“สุเทพ” ห่วงรัฐบาลสู้ดคีเขาพระวิหารไม่เต็มที่ เชื่อหากสู้จะไม่แพ้เขมร ส่วนการแก้สถานการณ์ภาคใต้ รัฐบาลมีปัญหา 3 ปม ระบุหลายฝ่ายยังสงสัยรัฐบาลคุยแกนนำป่วนใต้ถูกกลุ่มหรือไม่ เพราะเกิดความรุนแรงเพิ่มขึ้น แต่ยังให้กำลังใจควรเดินหน้าพูดคุยต่อไปให้สุด
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ศาลโลกเตรียมพิจารณาคดีพื้นที่พิพาทไทย-กัมพูชา ในวันที่ 15 เม.ย.นี้ว่า พรรคประชาธิปัตย์และพรรคเพื่อไทย มีจุดยืนในเรื่องนี้ต่างกัน ท่าทีที่รัฐบาลแสดงออกมาเหมือนยอมและไม่ต่อสู้คดี ทำให้คนไทยไม่สบายใจ อย่างไรก็ตาม ยังมองในแง่ดีหากรัฐบาลต่อสู้อย่างเต็มที่ พื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร ไม่ควรจะแพ้กัมพูชา
ส่วนการเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆ จะเป็นแรงกดดันหรือไม่นั้น ตนเห็นว่าคงไม่เกี่ยวกัน เพราะศาลตัดสินตามข้อมูลพยานหลักฐาน และอยู่ที่ฝ่ายเราว่าได้นำเสนอข้อมูล และหลักฐานดีหรือไม่ จึงรู้สึกกังวลใจหากใจไม่สู้แล้วจะเอาอะไรต่อไปสู้กับเขา
นายสุเทพยังกล่าวถึงการแก้ไขความรุนแรงในสถานการณ์ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่า รัฐบาลมีปัญหาในการแก้ปัญหา 3 ประการ คือ 1. ไม่มีตัวบุคคลไปรับผิดชอบในการแก้ไขปัญหา 2. ที่ผ่านมายึดแนวทางแก้ปัญหาตามพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เข้าใจ เข้าถึงและพัฒนา ดังนั้น รัฐบาลต้องทำงานอย่างละเอียดต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้เกิดความรู้สึกมีความสุขภายใต้การปกครองของรัฐบาลไทย อีกทั้งรัฐบาลต้องจัดสรรงบประมาณให้เพียงพอในการพัฒนายกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน และต้องติดตามผลโดยผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบ 3. รัฐบาลต้องจริงจัง และร่วมมือกับทุกฝ่ายดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชนในพื้นที่
นายสุเทพกล่าวว่า ขณะนี้หลายฝ่ายไม่มั่นใจว่ารัฐบาลคุยกับผู้ก่อความไม่สงบถูกกลุ่มหรือไม่ และคุยบนเงื่อนไขอะไร เพราะหลังจากที่มีกระแสว่ารัฐบาลได้ไปพูดคุย จนเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงเพิ่มขึ้น แต่เมื่อรัฐบาลได้เดินหน้าพูดคุยมาเช่นนี้แล้ว ควรทำต่อไป แม้ว่ารัฐบาลจะตัดสินใจเร็ว ทั้งที่เป็นเรื่องของบ้านเมือง จะนำมาทดลองไม่ได้ พร้อมขอให้กำลังใจ และขอให้ทำให้เห็นผลทำอย่างสุดทาง อย่าทำแบบครึ่งๆ กลางๆ
ส่วนควรจะเปลี่ยนรัฐมนตรีดูแล 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้หรือไม่นั้น นายสุเทพกล่าวว่า นายกฯจะตอบได้ดีที่สุด ตอนนี้จะครบ 2 ปีมาได้ครึ่งทางของรัฐบาลแล้ว นายกฯ ยังหาผู้รับผิดชอบไม่ได้ ในที่สุดความรับผิดชอบ จะต้องตกอยู่ที่นายกฯ ในที่สุด และการที่นายกฯ กำชับให้หน่วยงานทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงไปดูแลนั้น คิดว่าสิ่งที่สำคัญคือกรอบในการทำงานต้องชัดเจน และต้องทำให้ทุกคนเข้าใจและปฏิบัติไปในทิศทางเดียวกัน แต่หากนายกฯ หรือรองนายกฯ ไม่รู้จะวางแนวทางอย่างไร ดังนั้นทุกภาคส่วนต้องลงไปทำงานด้วยกัน ไม่ใช่สั่งอย่างเดียว ต้องร่วมกันประเมินผลและติดตามต่อไป
สำหรับความรุนแรงที่เกิดขึ้น นับวันเป้าหมายจะอยู่ที่ข้าราชการระดับสูงนั้น นายสุเทพกล่าวว่า หากมาตรการรักษาความปลอดภัย ทั้งเรื่องการข่าว การติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีไม่แข็งแรง จะเป็นช่องว่าง ให้คนร้ายฮึกเหิมได้ ขณะเดียวกันถ้าไม่มีความใกล้ชิดกับประชาชน หรือไม่ไปดูแลเขา ให้เข้ามาเป็นพวกเดียวกับฝ่ายรัฐบาล ข่าวคราวต่างๆ รัฐบาลจะได้รับช้า และเป็นปัญหาได้ยาก
