“ชวนนท์” สวนกลับ “นช.แม้ว” ใช้ความเท็จใส่ร้ายคนอื่น ชี้คนวิปริตตัวจริงคือคนที่อยู่ต่างประเทศแล้วปั้นหัวคนไทยให้ฆ่ากันเอง สั่งการให้กู้เงิน 2 ล้านล้านเพื่อนำมาละเลงให้บรรลุเป้าหมายทางการเมือง แก้ รธน.เพื่อให้เกิดกระบวนการล้างผิด ได้ทรัพย์สินคืน หลอกชาวบ้านว่าเป็นคนใช้หนีไอเอ็มเอฟจนหมด พร้อมเอาอธิปไตยของประเทศไปประเคนให้เพื่อนบ้านแลกน้ำมัน-ก๊าซ
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดี สไกป์ผ่านเวทีคนเสื้อแดงว่า เป็นปกติของ พ.ต.ท.ทักษิณที่ยังใช้ความเท็จกล่าวร้ายองค์กรต่างๆ ในประเทศที่ไม่ปฏิบัติตามที่ตัวเองต้องการ ไม่ว่าจะป็นศาล องค์กรอิสระ หรือพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งนี้ที่ พ.ต.ท.ทักษิณบอกว่ามีคนจิตวิปริต อำมหิตในการสั่งฆ่าประชาชนนั้น ตนคิดว่า พ.ต.ท.ทักษิณเข้าใจผิด เพราะคนที่วิปริตและอำมหิตที่สุด คือ คนที่สั่งการจากต่างประเทศให้คนไทยฆ่ากัน เพื่อผลประโยชน์และการล้างผิดให้คนที่อยู่ต่างประเทศ
นายชวนนท์กล่าวว่า ขอยกตัวอย่างพฤติกรรมของคนวิปริต 5 ประการ 1. เรื่องกลุ่มติดอาวุธชายชุดดำ กองกำลังไม่ทราบฝ่าย หรือการ์ด นปช. คือกลุ่มเดียวกัน เป็นกลุ่มติดอาวุธที่ทำร้ายประชาชน สังหารทหารในวันที่ 10 เม.ย. 2553 มีแต่คนวิปริตที่จะสั่งการให้ติดอาวุธแฝงในผู้ชุมนุมหวังให้เกิดการนองเลือด เกิดความสูญเสีย คนวิปริตเท่านั้นที่จะบงการให้ฆ่าทหาร สร้างสถานการณ์ให้เกิดความปั่นป่วนในบ้านเมือง และมีแต่คนวิปริตที่ยืนยันว่าไม่มีชายชุดดำ ทั้งที่รายงานจากคณะกรรมการหลายชุดยืนยันว่ามีอยู่จริง และคนเหล่านี้คือคนที่ฆ่าทหารและประชาชน โดยแกนนำรู้เห็นด้วย ตนขอเรียกร้องให้ดีเอสไอนำข้อเท็จจริงนี้ไปประกอบในสำนวนเพื่อสั่งฟ้องดำเนินคดีกับคนที่เกี่ยวข้อง เพราะเชือว่าดีเอสไอมีข้อมูลที่เชื่อมโยงกลุ่มติดอาวุธกับผู้ต้องหาก่อการร้าย 26 คน เนื่องจากผลสอบสวนในรัฐบาลที่แล้วมีความคืบหน้าไปมาก และน่าจะมีการดำเนินคดีได้
วิปริตที่ 2 คือ การสั่งการให้รัฐบาลกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท สร้างภาระหนี้สินให้ประชาชน 50 ปี เจตนากู้เงินนอกงบประมาณเพื่อหลีกเลี่ยงกระบวนการงบประมาณปกติ และระเบียบจัดซื้อจัดจ้าง ระเบียบพัสดุ เอาอำนาจมาไว้กับตัวเองเพื่อนำเงินมาไว้กับตัวเองในการใช้ให้บรรลุวัตถุประสงค์ทางการเมือง เพราะถ้าเป็นคนปกติจะไม่คิดสร้างหนี้ให้ลูกหลาน แต่ต้องคิดถึงการพัฒนาที่ยั่งยืนให้กับประเทศ ต้องคิดถึงกาพัฒนาการศึกษา สาธารณสุขควบคู่ไปกับการพัฒนาด้านคมนาคม และตนยืนยันว่าโครงการ 2 ล้านล้านบาท สุดท้ายจะกลายเป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ เพราะมีการเพิ่มเติมโครงการใหม่และไม่มีความชัดเจนในเรื่องการลงทุนขนาดใหญ่เลยแม้แต่โครงการเดียว ทั้งรถไฟความเร็วสูง และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอื่น
ส่วนวิปริตที่ 3 คือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญของประชาชนที่มีการลงประชามติ โดยคนอำมหิตจิตวิปริตต้องการแก้ไขเพื่อให้เกิดกระบวนการล้างผิด นิรโทษกรรม ได้ทรัพย์สินคืน และเพื่อให้องค์กรอิสระของประเทศอ่อนแอลง แก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้การตรวจสอบทำยากเปิดโอกาสฝ่ายบริหารทุจริตได้ง่าย ตนคิดว่าคนที่ทำแบบนี้คือคนจิตวิปริต อำมหิตเท่านั้นที่จะสั่งการได้ เพราะคนทั่วไปจะสร้างกฎหมายให้เเข้มแข็ง มีระบบตรวจสอบถ่วงดุลย์เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศ ซึ่งพรรคขอยืนยันว่าการคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ใช่เพราะปกป้องรัฐธรรมนูญ ปี 50 แต่ต้องการปกป้องระบบกฎหมายจากการรุกรานของคนกลุ่มหนึ่งที่กำลังแก้กฎหมายสร้างอำนาจให้ตัวเองแต่ริดรอนสิทธิประชาชนทั้งประเทศ
สำหรับวิปริตที่ 4 คือ เป็นคนจิตหลอนหลอกตัวเองว่าเป็นผู้ใช้หนี้ไอเอ็มเอฟ หลอกตัวเองมา 12 ปี ทั้งที่เป็นคนที่อยู่ในรัฐบาลที่ไปทำสัญญากู้เงินไอเอ็มเอฟ เป็นคนที่สละเรือรัฐบาลหลังจากที่ประเทศเข้าสู่ภาวะวิกฤตทางเศรษฐกิจ ทิ้งหนี้ให้กับประเทศประมาณ 5 แสนล้านบาทก่อนที่ตัวเองจะหนีหรือลาออกจากรัฐบาล และ หลอกตัวเองว่าเป็นอัศวินขี่ม้าขาว ใช้หนี้ไอเอ็มเอฟได้เร็วกว่ากำหนด ทั้งที่คนใช้หนี้ไอเอ็มเอฟเกือบทั้งหมดคือรัฐบาล นายชวน หลีกภัย ที่ต้องตามใช้หนี้จากสัญญากู้เงินที่รัฐบาล พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ซึ่งมี พ.ต.ท.ทักษิณร่วมรัฐบาลทำไว้ และการที่ พ.ต.ท.ทักษิณอ้างว่าใช้หนี้ก่อนกำหนดเป็นคำพูดโกหก เพราะการใช้หนี้ได้ก่อน 1 ปี เกิดจากสาเหตุเดียว คือ รัฐบาลนายชวนหยุดกู้ไอเอ็มเอฟก่อนกำหนดหนึ่งปี ดังนั้น เมื่อกู้น้อยลง 1 ปีทำให้ระยะเวลาการใช้หนี้ลดลง 1 ปี เพราะทุกงวดที่มีการกู้เงินจะใช้ในอีก 3 ปีถัดไป จึงถือว่าเป็นความวิปริตที่หลอกประชาชนมานานกว่าสิบปี
นายชวนนท์กล่าวถึงวิปริตที่ 5 คือ กรณีปราสาทพระวิหาร มีคนวิปริตกล่าวหาคนรักชาติว่าคลั่งชาติ ยอมรักษาสันติภาพในประเทศโดยเอาอธิปไตยและแผ่นดินไปประเคนให้ประเทศเพื่อนบ้าน ยกแผ่นดินและผลประโยชน์ให้ประเทศอื่น เพียงเพื่อหวังประโยชน์ร่วมกันทางธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันหรือแก๊ส เห็นประโยชน์ส่วนตนมากกว่าผลประโยชน์ชาติ เป็นคนวิปริตและอำมหิตอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ทั้งการที่นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ระบุว่าพรรคประชาธิปัตย์ต้องรับผิดชอบ หากไทยแพ้คดีในศาลโลกนั้น ขอยืนยันว่าพรรคไม่เคยหนีความรับผิดชอบ แต่พร้อมร่วมทุกข์ร่วมสุขไม่ทอดทิ้งประชาชน เหมือนบางพรรคที่มีจิตวิปริตโยนความผิดให้คนอื่น หนีความรับผิดชอบ ทอดทิ้งประชาชน