xs
xsm
sm
md
lg

ซักฟอกกู้ 2 ล้านล้าน “รังสิมา-ปรีชา” ฟัดเดือด-ท้าลาออก “ปู่ชัย” ร้องรัฐทำประชามติ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

น.ส.รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์ (ภาพจากแฟ้ม)
ประชุมสภาถกเงินกู้ 2 ล้านล้านเดือด ก่อนลงมติรับหลักการ “โสภณ” ชี้ไม่ใช่ว่าพัฒนารถไฟความเร็วสูง ประชาชนได้อยู่ดีกินดี เสนอระบบการบริหารจัดการน้ำยั่งยืน “รังสิมา” โวยตายกี่ชาติก็ใช้ไม่หมด เปิดคลิปโครงการฟื้นฟูแหล่งน้ำร้อยเอ็ด “ปรีชา” ร้อนตัวท้าพร้อมลาออกหากพบทุจริต “ชัย” ยกข้อกฎหมายขัด รธน.ม.169 ร้องประชามติถามประชาชนก่อน


วันนี้ (29 มี.ค.) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท นายโสภณ ซารัมย์ ส.ส.บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย อดีต รมว.คมนาคม อภิปรายว่า การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสาธารณะของประเทศเป็นเรื่องที่ดีแต่รัฐบาลต้องมีจุดยืนที่ชัดเจน รัฐบาลต้องแบกรับภาระของคนจน แต่ไม่ต้องแบกรับภาระแทนคนรวย ทั้งนี้รัฐบาลที่ผ่านมาก็มีความคิดที่จะลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเหมือนกับรัฐบาลชุดนี้ แต่ในเวลานั้นเศรษฐกิจมีปัญหาจนไม่สามารถจัดสรรงบประมาณสำหรับการลงทุนได้มากนักจึงต้องเอางบประมาณไปใช้ในส่วนอื่นแทน ซึ่งการกู้เงินเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเป็นสิ่งดีแต่การลงทุนนั้นไม่ได้เป็นหลักประกันว่าประชาชนจะได้รับการกินดีอยู่ดี เพราะปัจจัยพื้นฐานของประชาชนยังขาดการพัฒนาทั้งระบบ ดังนั้นถ้าจะพัฒนาประเทศก็ควรทำให้ครบถ้วนไม่ใช่พัฒนาเพียงด้านเดียว

ทั้งนี้ ปัจจัยพื้นฐานที่รัฐบาลควรเร่งพัฒนา คือ ระบบการบริหารจัดการน้ำ แม้ว่ารัฐบาลจะมีเงินกู้ 3.5 แสนล้านบาท ตาม พ.ร.ก.แต่งบประมาณดังกล่าวรัฐบาลนำไปใช้เฉพาะการป้องกันปัญหาน้ำท่วมมากกว่าการสร้างระบบชลประทานให้เกษตรมีน้ำเพื่อประกอบการเกษตรอย่างยั่งยืน ซึ่งเวลานี้ภาคอีสานเกิดปัญหาภัยแล้งอย่างหนักแต่รัฐบาลไม่ได้เข้าไปแก้ไข จึงอยากฝากว่าต่อไปอาจจะเกิดสงครามแย้งน้ำได้ ที่สำคัญโครงสร้างพื้นฐานที่รัฐบาลบอกว่าจะดำเนินการก็เป็นการสร้างระบบขนส่งที่เชื่อมเมืองกับเมืองโดยไม่ได้เชื่อมโยงชนบทกับชนบท เพราะหัวใจของการขนส่งในชนบทระหว่างชนบทอยู่ที่ถนนไม่ใช่รถไฟความเร็วสูง

ต่อมาเวลา 16.00 น. น.ส.รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกับร่าง พ.ร.บ.กู้เงินฯ เพราะคนไทยเป็นหนี้ 5 ล้านล้านบาท ตายไปกี่ชาติก็ใช้ไม่หมด จ.สมุทรสงคราม เล็กที่สุดในประเทศ เอาแบงก์พันมาปูทั้งจังหวัด กองท่วมหัว ส.ส.ทั้งจังหวัดดิฉันก็ยังไม่มิด ดิฉันเห็นด้วยกับนโยบายที่จะพัฒนา แต่ไม่เห็นด้วยกับนโยบายที่จะกู้แล้วส่อว่าจะโกง แค่เฉพาะค่าจ้างที่ปรึกษาทุกโครงการประมาณ 6 หมื่นล้านบาท จ้างใครมาปรึกษานักหนา แค่โครงการรถไฟไปเชียงใหม่ ค่าจ้างที่ปรึกษาถึง 7 พันล้านบาท ขณะนี้งบยังไม่ผ่านสภา แต่ รฟม.เตรียมดูงานที่สแกนดิเนเวียนั้น อยากรู้ว่างบส่วนนี้รวมใน 2 ล้านล้านบาทหรือไม่

จากนั้น น.ส.รังสิมา ได้เปิดคลิปโครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.ร้อยเอ็ด เบิกงบประมาณไป 48 ล้านบาท แต่โครงการยังไม่เดินหน้า ทำให้ ส.ส.พรรคเพื่อไทย อาทิ นางเปล่งมณี เร่งสมบูรณ์สุข ส.ส.เลย นางชมภู จันทราทอง ส.ส.หนองคาย นายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลุกขึ้นประท้วง เพราะไม่เกี่ยวข้องกับร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท กระทั่งนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ทำหน้าที่ประธานการประชุม วินิจฉัยขอให้ตั้งกระทู้ถามหรืออภิปรายไม่ไว้วางใจแทน และไม่อนุญาตให้ น.ส.รังสิมา พูดต่อ ขณะที่ น.ส.รังสิมา ชี้แจงว่าต้องการโยงให้เห็นว่าโครงการดังกล่าวเป็นการกู้ในงบประมาณ 1.2 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นเงินกู้เหมือนกัน ซึ่งงบประมาณ 2 ล้านล้านบาทจะกินกันขนาดไหน

จากนั้น นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ลุกขึ้นชี้แจงว่า อย่าพูดมั่วๆ เสียใจที่ชาวสมุทรสงครามเลือกมา โครงการนี้เป็นงบผูกพันปี 55-57 ไม่ใช่งบจากเงินกู้ อย่าสักแต่พูดเอามัน เอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น อย่าเป็นมือปืนรับจ้าง อย่าพูดลอยๆ มาเดิมพันกันหรือไม่ หากคุณพูดผิดจะต้องลาออกจากตำแหน่ง ส.ส.หรือไม่ หากตนพูดไม่จริงจะลาออกจากการเป็นรัฐมนตรี

ขณะที่ น.ส.รังสิมา โต้ว่า ไม่ได้พูดปากเปล่า มีหลักฐาน ไม่ได้โกหก ใส่ร้าย แต่ทำหน้าที่เป็นผู้แทนรักษาผลประโยชน์ประเทศชาติ ไม่ได้รักษาผลประโยชน์ให้คนหนึ่งคนใดหรือตระกูลหนึ่งตระกูลใด ไม่ได้เอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น ดิฉันยินดีที่จะลาออก ถ้าไม่ดีจริงเขาไม่เลือกดิฉันมา 4 สมัย

จากนั้นในช่วงเย็น ต่อมา นายจุติ ไกรฤกษ์ ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่า ไม่อยากให้นำกรณีประเทศสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น หรือ ยุโรปที่มีหนี้สาธารณะต่อจีดีพีสูงมากกว่า 100% มาอ้างว่าประเทศไทยก็สามารถกู้ได้เพราะมีหนี้สาธารณะต่อจีดีพีไม่ถึง 50% แต่อย่าลืมว่าทั้งสองประเทศมีอัตรการการออมต่อรายได้ประชาชาติสูงมาก โดยเฉพาะญี่ปุ่นมีอัตราการออมถึง50% ขณะที่ไทยมีการออมเพียง 8% เท่านั้น จึงเอามาเปรียบเทียบกันไม่ได้

นายจุติ กล่าวว่า ไม่มีความไว้วางใจกระทรวงการคลังว่าจะบริหารหนี้สาธารณะให้ไม่เกิน 50% หลังจากกู้เงินได้ เพราะรัฐมนตรีเคยพูดโกหกสีขาวเรื่องตัวเลขการส่งออกมาแล้ว นอกจากนี้สิ่งที่น่ากลัวที่สุด คือ ค่าก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง เนื่องจากเกรงว่าจะมีการเสนอตัวเลขค่าก่อสร้างเกินจริง ซึ่งในเอกสารของกระทรวงการคลังที่เสนอสภา ระบุว่า เส้นทาง กทม.-หนองคาย 620 ล้านบาทต่อกิโลเมตร, กทม.-หัวหิน 600 ล้านบาทต่อกิโลเมตร, กทม.-เชียงใหม่ 550 ล้านบาทต่อกิโลเมตร แต่ค่าก่อสร้างในประเทศอย่างสเปน เส้นทาง กรุงมาดริด-อาบาเซเต้ 380 ล้านบาทต่อกิโลเมตร

“ค่าแรงประเทศไทยวันละ 300 บาท แต่ค่าแรงในยุโรปวันละ 3,500 บาท น้ำดื่มในไทยขวดละ 7 บาท ต่างประเทศขวดละ 35 บาท กาแฟในไทยแก้วละ 10 บาท ยุโรปแก้วละ 60 บาท โดยกำลังจะมาบอกว่าไทยมีค่าแรงถูกกว่ายุโรป แต่ค่าก่อสร้างของเราแพงกว่ายุโรปถึงสองเท่าตัว นี่คือเหตุผลที่บอกว่ากลัวจะกู้มาโกง โป่งตัวเลขค่าก่อสร้าง” นายจุติ กล่าว

นอกจากนี้ ยังมีความน่ากลัวที่ค่าใช้จ่ายของที่ปรึกษาโครงการ เพราะในสหรัฐฯที่มีมูลค่าโครงการ 2 แสนล้านบาท ค่าที่ปรึกษา 120 ล้านบาท ถ้าเทียบของไทยในเส้นทาง กทม.-เชียงใหม่กลับมีค่าที่ปรึกษาสูงถึง 7 พันล้านบาท ขณะเดียวกัน ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะสามารถจ้างงานได้ 5 แสนอัตราเพราะเวลานี้โครงการก่อสร้างปกติ เช่น คอนโด ปรากฎว่ายังไม่สามารถหาแรงงานมาก่อสร้างได้ให้ทันกับส่งมอบโครงการ

ส่วน นายชัย ชิดชอบ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย อภิปรายว่า การกู้เงินของรัฐบาลครั้งถือว่ามีจำนวนสูงที่สุดเท่าที่เคยพบมา นอกเหนือจากการกู้ ไอเอ็มเอฟ และการกู้เงิน 8 แสนล้านบาท จนทำให้ประเทศต้องเป็นหนี้ถึง 50 ปี ซึ่งเป็นภาระให้กับประชาชน และใน 50 ปีนี้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยรวมกันแล้วประเทศจะต้องแบกภาระถึงหนี้ถึง 5 ล้านล้านบาท

นอกจากนี้มีประชากรในประเทศไทย 64 ล้านคน จะต้องเป็นหนี้กว่า 1 แสนบาทต่อคน จึงมีความกังวลว่าร่าง พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวโดยเฉพาะในหมวดที่ 1 ระบุถึงการกู้เงินและการบริการจัดการเงินกู้และวิธีการกู้เงินในแต่ละปีให้เป็นไปตามที่ ครม.อนุมัติ เห็นว่าการดำเนินการเช่นนี้จะขัดกับมาตรา 6 ประกอบกับมาตรา 4 ของร่าง พ.ร.บ.บริหารหนี้สาธารณะ ฉบับที่ พ.ศ. ...

นายชัย กล่าวต่อไปว่า ร่าง พ.ร.บ.กู้เงินฯอาจจะขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 169 ที่ระบุว่า การจ่ายเงินแผ่นดินจะสามารถกระทำได้ก็เฉพาะที่อนุญาตไว้ในกฎหมายว่าด้วยงบประมาณรายจ่าย กฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ กฎหมายเกี่ยวด้วยการเงิน กฎหมายเกี่ยวด้วยงบประมาณ หรือกฎหมายว่าด้วยเงินคงคลัง เว้นแต่ในกรณีจำเป็นเร่งด่วนรัฐบาลจะจ่ายไปก่อนก็ได้แต่ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการตามที่กฎหมายบัญญัติ

“เห็นได้ชัดว่ากรณีนี้กฎหมายรัฐธรรมนูญไม่ได้ให้อำนาจไปออกกฎหมายกู้เงิน อย่างไรก็ตาม ขอเสนอแนะว่ารัฐบาลควรจะมีการกู้เงิน 2 ครั้ง เช่นเดียวกับรัฐบาลชุดที่แล้วเคยทำมา และ พ.ร.บ.ดังกล่าวยังไม่ประกาศใช้ตามกฎหมายจึงอยากให้รัฐบาลทำประชามติสอบถามความเห็นประชาชนเสียก่อน” นายชัย กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น