ยะลา - ด่วน!! “อิศรา ทองธวัช” รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา ทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตแล้ว ด้านเลขา สมช.ยันรายงาน “ปูนิ่ม” ทราบเรื่องไม่มีกำชับอะไรเป็นพิเศษ เผยยังแผ่นเสียงตกร่องไม่เป็นการยกระดับความรุนแรง แค่ช่วงรอยต่อกระบวนการพูดคุยสันติภาพ
ผู้สื่อข่าวรายงานด่วนเพิ่มเติมจาก จ.ยะลา ว่า นายอิศรา ทองธวัช รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา ได้เสียชีวิตลงแล้วที่โรงพยาบาลศูนย์ยะลา เนื่องจากทนพิษบาดแผลไม่ไหว หลังจากได้รับบาดเจ็บสาหัสขณะที่เขานำคณะเดินทางไปราชการที่ อ.เบตง จ.ยะลา แต่ถูกกลุ่มคนร้ายลอบวางระเบิดรถยนต์เมื่อประมาณ 12.30 น. ของวันนี้ (5 เม.ย.) เหตุเกิดบนถนนสาย 410 ยะลา-เบตง พื้นที่ ม.5 บ้านกาโสด เขตรอยต่อ อ.บันนังสตา กับ อ.ธารโต จ.ยะลา
สำหรับในเหตุการณ์เดียวกัน มีผู้เสียชีวิตคาที 1 ศพคือ นายเชาวลิต ไชยฤกษ์ ปลัดป้องกันจังหวัดยะลา เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ส่วนพนักงานขับรถยนต์คือ นายสะตอปา เจะเลาะ อส.จ.ยะลา ยังคงอยู่ในห้องผ่าตัดจากอาการที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส
เกี่ยวกับเรื่องนี้ พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างรอการรายงานสถานการณ์จากในพื้นที่ อย่างไรก็ตาม โดยส่วนตัวเชื่อว่าไม่ได้เป็นการยกระดับความรุนแรง แต่เจ้าหน้าที่รัฐไม่ว่าจะเป็นระดับใด ถือเป็นเป้าหมายของการก่อเหตุอยู่แล้ว จึงต้องเพิ่มความระมัดระวังตัวเอง เพราะถ้ามีจังหวะ กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบก็จะก่อเหตุทันที
ผู้สื่อข่าวถามว่า กลุ่มที่ก่อเหตุเป็นกลุ่มเดียวกับที่รัฐบาลไปพูดคุยใช่หรือไม่ เลขาธิการ สมช.กล่าวว่า กำลังรอรายงานความชัดเจนจากเจ้าหน้าที่อยู่ ซึ่งเห็นว่าในช่วงรอยต่อของกระบวนการพูดคุย จะเกิดเหตุการณ์ที่มีกลุ่มต่อต้าน ซึ่งแสดงออกถึงความไม่เห็นด้วย จึงสร้างสถานการณ์ให้ประชาชนเกิดความหวาดหวั่นจนไม่ให้ความร่วมมือกับภาครัฐ และไม่เชื่อมั่นต่อกระบวนการของรัฐที่ดำเนินการอยู่ รวมถึงพยายามแสดงให้เห็นว่าถ้าประชาชนไม่ร่วมมือกับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบก็จะเกิดเหตุความรุนแรงอย่างที่เป็นอยู่
พล.ท.ภราดร กล่าวด้วยว่า ตนได้โทรศัพท์รายงานเหตุการณ์นี้ต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผ่านทางนายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรีแล้ว ซึ่งไม่ได้กำชับเรื่องใดเป็นพิเศษ เพราะเข้าใจได้ว่าช่วงรอยต่อของการพูดคุยดังกล่าวจะเกิดเหตุต่อต้านลักษณะนี้ ซึ่งตนประสานกับเจ้าหน้าที่ว่าควรระมัดระวังตัวให้มากขึ้น และไม่ประมาท อีกทั้งเหตุการณ์ครั้งนี้ไม่สามารถเป็นตัวชี้วัดได้ว่า การพุดคุยกับกลุ่มบีอาร์เอ็นฯ และกลุ่มผู้ที่เห็นต่างจากรัฐนั้นล้มเหลว