ส.ส.กทม.ปชป.ยันพรรคหนุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน แต่ไม่หนุนกู้ 2 ล้านล้าน เชื่อหนี้สาธารณะพุ่ง ชี้มีทางอื่นแทนที่จะกู้ดอกเบี้ยสูง แนะกำหนดแผนคืนเงินต้นในการใช้หนี้ ควรลงสัตยาบันไม่กู้เพิ่ม พร้อมบัญญัติหลักเกณฑ์จัดซื้อจัดจ้างใน พ.ร.บ. กันทุจริต
วันนี้ (28 มี.ค.) นายสรรเสริญ สมะลาภา ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายถึงการออกร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ 2 ล้านล้านบาท โดยยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์เห็นด้วยต่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน แต่ไม่เห็นด้วยต่อวิธีการงบประมาณของรัฐบาลโดยการกู้เงินเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งตนได้ประเมินว่าการกู้ครั้งนี้จะทำให้หนี้สาธารณะอยู่ที่ 60% ของจีดีพี อย่างแน่นอน ขณะที่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง คาดการณ์ไว้ถึง 70% ของจีดีพี รัฐจึงควรระบุแหล่งเงินทุนเพื่อให้ชัดเจนเพื่อสร้างความมั่นใจให้ประชาชนและภาคเอกชน ซึ่งตนมองว่าโครงการต่างๆ มีช่องทางในการลงทุนทั้งระบบงบประมาณรายจ่ายปกติ และการเปิดโอกาสให้มีการลงทุนร่วมกับต่างประเทศได้โดยไม่จำเป็นต้องออกกฎหมายกู้เงินและรับภาระดอกเบี้ยที่สูงถึง 80,000 ล้านบาทต่อปี หากรวมกับเงินต้นที่ทำการกู้ จะมีหนี้ที่ต้องใช้คืนถึง 5.16 ล้านล้านบาท
โดยมีข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลใน 3 ประเด็น คือ 1. เรื่องการชำระหนี้ระยะแรกที่ไม่ได้กำหนดแผนการคืนเงินต้น ซึ่งไม่ได้กำหนดไว้ในเอกสาร จึงควรมีการกำหนดไว้ด้วย 2. รัฐบาลควรให้สัตยาบรรณว่าจะไม่มีการกู้เพื่อสร้างหนี้เพิ่มอีก หลังจากสิ้นสุดกำหนดตาม พ.ร.บ. เนื่องจากการกู้ครั้งนี้มีมูลค่าสูง 3. เรียกร้องให้มีการบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดซื้อจัดจ้างตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ไว้ในร่าง พ.ร.บ. เพื่อป้องกันการทุจริต และต้องไม่เป็นไปตามอำนาจของคณะรัฐมนตรีในการจัดซื้อจัดจ้าง
ด้านนายศุภชัย ศรีหล้า ส.ส.อุบลราชธานี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า นายกฯ ได้สร้างหนี้ให้ประเทศ ลดรายได้ให้แก่ประชาชน และที่สำคัญร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวจำนวน 19 มาตรา ไม่ได้บอกถึงแหล่งกำเนิดรายได้ในการใช้หนี้ และในสมัยปี 47 พ.ต.ท.ทักษิณก็เคยทำโครงการแอร์พอร์ตลิงก์ ปรากฏว่าวันนี้มีประชาชนใช้บริการวันละไม่ถึงพันคน
ทั้งนี้ ระหว่างการอภิปรายนายศุภชัยได้นำแผ่นผ้าหาเสียงของพรรคเพื่อไทยที่ระบุว่า “ล้างหนี้ให้ประเทศ สร้างรายได้ให้ประชาชน” พร้อมกับบอกว่าแต่กฎหมายดังกล่าวที่เสนออยู่ในขณะนี้ส่วนทางกับนโยบายหาเสียง และเรียกร้องให้รัฐบาลถอนร่างออกไป
ทางด้านนายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ได้ลุกขึ้นประท้วงทันทีว่า ป้ายดังกล่าวเป็นทรัพย์สินของพรรคเพื่อไทยและไปเอามาได้อย่างไร ครั้งที่แล้วก็เอาข้าวแล้วครั้งหนึ่ง พอสิ้นเสียงของนายสุนัยก็เรียกเสียงหัวเราะได้จากที่ประชุมพอสมควร