“อภิสิทธิ์” อ้างเจ้าหน้าที่ทำงานไม่สะดวกหลังรัฐเจรจาโจรใต้ จี้ถกรอบสามเอาให้ชัดเป็นรูปธรรมยังไง ซัดรัฐไม่ยอมรับความจริงโบ้ยคนละเรื่องกับถกบีอาร์เอ็น เตือนอย่ามองความสูญเสียเรื่องเล็กน้อย จี้เร่งหาทางลดความรุนแรง แนะนายกฯ คุมเอง เชื่อบึ้มยะลาไล่หลังลงพื้นที่-ยิงเอ็ม79 บ้าน “นัจมุดดิน” สะท้อนไม่พอใจ
วันนี้ (8 เม.ย.) ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ตนเป็นห่วงสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งฝ่ายผู้ก่อความไม่สงบมีการปรับแนวทางยกระดับความรุนแรงพุ่งเป้าไปที่เจ้าหน้าที่ระดับสูง ขณะที่เจ้าหน้าที่อยู่ในภาวะทำงานไม่สะดวก เพราะมีปัญหาเรื่องแนวปฏิบัติจากการพูดคุยสันติภาพว่าจะตกลงอย่างไร ดังนั้นปลายเดือนเมษายนที่รัฐบาลจะมีการเจรจารอบที่ 3 จะต้องพูดกับตัวแทนที่มาพูดคุยว่าต้องมีความเปลี่ยนแปลงที่เห็นเป็นรูปธรรมว่าจะลดความรุนแรงในพื้นที่ได้อย่างไร มิเช่นนั้นก็มองไม่เห็นว่าการพูดคุยสันติภาพจะนำไปสู่ความสันติสุข เรียบร้อยได้อย่างไร เพราะหลังการพูดคุยสองรอบก็มีการพูดถึงเรื่องลดความรุนแรง แต่สถานการณ์เกิดขึ้นตรงกับข้าม จึงต้องให้ชัดเจนว่าคนที่มาคุยไม่สามารถกุมสภาพในพื้นที่ใช่หรือไม่ หรือว่าเขาไม่ได้ไปทำ
นายอภิสิทธิ์ยังตำหนิคนที่ออกมาอ้างว่าการเจรจากับเหตุการณ์ในพื้นที่เป็นคนละเรื่องกันว่า เป็นการพูดในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ใครที่ติดตามข่าวก็มองว่าความรุนแรงในระยะหลังทำในเชิงสัญลักษณ์ หากรัฐบาลยังคิดว่าการเจรจาเป็นคนละส่วนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็เท่ากับไม่ยอมรับความจริงและจะแก้ปัญหาไมได้ ขณะนี้ทุกคนก็เอาใจช่วยเพื่อให้การพุดคุยประสบความสำเร็จ แต่ถ้าการพูดคุยไม่สัมพันธ์กับการปฏิบัติในพื้นที่ก็แก้ปัญหาไม่ได้
นายอภิสิทธิ์ยังเตือนสติรัฐบาลว่า อย่ามองความสูญเสียของเจ้าหน้าที่และประชาชนเป็นเรื่องเล็กน้อย เพราะสิ่งเหล่านี้กระทบความเป็นอยู่ ซึ่งทั้งเจ้าหน้าที่และประชาชนมีสิทธิ์ที่จะอยู่ในพื้นที่ หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมีความปลอดภัยมากกว่านี้ รัฐบาลจึงต้องรีบเร่งและเข้มงวดมีความมั่นคงในการหาทางลดความรุนแรง โดยใช้เป็นเงื่อนไขสำคัญในการพูดคุย จะมองเหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติไม่ได้ ตนคิดว่าที่อ้างว่าเป็นเรื่องปกติเพราะพะวงภาพทางการเมือง จึงอยากบอกว่าไม่ต้องห่วงเรื่องฝ่ายค้าน เรื่องการเมือง เพราะเราก็ต้องการให้รัฐบาลทำสำเร็จ ต้องการเห็นความสงบแต่อย่าปฏิเสธข้อเท็จจริง
“อย่าปล่อยให้ชีวิตของคนไทยในพื้นที่ ข้าราชการต้องตกอยู่ในความเสี่ยง แต่รัฐบาลต้องทำมากกว่าแค่การไปรับเงื่อนไขจากตัวแทนกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ ในการพูดคุยรอบที่สามต้องพูดให้ชัดและทำในเชิงรุกว่าต้องลดความรุนแรงอย่างเป็นรูปธรรม ไม่เช่นนั้นเราจะถือว่าคนที่มาพูดคุยไมได้มีอำนาจหรือ มีความจริงใจ ซึ่งหากคนที่มาคุยด้วยไม่มีอำนาจจริงก็ไม่ควรไปคุยกับเขา หรือถ้าเขามีอำนาจหรือไม่ทำก็ต้องถามว่าจะลดความรุนแรงเพื่อให้เกิดสันติภาพอย่างไร” นายอภิสิทธิ์กล่าว
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า อย่างไรก็ตามตนเป็นห่วงว่ารัฐบาลจะเดินหน้าต่อไปโดยไม่สนใจความรุนแรงเพราะผู้รับผิดชอบบางคนก็ไม่รับผิดชอบ บางคนก็ไม่รู้ร้อนรู้หนาว ขณะที่บางคนก็กังวลแต่เรื่องการเมืองจนไม่ยอมรับความจริงในการแก้ปัญหา จึงฝากไปถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่าต้องมีทิศทางที่ชัดเจน เข้ามาดูแลด้วยตนเอง ไม่ต้องมอบ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯที่กำกับดูแลภาคใต้แล้วโดยตรง กำหนดจุดยืนการพูดคุยให้ชัดว่าต้องมีเงื่อนไขลดความรุนแรงจะโยนเป็นเรื่องฝ่ายความมั่นคงไมได้เพราะเป็นเรื่องนโยบาย เพราะการให้สมชงไปพูดคุยแบบเปิดเผยโดยระบุกลุ่มบางกลุ่มที่มาคุยเป็นนโยบายก็ต้องแก้นโยบาย ตนเคยเตือนมาก่อนแล้ววันที่ไปทำเนียบว่าหากจะใช้วิธีการแบบนี้มีความเสี่ยงต้องระวัง
ผู้นำฝ่ายค้านกล่าวด้วยว่า เหตุระเบิดที่ จ.ยะลา ไล่หลังนายกฯ หลังกลับจากลงพื้นที่และการยิง M79 ใส่บ้านนายนัจมุดดิน อูมา ที่ปรึกษา ร.ต.อ.เฉลิม เป็นการทำเชิงสัญลักษณ์ที่ต้องการส่งสัญญาณบางอย่างคือผู้ที่ก่อเหตุกำลังแสดงความไม่ยอมรับ หรือไม่พึงพอใจบางอย่างกับกระบวนการและกลุ่มบุคคลที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับกระบวนการพูดคุย รัฐบาลจึงต้องสื่อสารเพื่อแก้ปัญหาให้ได้ และขอให้เลิกบิดเบือนที่กล่าวหาว่าคนที่ท้วงติง ไม่ต้องการให้พูดคุยสันติภาพ เพราะไม่เป็นความจริงเพียงแต่เราทักท้วงเรื่องวิธีการว่าต้องให้ถูกวิธีเท่านั้นเพราะเมื่อก้าวมาแบบนี้ก็ต้องเดินต่อ ก็พยายามชี้แนะตลอดเวลาว่าควรทำอย่างไร
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นบ่งชี้ว่าคนบริสุทธิ์กำลังตกเป็นเหยื่อของความรุนแรงเหล่านี้ ดังนั้นรัฐบาลต้องทำงานในเชิงรุกในการพูดคุยปลายเดือนเมษายนนี้ ส่วนกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิมไม่ลงพื้นที่ภาคใต้เป็นเรื่องเล็กคิดว่าไม่ต้องไปสนใจ แต่ควรสนใจว่าในพื้นที่จะลดความรุนแรงได้อย่างไรดีกว่า นายกฯ ต้องพิจารณาแล้วว่าไปมอบงานให้คนที่ไม่เต็มใจทำงานทำไม