นายกฯ เดินทางไป รพ.ศูนย์ยะลา ฟัง 5 ผู้ว่าฯ ชายแดนใต้สรุปสถานการณ์ ก่อนเยี่ยมให้กำลังใจคนขับรถรองผู้ว่าฯ ยะลา และทหารที่ถูกโจรใต้ลอบกัด ยันรัฐพร้อมช่วยเต็มที่ ก่อนดูเรื่องเครื่องมือแพทย์วิธีรักษา สั่งดูแล จนท.ระดับสูงเข้มกว่าเดิม ชี้ต้องแยกเหตุป่วนกับเจรจาสันติภาพ ลั่นลุยเจรจาต่อ
วันนี้ (7 เม.ย.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะได้เดินทางถึงศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนใต้ โดยมี นายเดชรัฐ สิมศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา รอต้อนรับ จากนั้นนายกรัฐมนตรีและคณะเดินทางไปยังโรงพยาบาลศูนย์ยะลา เพื่อรับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์จากผู้ว่าราชการจังหวัด 5 จังหวัดชายแดนใต้ ประกอบด้วย นายกฤษฎา บุญราช ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา, นายเหนือชาย จิระอภิรักษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล, นายเดชรัฐ สิมศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา, นายประมุข ลมุล ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี และนายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส
จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้เดินทางไปเยี่ยมและให้กำลังใจนายสตอปา เจ๊ะเลาะ คนขับรถนายอิสรา ทองธวัช รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุระเบิด โดยยังพักรักษาตัวอยู่ในห้องไอ.ซี.ยู.เนื่องจากยังไม่รู้สึกตัว และต้องใช้เครื่องช่วยหายใจตลอดเวลา นอกจากนี้นายกรัฐมนตรียังได้เยี่ยมนายทหารที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุระเบิดบนถนนสาย 410 ยะลา-เบตง อำเภอกรงปินัง จังหวัดยะลา ระหว่างเดินทางกลับมาจากปฏิบัติงานการคัดเลือกเกณฑ์ทหารที่อำเภอบันนังสตา เมื่อวันที่ 3 เมษายนที่ผ่านมา โดยนายกรัฐมนตรีได้ให้มอบเงินและกระเช้าของขวัญให้กับญาตินายสตอปา เจ๊ะเลาะ และสิบโทชาตรี พรหมราช นายทหารที่ได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่เมื่อวันที่ 3 เมษายน พร้อมบอกด้วยว่าหากต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติมให้แจ้งต่อผู้ว่าราชการจังหวัด ซึ่งภาครัฐพร้อมให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กำลังใจเป็นเรื่องสำคัญ วันนี้จึงเดินทางลงพื้นที่มาเยี่ยมและให้กำลังเจ้าหน้าที่ที่ได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ นอกจากนี้ยังมาดูเรื่องของเครื่องมือทางการแพทย์ และวิธีการช่วยเหลือผู้ป่วยพักฟื้นเพื่อให้หายเร็วขึ้น ส่วนการดูแลเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่ตกเป็นเป้าหมายการก่อเหตุ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าจะมีการปรับระดับความปลอดภัยเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานและประชาชนตามความเข้มของพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่ที่เกิดเหตุบ่อยจะต้องดูแลอย่างเต็มที่ แม้ที่ผ่านมาก็มีแผนดูแลความปลอดภัยอยู่แล้วก็ตาม ขณะเดียวกันจะต้องให้รายละเอียดกับพื้นที่ให้มากขึ้น
นายกรัฐมนตรีกล่าวด้วยว่า เหตุความไม่สงบที่เกิดขึ้นรายวัน ไม่ส่งผลต่อการพูดคุยเพื่อสันติภาพ ซึ่งจะต้องแยกเหตุการณ์รายวันออกจากการพูดคุย ซึ่งทุกฝ่ายเห็นตรงกันกับแนวทางการพูดคุย เพราะจะเป็นหนทางทำให้เกิดสันติสุขในพื้นที่ ซึ่งถือเป็นเรื่องดีที่ได้มีการรับฟังความเห็นจากผู้ก่อความไม่สงบ แต่อย่างไรก็ตามจะต้องให้เวลาให้การพูดคุยและเจรจา