ผ่าประเด็นร้อน
อาจเป็นเพราะตัวเองกุมสภาพได้ทุกอย่างอยู่ในมือหมดแล้วก็เป็นได้ ทำให้คนอย่าง ทักษิณ ชินวัตร ที่เป็นเจ้าของรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่มีความโลภไม่มีขีดจำกัดอยู่แล้ว คิดเหิมเกริมมากกว่าเดิม สั่งลุยเดินหน้าเต็มพิกัด เพื่อให้ทุกอย่างอยู่ในมือได้เต็มร้อย หลังจากก่อนหน้านี้้กฎหมายกู้เงิน 2 ล้านล้านบาทผ่านฉลุยไปแล้ว ถัดมาก็เป็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา เนื้อหาส่วนใหญ่ก็เน้นไปที่การรวบอำนาจยึดวุฒิสภา ไม่ว่าจะเป็นการแก้ไข มาตรา 237 ที่ห้ามยุบพรรค ให้ ส.ว.มาจากการเลือกตั้งล้วนๆได้ไม่ต้องเว้นวรรค ซึ่งฟังดูดีอ้างเรื่องประชาธิปไตยสวยหรู แต่ในความเป็นจริงต่อไปก็จะเกิดสภาผัวสภาเมีย สภาพี่สภาน้อง การแต่งตั้งองค์กรอิสระก็ทำได้สะดวก การตรวจสอบจะมีปัญหาขาดการถ่วงดุล
อีกทั้งหากมีการแก้ไขมาตรา 68 สำเร็จ นั่นคือตัดอำนาจภาคประชาชนที่ห้ามรองเรียนเรื่องรัฐธรรมนูญต่อศาลรัฐธรรมนูญโดยตรง ทำได้เพียงแค่ร้องผ่านอัยการสูงสุดช่องทางเดียวเท่านั้น แค่นี้ก็หลับตานึกภาพได้แล้วว่าผลจะออกมาอย่างไร
นอกจากนี้ ที่น่าสนใจก็คือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 190 ที่มีสาระที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการเจรจาในเรื่องสำคัญที่เป็นเรื่องทางการค้าอย่างมีนัยสำคัญผูกพันด้านเขตแดนก็ไม่ต้องนำเรื่องเข้ารัฐสภาเพื่อขอความเห็นชอบในเรื่องกรอบการเจรจาก่อน ต่อไปเรื่องการเจรจาเขตการค้าเสรีกับต่างชาติ หรือแม้แต่การเจรจาเรื่องธุรกิจพลังงานทั้งในอ่าวไทยด้านกัมพูชาและฝั่งพม่าก็ย่อมทำได้สะดวก ไม่ต้องกังวลในเรื่องถูกขัดคอในเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนอีกต่อไป
จะเห็นว่าทั้งสองเรื่องใหญ่ดังกล่าวนั่นคือ การกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท และการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา เพื่อกระชับอำนาจและตัดอำนาจการถ่วงดุลและทำลายองค์กรอิสระทำท่าจะผ่าไปได้สะดวก ก็อาจเกิดความเหิมเกริมคิดการใหญ่ต่อไปว่า ไหนๆ ก็ไหนๆ ขอดันเข้ามาอีกเรื่อง นั่นคือ “ร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม” จะได้จบๆ ไปเลยก็ได้
อย่างไรก็ดี แม้ว่านาทีนี้ระดับรัฐบาลไม่ว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รวมไปถึงประธานวิปรัฐบาลอย่าง อำนวย คลังผา ต่างก็ยังสงวนท่าทีไม่กล้าสนับสนุนแบบเต็มเสียง อ้างเป็นเอกสิทธิ์ของ ส.ส.ในสภาที่สามารถเลื่อนญัตติร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมที่บรรจุในวาระสภาขึ้นมาเป็นเรื่องด่วนได้ แต่ถึงอย่างไรหากปล่อยให้มีการดำเนินการแบบมีแนวโน้มว่าร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมดังกล่าวผ่านสภามันก็ย่อมมีความเสี่ยงอย่างเลี่ยงไม่ได้ และถึงตอนนั้นรับรองว่ารัฐบาลโดยเฉพาะนายกฯ ยิ่งลักษณ์ จะลอยตัวไม่ได้เป็นอันขาด
เพราะสิ่งแรกก็คือ การเสนอร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมเข้ามานั้น นาทีนี้สังคมทั่วไปรับรู้แล้วว่าต้องการ “ล้างผิด” ให้แก่ตัวเอง นั่นคือทั้งคนที่เสนอกฎหมายที่เป็นพวกหัวโจกเสื้อแดงทั้งหลายกำลังถูกดำเนินคดีก่อการร้ายจากเหตุการณ์ก่อจลาจลเผาบ้านเผาเมืองเมื่อ 3 ปีก่อน และที่สำคัญงานนี้มีเป้าหมายสูงสุดเพื่อช่วยเหลือให้ “มหาโจร” อย่าง ทักษิณ ชินวัตร พ้นผิดได้อีกทางหนึ่ง เป็นการเดินทางลัดได้เหมือนกัน
แต่ขณะเดียวกันก็ต้องไม่ลืมว่า อีกมุมหนึ่งมันเป็นการทำลายหรือย่ำยีกระบวนการยุติธรรม ทำลายระบบนิติรัฐจนย่อยยับ เหมือนกับการปลอยให้ “โจรขยี้หัวใจ” ได้ตามใจชอบ ถ้าใช้(โจร)พวกมากลากไปได้ทุกเรื่อง ก็ต้องถือว่าบ้านเมืองนี้จบสิ้นแล้ว
อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมาภาคประชาชนอย่าง “พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย” ได้เคยประกาศท่าทีอย่างชัดเจนไว้ตั้งแต่ต้นและย้ำมาตลอดว่าเมื่อใดก็ตามที่มีการเสนอร่างกฎหมายที่ส่อไปในทางล้างความผิดให้กับ ทักษิณ ชินวัตร และพวกพ้องก็เป็นหนึ่งในเงื่อนไขสำคัญที่จะต้องออกมาต่อต้านทันที และคราวนี้ได้เคยย้ำชัดไว้ล่วงหน้าแล้วว่าจะต้องขับไล่รัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ออกไปด้วยจะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้เป็นอันขาด
แม้ว่านาทีนี้ยังไม่อาจสรุปได้เต็มร้อยว่าพรรคเพื่อไทยจะมีความเห็นอย่างไร แม้จะออกมาเป็นแบบส่งสัญญาณฟรีโหวตมันก็หลีกเลี่ยงความรับผิดชอบไม่พ้น สังคมย่อมมองเห็นว่านั่นคือเล่ห์เหลี่ยมที่คิดเอาตัวรอดและยังสะท้อนให้เห็นถึงความเห็นแก่ตัวเอาแต่ได้ของพวกนักการเมืองชั่วๆ เท่านั้น ไม่เคยคำนึงถึงความรู้สึกของชาวบ้านว่าเป็นอย่างไร คิดแต่อ้างว่ามาจากการเลือกตั้งแล้วสามารถทำอะไรก็ได้ทุกอย่าง
ที่ผ่านมาหากว่าไปแล้วรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยได้สะสมเงื่อนไขเอาไว้ตลอดเวลา ทั้งในเรื่องผลงานห่วยแตก ไม่สมราคาคุย การแก้ปัญหาชายแดนใต้ล้มเหลว “ดีแต่กู้” ล่าสุดกำลังนำไปสู่ความเสี่ยงต่อการสูญเสียดินแดนให้กับกัมพูชาอย่างขนานใหญ่ท่ามกลางข้อสงสัยว่านี่คือการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ทางธุรกิจกันอย่างสมน้ำสมเนื้อ และล่าสุดเมื่อมีการเร่งพิจารณาผลักดันร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมลบล้างความผิดให้กับตัวเอง หวัง “ตบตา” ให้ครอบคลุมไปถึง ทักษิณ ชินวัตร ด้วย หากเป็นเช่นนั้นก็คงนับถอยหลังที่ภาคประชาชนคนไทยที่ “เหลืออด” จะต้องออกมาเดินถนนกันอีกรอบในเร็ววัน
เพราะนี่คือการ “ได้คืบเอาศอก” เห็นแก่ตัวไม่สิ้นสุด เมื่อคิดเลวแบบนี้มันก็สมควรไล่ไปทั้งแก๊ง!!