“ชวนนท์” เปิดตัวเลขเหตุรุนแรงภาคใต้ ก่อนเจรจาบีอาร์เอ็นน้อยกว่าหลังเจรจาถึง 20 ราย สะท้อนความรุนแรงเพิ่มขึ้น จี้ทบทวน อย่านำความตายของเจ้าหน้าที่และคนภาคใต้มาทดลองฝีมือ พร้อมไล่ “ปู” พ้นนายกฯ ที่ไม่สามารถสั่งการ “เฉลิม” ได้
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า สิ่งที่พรรคพยายามทักท้วงรัฐบาลเป็นความหวังดีที่จะเห็นการแก้ไขปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้รับการดูแลอย่างถูกวิธี เพราะไม่ว่ารัฐบาลจะทำสำเร็จหรือไม่ พรรคไม่มีเจตนาแอบแฝงแต่อยากให้รัฐบาลเดินหน้าในทิศทางที่ถูกต้องมากกว่าการใช้การตลาดนำการเมือง เช่น การหยิบยกเรื่องการเจรจากับบีอาร์เอ็นมาสร้างภาพทางการเมือง ทั้งที่พรรคเคยเตือนหลายครั้งว่าการทำอย่างไม่ระมัดระวัง ไม่รอบด้าน อาจทำให้กลุ่มก่อความไม่สงบอื่นยกระดับความรุนแรงมากขึ้น เพื่อเรียกร้องความสนใจจากรัฐบาล
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ยังได้นำสถิติความรุนแรงระหว่างเดือนกุมภาพันธ์และเดือนมีนาคมมาเปรียบเทียบกัน เพื่อให้เห็นถึงความรุนแรงในช่วงก่อนและหลังการเจรจาสันติภาพของรัฐบาล โดยพบว่าเดือนมีนาคมมีผู้เสียชีวิต 53 ศพ มากกว่าเดือนกุมภาพันธ์ที่มีผู้เสียชีวิต 50 ราย 3 ศพ แต่ถ้าตัดผู้เสียชีวิตที่เป็นผู้ก่อความไม่สงบ 18 รายออกจากผู้เสียชีวิตในเดือนกุมภาพันธ์ และในเดือนมีนาคมมีผู้กอ่เหตุเสียชีวิต 1 คน เท่ากับว่าจะมีผู้เสียชีวิตในเดือนมีนาคมมากกว่าเดือนกุมภาพันธ์ถึง 20 ราย ซึ่งยังไม่รวมกรณีอุ้มฆ่านาวิกโยธินและเหตุความสูญเสียของรองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลาและปลัดปกป้องจังหวัด แนวโน้มจึงชัดเจนว่าความรุนแรงเพิ่มขึ้น รัฐบาลแก้ปัญหาไม่ถูกทาง จึงขอร้องไปยังนายกรัฐมนตรี และ พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการ สมช. ให้เลิกพูดเรื่องรอยต่อโดยอ้างว่าความรุนแรงเป็นเรื่องปกติและการเจรจาเดินหน้าต่อ เพราะถ้าคิดได้แค่นี้ก็ไม่มีสิทธิรับผิดชอบความเป็นความตายของเจ้าหน้าที่และประชาชน เนื่องจากปัญหาภาคใต้ไม่ใช่สนามเด็กเล่นให้เลขาฯ สมช.มาทดลองฝีมือ
“ถ้านายกฯ ไม่สามารถบังคับให้รองนายกรัฐมนตรีของตัวเองที่มอบหมายให้ดูแลภาคใต้ไปดูแลประชาชน หรือแม้แต่เดินทางไปกับนายกฯ ผมไม่เรียกร้องให้ปลด ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ต้องพิจารณาตัวเองว่าเป็นนายกฯ เพียงแต่ชื่อ ไม่สามารถสั่งการ ไม่มีบารมีที่จะให้รัฐมนตรีทำตามนโยบายตัวเอง ดังนั้นมีแค่สองทางคือ ต้องปลดรองนายกฯหรือไม่ก็ต้องพิจารณาตัวเองว่าสมควรเป็นนายกฯ ต่อไปหรือไม่”