“หมวดเจี๊ยบ” โต้ ปชป. ยัน รบ.สู้คดีพระวิหารเต็มที่ แนะส่งกำลังใจทีมสู้คดี ปัดใช้ทนายชุดเดิมโยนบาป ปชป. แต่อัดปัดความรับผิดชอบ ทำความสัมพันธ์เพื่อนบ้านแย่ เอาแต่เล่นการเมือง อ้างหวั่นโดดเดี่ยวหากถอนศาลโลก และรักษาสิทธิแจงสู้คดี
วันนี้ (15 เม.ย.) ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตามที่พรรคประชาธิปัตย์กล่าวหาว่ารัฐบาลสู้คดีพื้นที่ทับซ้อนปราสาทพระวิหารไม่เต็มที่นั้น รัฐบาลขอปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง ทั้งนี้ รัฐบาลมีความตั้งใจอย่างเต็มที่และจะทำอย่างดีที่สุดเพื่อรักษาผลประโยชน์ของไทย และรัฐบาลอยากขอความร่วมมือทุกฝ่าย อย่าเพิ่งด่วนสรุปว่าผลคดีจะออกมาเป็นอย่างไร โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ควรเลิกพูดทำนองว่าไทยจะแพ้คดีได้แล้ว ในช่วงเวลาแบบนี้คนไทยทุกคนควรส่งกำลังใจไปช่วยทีมทนายของไทยและคณะที่กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์
ทั้งนี้ แม้ว่ารัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์จะเข้ามารับช่วงการต่อสู้คดีในศาลโลก ต่อจากรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ แต่รัฐบาล น.ส. ยิ่งลักษณ์ก็ให้การสนับสนุนกระบวนการสู้คดีอย่างเต็มที่ และไม่ได้เปลี่ยนแปลงทีมทนายความที่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ได้ตั้งไว้แต่อย่างใด เพราะเชื่อว่ารัฐบาลนายอภิสิทธิ์คงจะวางตัวทีมทนายความที่มีคุณภาพ และคงไม่ได้ต้องการให้ไทยแพ้คดีเช่นกัน ส่วนที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้าน อ้างว่ารัฐบาลโยนความรับผิดชอบให้พรรคประชาธิปัตย์นั้น ขอยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้ปัดความรับผิดชอบ แต่รัฐบาลต้องพูดความจริงกับประชาชน พรรคประชาธิปัตย์ต่างหากที่พยายามปัดความรับผิดชอบและไม่ยอมรับว่าตนเองเป็นต้นเหตุของปัญหาส่วนหนึ่ง อยากถามว่าไม่ใช่พรรคประชาธิปัตย์หรอกหรือที่บริหารนโยบายต่างประเทศล้มเหลว ไม่สามารถบริหารความสัมพันธ์ที่ดีกับกัมพูชาได้และนำประเด็นข้อพิพาทประสาทพระวิหารมาเล่นการเมืองจนเลยเถิด จนเรื่องลุกลามบานปลายทำให้ประเด็นประสาทพระวิหารกลายเป็นคดีความในศาลโลกอีกครั้ง แล้วพรรคประชาธิปัตย์จะปัดความรับผิดชอบได้อย่างไร
รองโฆษกสำนักนายกฯ แต่นอกจากพรรคประชาธิปัตย์จะไม่สำนึกแล้ว ยังไม่วายนำประเด็นเรื่องคดีความมาวิพากษ์วิจารณ์เพื่อโจมตีรัฐบาลอย่างบิดเบือนเพราะมุ่งหวังประโยชน์ทางการเมือง โดยไม่สนใจว่าจะส่งผลกระทบต่อกระบวนการต่อสู้คดีในศาลโลกหรือจะกระทบความรู้สึกของคณะทำงานของไทยที่กำลังต่อสู้คดีในศาลโลกหรือไม่ ส่วนที่มีบางฝ่ายเรียกร้องให้ไทยถอนคดีและขอให้รัฐบาลไม่ยอมรับอำนาจของศาลโลกนั้น ขอยืนยันว่าประเทศไทยคงไม่สามารถดำรงอยู่อย่างโดดเดี่ยวในโลกได้ เรายังจำเป็นต้องเคารพกติกาของประชาคมโลกด้วย อย่างไรก็ตาม รัฐบาลก็มีหน้าที่ต้องปกป้องอธิปไตยของชาติอย่างเต็มที่เช่นกัน และขอย้ำอีกครั้งว่า การที่รัฐบาลส่งผู้แทนไปให้การทางวาจาต่อศาลโลกนั้น ถือเป็นการรักษาผลประโยชน์ของฝ่ายไทย มิเช่นนั้นศาลโลกอาจรับฟังข้อมูลจากทางกัมพูชาฝ่ายเดียว ซึ่งอาจจะทำให้ฝ่ายไทยเสียเปรียบ เพราะเราจะเสียสิทธิ์ในการชี้แจงข้อเท็จจริง
