“ปานเทพ” ย้ำพันธมิตรฯ จะเคลื่อนไหวก็ต่อเมื่อเล็งเห็นผลแล้วว่าคุ้มค่าและชนะแน่ ชี้หากสถานการณ์ไม่สุกงอมพอ มวลชนจะน้อย ส่งผลต่อการแสดงพลังในอนาคต อีกทั้งคดีชุมนุมสนามบินทำให้แกนนำฯ ถูกจำกัดบทบาทจากคำสั่งศาล แต่เชื่อพี่น้องผู้รักชาติพร้อมร่วมชุมนุมกับกลุ่มอื่น เตือนรัฐอย่าประเมินประชาชนต่ำไป พร้อมเผยเตรียมประชุมแถลงท่าที 4 เม.ย.นี้
วันที่ 1 เม.ย. นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวในรายการ “คนเคาะข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV ถึงการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ ต่อการแก้รัฐธรรมนูญมาตรา 68 ว่า เราจะไม่เคลื่อนไหวอะไรที่คลุมเครือ เราจะเคลื่อนก็ต่อเมื่อเห็นแล้วว่าจะได้ผลคุ้มค่าและสถานการณ์ชัดเจน ถ้าเคลื่อนในขณะที่สถานการณ์ไม่สุกงอมเพียงพอ กำลังจะน้อย ทำให้เคลื่อนบ่อยๆ ไม่ได้ในอนาคต แล้วรัฐจะย่ามใจมากขึ้นเพราะเห็นว่าประชาชนไม่มีกำลังแล้ว ความชัดเจนเท่านั้นที่ทำให้เกิดสถานการณ์สุกงอมเพียงพอ และเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ ความสำคัญถัดมาคือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ พันธมิตรฯวางหลักเกณฑ์ในการเคลื่อนไหวไว้ 3 ข้อ 1. ล้างผิดให้ พ.ต.ท.ทักษิณ 2. กระทบโครงสร้างสถาบันฯ 3. ประชาชนทั้งประเทศทนไม่ไหวต้องการความเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม
แต่ตนเห็นว่าการแก้มาตรา 68 เที่ยวนี้เป็นการวางบันไดทีละขั้นเพื่อนำไปสู่การฉีกรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ เพราะร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับปัจจุบันคาอยู่ในวาระแล้ว แต่เสี่ยงขัดมาตรา 68 ก็เลยจะแก้มาตรา 68 ก่อนเลย แล้วจากนั้นค่อยเดินหน้าแก้ทั้งฉบับตามที่ตัวเองต้องการ
นายปานเทพกล่าวต่อว่า สถานการณ์วันนี้การเคลื่อนของพันธมิตรฯเราย้ำอยู่เสมอว่าเคลื่อนแล้วต้องได้รับผลคุ้มค่าและได้รับชัยชนะ ถ้ารู้ว่าไม่ชนะอย่าเคลื่อน 2 เงื่อนไขนี้จำเป็น เพราะแกนนำพันธมิตรฯและแนวร่วม 100 กว่าคน กำลังจะถูกตั้งเงื่อนไขจากศาลอาญาทั้งหมด ซึ่งเราต้องยึดหลักนิติรัฐ แต่ถึงอย่างนั้นทุกอย่างคงไม่ง่ายอย่างที่เพื่อไทยคิด ความเป็นพันธมิตรฯ ไม่ใช่มีเฉพาะแกนนำ มีการชุมนุมที่ไหนแม้ไม่มีแกนนำ มวลชนพันธมิตรฯ ก็ไปร่วม แล้วเวลาไม่มีแกนนำ สถานการณ์อาจทำให้รัฐบาลสั่นคลอนยิ่งกว่าก็ได้ เพราะเวลามีแกนนำความคิดเป็นเอกภาพ คำนวณทุกก้าวย่างได้ แต่เวลาไม่มีแกนนำแต่ละคนเคลื่อนไหวได้หลากหลาย ซึ่งมันน่ากลัวมากกว่า ถ้ารัฐบาลเขลาเบาปัญญาประเมินประชาชนต่ำไป จะเจอความเสี่ยงอย่างที่ไม่คาดคิด
ทั้งนี้ พันธมิตรฯ จะมีการประชุมในวันพฤหัสบดี ที่ 4 เม.ย. แล้วจะแถลงท่าทีในเวลาประมาณ 11.00-11.30 น. ผลจะออกมาเป็นอย่างไรต้องรอดู
