังรอการช่วยเหลืออยู่ ดังนั้น ในการประชุม ส.ส.พรรคในวันที่ 17 เม.ย.คงจะมีการพูดคุยกัน และ 42 ส.ส.ที่ผลักดันเรื่องนี้ก็คงจะมาชี้แจงในที่ประชุมเพื่อขอเสียงสนับสนุน ซึ่งต้องรอดูว่ามติพรรคจะออกมาอย่างไร และเมื่อมติพรรคออกมาอย่างไรทุกคนก็ต้องเคารพ
ส่วนกรณีที่นายนริศ ขำนุรักษ์ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่าพรรคเพื่อไทยตีสองหน้า และมีคนชักใยอยู่เบื้องหลังเพื่อต้องการเร่งกฎหมายดังกล่าวให้มาล้างผิดให้กับคนบางกลุ่มนั้น นายพร้อมพงศ์ระบุว่าไม่เป็นความจริง ไม่มีผู้ใหญ่ในพรรคเพื่อไทยหรือคนในรัฐบาลอยู่เบื้องหลังอย่างแน่นอน เพราะ 42 ส.ส.ที่ผลักดันเรื่องนี้ล้วนแต่รู้กฎหมายและมีวุฒิภาวะ ไม่มีใครสามารถชักใยได้ ทุกคนทำเพื่อประชาชน มองเห็นความทุกข์ของประชาชนทุกสีเสื้อที่ได้รับผลกระทบ ดังนั้น ไม่อยากให้พรรคประชาธิปัตย์ออกมาให้สัมภาษณ์ในทางที่น่าจะดูถูกสมาชิกฝ่ายนิติบัญญัติด้วยกัน และการนำเรื่องนี้มากล่าวหาและทำให้เป็นเกมการเมืองนั้น ตนเชื่อว่าประชาชนไม่อยากเห็นความขัดแย้งอีกแล้วนับตั้งแต่ 19 ก.ย. 49 เป็นต้นมา
นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า ในวันที่ 19 เม.ย. พรรคเพื่อไทยจะส่งแกนนำของพรรคไปร่วมเวทีปราศรัยใหญ่หาเสียงเลือกตั้งซ่อมส.ส.เชียงใหม่ เขต 3 ตั้งแต่เวลา 17.00 น.เป็นต้นไป เช่น หัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค และแกนนำ ส.ส.ภาคเหนือของพรรค โดยพรรคจะนำนโยบายที่เป็นประโยชน์และทำได้จริงไปชี้แจงกับประชาชน อย่างไรก็ตาม อยากให้ กกต.ลงพื้นที่ตรวจสอบในทุกอำเภอด้วย เพราะขณะนี้เริ่มมีการหาเสียงที่น่าจะส่อไปในทางสุ่มเสี่ยงผิดกฎหมายเลือกตั้ง
นายพร้อมพงศ์กล่าวต่อว่า ในวันที่ 17 เม.ย.จะครบกำหนดตามที่สตช.ขยายสัญญาให้กับบริษัท พีซีซี ในการก่อสร้างโรงพักทดแทน 396 สถานี อย่างไรก็ตาม หลังมีการขยายสัญญาให้ในครั้งล่าสุดนั้น ตนในฐานะรองประธานกรรมาธิการ ป.ป.ช. สภาฯ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่ายังไม่มีอะไรคืบหน้า และแม้ว่าจะมีการขยายสัญญาให้อีกกี่ครั้งก็คงจะสร้างไม่เสร็จ วันนี้ยังมีแค่เสากับตอ จึงอยากเสนอให้ทบทวนหรือยกเลิกสัญญา เพราะผู้รับจ้างทำผิดสัญญาและเงื่อนไข ตนเชื่อว่าประชาชนและข้าราชการตำรวจที่ได้รับความเดือดร้อนนั้นจะเข้าใจ นอกจากนี้ ขอให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ในฐานะอดีตผู้นำรัฐบาล แสดงความรับผิดชอบทางการเมืองและขอโทษประชาชนและข้าราชการตำรวจ ไม่ใช่แค่ออกมาให้ข่าวว่าสามารถชี้แจงได้ ควรรับผิดชอบต่อสังคมบ้าง เพราะความเสียหายเกิดขึ้นแล้ว เหมือนกับที่นายอภิสิทธิ์เคยพูดว่า ความรับผิดชอบทางการเมืองต้องมาก่อนความรับผิดชอบทางกฎหมาย ซึ่งถือเป็นสปิริตของนักการเมือง
ส่วนนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ให้ความเห็นต่อนายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรค โพสต์ข้อความลงในทวิตเตอร์เสนอแนวทางปฏิรูปพรรคนั้นว่าเป็นเรื่องไม่เป็นประโยชน์ ควรเสนอเป็นการภายใน ไม่ควรนำออกมาข้างนอก อย่าทำให้สมาชิกพรรคไม่สบายใจว่า ไม่เหนือความคาดหมาย เพราะบอกไว้ตั้งแต่ต้นแล้วว่านายอลงกรณ์น่าจะอยู่ต่อลำบาก ซึ่งส่วนตัวเห็นใจว่าถ้าพูดกันภายใน ปัญหาก็จะถูกซุกไว้ใต้พรมต่อไป เลยจำเป็นต้องออกมาพูดข้างนอก เพราะถ้าพูดภายใน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค คงไม่แก้ไข และยังทำตัวเป็นตัวช่วยมุมกลับให้พรรคเพื่อไทยตลอดเวลา เป็นเหตุให้แพ้เลือกตั้งซ้ำซาก ลำพังแค่เปลี่ยนบุคลากรคงไม่พอ เอาเข้าจริงต้องเปลี่ยนอีกเยอะ ทั้งที่พรรคประชาธิปัตย์ มีชื่อเสียงในการต่อต้านเผด็จการ แต่กลับอิงแอบแนบประโยชน์ ไปกับระบอบเผด็จการทหาร ถึงขั้นจะเป็นรัฐบาลทั้งที ยังต้องตั้งในค่ายทหาร สวนกระแสประชาธิปไตยของโลก ทำตัวเป็นตัวแทนอำมาตย์ ตัวแทนกลุ่มอภิสิทธิ์ชน
“กลุ่มประชาชนทนไม่ไหวในพรรคประชาธิปัตย์น่าจะมีอยู่เยอะพอสมควรจึงลุกขึ้นมาท้วงติง อย่างการไปสมคบคิดกับพันธมิตรจุดกระแสคลั่งชาติ ทวงคืนปราสาทพระวิหาร โดยสร้างวาทกรรม ซากหิน ดินและไส้เดือนใต้ปราสาทยังเป็นของไทย สร้างวาทกรรมด่าผู้นำประเทศเพื่อนบ้านว่าเป็นกุ๊ย เปลี่ยนสนามการค้าเป็นสนามรบ ซ้ำยังกล่าวโทษว่า เป็นเพราะรัฐบาลสมัครที่เอื้อประโยชน์ให้กัมพูชา เป็นเหตุให้กัมพูชายื่นตีความ แค่ตรรกะนี้ก็ผิดแล้ว ก็ในเมื่อความสัมพันธ์ดีแล้วเขาจะยื่นตีความทำไม ทั้งๆที่รัฐบาลสมัครเป็นผู้คัดค้านไม่ให้นำพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตรไปขึ้นทะเบียนด้วย นายอภิสิทธิ์ยังกล้ากล่าวโทษ ตราบเท่าที่พรรคประชาธิปัตย์ ยังคงค้านแบบหัวชนฝา ชนิดพรรคเพื่อไทยว่าซ้ายก็จะไปขวา พรรคเพื่อไทยว่าเหนือก็จะไปใต้ ค้านโดยไม่เอาประโยชน์ประเทศชาติและประชาชนเป็นตัวตั้ง หายใจเข้าและออกเป็นการเมือง อาการเหยียบตาปลากันเองในพรรคจะเกิดขึ้นอีกเรื่อยๆอย่างแน่นอน” นายอนุสรณ์กล่าว