xs
xsm
sm
md
lg

67 ปี ปชป. “มาร์ค” โวจุดแข็งนโยบายไม่จี๊ดเหมือน พท. แต่ได้ผลดีระยะยาว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
“อภิสิทธิ์” ฟุ้งเป็น รบ.ช่วงถังแตก แต่พาประเทศรอดวิกฤตเหตุยึดถือชาติ ปชช.เป็นหลัก ชี้หากอัดนโยบายเอาแต่สะใจเหมือนยุคนี้ ปท.คงล้มละลายไปแล้ว เย้ย รบ.ปูนิ่ม ไม่เข้าใจขั้นตอนแก้ปัญหาใต้ โม้รถไฟเชื่อมไทยสู่โลก แนะอยากให้ประเทศเจริญต้องมีธรรมาภิบาล หยุดโกง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 6เม.ย. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวในการปราศรัยเวทีประชาชน “ผ่าความจริง (ภาคพิเศษ) อุดมการณ์ไม่มีวันตาย ความจริงไม่มีวันตาย” ที่สวนหลวงสะพานพระราม 8 กรุงเทพฯ ว่า วันนี้เวทีผ่าความจริงถือโอกาสพิเศษคือการครบรอบวันก่อตั้งของพรรคประชาธิปัตย์ ปีนี้ครบรอบ 67 ปี มาพบปะกับพี่น้องเพื่อยืนยันถึงอุดมการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์

“คนมักจะพูดถึงพรรคประชาธิปัตย์เริ่มต้นก็บอกว่าเป็นพรรคที่มีความเก่าแก่ที่สุด ซึ่งก็เป็นความจริงเพราะว่าในประวัติศาสตร์ของการเมืองไทยก็มีพรรคประชาธิปัตย์นี่แหละครับที่ยืนหยัดมายาวนานถึง 67 ปี การเป็นพรรคการเมืองที่ยืนหยัดยาวนานได้ ผมยืนยันว่าไม่ใช่เหตุบังเอิญแน่นอน แต่การยืนหยัดยาวนานได้เมื่อสักครู่ หลายท่านโดยเฉพาะคุณจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ได้พูดถึงความแตกต่าง ได้พูดถึงเอกลักษณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ทำให้เราอยู่คู่กับพี่น้องคนไทย อยู่คู่กับการเมืองไทยมาได้ยาวนาน

ประการหนึ่งก็คือ การที่เรายืนหยัดในการทำงานตามอุดมการณ์ที่ประกาศไว้เมื่อ 67 ปีที่แล้ว คือการเมืองด้วยวิถีที่บริสุทธิ์ ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริตครับ พี่น้องครับ ประการที่ 2 พรรคประชาธิปัตย์คือพรรคที่ยืนหยัดต่อสู้ อยู่ในวิถีทางของประชาธิปไตย ซึ่งไม่ได้หมายความเพียงแต่ว่า พรรคประชาธิปัตย์ส่งผู้สมัคร หรือส่งสมาชิกเข้าสมัครรับเลือกตั้งในการเลือกตั้งเท่านั้น แต่หมายความว่าในการทำหน้าที่ของพรรค จะเป็นรัฐบาล จะเป็นฝ่ายค้าน พรรคประชาธิปัตย์จะเคารพสิทธิ เสรีภาพ เคียงข้างกับพี่น้องประชาชน และที่สำคัญที่สุดก็คือ ยึดมั่น รักษา กติกาของบ้านเมืองครับ พี่น้องครับ นี่คือความแตกต่าง

และแน่นอนที่สุด พรรคประชาธิปัตย์ยืนหยัดมาอยู่ถึงวันนี้ได้เพราะสมาชิกของพรรค บุคลากรของพรรค สมาชิกสภาท้องถิ่น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรรมการบริหารพรรค เรายึดมั่นว่าความเป็นประชาธิปัตย์ คือการยึดมั่นในอุดมการณ์ประชาธิปัตย์ อุดมการณ์อยู่เหนือเรื่องของตัวบุคคล จึงทำให้พรรคประชาธิปัตย์ มีมา และอยู่มาจนถึงวันนี้

ผมกราบเรียนพี่น้องครับ ว่าผมเกิดไม่ทันวันที่พรรคประชาธิปัตย์เกิด ที่จริงบนเวทีก็เหลือไม่กี่ท่านหรอกครับที่เกิดก่อนพรรค ส่วนข้างล่างนี่ผมดูด้วยสายตาก็มีอยู่หลายท่านนะครับ แต่ว่าการที่ผมก้าวมาสู่การเป็นหัวหน้าพรรคได้ โดยที่วันที่พรรคประชาธิปัตย์ก่อตั้งขึ้น ผมยังไม่เกิดเลย ผมถือว่าเป็นการแสดงออกชัดเจนว่า พรรคประชาธิปัตย์เป็นสถาบัน มีการก่อนผม และเมื่อไม่มีผมก็จะต้องมีพรรคประชาธิปัตย์ต่อไป และผมยืนยันครับว่า ทุกยุค ทุกสมัย และต่อไป ผมต้องการเห็นพี่น้องประชาชนคนไทย เห็นใครก็ตาม แล้วบอกว่าคนๆ นี้เป็นประชาธิปัตย์ไม่ใช่เพราะอะไรครับ คนๆ นั้นเป็นประชาธิปัตย์ เพราะปฏิบัติตนโดยยึดมั่นในอุดมการณ์ของประชาธิปัตย์

ทุกคนบนเวทีนี้ จะประกาศตัวเป็นประชาธิปัตย์หรือไม่ หรือพี่น้องข้างล่างจะประกาศตัวเป็นประชาธิปัตย์หรือไม่ ไม่สำคัญเท่ากับการยึดมั่นในเรื่องของอุดมการณ์ เรื่องอื่นเป็นเรื่องรองครับ อย่างหลายคนดูบนเวทีขึ้นมานี่ เห็น สส. เห็นคนของพรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นผู้ชายแล้วหล่อทุกคน นั่นเหตุบังเอิญครับ แต่สำคัญกว่าคืออุดมการณ์ของพรรค และวันนี้ผมก็ต้องยืนยันกับพี่น้องว่า การต่อสู้ด้วยอุดมการณ์ยังเป็นเรื่องที่มีความสำคัญที่สุด ทำไมผมถึงพูดอย่างนั้นครับ

หลายคนอาจจะมองว่าระยะเวลาของพรรคประชาธิปัตย์ 67 ปี บ้านเมืองมีการพัฒนา การเมืองไทยก็มีการพัฒนา ผมว่าเราไม่ปฏิเสธ ต้องยอมรับว่ามาถึงวันนี้ ความต่อเนื่องของระบอบประชาธิปไตยเทียบกับ 67 ปี เทียบกับหลายสิบปีที่แล้วถือว่าดีขึ้น แต่ไม่ได้หมายความว่าประชาธิปไตยไทย ระบบการปกครองของเราคือระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จะเป็นสิ่งที่พี่น้องประชาชนตายใจว่าขณะนี้มั่นคงแล้ว ปลอดภัยแล้ว เพราะแต่ละยุค แต่ละสมัย จะมีภัยคุกคามต่อระบอบประชาธิปไตยไม่เหมือนกัน

ในอดีต เราต่อสู้กับเผด็จการทหาร แต่ในปัจจุบัน ภัยคุกคามที่เกิดขึ้นกับระบอบประชาธิปไตยที่น่ากลัวที่สุดคือเผด็จการที่เกิดขึ้นในคราบของนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง

ในวันที่โลกพูดถึงกระแสประชาธิปไตย ในวันที่หลายต่อหลายประเทศที่เป็นประเทศเพื่อนบ้านของเรา พยายามที่จะพัฒนาประชาธิปไตย และหลายประเทศประสบความสำเร็จ พี่น้องดู อินโดนีเซีย 10 กว่าปี ที่ผ่านมา พี่น้องดูปรากฏการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในพม่า พี่น้องดูพัฒนาการว่าแม้แต่ประเทศซึ่งเคยเป็นระบบที่เขาเรียกว่าพรรคเดียว ขณะนี้ก็มีการเสริมความเข้มแข็งไปสู่ระบบหลายพรรค หรือ 2 พรรค ทางใต้ของประเทศไทย สิ่งเหล่านี้กำลังเกิดขึ้น แต่หลายเรื่องในประเทศไทยวันนี้ถอยหลัง

เมื่อเช้าผมยังยกตัวอย่างพูดกับสมาชิกพรรค ที่เป็นพี่น้องชาวมุสลิม มีงานทำบุญผมยังบอกว่า หลายเรื่องไม่น่าเชื่อว่าเราถอยหลัง เช่น ผมเองอยู่การเมืองมา 21 ปี ทุกปีประชาธิปัตย์ประชุมใหญ่ ทำเรื่องขอซื้อเวลาออกโทรทัศน์ได้ แต่ทำไม่ได้ก็ 2 ปีหลังนี่แหละครับ 2555 - 2556

แล้วการเปิดโอกาสในการทำหน้าที่ฝ่ายค้าน จะในสภาจะนอกสภานึกออกมั้ยครับ สิ่งเหล่านี้วันนี้อาจจะไม่ใช่เรื่องทหาร หรือนักการเมือง แต่กลายเป็นเรื่องของความสำนึกของผู้ที่มีอำนาจ ที่เป็นรัฐบาลทั้งๆ ที่มาจากการเลือกตั้ง

คุณจุรินทร์บอกสมัยก่อนอภิปรายไม่ไว้วางใจ 7 วัน 7 คืน นี่จะแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ผ่านไปเพียง 2 วัน 2 คืน เข้าสู่วันที่ 3 ตกลงกันแล้วว่าอภิปรายคนละกี่ชั่วโมง เขายังกล้าปิดอภิปราย หักหลัง ล้มเลิกข้อตกลงดื้อๆ นี่คือรัฐบาลในยุคนี้ครับ ไม่ใช่แค่กฎ แค่กติกา หรือข้อตกลงที่ถูกละเมิด เดี๋ยวนี้แม้แต่มารยาททางการเมือง ก็ไม่สนใจใยดีกันแล้ว เป็นครั้งแรกเหมือนกันที่ผมเป็นนักการเมืองและศึกษาการเมืองไทยมา คนทำหน้าที่เป็นประธานในรัฐสภา เสนอญัตติเสียเอง แต่เขาจะพยายามสร้างกระแสผ่านเครือข่ายสื่อมวลชนบางเครือข่าย พยายามจะบอกว่าฝ่ายค้านคือปัญหา ฝ่ายค้านคือตัวถ่วงความเจริญของประเทศ เวลาที่มีการคัดค้านหลายเรื่องหลายราว

จะกู้เงิน 2 ล้านล้าน บวกดอกอีก 3 ล้านล้าน เป็น 5 ล้านล้านใช้หนี้ 50 ปี เมื่อสักครู่ ถามถึงคนเกิดก่อนหรือหลังพรรคประชาธิปัตย์เกิด ตอนนี้พยายามดูว่าใครบ้างจะอยู่ใช้หนี้จนครบ ผมนี่ สงสัยจะมีลูกชวนนท์ (อินทรโกมาลย์สุต) นี่แหละ แต่หลายคนบนนี้ก้ำกึ่งครับ ก้ำกึ่ง 50 ปี เราคัดค้านด้วยเหตุด้วยผล ด้วยความห่วงใย แต่เขาจะสร้างวาทกรรมว่าถ่วงความเจริญ เวลาไปแก้ปัญหาภาคใต้ แก้ผิดแก้ถูก เริ่มกระบวนการที่เรียกว่า พูดคุยสันติภาพ เราก็บอกว่าเราสนับสนุนการพูดคุย แต่การพูดคุยต้องทำด้วยความรอบคอบ ทำให้ถูกวิธี คุยกับถูกตัวที่จะมาเจรจา หรือมาพูดคุยกับเรา แต่การพูดคุยแบบที่เกิดขึ้นปีที่แล้ว ทักษิณเข้าไปพูดคุยที่มาเลเซีย ผลที่ได้คือระเบิดที่ลีการ์เด้น กับที่กลางเมืองยะลาครับพี่น้องครับ

วันที่ผมเข้าไปทำเนียบ ผมก็บอกกับนายกฯ ยิ่งลักษณ์ว่า ขอความกรุณาอย่าเชื่อพี่ชาย เรื่องการเจรจา เพราะพี่ชายไม่เข้าใจความละเอียดอ่อนของสถานการณ์ที่ตัวเองก่อปัญหาเอาไว้ ผมและพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้คัดค้านการพูดคุยสันติภาพ แต่รัฐบาลนี้ไม่เข้าใจขั้นตอนการทำงาน การพูดคุยสันติภาพ ประชาธิปัตย์ก็ทำมา แต่อยู่ในขั้นตอนซึ่งต้องทำเป็นการภายในเพราะเราต้องมั่นใจเสียก่อนว่าคนที่กุมสภาพในพื้นที่ได้มาคุยกับเรา แต่รัฐบาลนี้ 1 เดือนผ่านไป เหตุที่เกิดขึ้น ความสูญเสียที่เกิดขึ้น ไม่ควรจะเกิด เพราะความรุนแรงและความสูญเสียที่เกิดขึ้นในรอบเดือนที่ผ่านมา พี่น้องดูให้ดี มันเป็นการก่อเหตุในเชิงสัญลักษณ์ ต่อต้านรัฐไทย

เราจึงต้องการเรียกร้องให้รัฐบาลรู้ร้อนรู้หนาว และใช้ความระมัดระวัง และต้องกำหนดเป็นเงื่อนไขการพูดคุยสันติภาพว่า ถ้าจะมาคุยกับเราต้องไปสั่งการลดความรุนแรงให้เราเห็นว่าคุณตั้งใจทำ และคุณทำได้ จึงมาคุยกับเรา มีคนสอบถามผม นักข่าวก็ถามผมอีกวันนี้ บอกว่า คนที่รับผิดชอบปัญหาภาคใต้ คือรองนายกฯ เฉลิม ยังไม่ยอมลงพื้นที่ ถึงเวลาหรือยังที่จะพิจารณาตัวเอง ผมบอกว่าวันนี้ไม่ใช่เวลาที่เฉลิมจะพิจารณาตัวเอง แต่ถึงเวลาที่นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ต้องพิจารณาว่า ทำไมยังมอบหมายเฉลิมอยู่ มอบหมายแล้ว สั่งแล้ว ข่าวบอก ดุเฉลิมไปแล้ว เฉลิมยังไม่ทำ นายกฯ ยิ่งลักษณ์ต้องพิจารณาแล้วว่าจะทำอย่างไรกับเฉลิม

นี่คือเหตุผลที่ผมบอกว่าประชาธิปัตย์ยังต้องทำหน้าที่ประคับประคองบ้านเมือง แต่การประคับ ประคองบ้านเมืองไม่ใช่หมายความว่ามีฝ่ายค้านที่รัฐบาลทำอะไรก็ต้องบอกว่าดี รัฐบาลทำอะไรก็ต้องสนับสนุน ไม่ใช่ครับ แต่เราต้องกล้าท้วงติงรัฐบาล แม้จะสร้างกระแส สร้างภาพอย่างไร เรายังมีหน้าที่ในการยืนหยัดและทำงานบนพื้นฐานของความจริงซึ่งเป็นอุดมการณ์ที่สำคัญที่สุดของพรรคประชาธิปัตย์

ผมกราบเรียนพี่น้องว่า การทำหน้าที่ตรงนี้ไม่ง่ายครับ ท่ามกลางกระแส ท่ามกลางภาพต่างๆ และวิธีการที่เข้าไปแทรกแซง แทรกซึมในสื่อต่างๆ ให้พี่น้องไม่เข้าใจบทบาทของฝ่ายค้าน แต่เราหนักแน่นครับ เราไม่ย่อท้อครับ เรารู้ว่าหลายเรื่องที่เราทำบางทีพี่น้องประชาชนอาจจะไม่เข้าใจ แต่เชื่อได้อย่างนึงว่าทุกสิ่งที่เราทำเพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศชาติ และประชาชน

เหมือนในประวัติศาสตร์ของพรรคประชาธิปัตย์ หลายยุค หลายสมัย ต้องไปทำหน้าที่อะไรครับ ไปทำหน้าที่ในการกอบกู้วิกฤติของชาติ นายกฯ ชวนก็ดี ผมก็ดี เข้าไปทำงานในฐานะนายกรัฐมนตรี หลายคนต่อว่าต่อขานบอกทำไมไม่เข้าไปแล้วทำอะไรที่มันสะใจ ถูกใจ แต่หลายคนลืมว่า ทั้งท่านนายกฯ ชวน ทั้งผม เข้าไปเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น เกิดวิกฤติเศรษฐกิจโลก ประเทศแทบจะล้มละลาย ไม่มีสตางค์ ถ้าไปใช้นโยบาย ตามใจ ถูกใจ สะใจ วันนี้ประเทศไทยก็คงไม่ต่างอะไรจากหลายประเทศในยุโรปขณะนี้ หรือในละตินอเมริกา หรือในอเมริกาใต้ เมื่อไม่กี่ทศวรรษมานี้ แต่ไม่ครับ

เราต้องทำงานด้วยความยากลำบากทุกครั้ง แต่ทุกครั้งที่พรรคประชาธิปัตย์ลงมาจากอำนาจ ประเทศไทยเข้มแข็งขึ้น ผมถูกต่อว่าเสมอบอกประชาธิปัตย์เป็นอะไรไปเป็นรัฐบาล คอยเก็บเงินให้ประเทศ เสร็จแล้วก็ปล่อยให้คนอื่นมาถลุง แต่เรายืนยันว่า ประชาธิปัตย์ ที่อยู่มาได้ต้องคิดถึงอนาคต ต้องคิดถึงระบบ ต้องคิดถึงปัญหาของประเทศ ยุทธศาสตร์ของประเทศ ในระยะยาวและตรงนี้แหละครับ ที่ผมถึงยืนยันว่าหลายเรื่องหลายราวที่เรากำลังดำเนินการในขณะนี้ เรากำลังยืนยันจุดยืนและอุดมการณ์ตรงนี้

เช่นในทางการเมือง วันนี้มีการสร้างกระแสขึ้นมาว่า วิธีการที่จะทำให้ประเทศเดินหน้าได้ เขาบอกว่าให้เริ่มต้นกันใหม่ ให้ล้างผิดทุกคน เท่านั้นไม่พอ เห็นประชาธิปัตย์ต้องการรักษากฎหมาย ไม่ยอมล้างผิด เขาก็ต้องคิดวิธีว่า ถ้าอย่างนั้นพวกคุณก็ต้องผิดด้วย เขาถึงเดินหน้าแจ้งข้อหา สุเทพ เทือกสุบรรณ ไม่หยุด ผมอยู่กับท่าน ผมเลยพลอยโดนไปด้วย แล้วเขาก็พยายามมาพูดกับนายสุเทพ พูดกับผมบอก ตั้งต้นกันใหม่ นับหนึ่งกันใหม่ เดินหน้าเถอะ ล้างผิดทุกฝ่าย พวกคุณจะได้ไม่มีคดีด้วย

ยังไม่ลดละความพยายามตรงนี้ครับ สัปดาห์ที่ผ่านมาก็ยังมีมาอย่างนี้ ใครมา ผมก็บอกเลยครับ ไม่ต้องห่วงพวกผม ไม่ต้องห่วงผม ไม่ต้องห่วงนายสุเทพ เราจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาล ไม่ต้องลบคดีออกไป เราสู้พิสูจน์ความบริสุทธิ์ถึงที่สุด แม้แต่ว่าถ้าเราไม่ได้รับความเป็นธรรม จะด้วยเหตุผลกลใดก็ตาม เราจะต้องผิด ต้องรับโทษ เราก็บอก เราจะเคารพกระบวนการยุติธรรม เพราะระบบกติกาของบ้านเมืองต้องมาก่อนตัวบุคคลครับ

พอมาถึงเรื่องเศรษฐกิจ เขาก็พยายามวาดฝันใช่มั้ยครับ บอกว่า ให้เขากู้เงิน 2 ล้านล้าน ประเทศไทยจะกลายเป็นประเทศที่เจริญแล้วใน 7 ปี หนี้ 50 ปี ที่ทุกคนต้องแบกรับ พี่น้องดูให้ดีว่าเราจะได้อะไร ถ้ารัฐบาลทำตามที่คุยไว้

ข้อแรกจะชี้ให้เห็นก็คือว่า 2 ล้านล้านที่กู้มานี้ ทำอยู่ 2 -3 เรื่องเท่านั้นเองครับ 1. สร้างรถไฟ 2.สร้างถนน 3.ปรับปรุงท่าเรือ มีแถมเล็กน้อยก็พัฒนาด่านศุลกากร ผมก็บอกว่า ไม่ได้หรอกครับ ประเทศไทยจะก้าวไปสู่ความเป็นประเทศที่เจริญแล้ว โครงสร้างพื้นฐานต้องดี แต่ไม่ใช่หมายความว่ามีแต่โครงสร้างพื้นฐาน

สิ่งแรกประชาธิปัตย์บอก เราจัดทำพิมพ์เขียวประเทศไทย เป็นอุดมการณ์ของเราอยู่ก็คือประเทศไทยจะเจริญได้ การศึกษาไทยต้องดี เพราะถ้ามีแต่รางรถไฟ มีรถไฟความเร็วสูง แต่ยังไม่รู้เลยว่า รถไฟความเร็วสูงเอาไว้ขนอะไร มันไม่มีประโยชน์หรอกครับ

ประการที่ 2 ครับ การพัฒนาที่จะนำไปสู่ความเจริญได้ นอกจากจะมีโครงสร้างพื้นฐาน มีการศึกษา จะต้องมาปรับระบบความเป็นธรรมในสังคมในระบบเศรษฐกิจ ถ้าเราพัฒนาคนรวย ยิ่งรวย คนจนยิ่งจน บ้านเมืองจะมีแต่ความวุ่นวาย เพราะฉะนั้นพิมพ์เขียวประเทศไทย ที่เรากำลังร่วมทำอยู่ เราจะเน้นในเรื่องนี้ และความจริงเราเริ่มทำมาแล้ว เราไม่เคยอวดอ้างว่าเป็นพรรคของคนจน แต่เราคือพรรคที่กล้าเสนอบอกต้องเก็บภาษีที่ดิน เก็บภาษีทรัพย์สิน เพื่อความเป็นธรรมในสังคม

เราไม่ใช่พรรคที่อวดอ้างว่าเป็นพรรคของคนจน แต่เราคือพรรคการเมืองที่บอกว่าคนทุกคนในประเทศไทยต้องมีหลักประกัน มีบำเหน็จ บำนาญ เราถึงทำกองทุนเงินออมแห่งชาติ และปรับปรุงระบบประกันสังคม สิ่งเหล่านี้ต้องเดินหน้าต่อ ต้องทำ และสำคัญที่สุด ถ้าอยากจะเป็นประเทศที่เจริญแล้ว ประเทศไทยต้องมีธรรมาภิบาล ต้องหยุดการทุจริต คอร์รัปชั่น หยุดการโกง

2 ล้านล้าน บวกดอกเบี้ย 3 ล้านล้าน หนี้ 50 ปี พี่น้องคิดว่าเราจะได้เหรอครับ ที่เขาโฆษณา ล่าสุด เรื่องรถไฟความเร็วสูงนี่สับสนกันไปใหญ่แล้ว สมัยประชาธิปัตย์ คุณสุเทพนี่แหละครับ ร่วมกับคุณกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เราไปเจรจากับจีน เพราะรถไฟความเร็วสูงนี้ เราต้องการให้เชื่อมจีนไปจนถึงสิงคโปร์ มาผ่านประเทศไทยเป็นศูนย์กลาง จีนเขาสร้างลงมาจากทางใต้มาถึงชายแดน ไทย - ลาว ตรงหนองคาย มาเลเซีย - สิงคโปร์ กำลังเจรจาทำรถไฟความเร็วสูงระหว่าง 2 ประเทศนี้ เราต้องไปเชื่อมเขาที่ชายแดนไทย - มาเลเซีย เจรจากันบอกว่าจะใช้วิธีการร่วมทุน คำนวนออกมาบอกว่าก่อสร้างกิโลละประมาณ 300 ล้าน รัฐบาลนี้มาเจรจาต่อบอกการเจรจาไม่ประสบความสำเร็จ เปลี่ยนใหม่

เปลี่ยนใหม่วันนี้ แทนที่จะเป็นกรุงเทพฯ - หนองคาย กลายเป็น กรุงเทพฯ - โคราช แทนที่จะเป็นกรุงเทพฯ - ปาดังเบซาร์ หนี้ 50 ปี สร้างได้ถึงหัวหิน ยังไม่ถึงภาคใต้เลยครับ ภาคใต้เรานับกันตั้งแต่จังหวัดชุมพรลงไป ยังไปไม่ถึง แม้แต่ล่าสุดครับ เขาบอกว่ากรุงเทพฯ - เชียงใหม่ เอาเข้าจริง 7 ปี อาจจะถึงแค่พิษณุโลก กรุงเทพฯ - ระยอง อาจจะถึงแค่พัทยา แล้วไหนล่ะครับ ที่บอกจะเชื่อมไทย เชื่อมโลก ไหนล่ะครับ ใช้ภาษาอังกฤษสวยหรูว่า Connectivity

แต่ประเด็นสำคัญก็คือว่าเงินกู้ 2 ล้านล้านนี้ ตามกฎหมายรัฐบาลจะไปมีอำนาจในการเปลี่ยนแปลงโครงการต่างๆ ได้ตามใจชอบถ้าสามารถเขียนโครงการให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ที่เขียนเอาไว้กว้างๆ นี่ก็เป็นเหตุผลว่า ทำไมประชาธิปัตย์ยังต้องต่อสู้

ผมถึงกราบเรียนพี่น้องครับว่า วันนี้ถ้าประเทศไทยจะเดินไปข้างหน้า เราต้องมีหลัก หลักที่ว่าจะต้องสอดคล้องกับอุดมการณ์ อุดมการณ์ที่ยึดถือความจริง และผลประโยชน์ประเทศชาติ ประชาชนเป็นหลัก แล้วต้องทำงานด้วยความอดทน ต้องทำงานแล้วรู้ว่าบางครั้ง ความถูกต้อง ความชอบธรรม ผลประโยชน์ที่ดีที่สุดสำหรับส่วนรวมมันอาจจะไม่สะใจ มันอาจจะไม่ถูกใจ มันอาจจะไม่หวือหวาในระยะสั้น หรือในเวลาใดเวลาหนึ่ง

ผมจึงอยากจะกราบวิงวอนพี่น้องที่อยู่ที่นี่ ซึ่งผมเชื่อว่าเป็นผู้ร่วมอุดมการณ์ของเรา เป็นประชาธิปัตย์ ว่าเราทุกคนจะต้องเดินหน้าในการทำให้สังคมไทยได้ตระหนักถึงสิ่งนี้ แล้วเราจะได้สามารถทำให้ประเทศไทยนั้นเดินไปในทิศทางที่ถูกต้อง ที่ต่อเนื่อง ที่มั่นคง เพื่อผลประโยชน์ของคนไทยอย่างแท้จริง

หลังจากนี้จะมีอีกหลายท่านครับ ขึ้นมาพูดถึงอุดมการณ์ของพรรค ที่เจาะลึกลงไปในแต่ละด้าน การเมือง เศรษฐกิจ สังคม การกระจายอำนาจ เหมือนกับเมื่อก่อนที่ผมขึ้นเวทีมาได้มีหลายคนพูดถึงอุดมการณ์ที่เราทำงานกับกลุ่มสตรี กับภาคประชาชน และอุดมการณ์ที่สืบทอด สืบสานมาในเรื่องของความซื่อสัตย์ สุจริต

พี่น้องคนไทย ต้องมีความหนักแน่น มีความอดทน การต่อสู้ของประชาธิปัตย์เป็นการต่อสู้ตามวิถีทางที่ถูกต้อง ตามระบบ ตามกฎหมาย เราไม่มีทางลัดครับ เราจะไม่ทำเหมือนกับที่ฝ่ายอื่นๆ เขาทำ เราไม่สร้างความวุ่นวาย เราไม่สร้างความเสียหาย เราไม่เผาบ้านเผาเมือง แต่เราจะสู้บนวิถีทาง คุณจะเอาเปรียบเราอย่างไร เราก็สู้ตามกติกา ตามวิถีทางเพราะเรามั่นใจว่า ที่สุดอุดมการณ์ไม่มีวันตาย อุดมการณ์จะชนะทุกสิ่ง”


กำลังโหลดความคิดเห็น