xs
xsm
sm
md
lg

ผบ.ทบ.กับการปกป้องสถาบัน สงครามน้ำลายไม่อาจชนะสงครามความคิดได้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.
ท่าทีขึงขังจริงจังของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ที่ออกมาตอบโต้รายการตอบโจทย์ประเทศไทย ของสถานีไทยพีบีเอส กรณีชงลูกให้นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล และนายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ “ ยำใหญ่” สถาบันพระมหากษัตริย์กันอย่างสนุกปาก เป็นท่าทีที่คนไทยได้เห็นมาแล้วหลายครั้ง นับตั้งแต่พลเอกประยุทธ์ขึ้นดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก

ทุกครั้งที่ถูกสื่อมวลชนถามความเห็นเกี่ยวกับพฤติกรรมมุ่งร้ายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ พลเอกประยุทธ์ก็จะตอบด้วยท่วงทำนองแบบเดียวกันนี้ คำพูดที่ว่าใครอึดอัด อยู่ไม่ได้ ไม่อยากอยู่ ก็ให้ไปอยู่ที่อื่น คนไทยได้ยินมาหลายครั้งแล้ว จนเป็นเรื่องธรรมดาไป

คงไม่มีใครสงสัยในเรื่องความจงรักภักดี พร้อมจะสละชีวิตเพื่อพิทักษ์ราชบัลลังก์ ของ ผบ.ทบ. แต่หลายคนมีคำถามว่า ผู้บัญชาการทหารบกได้แต่พูดเท่านั้นหรือ ทำอะไรอย่างอื่นมากกว่านี้ได้ไหม

ทำอะไรอย่างอื่นที่ว่านี้ ไม่ได้หมายถึงการให้บรรดาแม่ทัพนายกองเกณฑ์ไพร่พลไปตบเท้าข่มขู่สำแดงกำลัง เหมือนที่เคยทำกับ นสพ. เอเอสทีวีผู้จัดการ เพราะนั่นเป็นวิธีการใช้กำลังคุกคามที่ป่าเถื่อนและไม่มีใครกลัวแล้ว

ทำอะไรอย่างอื่นที่ว่านี้ หมายถึงการตอบโต้ในเชิงความคิดข้อเท็จจริงกับขบวนการล้มเจ้าที่แฝงตัวมาในรูปแบบต่างๆ แบบเป็นฝ่ายรุกมากขึ้น แทนที่จะเอาแต่ตั้งรับ เอาแต่ตอบโต้ด้วยคำพูดไล่ให้ไปอยุ่ต่างประเทศ แบบที่ผ่านๆ มา

การต่อสู้เพื่อล้มสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นสงครามทางความคิดที่ฝ่ายขบวนการล้มเจ้าอ้างอุดมการณ์ประชาธิปไตยแบบปลอมๆ สิทธิเสรีภาพ ในการแสดงความคิดเห็น เสรีภาพทางวิชาการ เป็นข้ออ้างบังหน้า เพื่อจะเปลี่ยนแปลงสถานะบทบาทของสถาบันพระมหากษัตริย์ จากที่เป็นที่เทอดทูน สักการะ ให้กลายเป็นสถาบันหนึ่งในทางการเมืองเท่านั้น ที่ใครจะล่วงละเมิดวิพากษ์วิจารณ์อย่างไรก็ได้ เพื่อที่ว่าสุดท้ายสถาบันนี้จะหมดสภาพไปโดยปริยาย

สงครามทางความคิดนี้ ใช้การโฆษณาชวนเชื่อเป็นอาวุธ ใช้ช่องทางการสื่อสาร ในรูปแบบต่างๆ เป็นเครื่องมือ ซึ่งในยุคนี้ทำได้ง่ายมาก เพียงแต่มีคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งก็เข้าสู่สนามรบได้แล้ว


รายการตอบโจทย์ ตอนยำใหญ่สถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งผู้อำนวยการสถานีไทยพีบีเอส นายสมชัย สุวรรณบรรณ เห็นว่าเป็นการนำเรื่องที่คุยกันในมุมมืดออกมาพูดกันในที่สว่าง นับเป็นก้าวสำคัญของขบวนการล้มเจ้าที่พยายามจะทำให้เรื่อง สถาบันพระมหากษัตริย์กลายเป็นประเด็นสาธารณะ ซึ่งต้องยอมรับว่าทำได้ผล แม้ไม่อาจจะเรียกได้ว่าสำเร็จแล้ว เพราะมีกระแสต่อต้านที่รุนแรงมาก

กองทัพไทยที่มีหน้าที่พิทักษ์ราชบัลลังก์ โดยเฉพาะกองทัพบกทำแบบไทยพีบีเอสที่ยอมเป็นเวทีให้นายสมศักดิ์กับนายสุลักษณ์ยำใหญ่สถาบันพระมหากษัตริย์ ได้ไม่ยาก ถ้าคิดเป็นและตั้งใจที่จะทำ

กองทัพบกมีสถานีโทรทัศน์ข่อง 5 มีสถานีไทยโกลบอลเน็ตเวิร์ค ที่ออกอากาศไปได้ทั่วโลก มีสถานีวิทยุในกรุงเทพฯ และเครือข่ายทั่วประเทศหลายร้อย และอาจจะเป็นพันๆ สถานี แต่ช่องทางการสื่อสารเหล่านี้ที่เข้าถึงประชาชนอย่างกว้างขวางทุกวันทุกเวลาและทุกครัวเรือน กองทัพบกขายให้กับกลุ่มทุนเอาไปทำมาหากินหมดแล้ว แลกกับผลประโยชน์ในการเลี้ยงดูแม่ทัพนายกอง ทั้งที่ยังรับราชการอยู่ และที่เกษียณไปแล้ว

กองทัพบกมีเครือข่ายการสื่อสารที่ใหญ่โต มีประสิทธิภาพเหนือกว่า ขบวนการล้มเจ้าอย่างเทียบกันไม่ติด แต่ไม่สามารถใช้เครือข่ายเหล่านี้ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ได้ เพราะถูกนำไปใช้หาเงิน


การต่อสู้ในสงครามความคิดกับขบวนการล้มเจ้าจะอาศัยเพียงแค่สารคดีเฉลิมพระเกียรติ สดุดีพระเกียรติคุณ พรรณาถึงความสำคัญของสถาบันพระมหากษัตริย์นั้น ไม่เพียงพอ ขบวนการล้มเจ้านั้นช่ำชองในการหยิบเอาแง่มุม เหรียญด้านที่ตัวเองได้ประโยชน์มาพูด และตอกย้ำผ่านสื่อบ่อยๆ จนกลายเป็นความเชื่อที่ผิด เช่น สถาบันพระมหากษตริย์ไม่เป็นประชาธิปไตย สถาบันพระมหากษัตริย์ถ่วงความเจริญ มาตรา 112 ไม่เป็นประชาธิปไตย ประเทศที่เป็นประชาธิปไตยแล้ว ไม่มีกฎหมายเช่นนี้ ฯลฯ

การต่อสู้ในสงครามความคิดกับขบวนการล้มเจ้าจะต้องตอบโต้ทำลายวาทกรรมจอมปลอมและมายาคติเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์เหล่านี้ด้วยข้อเท็จจริง และหลักการที่นักวิชาการแห่งขบวนการล้มเจ้าปกปิดไม่กล้าพูดถึง

คำพูดของพลตำรวจเอกวสิษฐ เดชกุญชร ในรายการตอบโจทย์ ที่ออกอากาศหนึ่งคืนก่อนหน้าที่จะถึงวาระยำใหญ่ฯ เป็นตัวอย่างที่ดีของการต่อสู้ด้วยการตอบโต้ข้อสงสัยและข้อมูลที่บิดเบือน พลตำรวจเอกวสิษฐทำให้ผู้ชมเข้าใจได้ว่า ความพยายามในการออกกฎหมายนิรโทษกรรมเป็นเรื่องทะเลาะกันทางการเมือง ไม่เกี่ยวอะไรกับ สถาบันพระมหากษัตริย์ และมาตรา 112 สถาบันพระมหากษัตริย์ไม่ได้ถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง แต่ถูกย่ำยี ในหลวงไม่ได้เป็นเครื่องมือของสหรัฐฯ ในการต่อต้านคอมมิวนิสต์ แต่พระองค์ทรงเป็นจอมทัพไทยมีหน้าที่ให้กำลังใจกับทหารของพระองค์ อเมริกาไม่ต้องใช้ พระองค์ก็เสด็จฯ ไปเยี่ยมทหารและประชาชนในพื้นที่สีแดงอยู่แล้ว ฯลฯ

การต่อสู้ด้วยความคิดและข้อเท็จจริงเช่นนี้แหละที่จะปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์จากขบวนการล้มเจ้าที่อ้างอิงหลักการทฤษฎีที่เป็นประโยชน์กับตัวเอง ซึ่งการต่อสู้เช่นนี้มีแต่สถานีโทรทัศน์ สถานีวิทยุ เว็บไซต์ เพียงอย่างเดียวไม่ได้ ต้องมีผู้ที่มีสติปัญญาที่จะผลิตเนื้อหาซึ่งจะทำให้ประชาชนรับรู้และเข้าใจว่าเรื่องราวของสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยถูกใส่ร้ายบิดเบือนไปมากเพียงไหน

กองทัพบกเองก็มีทรัพยกรบุคคลที่มีสติปัญญาที่จะทำเช่นนี้ได้ นอกกองทัพเอง ก็มีคนอย่างพลตำรวจเอกวสิษฐที่พร้อมจะเข้าร่วมในสงครามความคิดนี้ในทุกสาขาอาชีพ ขอเพียงแต่ผู้บัญชาการทหารบกเปิดเวทีให้พวกเขาเหล่านี้ อย่าเอาสถานีโทรทัศน์ช่อง 5 สถานีวิทยุในสังกัดกองทัพบกไปขายให้กับค่ายเพลง เกมโชว์ ละครน้ำเน่า อาหารเสริมฯ อย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้

แต่ผู้บัญชาการทหารบกที่จะทำเช่นนี้ได้ต้องกล้าหาญ กล้าที่จะไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนและแม่ทัพนายกอง กล้าที่จะเผชิญกับแรงกดดันจากฝ่ายการเมือง

แต่หากไม่ทำเช่นที่ว่ามานี้ คือทำสงครามทางความคิดเพื่อปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์โดยใช้เครือข่ายช่องทางการสื่อสารของกองทัพเป็นเครื่องมือ เราคงได้เห็น พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ไล่คนที่ไม่เห็นด้วยกับการมีมาตรา 112 คนที่ต้องการลดบทบาทหรือล้มเลิกสถาบันพระมหากษัตริย์ ให้ไปอยุ่ต่างประเทศ อีกต่อไปจนกว่าพลเอก ประยุทธ์ จะพ้นตำแหน่ง ผบ.ทบ.


กำลังโหลดความคิดเห็น